กลับถึงซั่วฟาง ความเสียหายของพวกเขาหยุนเจิงทางนี้ก็รีบทำสถิติออกมาเช่นกันเมื่อรู้ว่าพวกเขาถูกสังหารในสนามรบสิบกว่าคน เซียวว่านโฉวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมาแม้เขาเองจะไม่รู้ว่าเป่ยหวนเสียหายเท่าใด แต่ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด ความเสียหายของกองทัพใหญ่เป่ยหวนต้องมากกว่าพวกเขาสิบเท่า!ทว่า หยุนเจิงกลับหัวเราะไม่ออกสูญเสียสิบกว่าคน ความจริงแล้วสามารถนับว่าไม่เสียหายต่อให้เขามีนิสัยรักและถนุถนอมทหารเองก็รู้ สงครามไม่มีทางไม่มีคนตายบาดเจ็บล้มตายเป็นศูนย์เรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนคัดลอกแล้ววางเขาสามารถยอมรับผลการรยครั้งนี้ได้ แต่ในใจเขาก็ยังหงุดหงิด!จนถึงตอนนี้ ในสมองของเขาล้วนนึกถึงภาพการยิงธนูสามดอกในครั้งเดียวนั่นพวกเขาสูญเสียสิบกว่าคน แทบจะกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งถูกสังหารด้วยน้ำมือคนผู้นั้นอยู่ห่างกันตั้งไกล เขาเองก็มองหน้าตาคนผู้นั้นไม่ชัดแต่สามารถตัดสินได้คร่าวๆ จากเสื้อผ้าและรูปร่าง ผู้นั้นเป็นผู้หญิงเมื่อนึกถึงทักษะการยิงธนูที่น่ากลัวของผู้หญิงคนนั้น ในใจหยุนเจิงหงุดหงิดถึงที่สุด“องค์ชาย พวกเราชนะรบแล้ว เหตุใดท่านดูเหมือนไม่ดีใจเลยสักนิด?”ในที่สุดโ
แต่เขาไม่รู้จักเหล่าลูกน้องของหยุนเจิง ควรส่งใครไป มีเพียงหยุนเจิงที่รู้“คนข้าเตรียมไว้แล้ว!”หยุนเจิงกล่าว เรียกสองคนที่ข้าจัดเตรียมไว้มาเมื่อเห็นสองคนนี้ เซียวว่านโฉวรู้ได้เลยว่าแผนการครั้งนี้สำเร็จไปครึ่งนึงแล้วสองคนนี้สวมเสื้อผ้าของทหารชาวเป่ยหวน มองไปแล้วเหมือนชาวเป่ยหวนไม่มีผิดเพี้ยน“พวกเขาสองคนนี้เลย!”เซียวว่านโฉวมองสองคนนี้ด้วยความพอใจ จากนั้นก็เริ่มกำชับเรื่องที่ต้องระวังให้กับทั้งสองคน หลังกำชับเสร็จจึงกล่าวว่า “หากพวกเจ้ามีชีวิตกลับมา ข้าต้องขอรางวัลต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทแทนพวกเจ้า! หากพวกเจ้าตาย ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือองค์ชาย จะดูแลครอบครัวพวกเขาให้อยู่สุขสบายไร้กังวล!”“ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณอวี๋กั๋วกง!”ทั้งสองก้มโค้งกล่าวขอบคุณ“ไม่ ควรเป็นพวกข้าขอบคุณพวกเจ้าสองคน!”เซียวว่านโฉวส่ายหน้าเบาๆ ไม่สนใจฐานะของตนเอง คาราวะให้ทั้งสองคนอย่างจริงใจหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็พากันคาราวะทั้งสองคน“ไม่ได้ ไม่ได้...”ทั้งสองคนหวาดหวั่นยำเกรง รีบโบกมือทว่า พวกหยุนเจิงยังคงคาราวะทั้งสองคนด้วยความจริงใจสองคนนี้ไปครั้งนี้ อาจไม่ได้กลับมาทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นชายชาตร
