หนึ่งวันให้หลัง เจียเหยาและปานปู้นำกองทัพมาถึงที่หุบผาชันช่องลมเงยหน้ามอง มีศพถูกถอดชุดเกราะไปทุกหนแห่งบนร่างศพมากมายปักไปด้วยลูกธนู เหมือนกับเม่นเห็นได้ชัด หยุนเจิงกลัวกองทัพแปดหมื่นบุกมา จึงไม่มีเวลาเอาศพม้าทั้งหมดไปเห็นภายตรงหน้า เจียเหยาแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดหุบผาชันช่องลม!ทั้งหน้าทั้งหลัง พวกเขาสูญเสียกองทัพแล้วสี่หมื่นคนที่หุบผาชันช่องลม!หากบวกกับกองทัพใหญ่ที่ตายที่หุบเขามรณะสองหมื่นเจ็ดพันคนและก่อนหน้านี้หนึ่งแสนกว่าคน ทั้งหน้าและหลังของพวกเขาสูญเสียในมือหยุนเจิงไปแล้วเกือบเจ็ดหมื่นคน!กองทัพเจ็ดหมื่นคน!ผู้กล้าเป่ยหวนเจ็ดหมื่นชีวิต!เป่ยหวนต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะชดเชยกองทัพเจ็ดหมื่นคนกลับมาได้!ที่สำคัญคือ ทุกครั้งหยุนเจิงใช้วิธีลอบโจมตี!ทุกครั้งล้วนเป็นแผนกลอุบาย!กองทัพซั่วฟางของหยุนเจิง สูญเสียจากรบเกรงว่าจะไม่ถึงหนึ่งพันคนด้วยซ้ำ!ใช้ราคาพันคนมาแลกกับกองทัพเจ็ดหมื่นคนของพวกเขา!นี่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเป่ยหวน!ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหยุนเจิงจึงต้องใช้กับดักหลุมม้าเหล่านั้นแล้ว!หยุนเจิงแค่ต้องการถ่วงเวลสกองทัพของพวก
ปานปู้กัดฟัน แล้วพ่นคำออกจากร่องฟันหากไม่ดูสักหน่อย เขาจะยอมได้อย่างไร?เขาจะดูว่าหยุนเจิงดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างไร!แม้จะต้องกระอักเลือดอีกครั้ง เขาก็จะดูให้ได้!เจียเหยารู้นิสัยปานปู้ดี เขาถอนหายใจลับๆ แล้วยื่นจดหมายในมือให้กับปานปู้ช้าๆ“เอื๊อก…”ปานปู้เพียงแค่กวาดสายตามอง ก็กระอักเลือดแล้วปานปู้ไม่รู้ว่าตนกระอักเลือดเพราะหยุนเจิงกี่ครั้งกี่หนแล้วทว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดแน่นอนทันใดที่เลือดพุ่งออกไป ร่างกายที่เดิมทรุดโทรมอยู่แล้วของปานปู้ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก เขาล้มลงไปในบัดดลเจียเหยารีบวิ่งเข้าไปพยุงเขาไว้อย่างเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว“อัปยศ! อัปยศจริงๆ!”ดวงตาทั้งสองของปานปู้แดงก่ำ ร่ำไห้ทั้งน้ำตานี่คือความอัปยศที่สุดในทั้งชีวิตของเขา!“ดาบทอง! เอาดาบทองเฮงซวยนั่นมาให้ข้า! ข้าจะทำลายมันซะ…”ปานปู้เต็มไปด้วยโทสะ ร่ำตะโกนด้วยความโมโหหากไม่ใช่เพราะดาบทองนี้ คนของพวกเขาจะหลงเชื่อคำพูดของคนของหยุนเจิงได้อย่างไร!เพียงแค่ดาบทองเล่มเดียว ทำให้เป่ยหวนต้องสูญเสียพลทหารถึงหนึ่งหมื่นห้าพันนาย!แถมยังต้องสูญเสียเสบียงจำนวนมหาศาลด้วยสำหรับเป่ยหวนแล้ว นี่มัน
