แต่เขาไม่รู้จักเหล่าลูกน้องของหยุนเจิง ควรส่งใครไป มีเพียงหยุนเจิงที่รู้“คนข้าเตรียมไว้แล้ว!”หยุนเจิงกล่าว เรียกสองคนที่ข้าจัดเตรียมไว้มาเมื่อเห็นสองคนนี้ เซียวว่านโฉวรู้ได้เลยว่าแผนการครั้งนี้สำเร็จไปครึ่งนึงแล้วสองคนนี้สวมเสื้อผ้าของทหารชาวเป่ยหวน มองไปแล้วเหมือนชาวเป่ยหวนไม่มีผิดเพี้ยน“พวกเขาสองคนนี้เลย!”เซียวว่านโฉวมองสองคนนี้ด้วยความพอใจ จากนั้นก็เริ่มกำชับเรื่องที่ต้องระวังให้กับทั้งสองคน หลังกำชับเสร็จจึงกล่าวว่า “หากพวกเจ้ามีชีวิตกลับมา ข้าต้องขอรางวัลต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทแทนพวกเจ้า! หากพวกเจ้าตาย ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือองค์ชาย จะดูแลครอบครัวพวกเขาให้อยู่สุขสบายไร้กังวล!”“ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณอวี๋กั๋วกง!”ทั้งสองก้มโค้งกล่าวขอบคุณ“ไม่ ควรเป็นพวกข้าขอบคุณพวกเจ้าสองคน!”เซียวว่านโฉวส่ายหน้าเบาๆ ไม่สนใจฐานะของตนเอง คาราวะให้ทั้งสองคนอย่างจริงใจหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็พากันคาราวะทั้งสองคน“ไม่ได้ ไม่ได้...”ทั้งสองคนหวาดหวั่นยำเกรง รีบโบกมือทว่า พวกหยุนเจิงยังคงคาราวะทั้งสองคนด้วยความจริงใจสองคนนี้ไปครั้งนี้ อาจไม่ได้กลับมาทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นชายชาตร
สามวันผ่านไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวกองทัพใหญ่แปดหมื่นของเป่ยหวนมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้วด้านหลังของพวกเขา ยังมีกองทัพเจ็ดหมื่นคนทว่า ด้วยคำสั่งที่เคร่งคัดของเว่ยเหวินจง กองทัพเจ็ดหมื่นไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มจู่โจม เพียงต้องรักษาระยะห่างสี่สิบลี้จากพวกเขา ทันทีที่พวกเขาบุกโจมตีซั่วฟาง กองทัพใหญ่เจ็ดหมื่นก็เข้ามาร่วมโจมตีด้วยแต่เว่ยเหวินจงจัดเตรียมเช่นนี้ กลับทำให้คนมากมายไม่พอใจฉินชีหู่ที่หลุดพ้นจากเมืองสุยหนิงนั้นโวยวายรุนแรงที่สุดฉินชีหู่มาหาเว่ยเหวินจงเพื่อขอทำสงครามอีกครั้งก่อนหน้านี้ เขาไปหาเว่ยเหวินจงสองครั้งเพื่อขอทำสงครามทว่า เว่ยเหวินจงยังคงสั่งอย่างแด็ดขาดห้ามฉินชีหู่เป็นฝ่ายบุกเหตุผลของเว่ยเหวินจงครบถ้วนสมบูรณ์ตอนนี้ การติดต่อของพวกเขากับซั่วฟางตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิงพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของซั่วฟางเป็นเช่นไรสิ่งที่เว่ยเหวินจงกลัวที่สุดคือซั่วฟางถูกยึดไปแล้ว ทันทีที่กองทัพพวกเขากดดัน กองทัพเป่ยหวนก็จะหันกลับมาโจมตีพวกเขาจำนวนคนกองทัพเป่ยหวนไม่น้อยไปกว่าของพวกเขาหากต่อสู้กันในป่า เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะถูกกองทัพเป่ยหวนจัดการถึงเวลานั้น กองทัพเป่ยหวนโจม