สามวันผ่านไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวกองทัพใหญ่แปดหมื่นของเป่ยหวนมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้วด้านหลังของพวกเขา ยังมีกองทัพเจ็ดหมื่นคนทว่า ด้วยคำสั่งที่เคร่งคัดของเว่ยเหวินจง กองทัพเจ็ดหมื่นไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มจู่โจม เพียงต้องรักษาระยะห่างสี่สิบลี้จากพวกเขา ทันทีที่พวกเขาบุกโจมตีซั่วฟาง กองทัพใหญ่เจ็ดหมื่นก็เข้ามาร่วมโจมตีด้วยแต่เว่ยเหวินจงจัดเตรียมเช่นนี้ กลับทำให้คนมากมายไม่พอใจฉินชีหู่ที่หลุดพ้นจากเมืองสุยหนิงนั้นโวยวายรุนแรงที่สุดฉินชีหู่มาหาเว่ยเหวินจงเพื่อขอทำสงครามอีกครั้งก่อนหน้านี้ เขาไปหาเว่ยเหวินจงสองครั้งเพื่อขอทำสงครามทว่า เว่ยเหวินจงยังคงสั่งอย่างแด็ดขาดห้ามฉินชีหู่เป็นฝ่ายบุกเหตุผลของเว่ยเหวินจงครบถ้วนสมบูรณ์ตอนนี้ การติดต่อของพวกเขากับซั่วฟางตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิงพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของซั่วฟางเป็นเช่นไรสิ่งที่เว่ยเหวินจงกลัวที่สุดคือซั่วฟางถูกยึดไปแล้ว ทันทีที่กองทัพพวกเขากดดัน กองทัพเป่ยหวนก็จะหันกลับมาโจมตีพวกเขาจำนวนคนกองทัพเป่ยหวนไม่น้อยไปกว่าของพวกเขาหากต่อสู้กันในป่า เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะถูกกองทัพเป่ยหวนจัดการถึงเวลานั้น กองทัพเป่ยหวนโจม
ต่อให้เขาคิดอยากจะฆ่าหยุนเจิง เขาก็ไม่กล้าทำร้ายเซียวว่านโฉว!แม้กระทั่งกองทัพเป่ยหวนอาจส่งกำลังเสริมทางหุบผาชันช่องลมแล้ว!ตรงหน้าพวกเขา เป็นไปได้มากว่าไม่ใช่แค่กองทัพใหญ่เป่ยหวนตรงหน้า ต่อให้ชนะเป่ยหวน พวกเขาก็ยังสามารถล่าถอยผ่านหุบผาชันช่องลมได้ตลอดเวลากองทัพเจ็ดหมื่นของพวกเขาถูกกำจัด ทั้งซั่วฟางก็ต้องตกอยู่ในมือของเป่ยหวนแล้ว!ถึงเวลานั้น พวกเขาจะอธิบายกับจักรพรรดิเหวินเช่นไร? “เจ้ามีสิทธิ์ใดมั่นใจว่าพวกเราจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย?”ฉินชีหู่คำราม “ยังไม่สู้ เจ้าก็มีรบกวนขวัญกำลังใจทหารอยู่ที่นี่! หากไม่เห็นว่าเจ้าเป็นผู้บัญชาการกองทหารมณฑลทางเหนือ ข้าจะประหารสารเลวอย่างเจ้าก่อนเลย!” “เจ้า...”เว่ยเหวินจงโมโหเพราะฉินชีหู่ แทยจะสั่งให้คนจัดการฉินชีหู่ทิ้งแต่ว่า ในที่สุดเว่ยเหวินจงก็ไม่ทำสิ่งใดตอนนี้มีเรื่องราวมากมาย หากเขาจัดการฉินชีหู่จริง ดีไม่ดีอาจทำให้เกิดการกบฏ!หลังจากระงับอารมณ์โกรธ เว่ยเหวินจงกัดฟัน “ข้าได้สั่งให้แนวหน้าของหม่าอี้และสู้ฉวีไปตรวจสอบสถานการณ์ซั่วฟางแล้ว อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็ได้ข่าวแล้ว! หากซั่วฟางไม่ถูกยึด ข้าจะจู่โจมทันที! ข้าจะอยู่ด้านหน้าส
หลังจากรวบรวมกองทัพเรียบร้อยแล้ว เจียเหยาเริ่มนำทัพไปยังหุบผาชันช่องลมสำหรับกองทัพต้าเฉียนที่อยู่ด้านหลัง เจียเหยาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยพวกเขายังมีกองทัพแปดหมื่นคน!หากทัพศัตรูด้านหลังกล้าบุกโจมตี พวกเขาก็มีกำลังพอที่จะรบการต่อสู้ภาคสนาม นักรบเป่ยหวนก็ไม่กลัวทหารต้าเฉียน!หากสามารถเอาชนะทัพศัตรูข้างหลังได้ในคราวเดียว พวกเขาก็กล้าที่จะโต้ตอบกลับไป!ต่อให้กองทัพแปดหมื่นของพวกเขาจะถูกฆ่าไม่เหลือ ขอแค่สร้างควาเสียหายให้กองทหารมณฑลทางเหนือได้ เช่นนั้นก็คุ้มค่าแล้วไม่นาน ด้านหลังส่งคนมารายงาน ทันที่พวกเขาเคลื่อนไหว กองทัพต้าเฉียนก็เคลื่อนไหวเช่นกันเพียงแต่ว่า ยังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่ได้คิดจะบุกเข้ามา“ข้ารู้อยู่แล้ว เว่ยเหวินจงไม่กล้าโจมตี!”เจียเหยาสถบออกมาอย่างดูถูก ไม่เห็นเว่ยเหวินจงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไม่มองกองทหารมณฑลทางเหนืออยู่ในสายตา คนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขามีเพียงหยุนเจิงเท่านั้น“เว่ยเหวินจริงหวาดระแวงเกินไป เป็นเช่นนี้แล้ว นึกไม่ถึงทนไม่โจมตีได้!”ปานปู้พยักหน้า “หากคนผู้นี้เป็นแม่ทัพเพื่อป้องกันเมือง คิดจะบุกคูเมืองที่เขาปกป้อง เกรงว่าคงยากมา