“องค์ชาย ข้าทำไม่ได้หรอก!”“นั่น…นั่นมันอวี้กั๋วกงเชียวนะ!”“ข้าจะกล้าทำตัวสูงศักดิ์ต่อหน้าเขาได้อย่างไร!”ตาเฒ่าซุนเอ่ยความลำบากใจให้กับหยุนเจิงเขาเคยเป็นอาจารย์สอนบทเรียนแค่สองปี แต่ให้ไปแสดงเป็นคนสูงศักดิ์ คนยอดฝีมือต่อหน้าแม่ทัพอาวุโสอย่างอวี้กั๋วกงเนี่ยนะ?แค่อีกฝ่ายส่งสายตามา เขาก็ตัวสั่นไปทั้งตัวแล้ว!ไม่มีพิรุษก็แปลกแล้ว!“ตาเฒ่าซุน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีนะ!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะสามารถแสร้งทำตัวเป็นยอดฝีมือต่อหน้าอวี้กั๋วกงได้นะ! หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความรู้อันเล็กน้อยที่เจ้ามีล่ะก็ เรื่องดีๆ เช่นนี้คงตกไม่ถึงหัวเจ้าหรอก!”ตาเฒ่าแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ข้ารู้! แต่ทว่า…”“เจ้ายังอยากได้จางกงเมามายยี่สิบชั่งหรือไม่?” หยุนเจิงมองบนใส่เขา “หากเจ้าไม่เอา ข้าจะให้คนอื่นจริงๆ นะ!”เมื่อได้ยินหยุนเจิงเอ่ยถึงจางกงเมามาย ลูกกระเดือกของตาเฒ่าซุนพลันเคลื่อนไหวเล็กน้อยเขาไม่มีงานอดิเรกใดๆ เพียงแค่ชอบดื่มสุรายามว่างเท่านั้นจางกงเมามายนี้ เขาแค่ฝันยังอยากดื่มเลย!ตั้งยี่สิบชั่งเชียวนะ!ดื่มได้อีกนาน!ทว่าราคาจางกงเมามายนี่ก็แพงเหลือเกิน!ให้เขา
มาแล้ว!ตาเฒ่าซุนใจวูบวาบ รู้สึกลนลานขึ้นมาในบัดดลโชคดีที่เซียวว่านโฉวอยู่ข้างหลังเขา ทำให้ไม่เห็นสีหน้าของเขาหลังจากที่พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ ตาเฒ่าซุนพลันส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าไม่รู้ทักษะยุทธการอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ออกสู่โลกภายนอกนานเกินไป ไม่มีความกังวลอะไรในใจ จึงเข้าใจจิตใจผู้คนมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น!”“จิตใจผู้คน?”เซียวว่านโฉวขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ “ขออภัยในความโง่เขลาของข้า ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือ?”ตาเฒ่าซุนจ้องมองปลาที่ลอยอยู่ในหลุมน้ำแข็งนิ่งๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าคือศัตรู ศัตรูคือเจ้า!”ได้ยินคำพูดของตาเฒ่าซุนแล้ว เซียวว่านโฉวพลันอดไม่ได้ครุ่นคิดหนักเจ้าคือศัตรู ศัตรูคือเจ้า?คำพูดนี้ ฟังดูลึกซึ้งคาดเดาไม่ถูกจริงๆ!ขณะที่เซียวว่านโฉวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ตาเฒ่าซุนก็เอ่ยนิ่งๆ อีกว่า “ทักษะยุทธการนับหมื่น ไม่สู้จิตใจผู้คนคำนี้! ขณะที่เจ้ากำลังคาดเดาความคิดของศัตรู ศัตรูก็กำลังคาดเดาความคิดของเจ้าเช่นกัน…”เซียวว่านโฉวครุ่นคิดนิ่งๆ อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เผยสีหน้าเข้าใจขึ้นมา“ท่านพูดถูก!”เซียวว่านโฉวโน้มตัวคำนับอีกครั้ง “ฟังคำจากผู้เชี่ยวชาญ มีชัยไปกว่าการเรี