ต่อให้เขาคิดอยากจะฆ่าหยุนเจิง เขาก็ไม่กล้าทำร้ายเซียวว่านโฉว!แม้กระทั่งกองทัพเป่ยหวนอาจส่งกำลังเสริมทางหุบผาชันช่องลมแล้ว!ตรงหน้าพวกเขา เป็นไปได้มากว่าไม่ใช่แค่กองทัพใหญ่เป่ยหวนตรงหน้า ต่อให้ชนะเป่ยหวน พวกเขาก็ยังสามารถล่าถอยผ่านหุบผาชันช่องลมได้ตลอดเวลากองทัพเจ็ดหมื่นของพวกเขาถูกกำจัด ทั้งซั่วฟางก็ต้องตกอยู่ในมือของเป่ยหวนแล้ว!ถึงเวลานั้น พวกเขาจะอธิบายกับจักรพรรดิเหวินเช่นไร? “เจ้ามีสิทธิ์ใดมั่นใจว่าพวกเราจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย?”ฉินชีหู่คำราม “ยังไม่สู้ เจ้าก็มีรบกวนขวัญกำลังใจทหารอยู่ที่นี่! หากไม่เห็นว่าเจ้าเป็นผู้บัญชาการกองทหารมณฑลทางเหนือ ข้าจะประหารสารเลวอย่างเจ้าก่อนเลย!” “เจ้า...”เว่ยเหวินจงโมโหเพราะฉินชีหู่ แทยจะสั่งให้คนจัดการฉินชีหู่ทิ้งแต่ว่า ในที่สุดเว่ยเหวินจงก็ไม่ทำสิ่งใดตอนนี้มีเรื่องราวมากมาย หากเขาจัดการฉินชีหู่จริง ดีไม่ดีอาจทำให้เกิดการกบฏ!หลังจากระงับอารมณ์โกรธ เว่ยเหวินจงกัดฟัน “ข้าได้สั่งให้แนวหน้าของหม่าอี้และสู้ฉวีไปตรวจสอบสถานการณ์ซั่วฟางแล้ว อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็ได้ข่าวแล้ว! หากซั่วฟางไม่ถูกยึด ข้าจะจู่โจมทันที! ข้าจะอยู่ด้านหน้าส
หลังจากรวบรวมกองทัพเรียบร้อยแล้ว เจียเหยาเริ่มนำทัพไปยังหุบผาชันช่องลมสำหรับกองทัพต้าเฉียนที่อยู่ด้านหลัง เจียเหยาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยพวกเขายังมีกองทัพแปดหมื่นคน!หากทัพศัตรูด้านหลังกล้าบุกโจมตี พวกเขาก็มีกำลังพอที่จะรบการต่อสู้ภาคสนาม นักรบเป่ยหวนก็ไม่กลัวทหารต้าเฉียน!หากสามารถเอาชนะทัพศัตรูข้างหลังได้ในคราวเดียว พวกเขาก็กล้าที่จะโต้ตอบกลับไป!ต่อให้กองทัพแปดหมื่นของพวกเขาจะถูกฆ่าไม่เหลือ ขอแค่สร้างควาเสียหายให้กองทหารมณฑลทางเหนือได้ เช่นนั้นก็คุ้มค่าแล้วไม่นาน ด้านหลังส่งคนมารายงาน ทันที่พวกเขาเคลื่อนไหว กองทัพต้าเฉียนก็เคลื่อนไหวเช่นกันเพียงแต่ว่า ยังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่ได้คิดจะบุกเข้ามา“ข้ารู้อยู่แล้ว เว่ยเหวินจงไม่กล้าโจมตี!”เจียเหยาสถบออกมาอย่างดูถูก ไม่เห็นเว่ยเหวินจงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไม่มองกองทหารมณฑลทางเหนืออยู่ในสายตา คนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขามีเพียงหยุนเจิงเท่านั้น“เว่ยเหวินจริงหวาดระแวงเกินไป เป็นเช่นนี้แล้ว นึกไม่ถึงทนไม่โจมตีได้!”ปานปู้พยักหน้า “หากคนผู้นี้เป็นแม่ทัพเพื่อป้องกันเมือง คิดจะบุกคูเมืองที่เขาปกป้อง เกรงว่าคงยากมา
“อะไรนะ?”ปานปู้และเจียเหยาร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน ดวงตาสองคู่แดงกล่ำกองทัพหนึ่งหมื่นห้าพันคน!สิบส่วนเหลือไม่ถึงหนึ่งส่วน!พวกเขาบ้าไปแล้วหรือ?พวกเขาไปหุบผาชันช่องลมเพื่อสิ่งใด?คุ้มกันการส่งเสบียง?เสบียงถูกทัพศัตรูปล้นจนเกลี้ยง? เจียเหยาพลิกตัวลงจากหลังม้า จ้องทหารที่ตัวอาบเลือดด้วยสายตาอาฆาต คำรามลั่น “ใครใช้ให้พวกเจ้าส่งเสบียงไปที่หุบผาชันช่องลม?”ทหารตกใจไม่น้อย กล่าวตะกุกตะกัก “นี่...คือว่า...เป็นคำสั่งของราชครู!”“พูดไร้สาระ!”