“อะไรนะ?”ปานปู้และเจียเหยาร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน ดวงตาสองคู่แดงกล่ำกองทัพหนึ่งหมื่นห้าพันคน!สิบส่วนเหลือไม่ถึงหนึ่งส่วน!พวกเขาบ้าไปแล้วหรือ?พวกเขาไปหุบผาชันช่องลมเพื่อสิ่งใด?คุ้มกันการส่งเสบียง?เสบียงถูกทัพศัตรูปล้นจนเกลี้ยง? เจียเหยาพลิกตัวลงจากหลังม้า จ้องทหารที่ตัวอาบเลือดด้วยสายตาอาฆาต คำรามลั่น “ใครใช้ให้พวกเจ้าส่งเสบียงไปที่หุบผาชันช่องลม?”ทหารตกใจไม่น้อย กล่าวตะกุกตะกัก “นี่...คือว่า...เป็นคำสั่งของราชครู!”“พูดไร้สาระ!”ปานปู้ตวาด “ข้าอยู่ในกองทัพตลอด ไปสั่งให้พวกเขาคุ้มกันส่งเสบียงเมื่อใด?”“เจ้าบอกความจริงมาจะดีกว่า เป็นคำสั่งผู้ใดกันแน่?”เจียเหยาคว้าตัวทหาร ท่าทางเคร่งขรึมขึงขัง “หากยังกล้ากล่าวหาราชครู ข้าจะสับร่างเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!”ทหารร้องไห้ “จริง...เป็นราชครูจริงๆ!”“บังอาจ!”ปานปู้โกรธจนตัวสั่น “ข้าอยู่ข้างกายองค์หญิงตลอดเวลา ข้าสั่งให้เจ้าไปคุ้มกันส่งเสบียง องค์หญิงหรือจะไม่รู้เรื่อง? กองทัพเรากำลังถอยทัพแล้ว ยังต้องให้พวกเจ้าส่งเสบียงหรือ?”“นี่...นี่...”ทหารในสมองเต็มไปด้วยความสับสนท ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่เจียเหยาพยายา
หนึ่งวันให้หลัง เจียเหยาและปานปู้นำกองทัพมาถึงที่หุบผาชันช่องลมเงยหน้ามอง มีศพถูกถอดชุดเกราะไปทุกหนแห่งบนร่างศพมากมายปักไปด้วยลูกธนู เหมือนกับเม่นเห็นได้ชัด หยุนเจิงกลัวกองทัพแปดหมื่นบุกมา จึงไม่มีเวลาเอาศพม้าทั้งหมดไปเห็นภายตรงหน้า เจียเหยาแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดหุบผาชันช่องลม!ทั้งหน้าทั้งหลัง พวกเขาสูญเสียกองทัพแล้วสี่หมื่นคนที่หุบผาชันช่องลม!หากบวกกับกองทัพใหญ่ที่ตายที่หุบเขามรณะสองหมื่นเจ็ดพันคนและก่อนหน้านี้หนึ่งแสนกว่าคน ทั้งหน้าและหลังของพวกเขาสูญเสียในมือหยุนเจิงไปแล้วเกือบเจ็ดหมื่นคน!กองทัพเจ็ดหมื่นคน!ผู้กล้าเป่ยหวนเจ็ดหมื่นชีวิต!เป่ยหวนต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะชดเชยกองทัพเจ็ดหมื่นคนกลับมาได้!ที่สำคัญคือ ทุกครั้งหยุนเจิงใช้วิธีลอบโจมตี!ทุกครั้งล้วนเป็นแผนกลอุบาย!กองทัพซั่วฟางของหยุนเจิง สูญเสียจากรบเกรงว่าจะไม่ถึงหนึ่งพันคนด้วยซ้ำ!ใช้ราคาพันคนมาแลกกับกองทัพเจ็ดหมื่นคนของพวกเขา!นี่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเป่ยหวน!ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหยุนเจิงจึงต้องใช้กับดักหลุมม้าเหล่านั้นแล้ว!หยุนเจิงแค่ต้องการถ่วงเวลสกองทัพของพวก
