การมาถึงของเว่ยเหวินจง อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของหยุนเจิงเพียงแต่ หยุนเจิงไม่คิดจะมาเจอหน้าเว่ยเหวินจงเลยจึงได้หันกลับไปถามว่าฉินชีหู่มาด้วยหรือไม่เมื่อได้รู้ว่าฉินชีหู่ก็มาด้วย หยุนเจิงจึงสั่งการให้ทหารผู้มารายงานว่า “เรียกฉินชีหู่มาหาข้าที่จวน!”เซียวว่านโฉวขมวดคิ้วเบาๆ “องค์ชายไม่อยู่รอพบเว่ยเหวินจงหน่อยหรือ?”“ไม่!”หยุนเจิงกล่าวด้วยความโมโห “ข้ากลัวว่าเห็นหน้าเว่ยเหวินจงแล้ว ข้าจะชัดดาบแทงเขา!”เมื่อเห็นท่าทีกรุ่นโกรธของหยุนเจิงแล้ว เซียวว่านโฉวพลันส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้เซียวว่านโฉวกล่าว “องค์ชายไม่ต้องกริ้วเพียงนี้ เว่ยเหวินจงเป็นคนจริงจัง ที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ ก็เพราะไม่มีทางเลือก! ข้าคิดว่า แม้เว่ยเหวินจงจะมีความคิดอยากทำร้ายท่านอ๋องจริงๆ แต่เขาก็ไม่กล้าเพียงนี้หรอก…”“อย่างไรข้าก็คิดว่าเว่ยเหวินจงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร!” หยุนเจิงกล่าว “รบกวนอวี้กั๋วกงอยู่ต้อนรับเว่ยเหวินจงหน่อยแล้วกัน ข้าไม่ไปที่ค่ายแล้ว”เซียวว่านโฉวหมดหนทาง ทำได้เพียงตอบตกลงแม่ทัพเข้ากันไม่ได้!เป็นเรื่องที่น่าปวดศีรษะมากจริงๆ!ไม่นาน เซียวว่านโฉวก็มาถึงในฐานค่าย“คารวะอวี้กั๋วกง!”ฝูงชนพากันล
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวว่านโฉวแล้ว เว่ยเหวินจงพลันยิ้มแห้งอย่างต่อเนื่องอวี้กั๋วกงเองก็คิดว่าตนขี้ขลาดขี้กลัวเหมือนกันนั้นหรือ?สงครามครั้งนี้ เขานำกองทหารใหญ่เจ็ดหมื่นนาย แต่กลับขี้กลัวเสียอย่างนั้นส่วนฝ่ายหยุนเจิง รวมกันทั้งหมดมีไม่ถึงสองหมื่นนาย กลับคาดการณ์ศัตรูได้ก่อน และวางกลยุทธ์ได้อย่างแยบยลไม่เพียงแต่สามารถทำให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนถอยทัพ แต่ยังซุ่มโจมตีกองทหารเป่ยหวนที่หุบผาชันช่องลมได้อีกครั้งโดยใช้วิธีที่ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง และสร้างตำนานเทพเจ้าอีกครั้ง!เมื่อเทียบกันแล้ว เขาเว่ยเหวินจงไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!ต่อจากนี้ เกรงว่าตนคงหนีไม่พ้นกับคำด่าว่าเป็นคนขี้กลัวแล้วเพียงแค่สงครามเดียว ผลงานทั้งหมดที่เขาสะสมมาในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือก็หายสาบสูญในชั่วพริบตา“ขอบใจอวี้กั๋วกงที่ชี้แนะ เหวินจงทราบแล้วขอรับ!”เว่ยเหวินจงโน้มตัวคำนับ“ไม่ถึงกับชี้แนะหรอก”เซียวว่านโฉวส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนหนักแน่น และไม่ทำให้กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสูญเสียทหารไปมาก ตามหลักแล้ว สงครามครั้งนี้เจ้าก็มีคุณงามความดีอยู่! แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำ หากไม่สามารถควบคุมทุกคนได้ เช่นนั้นตำแหน่งนี้ ก็อยู่ได้
ณ จวนของหยุนเจิง ฉินชีหู่พลางดื่มสุรากับหยุนเจิงพลางก่นด่าเว่ยเหวินจงเมื่อด่าจนพอใจแล้ว ฉินชีหู่ก็ส่งเสียงหัวเราะร่าออกมา “น้องชาย เจ้าไม่รู้ เมื่อไปกี่วันก่อนตอนที่เว่ยเหวินจงนำกองทหารใหญ่แล้วหยุดไม่เดินต่อ แม่ทัพแต่ละคนในค่ายแทบจะชี้จมูกด่าเว่ยเหวินจงแล้ว แม้แต่แม่ทัพตู๋กูนั่นก็สู้กับเว่ยเหวินจงด้วย…”เมื่อพูดถึงสถานการณ์ในตอนนั้น ฉินชีหู่พลันอดไม่ได้หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้แอบดีใจขึ้นมาเยี่ยม!