ปานปู้ตวาด “ข้าอยู่ในกองทัพตลอด ไปสั่งให้พวกเขาคุ้มกันส่งเสบียงเมื่อใด?”“เจ้าบอกความจริงมาจะดีกว่า เป็นคำสั่งผู้ใดกันแน่?”เจียเหยาคว้าตัวทหาร ท่าทางเคร่งขรึมขึงขัง “หากยังกล้ากล่าวหาราชครู ข้าจะสับร่างเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!”ทหารร้องไห้ “จริง...เป็นราชครูจริงๆ!”“บังอาจ!”ปานปู้โกรธจนตัวสั่น “ข้าอยู่ข้างกายองค์หญิงตลอดเวลา ข้าสั่งให้เจ้าไปคุ้มกันส่งเสบียง องค์หญิงหรือจะไม่รู้เรื่อง? กองทัพเรากำลังถอยทัพแล้ว ยังต้องให้พวกเจ้าส่งเสบียงหรือ?”“นี่...นี่...”ทหารในสมองเต็มไปด้วยความสับสนท ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่เจียเหยาพยายา
หนึ่งวันให้หลัง เจียเหยาและปานปู้นำกองทัพมาถึงที่หุบผาชันช่องลมเงยหน้ามอง มีศพถูกถอดชุดเกราะไปทุกหนแห่งบนร่างศพมากมายปักไปด้วยลูกธนู เหมือนกับเม่นเห็นได้ชัด หยุนเจิงกลัวกองทัพแปดหมื่นบุกมา จึงไม่มีเวลาเอาศพม้าทั้งหมดไปเห็นภายตรงหน้า เจียเหยาแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดหุบผาชันช่องลม!ทั้งหน้าทั้งหลัง พวกเขาสูญเสียกองทัพแล้วสี่หมื่นคนที่หุบผาชันช่องลม!หากบวกกับกองทัพใหญ่ที่ตายที่หุบเขามรณะสองหมื่นเจ็ดพันคนและก่อนหน้านี้หนึ่งแสนกว่าคน ทั้งหน้าและหลังของพวกเขาสูญเสียในมือหยุนเจิงไปแล้วเกือบเจ็ดหมื่นคน!กองทัพเจ็ดหมื่นคน!ผู้กล้าเป่ยหวนเจ็ดหมื่นชีวิต!เป่ยหวนต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะชดเชยกองทัพเจ็ดหมื่นคนกลับมาได้!ที่สำคัญคือ ทุกครั้งหยุนเจิงใช้วิธีลอบโจมตี!ทุกครั้งล้วนเป็นแผนกลอุบาย!กองทัพซั่วฟางของหยุนเจิง สูญเสียจากรบเกรงว่าจะไม่ถึงหนึ่งพันคนด้วยซ้ำ!ใช้ราคาพันคนมาแลกกับกองทัพเจ็ดหมื่นคนของพวกเขา!นี่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเป่ยหวน!ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหยุนเจิงจึงต้องใช้กับดักหลุมม้าเหล่านั้นแล้ว!หยุนเจิงแค่ต้องการถ่วงเวลสกองทัพของพวก
ปานปู้กัดฟัน แล้วพ่นคำออกจากร่องฟันหากไม่ดูสักหน่อย เขาจะยอมได้อย่างไร?เขาจะดูว่าหยุนเจิงดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างไร!แม้จะต้องกระอักเลือดอีกครั้ง เขาก็จะดูให้ได้!เจียเหยารู้นิสัยปานปู้ดี เขาถอนหายใจลับๆ แล้วยื่นจดหมายในมือให้กับปานปู้ช้าๆ“เอื๊อก…”ปานปู้เพียงแค่กวาดสายตามอง ก็กระอักเลือดแล้วปานปู้ไม่รู้ว่าตนกระอักเลือดเพราะหยุนเจิงกี่ครั้งกี่หนแล้วทว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดแน่นอนทันใดที่เลือดพุ่งออกไป ร่างกายที่เดิมทรุดโทรมอยู่แล้วของปานปู้ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก เขาล้มลงไปในบัดดลเจียเหยารีบวิ่งเข้าไปพยุงเขาไว้อย่างเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว“อัปยศ! อัปยศจริงๆ!”ดวงตาทั้งสองของปานปู้แดงก่ำ ร่ำไห้ทั้งน้ำตานี่คือความอัปยศที่สุดในทั้งชีวิตของเขา!“ดาบทอง! เอาดาบทองเฮงซวยนั่นมาให้ข้า! ข้าจะทำลายมันซะ…”ปานปู้เต็มไปด้วยโทสะ ร่ำตะโกนด้วยความโมโหหากไม่ใช่เพราะดาบทองนี้ คนของพวกเขาจะหลงเชื่อคำพูดของคนของหยุนเจิงได้อย่างไร!เพียงแค่ดาบทองเล่มเดียว ทำให้เป่ยหวนต้องสูญเสียพลทหารถึงหนึ่งหมื่นห้าพันนาย!แถมยังต้องสูญเสียเสบียงจำนวนมหาศาลด้วยสำหรับเป่ยหวนแล้ว นี่มัน