ปานปู้กัดฟัน แล้วพ่นคำออกจากร่องฟันหากไม่ดูสักหน่อย เขาจะยอมได้อย่างไร?เขาจะดูว่าหยุนเจิงดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างไร!แม้จะต้องกระอักเลือดอีกครั้ง เขาก็จะดูให้ได้!เจียเหยารู้นิสัยปานปู้ดี เขาถอนหายใจลับๆ แล้วยื่นจดหมายในมือให้กับปานปู้ช้าๆ“เอื๊อก…”ปานปู้เพียงแค่กวาดสายตามอง ก็กระอักเลือดแล้วปานปู้ไม่รู้ว่าตนกระอักเลือดเพราะหยุนเจิงกี่ครั้งกี่หนแล้วทว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดแน่นอนทันใดที่เลือดพุ่งออกไป ร่างกายที่เดิมทรุดโทรมอยู่แล้วของปานปู้ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก เขาล้มลงไปในบัดดลเจียเหยารีบวิ่งเข้าไปพยุงเขาไว้อย่างเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว“อัปยศ! อัปยศจริงๆ!”ดวงตาทั้งสองของปานปู้แดงก่ำ ร่ำไห้ทั้งน้ำตานี่คือความอัปยศที่สุดในทั้งชีวิตของเขา!“ดาบทอง! เอาดาบทองเฮงซวยนั่นมาให้ข้า! ข้าจะทำลายมันซะ…”ปานปู้เต็มไปด้วยโทสะ ร่ำตะโกนด้วยความโมโหหากไม่ใช่เพราะดาบทองนี้ คนของพวกเขาจะหลงเชื่อคำพูดของคนของหยุนเจิงได้อย่างไร!เพียงแค่ดาบทองเล่มเดียว ทำให้เป่ยหวนต้องสูญเสียพลทหารถึงหนึ่งหมื่นห้าพันนาย!แถมยังต้องสูญเสียเสบียงจำนวนมหาศาลด้วยสำหรับเป่ยหวนแล้ว นี่มัน
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข
เนื่องจากเยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หยุนเจิงจึงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม พายุที่โหมกระหน่ำมีเสน่ห์ในแบบของมัน และสายฝนที่โปรยปรายก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ หลังจากหยุดยั้งความเร่าร้อน เยี่ยจื่อซบอยู่ในอ้อมอกของหยุนเจิงอย่างแมวน้อยเชื่องๆ "คืนนี้ข้าจะนอนที่ห้องของเจ้า" หยุนเจิงกอดร่างอ่อนนุ่มของเยี่ยจื่อไว้ ด้วยท่าทีที่ดูยังไม่พอใจ "อย่าเลย!" เยี่ยจื่อเอื้อมมือมาตบหน้าอกของหยุนเจิงเบาๆ "หากเจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องโดนเจ้ารังแกอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก เราคงร้องไห้ไม่ออก เจ้าไปห้องเมี่ยวอินเถิด!" จากนิสัยของหยุนเจิง ต่อให้ใช้ปลายเท้าคิด นางก็รู้ว่าเขาต้องรังแกนางอีกสักหนึ่งหรือสองรอบหากเขาอยู่ในห้องนี้ แม้ว่าช่วงตั้งครรภ์จะไม่ใช่ว่าจะใกล้ชิดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป "ลูกของข้าหยุนเจิง จะอ่อนแอขนาดนั้นได้อย่างไร?" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะวางมือลงบนหน้าท้องของเยี่ยจื่อโดยไม่รู้ตัว "เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิอย่างเขินอาย "เมื่อสองวันก่อน ลั่วเยี่ยนยังแอบมาบอกข้าเลยว่าเจ้าไปรังแกนางอีก จวนนี้มิใช่มีเพียงข้ากับลั่วเยี่ยนสองค
ชุดนี่มันชั้นแล้วชั้นเล่า ถอดออกแต่ละครั้งช่างเสียเวลาเสียจริง หยุนเจิงบ่นในใจพลางจัดการอยู่นาน กว่าจะถอดอาภรณ์ออกหมด แล้วรีบก้าวลงไปในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น "ดูท่าทางเจ้าสิ!" เยี่ยจื่อจ้องมองหยุนเจิงด้วยความเขินอาย พลางหัวเราะเบาๆ "หากคนอื่นมาเห็นเข้า คงคิดว่าเจ้าคือโจรขโมยดอกไม้จริงๆ!" "ต่อหน้าเจ้า ข้าก็เป็นโจรขโมยดอกไม้ดีๆ นี่เอง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเยี่ยจื่อเข้ามาในอ้อมกอด