การมาถึงของเว่ยเหวินจง อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของหยุนเจิงเพียงแต่ หยุนเจิงไม่คิดจะมาเจอหน้าเว่ยเหวินจงเลยจึงได้หันกลับไปถามว่าฉินชีหู่มาด้วยหรือไม่เมื่อได้รู้ว่าฉินชีหู่ก็มาด้วย หยุนเจิงจึงสั่งการให้ทหารผู้มารายงานว่า “เรียกฉินชีหู่มาหาข้าที่จวน!”เซียวว่านโฉวขมวดคิ้วเบาๆ “องค์ชายไม่อยู่รอพบเว่ยเหวินจงหน่อยหรือ?”“ไม่!”หยุนเจิงกล่าวด้วยความโมโห “ข้ากลัวว่าเห็นหน้าเว่ยเหวินจงแล้ว ข้าจะชัดดาบแทงเขา!”เมื่อเห็นท่าทีกรุ่นโกรธของหยุนเจิงแล้ว เซียวว่านโฉวพลันส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้เซียวว่านโฉวกล่าว “องค์ชายไม่ต้องกริ้วเพียงนี้ เว่ยเหวินจงเป็นคนจริงจัง ที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ ก็เพราะไม่มีทางเลือก! ข้าคิดว่า แม้เว่ยเหวินจงจะมีความคิดอยากทำร้ายท่านอ๋องจริงๆ แต่เขาก็ไม่กล้าเพียงนี้หรอก…”“อย่างไรข้าก็คิดว่าเว่ยเหวินจงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร!” หยุนเจิงกล่าว “รบกวนอวี้กั๋วกงอยู่ต้อนรับเว่ยเหวินจงหน่อยแล้วกัน ข้าไม่ไปที่ค่ายแล้ว”เซียวว่านโฉวหมดหนทาง ทำได้เพียงตอบตกลงแม่ทัพเข้ากันไม่ได้!เป็นเรื่องที่น่าปวดศีรษะมากจริงๆ!ไม่นาน เซียวว่านโฉวก็มาถึงในฐานค่าย“คารวะอวี้กั๋วกง!”ฝูงชนพากันล
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวว่านโฉวแล้ว เว่ยเหวินจงพลันยิ้มแห้งอย่างต่อเนื่องอวี้กั๋วกงเองก็คิดว่าตนขี้ขลาดขี้กลัวเหมือนกันนั้นหรือ?สงครามครั้งนี้ เขานำกองทหารใหญ่เจ็ดหมื่นนาย แต่กลับขี้กลัวเสียอย่างนั้นส่วนฝ่ายหยุนเจิง รวมกันทั้งหมดมีไม่ถึงสองหมื่นนาย กลับคาดการณ์ศัตรูได้ก่อน และวางกลยุทธ์ได้อย่างแยบยลไม่เพียงแต่สามารถทำให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนถอยทัพ แต่ยังซุ่มโจมตีกองทหารเป่ยหวนที่หุบผาชันช่องลมได้อีกครั้งโดยใช้วิธีที่ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง และสร้างตำนานเทพเจ้าอีกครั้ง!เมื่อเทียบกันแล้ว เขาเว่ยเหวินจงไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!ต่อจากนี้ เกรงว่าตนคงหนีไม่พ้นกับคำด่าว่าเป็นคนขี้กลัวแล้วเพียงแค่สงครามเดียว ผลงานทั้งหมดที่เขาสะสมมาในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือก็หายสาบสูญในชั่วพริบตา“ขอบใจอวี้กั๋วกงที่ชี้แนะ เหวินจงทราบแล้วขอรับ!”เว่ยเหวินจงโน้มตัวคำนับ“ไม่ถึงกับชี้แนะหรอก”เซียวว่านโฉวส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนหนักแน่น และไม่ทำให้กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสูญเสียทหารไปมาก ตามหลักแล้ว สงครามครั้งนี้เจ้าก็มีคุณงามความดีอยู่! แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำ หากไม่สามารถควบคุมทุกคนได้ เช่นนั้นตำแหน่งนี้ ก็อยู่ได้
ณ จวนของหยุนเจิง ฉินชีหู่พลางดื่มสุรากับหยุนเจิงพลางก่นด่าเว่ยเหวินจงเมื่อด่าจนพอใจแล้ว ฉินชีหู่ก็ส่งเสียงหัวเราะร่าออกมา “น้องชาย เจ้าไม่รู้ เมื่อไปกี่วันก่อนตอนที่เว่ยเหวินจงนำกองทหารใหญ่แล้วหยุดไม่เดินต่อ แม่ทัพแต่ละคนในค่ายแทบจะชี้จมูกด่าเว่ยเหวินจงแล้ว แม้แต่แม่ทัพตู๋กูนั่นก็สู้กับเว่ยเหวินจงด้วย…”เมื่อพูดถึงสถานการณ์ในตอนนั้น ฉินชีหู่พลันอดไม่ได้หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้แอบดีใจขึ้นมาเยี่ยม!ผลลัพธ์ที่ใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากสงครามครั้งนี้ไม่ใช่หลอกเป่ยหวนได้กี่คน แต่เป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือต่างหากเช่นนี้ก็ง่ายต่อการยึดอำนาจของตนแล้ว!ดี!การระมัดระวังตัวของเว่ยเหวินจงได้ช่วยตนไปไม่น้อยเช่นกันหยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วยกสุราขึ้นกล่าวว่า “ขอบใจพี่ใหญ่ฉินที่ช่วยออกหน้าแทนข้ามาก ข้าขอดื่มให้กับท่านจอกหนึ่ง!”“เจ้ากับข้ายังจะเกรงใจกันอีก?”ฉินชีหู่โบกมืออย่างสบายๆ แล้วกล่าวด้วยความหดหู่ว่า “ข้าน่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ! ดูซิ ฝั่งเจ้าชนะสงครามไม่หยุดหย่อน แต่ฝั่งข้าแพ้ อยากจะหาเป่ยหวนเพื่อทวงคืนชัยชนะก็
“ปู้ตู?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึง “เทพแห่งธนูพื้นหญ้าในตำนานน่ะหรือ?”“ใช่ๆ!” ฉินชีหู่พยักหน้า “น้องสะใภ้รู้จักปู้ตูด้วยหรือ?”“อืม อวี้กั๋วกงเคยพูดถึง”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า “ว่ากันว่าคนคนนี้สามารถยิงธนูคู่ได้แถมไร้ที่ติด้วย!”“ใช่!”ฉินชีหู่พยักหน้ากล่าว “ได้ยินเฉลยศึกพวกนั้นพูดว่าเจียเหยานั่นยิ่งกว่า ดูเหมือนจะสามารถยิงธนูสามดอกพร้อมกันได้ด้วย! แต่ทว่า ข้าคิดว่าเฉลยศึกพวกนั้นคุยโวโอ้อวดเท่านั้น ธนูสามดอก คิดอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้…”“เป็นไปได้แน่นอน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและหยุนเจิงเอ่ยพร้อมกันฉินชีหู่ตะลึงใจ แล้วมองพวกเขาด้วยความสงสัยหยุนเจิงไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่พวกเขาเจอกับเจียเหยาให้เขาฟังทันที“จริงหรือเนี่ย?”ฉินชีหู่ได้ฟังพลันอึ้งไปชั่วขณะ “ยิงธนูสามดอกพร้อมกันแถมไร้ที่ติ? สตรีผู้นี้เก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ?”ยิงธนูสามดอกพร้อมกันไม่ยาก!ขอเพียงรู้วิธี คนที่มีพลังแขนมากก็ทำได้แต่ที่ยากคือยิงธนูสามดอกพร้อมกันอย่างไร้ที่ติ!สตรีผู้นี้ถูกเทพแห่งธนูสิงร่างหรือไงกัน?“จริงด้วย ตอนนี้ใครเฝ้าโขดเป่ยหยวนอยู่?”ทันใดนั้น หยุนเจิงพลันถามฉินชีหู่“เว่ยซั่ว!”ฉินชีหู่ตอ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่