“องค์ชาย ข้าทำไม่ได้หรอก!”“นั่น…นั่นมันอวี้กั๋วกงเชียวนะ!”“ข้าจะกล้าทำตัวสูงศักดิ์ต่อหน้าเขาได้อย่างไร!”ตาเฒ่าซุนเอ่ยความลำบากใจให้กับหยุนเจิงเขาเคยเป็นอาจารย์สอนบทเรียนแค่สองปี แต่ให้ไปแสดงเป็นคนสูงศักดิ์ คนยอดฝีมือต่อหน้าแม่ทัพอาวุโสอย่างอวี้กั๋วกงเนี่ยนะ?แค่อีกฝ่ายส่งสายตามา เขาก็ตัวสั่นไปทั้งตัวแล้ว!ไม่มีพิรุษก็แปลกแล้ว!“ตาเฒ่าซุน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีนะ!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะสามารถแสร้งทำตัวเป็นยอดฝีมือต่อหน้าอวี้กั๋วกงได้นะ! หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความรู้อันเล็กน้อยที่เจ้ามีล่ะก็ เรื่องดีๆ เช่นนี้คงตกไม่ถึงหัวเจ้าหรอก!”ตาเฒ่าแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ข้ารู้! แต่ทว่า…”“เจ้ายังอยากได้จางกงเมามายยี่สิบชั่งหรือไม่?” หยุนเจิงมองบนใส่เขา “หากเจ้าไม่เอา ข้าจะให้คนอื่นจริงๆ นะ!”เมื่อได้ยินหยุนเจิงเอ่ยถึงจางกงเมามาย ลูกกระเดือกของตาเฒ่าซุนพลันเคลื่อนไหวเล็กน้อยเขาไม่มีงานอดิเรกใดๆ เพียงแค่ชอบดื่มสุรายามว่างเท่านั้นจางกงเมามายนี้ เขาแค่ฝันยังอยากดื่มเลย!ตั้งยี่สิบชั่งเชียวนะ!ดื่มได้อีกนาน!ทว่าราคาจางกงเมามายนี่ก็แพงเหลือเกิน!ให้เขา
ข้าไม่กล้ามอบต้าเฉียนให้กับเจ้า และไม่อาจให้เจ้าด้วย! ด้านนอกห้องหยุนลี่แสดงความกังวลอย่างหนัก ถามไถ่หมอหลวงถึงอาการของจักรพรรดิเหวิน หมอหลวงสีหน้าลำบาก ตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง "ฝ่าบาทชีพจรผิดปกติ มีไฟในหัวใจล้นหลาม กระหม่อมวินิจฉัยโรคของฝ่าบาทไม่ได้ และไม่กล้าจ่ายยาโดยสะเปะสะปะ..." หยุนลี่โกรธจัด แววตาเย็นชาเปล่งประกาย "เจ้าเป็นหมอหลวงประเภทไหนกัน? ถึงไม่รู้ว่าเสด็จพ่อป่วยเป็นโรคอะไร?" "กระหม่อมไร้ความสามารถ..." เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากหมอหลวง หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง หยุนลี่ยิ่งโมโหจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเป็นองค์รัชทายาท เขาหวังเพียงให้จักรพรรดิเหวินสิ้นพระชนม์อย่างรวดเร็วเพื่อเขาจะได้ครองราชย์โดยราบรื่น แต่ตอนนี้ เขาต้องการให้จักรพรรดิเหวินยังมีชีวิตอยู่! เพราะตราบใดที่จักรพรรดิเหวินยังอยู่ หยุนเจิงก็จะไม่กล้าก่อความวุ่นวาย! "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ต้องรักษาเสด็จพ่อให้หาย!" หยุนลี่พยายามควบคุมสติ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมมองไปที่หมอหลวง "หากรักษาเสด็จพ่อไม่ได้ เจ้าก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!"