เกรงว่าเยี่ยจื่อจะหนาว หยุนเจิงจึงราดน้ำอุ่นลงบนตัวนาง แน่นอนว่า ระหว่างนี้มือเจ้าเล่ห์ของหยุนเจิงก็ไม่วายลวนลามบนตัวเยี่ยจื่อ เยี่ยจื่อปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ พลางยื่นนิ้วเรียวขาวลูบไล้รอยแผลเป็นที่เอวของเขา นางจำได้ว่ารอยแผลนี้เกิดขึ้นจากศึกที่หยุนเจิงสังหารฮูเจี๋ยฉานอวี่ นั่นน่าจะเป็นการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของหยุนเจิงนับตั้งแต่คุมทัพมา โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผล ไม่ได้ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้บาดแผลนั้นสมานแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังคงปรากฏอย่างชัดเจน "ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป" เยี่ยจื่อก้มหน้าพลางพึมพำ "หากวันใดเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ คงเพราะเราชราและห
หลังจากส่งสาวรับใช้หน้าประตูไปแล้ว หยุนเจิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที ก่อนจะผลักประตูเข้าไป "อิงเถา ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงใครผลักประตูเข้ามา" เสียงของเยี่ยจื่อดังมาจากหลังฉากกั้น "บ่าวก็เหมือนจะได้ยินเหมือนกัน บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ" อิงเถาตอบรับแล้วรีบวิ่งออกมาจากหลังฉากกั้น นางเพิ่งจะออกมาก็เห็นหยุนเจิงยืนอยู่ในห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่คนอื่นที่บังอาจบุกรุกเข้ามา อิงเถาถึงได้คลายความกังวลก่อนจะรีบคำนับ แต่ก่อนที่อิงเถาจะทันได้พูดอะไร หยุนเจิงก็ทำท่าทางให้เงียบ และโบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้อิงเถาออกไป ดูเหมือนอิงเถาจะเดาได้ว่าหยุนเจิงตั้งใจจะทำอะไร ใบหน้าของนางพลันขึ้นสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว หยุนเจิงปิดกลอนประตูจากด้านใน แล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังฉากกั้น "อิงเถา มีคนผลักประตูหรือไม่?" เยี่ยจื่อเอ่ยถาม ความคิดซุกซนของหยุนเจิงเริ่มเล่นงาน เดิมทีเขาตั้งใจจะจู่โจมเยี่ยจื่ออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว แต่คิดได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทำให้นางตกใจจนเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงเอ่ยขึ้นว่า "มีสิ มีโจรขโมยดอกไม้คนหนึ่ง" เมื่อได้ยิน เยี่ยจื่อหน้าถ
หยุนเจิงกลับมาจากโรงงานผลิตอาวุธ เพียงแค่เดินมาถึงหน้าจวนอ๋อง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกวุ่นวายดังมาจากในจวน พอเข้าไปในจวนตามคาด เขาเห็นเหล่าเด็กซนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในลานหน้า ลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของฉินชีหู่ รวมถึงลูกชายของอดีตรัชทายาท มาที่จวน และกำลังเล่นปาหิมะกับเสิ่นเนี่ยนฉือและฉีเหยียน เด็กๆ เหล่านั้นต่างสวมเสื้อผ้าหนาเตอะเหมือนหมี แม้จะล้มลงบนพื้นหิมะก็ไม่รู้สึกเจ็บ “คารวะฝ่าบาท!” เมื่อเห็นหยุนเจิงกลับมา อาจารย์ที่คอยดูแลเด็กๆ รีบเข้ามาคารวะ “พอเถอะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยู่ในจวนไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น” หยุนเจิงโบกมือพลางถามว่า “พี่สะใภ้ตระกูลฉินมาที่นี่แล้วหรือ?” “เจ้าค่ะ” ซินเซิงยิ้มบางๆ ขณะช่วยปัดหิมะออกจากเสื้อหยุนเจิง พลางตอบว่า “ช่วงบ่ายฮูหยินฉินก็มากับเด็กๆ ตอนนี้คงเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพระชายาอยู่” หยุนเจิงว่า “เช่นนั้นข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าเด็กๆ ไว้ อย่าให้พวกเขาเล่นจนเหงื่อออกมากนัก” “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซินเซิงพยักหน้าเบาๆ หยุนเจิงมองดูเด็กซนที่กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง และครุ่นคิดในใจว่าจะให้พวกเขาทำ “การบ้านช่วงปิดเทอม
ตลอดสองวันที่ผ่านมา เจียเหยาเจรจากับกุ่ยฟางอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าข้อเสนอจากกุ่ยฟางจะเกินกว่าเงื่อนไขขั้นต่ำที่เจียเหยากำหนดไว้ในใจแล้ว แต่นางยังไม่พอใจ นางต้องการต่อรองเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่า จุดที่ยังคงเจรจากันไม่ลงตัวอยู่ที่ค่าชดเชยจากสงครามและจำนวนบรรณาการ กุ่ยฟางแสดงเจตนาอย่างชัดเจน หากต้องการค่าชดเชยเพิ่ม จำนวนบรรณาการจะต้องลดลง แต่ในเรื่องจำนวนบรรณาการ เจียเหยาไม่ยอมอ่อนข้อเลย ในที่สุด กุ่ยฟางจำต้องยอมรับข้อกำหนดของเจียเหยาในการถวายบรรณาการตามจำนวนที่นางระบุ ส่วนค่าชดเชยที่กุ่ยฟางสามารถมอบให้ได้ เมื่อคำนวณแล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละสี่สิบห้าของข้อเรียกร้องเริ่มต้นของเจียเหยา ผลลัพธ์นี้แม้ไม่ใช่สิ่งที่นางคาดหวังไว้ แต่ก็ดีกว่าที่เจียเหยาประเมินไว้ไม่น้อย เมื่อการเจรจาสิ้นสุด เจียเหยาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ ด้วยทรัพยากรเหล่านี้ ประชาชนแห่งเป่ยหวนจะผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากนัก “องค์หญิง เหตุใดท่านจึงไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องบรรณาการ?” เกออาซูถามด้วยความไม่เข้าใจ “หากเรายอมลดเงื่อนไขเรื่องบรรณาการ เราก็จะได้สิ่งอื่นเพ
ทว่า สำหรับเจียเหยาในตอนนี้ นี่อาจไม่ใช่เรื่องดีนัก เมื่อผู้ที่เข้าร่วมเจรจาจากกุ่ยฟางมีหลายคน ความเห็นของพวกเขาอาจไม่ตรงกัน การดึงกลยุทธ์นี้อาจทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น เจียเหยารู้สึกกังวลในใจ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “ท่านทูตเชิญนั่งก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการเสียก่อน!” กล่าวจบ เจียเหยาก็ก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายต่อ แต่ความคิดของเจียเหยาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่จดหมายอีกแล้ว นางดูเหมือนกำลังเขียนจดหมาย แต่แท้จริงแล้วกำลังกดดันอาเคอถูและคณะ นางรู้ว่าชื่อเหยียนต้องมอบอำนาจในการเจรจาบางส่วนให้แก่อาเคอถูและคณะ สิ่งที่นางต้องทำคือการกดดันคณะทูตกุ่ยฟางเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น การกระทำของเจียเหยาส่งผลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าเจียเหยาดูเหมือนไม่ได้รีบร้อนเจรจาเลย สมาชิกในคณะทูตกุ่ยฟางก็เริ่มมองตากันไปมา สุดท้าย สายตาของทุกคนต่างหันไปที่มู่ลี่จวี เห็นได้ชัดว่ามู่ลี่จวีเป็นผู้คุมการเจรจาครั้งนี้ มู่ลี่จวีรู้สึกโกรธกับความเย็นชาของเจียเหยา แต่เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์แสดงความไม่พอใจต่อหน้านาง ชื่อเหยียนมอบอำนาจให้เขาตัดสินใจในบางเรื่องได้จริง แต่ใ
เจียเหยาตัดสินใจหยุดการเคลื่อนทัพต่อ กองทหารของพวกนางถูกส่งออกไปกวาดต้อนทรัพยากร ดินแดนที่พวกนางเข้ายึดครองในตอนนี้เกินกว่าห้าร้อยลี้ไปนานแล้ว แต่เจียเหยาตั้งใจเพียงให้ทัวฮวนและกองทหารยึดครองดินแดนของกุ่ยฟางเพียงสามร้อยลี้ตามเงื่อนไขขั้นต่ำของหยุนเจิงเท่านั้น การยึดครองดินแดนมากกว่านี้ ไม่เพียงเพื่อกวาดต้อนทรัพยากรและกดดันชื่อเหยียน แต่ยังเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในเจรจา ท้ายที่สุด หากนางยอมคืนดินแดนบางส่วนให้ชื่อเหยียน ชื่อเหยียนก็จะไม่สามารถเรียกร้องเงื่อนไขอื่นได้อย่างเข้มงวดนัก ดังที่เจียเหยากล่าวไว้ นางกับหยุนเจิงเป็นคนประเภทเดียวกัน และในตอนนี้ ชื่อเหยียนก็ดูคล้ายกับสถานการณ์ของนางเมื่อก่อนที่ถูกหยุนเจิงกดดันจนถึงทางตัน เพราะเหตุนี้ เจียเหยาจึงเข้าใจจิตใจของชื่อเหยียนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เจียเหยาเคยคิดอยากเป็นผู้พิฆาตมังกร แต่สุดท้ายนางกลับกลายเป็นมังกรร้ายเสียเอง สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจียเหยาจะได้รับคำตอบจากชื่อเหยียน นางกลับได้รับข่าวจากหยุนเจิงผ่านเหยี่ยวขาว “รีบกลับมา ก่อนสิ้นปีมาพบข้าที่ติ้งเป่ย” ข้อความจากหยุนเจิงสั้นมาก เมื่
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง!” เจียเหยากล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กุ่ยฟางต้องยอมสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการอย่างแน่นอน แต่จำนวนบรรณาการต้องเพิ่มขึ้นอีกร้อยละห้าสิบพร้อมกันนี้ กุ่ยฟางต้องเปิดการค้าเสรีกับต้าเฉียนและเป่ยหวน นอกจากนี้ กุ่ยฟางต้องชดเชยความเสียหายที่เป่ยหวนและต้าเฉียนได้รับจากศึกครั้งนี้ โดยจ่ายชดเชยเป็นทองคำ 100,000 ตำลึง แกะ 100,000 ตัว วัว 30,000 ตัว ม้า 10,000 ตัว และเสบียงอาหาร 4 ล้านตัน และเพื่อเป็นการตอบแทน เจียเหยาจะไม่เรียกร้องให้กุ่ยฟางยกดินแดน 500 ลี้ แต่ลดลงเหลือเพียง 300 ลี้เท่านั้น! ส่วนข้อที่ให้กุ่ยฟางถวายหญิงงาม 100 คนแก่ต้าเฉียนนั้น เจียเหยาได้ยกเว้นให้โดยตรง สำหรับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆ เจียเหยาก็ยอมรับตามที่กุ่ยฟางเสนอมา เมื่อได้ยินเงื่อนไขของเจียเหยา อาเคอถูรู้สึกราวกับสมองของตนกำลังอื้ออึง การเพิ่มบรรณาการขึ้นร้อยละห้าสิบยังพอว่า แต่เจียเหยากลับเรียกร้องให้กุ่ยฟางจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลในคราวเดียว? อย่าว่าแต่ปศุสัตว์และเสบียงเลย เพียงแค่ทองคำ 100,000 ตำลึง กุ่ยฟางก็แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว ทองคำ 100,000 ตำลึง