เมื่อได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ น้ำตาในดวงตาของเขาเอ่อล้นจนกลั้นไม่อยู่ ครั้งนี้ หยุนลี่ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิเหวินจะช่วยรับเรื่องนี้แทนเขา เขารู้ว่าจักรพรรดิเหวินพูดความจริง ถ้าขุนนางอาวุโสในราชสำนักพร้อมใจกันต่อต้าน เขาก็แทบไม่มีทางรับมือได้ อย่างเช่นฉินลิ่วก่าน ขุนนางแก่ผู้นี้ต้องกล้าด่าเขาต่อหน้าที่ประชุมแน่ๆ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ขุนนางแก่นี่อาจกล้าลงไม้ลงมือกับเขาด้วยซ้ำ ยังมีเซวียเช่อ เซียวว่านโฉว ถังซู่ ซ่งปี้เซียน และคนอื่นๆ... ขุนนางอาวุโสเหล่านี้ ไม่มีใครที่รับมือได้ง่ายๆ "ลูกอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อต้องลำบากพระทัยเพราะลูก..." หยุนลี่คุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า จักรพรรดิเหวินตบมือบนมือของหยุนลี่อย่างอ่อนแรง "นี่ก็โทษข้าด้วย ถ้าข้าห้ามเจ้าตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่บานปลายแบบนี้" "เสด็จพ่อ..." หยุนลี่รู้สึกจุกแน่นในลำคอ น้ำตาไหลไม่หยุด "เก็บน้ำตาของเจ้าไว้! จำไว้ว่าเจ้าเป็นองค์รัชทายาท!" จักรพรรดิเหวินเพิ่มเสียงเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจเบาๆ "จริงๆ ข้าคิดดูแล้ว การให้ฟู่โจวกับเจ้าต
"อืม ข้ารู้แล้ว" หยุนลี่โบกมือเบาๆ ให้ขันทีออกไป ดูเหมือนว่าเจ้าหกตัวแสบได้พูดคุยเรื่องต้องการฟู่โจวกับเสด็จพ่อที่ริมทะเลสาบชิงซานแล้ว เจ้าสุนัขตัวแสบนี้! ยื่นกรงเล็บมาที่ฟู่โจวจนได้! งานนี้ยุ่งยากจริงๆ แล้ว หยุนลี่รู้สึกทั้งโกรธและกังวลในใจ ทันใดนั้น เขาก็เริ่มอิจฉาพี่รองและพี่สี่ขึ้นมา ตั้งแต่เขามีสถานะมั่นคงขึ้น พี่รอง พี่สี่ และพี่ห้าก็มีบทบาทในราชสำนักลดน้อยลง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งสามคนใช้ชีวิตได้สบายกว่าเขามาก ทั้งสามคนใช้ชีวิตเสเพลได้เต็มที่ แต่เขาทำไม่ได้ กลับไปที่ราชสำนัก ยังต้องชี้แจงเรื่องแต่งตั้งเจ้าหกเป็นผู้ตรวจการมณฑลฟู่โจวให้ขุนนางทั้งหลายเข้าใจ หากขุนนางในราชสำนักรู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากเขาส่งทหารไปจัดการเจ้าหก เหล่าขุนนางอาวุโสคงรวมตัวกันกราบทูลเสด็จพ่อให้ลงโทษเขาอย่างหนัก หรือแม้กระทั่ง...ปลดองค์รัชทายาท! เขาไม่ได้กังวลว่าจะถูกปลด แต่กลับไปที่ราชสำนักคงเจอปัญหาอีกมากมาย หยุนลี่กลับมาที่จวนของตัวเอง พยายามระงับอารมณ์และคิดหาทางออก ไม่นาน มู่ซุ่นก็ส่งคนมาแจ้ง "กราบทูลองค์รัชทายาท ฝ่าบาทประชวรหนัก ขอให้องค์รัชทายาทเสด็จด่วน..." ขันท
หลังจากทิ้งปัญหาไว้ให้หยุนลี่จัดการ จักรพรรดิเหวินก็พาผู้คนออกไปทันที ดูเหมือนจะไม่อยากเห็นหน้าเจ้าหกผู้เอาแต่รุกไล่บีบคั้นนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว แม้หยุนลี่จะจำใจ แต่ก็ยังพยายามต่อรองกับหยุนเจิง ทว่า หยุนเจิงจับจุดอ่อนของหยุนลี่ไว้ได้ จึงไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย ในที่สุด หยุนลี่ก็ต้องจำใจยอม หลังจากนี้ ยังต้องทำสัญญาอย่างเป็นทางการ "เจ้าสาม ครั้งนี้ข้าให้เกียรติเสด็จพ่อ ยกชีวิตเจ้าไว้ก่อน!" หลังจากตกลงกันได้ หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสายตาเย็นชา พลางเตือน "เจ้าควรภาวนาให้เสด็จพ่ออายุยืนยาว!" ยังคงต้องกดดันเจ้าสามอีกหน่อย กันไว้เพื่อไม่ให้เจ้าสามดิ้นสู้จนสุดตัว เมื่อเผชิญคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ก็รู้สึกเกลียดชังอย่างถึงที่สุด ในสถานการณ์ที่เขาเสียเปรียบตอนนี้ มีเพียงอดทนเท่านั้น พอกลับถึงเมืองหลวงเมื่อไร เขาจะหาทางจัดการกับเจ้าสุนัขตัวนี้ให้ได้! ความอัปยศในวันนี้ วันหน้าจะคืนให้เป็นสองเท่า! หยุนลี่คิดในใจอย่างเหี้ยมโหด หลังจากพยายามสูดหายใจลึกๆ หยุนลี่กัดฟันพูด "เจ้าก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ควรปล่อยพวกเฉียวเหยียนเซียนได้หรือยัง?" หยุนเจิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ "พวกเขาถู
จักรพรรดิเหวินจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นเยียบ "อะไร? เจ้ากลัวว่าข้าจะผิดคำพูด แล้วพาพี่สามของเจ้าหนีไปหรือ?" "เสด็จพ่อ ทรงล้อเล่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หยุนเจิงส่ายหน้า "ลูกกลัวว่าจ้าวจี๋จะสมคบกับทหารรักษาเมืองก่อความวุ่นวาย! อย่างไรเสีย จ้าวจี๋เคยนำทัพใหญ่นับแสนมาอยู่ที่นี่..." "หุบปาก!" จักรพรรดิเหวินหยิบป้ายทองคำคำออกมาแล้วขว้างให้หยุนเจิง "เจ้าช่างเป็นลูกที่ดีของข้าเสียจริง!" "ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!" หยุนเจิงเก็บป้ายทองคำคำขึ้นมา ทำเป็นเมินสายตาของจักรพรรดิเหวิน "ยังไม่ไปอีกหรือ?!" จักรพรรดิเหวินตวาดด้วยความโกรธ ราวกับไม่อยากมองหยุนเจิงอีก "เสด็จพ่อ ลูกยังมีเรื่องอีกอย่างหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!" หยุนเจิงยิ้ม "ลูกเพิ่งตกลงการซื้อขายกับพี่สาม เขายังต้องการถามความเห็นเสด็จพ่อด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" "ซื้อขาย?" สายตาของจักรพรรดิเหวินหันไปจ้องหยุนลี่อีกครั้ง พร้อมแฝงคำถาม หยุนลี่ที่เสียศูนย์ไปแล้ว ทำได้เพียงกัดฟันบอกเรื่องการตกลงระหว่างเขาและหยุนเจิง "พี่สาม แล้วม้าศึกของทหารรักษาการของเจ้าล่ะ!" พอหยุนลี่พูดจบ หยุนเจิงก็เสริมทันที หยุนลี่เต็มไปด้วยความแค้นใจ แต่จำต้องพยักหน้า
ได้ยินคำพูดของหยุนเจิง หยุนลี่รู้สึกร่างกายเย็นเฉียบเหมือนตกลงไปในห้องน้ำแข็ง เขาไม่สงสัยเลยว่า หยุนเจิงสามารถทำเรื่องนี้ได้จริงๆ หยุนลี่เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือไปยังจักรพรรดิเหวิน "เจ้า..." จักรพรรดิเหวินโกรธคำพูดของหยุนเจิงจนตัวสั่น หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง น้ำเสียงจึงอ่อนลง "เจ้าหก เห็นแก่หน้าของข้า เรื่องนี้ให้จบแค่นี้เถอะ!" "เสด็จพ่อ พี่สามก็อยากเอาชีวิตลูกไปแล้ว!" หยุนเจิงกำหมัดแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและคำรามต่ำ "วันนี้ ถ้าเสด็จพ่อไม่ให้คำตอบกับลูก ลูกก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น! ลูกเคารพเสด็จพ่อว่าเป็นจักรพรรดิที่ดี แต่ลูกไม่กลัวที่จะถูกประณามว่าฆ่าพี่ชาย!" เมื่อเผชิญกับท่าทีแข็งกร้าวของหยุนเจิง หยุนลี่ก็ยิ่งหวาดกลัว ส่งสายตาอ้อนวอนอย่างสุดชีวิตไปยังจักรพรรดิเหวิน จักรพรรดิเหวินโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ลูกทรพีคนนี้! แค่เพราะฟู่โจว จำเป็นต้องทำให้เรื่องยุ่งยากขนาดนี้หรือ? ตอนนี้ทำให้เรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แล้วตนจะไปซั่วเป่ยได้อย่างไร? ต้องถามเจ้าลูกคนนี้เสียหน่อยว่า คิดเหตุผลสำหรับเรื่องที่ตนจะไปซั่วเป่ยแล้วห
แน่นอนว่าเขารู้ดี จักรพรรดิเหวินต้องการให้เขารับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยากรับผิดชอบ! ถ้ารับผิดชอบเรื่องนี้ เจ้าหกตัวแสบยิ่งได้โอกาสใช้เรื่องนี้เล่นงานเขา! แต่ถ้าไม่รับผิดชอบ กองทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นของจ้าวจี๋ก็ต้องหมดไป แถมเขายังซวยไปด้วย ไม่ว่าจะรับผิดชอบหรือไม่ เขาก็ต้องซวยอยู่ดี! ลังเลอยู่นาน หยุนลี่จึงพูดตะกุกตะกักออกมา "ข้า...ข้าเป็นคนสั่งให้จ้าวจี๋นำทัพมาเอง..." ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับผิด! ดีที่เสด็จพ่อรู้อยู่แล้ว แถมยังเห็นด้วย ตอนนี้เพียงแค่ให้คำอธิบายหยุนเจิงก็พอ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเสด็จพ่อลงโทษภายหลัง "เจ้ากล้าดีมาก!" จักรพรรดิเหวินโกรธจนทนไม่ไหว "พูดมา เจ้าไปสั่งการกองทัพของจ้าวจี๋ได้อย่างไร? เจ้าไปสมคบกับจ้าวจี๋ตั้งแต่เมื่อไหร่?" "ไม่...ไม่ใช่..." หยุนลี่รีบโบกมือพร้อมก้มหน้าตอบ "ลูกไม่ได้สมคบกับจ้าวจี๋ ลูก...ลูกแค่บังเอิญเก็บตราทองของเสด็จพ่อได้เมื่อหลายวันก่อน..." "เก็บได้?" สายตาของหยุนเจิงเย็นเยียบ "พี่สาม เจ้าคิดว่าน้องเป็นคนโง่หรือไง? ตราทองของเสด็จพ่อ เจ้าก็เก็บได้?" พูดจบ หยุนเจิงก็หันไปมองจักรพรรดิเหวินด้วยความโกรธ "
"ฝ่าบาท ด้านหน้ามีสองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากัน ดูเหมือนคนขององค์ชายหกจะล้อมเวรยามขององค์รัชทายาทไว้!" จักรพรรดิเหวินกำลังอ่านหนังสืออยู่ในขบวนรถม้า เมื่อโจวไต้เข้ามารายงานใกล้ๆ "อะไรนะ?" จักรพรรดิเหวินเปิดผ้าม่านรถม้าออกทันทีเพื่อมองออกไป เพียงแค่มองแวบเดียว จักรพรรดิเหวินก็เดือดดาล ไอ้ลูกทรพีทั้งสองนี่!พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน?ตนยังไม่ตายเลยนะ!พวกเขาถึงกับเอาอาวุธมาเผชิญหน้ากันแล้ว?เจ้าหก ลูกทรพีคนนี้ มันลืมคำตักเตือนของตนแล้วหรือ? จักรพรรดิเหวินโกรธจัด รีบสั่งโจวไต้ "ไป จงแยกพวกเขาออกจากกัน หากใครขัดขืน สังหารทันที!" ครั้งนี้จักรพรรดิเหวินโกรธจริงๆ เจ้าลูกทรพีทั้งสองนี้ ไม่มีใครคิดจะรักษาหน้าตาของราชวงศ์บ้างเลยหรือ?ในความเดือดดาล จักรพรรดิเหวินตะโกนสั่งมู่ซุ่น "บอกให้ลูกทรพีทั้งสองคนของข้ามาพบข้าทันที!" พูดจบ จักรพรรดิเหวินก้าวลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ไม่นาน หยุนเจิงและหยุนลี่ก็มายืนต่อหน้าจักรพรรดิเหวิน "ลูกขอคารวะเสด็จพ่อ" ทั้งสองคนคำนับพร้อมกัน "เสด็จพ่อ?" จักรพรรดิเหวินดั่งสิงโตที่เดือดดาล ตะโกนว่า "ในสายตาของพวกเจ้ามีข้าเป็นเสด็จพ่ออยู่บ้างไหม?" "เส
"ต่อให้ข้ายอมตกลง เสด็จพ่อจะยอมด้วยหรือ?" "ตราบใดที่เสด็จพ่อไม่อนุญาต ใครจะกล้าส่งข้าวห้าล้านตันให้เจ้า?" "ถ้าเจ้าต้องการข้าวนัก ก็ไปพบเสด็จพ่อพร้อมกับข้า!" "ตราบใดที่เสด็จพ่ออนุญาต ข้าก็ไม่มีอะไรจะค้าน!" ตอนนี้ มีแต่ต้องไปหาเสด็จพ่อเท่านั้น ไอ้สุนัขตัวนี้ ต่อให้หน้าด้านแค่ไหนก็คงต้องไว้หน้าเสด็จพ่อบ้างกระมัง? "เจ้าสาม เจ้าช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักปรับตัวเอาเสียเลย" หยุนเจิงยิ้ม "แบบนี้แล้วกัน เจ้าส่งม้าศึกของทหารรักษาพระองค์พวกนี้ให้ข้า ข้าจะบอกเจ้าวิธีที่ทำให้เสด็จพ่อกับขุนนางในราชสำนักยอมให้ข้าวห้าล้านตันแก่เจ้าแน่นอน!" ม้าศึก? ได้ยินคำพูดของหยุนเจิง หยุนลี่แทบจะกระโดดขึ้นมาชี้หน้าด่าเขา เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายเท่าเจ้านี่! เอาข้าวห้าล้านตันยังไม่พอ ยังคิดจะเอาม้าศึกของทหารรักษาพระองค์อีก? ทั่วหล้าหามีใครไร้ยางอายเท่าเจ้านี่อีกแล้ว! ทำไมเจ้าสุนัขตัวนี้ถึงไม่ตายคาสนามรบเสียล่ะ? หยุนลี่สาปแช่งในใจอย่างบ้าคลั่ง ก่อนมองหยุนเจิงด้วยสายตาเกรี้ยวกราด "ว่ามาเถอะ! ข้าอยากเห็นนักว่า ปากหมาอย่างเจ้าจะพูดอะไรที่ดีออกมาได้!" "ว่าอย่างนี้ เจ้าก็ตกลงจะ