ผลลัพธ์ที่ใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากสงครามครั้งนี้ไม่ใช่หลอกเป่ยหวนได้กี่คน แต่เป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือต่างหากเช่นนี้ก็ง่ายต่อการยึดอำนาจของตนแล้ว!ดี!การระมัดระวังตัวของเว่ยเหวินจงได้ช่วยตนไปไม่น้อยเช่นกันหยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วยกสุราขึ้นกล่าวว่า “ขอบใจพี่ใหญ่ฉินที่ช่วยออกหน้าแทนข้ามาก ข้าขอดื่มให้กับท่านจอกหนึ่ง!”“เจ้ากับข้ายังจะเกรงใจกันอีก?”ฉินชีหู่โบกมืออย่างสบายๆ แล้วกล่าวด้วยความหดหู่ว่า “ข้าน่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ! ดูซิ ฝั่งเจ้าชนะสงครามไม่หยุดหย่อน แต่ฝั่งข้าแพ้ อยากจะหาเป่ยหวนเพื่อทวงคืนชัยชนะก็
“ปู้ตู?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึง “เทพแห่งธนูพื้นหญ้าในตำนานน่ะหรือ?”“ใช่ๆ!” ฉินชีหู่พยักหน้า “น้องสะใภ้รู้จักปู้ตูด้วยหรือ?”“อืม อวี้กั๋วกงเคยพูดถึง”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า “ว่ากันว่าคนคนนี้สามารถยิงธนูคู่ได้แถมไร้ที่ติด้วย!”“ใช่!”ฉินชีหู่พยักหน้ากล่าว “ได้ยินเฉลยศึกพวกนั้นพูดว่าเจียเหยานั่นยิ่งกว่า ดูเหมือนจะสามารถยิงธนูสามดอกพร้อมกันได้ด้วย! แต่ทว่า ข้าคิดว่าเฉลยศึกพวกนั้นคุยโวโอ้อวดเท่านั้น ธนูสามดอก คิดอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้…”“เป็นไปได้แน่นอน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและหยุนเจิงเอ่ยพร้อมกันฉินชีหู่ตะลึงใจ แล้วมองพวกเขาด้วยความสงสัยหยุนเจิงไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่พวกเขาเจอกับเจียเหยาให้เขาฟังทันที“จริงหรือเนี่ย?”ฉินชีหู่ได้ฟังพลันอึ้งไปชั่วขณะ “ยิงธนูสามดอกพร้อมกันแถมไร้ที่ติ? สตรีผู้นี้เก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ?”ยิงธนูสามดอกพร้อมกันไม่ยาก!ขอเพียงรู้วิธี คนที่มีพลังแขนมากก็ทำได้แต่ที่ยากคือยิงธนูสามดอกพร้อมกันอย่างไร้ที่ติ!สตรีผู้นี้ถูกเทพแห่งธนูสิงร่างหรือไงกัน?“จริงด้วย ตอนนี้ใครเฝ้าโขดเป่ยหยวนอยู่?”ทันใดนั้น หยุนเจิงพลันถามฉินชีหู่“เว่ยซั่ว!”ฉินชีหู่ตอ
หลังจากที่ถูกหยุนเจิงปฏิเสธ เว่ยเหวินจงก็ได้พาผู้คนจากไปบัดนี้ หยุนเจิงได้เลื่อนขั้น กองทหารเก้าพันนายที่รักษาการณ์ที่หุบผาชันช่องลมคราวก่อนก็กลับไปสู่ใต้บังคับบัญชาของหยุนเจิงเหมือนเดิมถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะนี่เป็นคำเสนอของเซียวว่านโฉวเหตุผลของเซียวว่านโฉวก็หนักแน่นมาก ซั่วฟางมีกำลังพลน้อย กองทหารซั่วฟางที่หยุนเจิงเป็นผู้นำก็ทำให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนสูญเสียไปจำนวนมากหลายครั้งหลายหนไม่มีใครรู้ได้ว่าเป่ยหวนจะมาจัดการกับหยุนเจิงไม้ไหนอีกแต่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป่ยหวนอยากจะสังหารหยุนเจิงด้วยพันดาบหมื่นดาบแน่นอนดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ในมือหยุนเจิงมีกำลังพลไว้ดีกว่าบัดนี้ เดิมก็มีคนมากมายสงสัยว่าเว่ยเหวินจงอยากยืมมือเป่ยหวนกำจัดหยุนเจิงทิ้ง หากเว่ยเหวินจงปฏิเสธคำเสนอของเซียวว่านโฉวอีก ก็จะยิ่งทำให้ผู้คนสงสัยไม่ใช่หรือ?คนเก้าพันนายนั่น เว่ยเหวินจงเพียงแค่ขอหยวนเลี่ยไปผู้เดียวเท่านั้นแต่ทว่า ภารกิจป้องกันหุบผาชันช่องลมก็ได้ตกเป็นหน้าที่ของหยุนเจิงไปด้วยวันที่เว่ยเหวินจงพาคนออกไป เซียวว่านโฉวก็เอ่ยลาหยุนเจิงด้วยเช่นกันเขาเองก็อยู่ที่ซั
วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้โกลาหลแล้วแทรกแซงไปในแต่ละฝ่ายทหารชั้นยอดเก้าพันนายนี้ เพียงพอที่จะเพิ่มกำลังให้กับกลุ่มที่ตั้งขึ้นโดยทหารทั่วไป และสามารถห้ามไม่ให้ทหารเก้าพันนายนี้รวมตัวกันก่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ด้วยหยุนเจิงพยักหน้า แล้วควบม้าไปพร้อมกับเสิ่นลั่วเยี่ยน…หลังจากที่ออกจากซั่วฟาง เซียวว่านโฉวก็เร่งทุกคนตลอดทางเพราะการโจมตีกะทันหันของเป่ยหวน ทำให้พวกเขาเสียเวลาไปมากแล้วบัดนี้ พวกเขาต้องเร่งกลับไปรายงานตัวต่อจักรพรรดิเหวินสัมภาระที่พวกเขาขนมาไม่มากนัก หลักๆ มีเพียงเสบียงอาหารแห้งจำนวนน้อยและสุราที่หยุนเจิงวอนให้เขานำกลับไปด้วยเดิมทีต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะกลับถึงด่านเป่ยลู่ แต่ทว่าพวกเขาใช้เวลาไปทั้งหมดเพียงสองวันเท่านั้นตกดึก เซียวว่านโฉวตัดสินใจว่าจะพากลุ่มคนหยุดพักที่ด่านเป่ยลู่สักคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นค่อยเดินทางออกจากด่านหลังจากออกจากด่าน หิมะบนถนนก็ไม่หนามากแล้ว จึงเดินทางได้เร็วยิ่งขึ้นแน่นอนว่าเซียวว่านโฉวเองก็มีความคิดชองตนเหมือนกันแม่ทัพที่ประจำการอยู่ที่ด่านเป่ยลู่ปัจจุบันนี้คือบุตรชายของเขาเขาผู้เป็นบิดามาถึงแล้ว จะไม่พบหน้าบุตรชายได้อย่างไรอีกอย่าง
เปลือกตาของเซียวติ้งอู่กระตุก แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านสังเกตเห็นอะไรที่ซั่วฟาง?”เซียวติ้งอู่รู้ดีว่าความคิดแปลกๆ ของบิดานี้ต้องเกี่ยวข้องกับการไปซั่วฟางครั้งนี้แน่นอนเซียวว่านโฉวพยักหน้าเล็กน้อย “สังเกตบางอย่างได้จริงๆ…”กล่าวจบ เซียวว่านโฉวก็เล่าให้บุตรชายฟังอย่างละเอียดเขาพบว่า ความน่าเชื่อถือขององค์ชายหกในกองทหารซั่วฟางนั้นสูงมากหากหยุนเจิงไม่อนุญาต เว่ยเหวินจงก็ไม่มีทางขยับทหารได้เลยแม้แต่คนเดียว!เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ท่านเหลิ่งเพียงผู้เดียวก็สามารถทำได้!หากเพียงแค่พึ่งท่านเหลิ่งผู้เดียวเท่านั้น เช่นนั้นหยุนเจิงก็กลายเป็นหุ่นเชิดของท่านเหลิ่งแล้วแต่ทว่า หยุนเจิงกลับไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของท่านเหลิ่งแต่อย่างใดแม่ทัพน้อยใหญ่ในซั่วฟาง ต่างก็เคารพนับถือหยุนเจิงเป็นพิเศษการเคารพนับถือนี้ ก็สามารถตอบคำถามบางอย่างได้แล้วอีกอย่าง ถึงแม้เขาจะอาศัยอยู่ที่ซั่วฟางหลายวัน แต่เรื่องมากมายในซั่วฟาง เขากลับไม่สามารถสืบได้เขารู้สึกว่า เสนาบดีกรมทหารอย่างเขาเป็นเหมือนคนนอกอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพน้อยใหญ่ในซั่วฟาง ถึงจะเป็นกลุ่มเดียวกันถึงแม้เรื่องนี้จะบ่งบอกอะไรไม่ได้ แต่ทว่าอย่
เซียวติ้งอู่ครุ่นคิดอยู่ลับๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ…หลังจากส่งเซียวว่านโฉวพวกเขากลับไป หยุนเจิงก็เริ่มยุ่งขึ้นมาบัดนี้ พวกเขามีกองทหารใหญ่สามหมื่นนายในมือแล้วผนวกกับม้าศึกที่ได้รับมาจากหุบผาชันช่องลม ในที่สุดจำนวนม้าศึกของพวกเขาก็เกินหมื่นเสียทีฐานฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสียก็สำเร็จแล้วส่วนใหญ่ สามารถใช้งานได้แล้วโจวจีซาน เกาเหอทั้งสองคน ได้รับสั่งให้ฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสียส่วนม้าศึกอีกห้าพันกว่าตัวมอบให้เสิ่นลั่วเยี่ยนไปคัดเลือกคนสามพันคนที่เชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงธนูและการสู้บนหลังม้า แล้วก่อตั้งเป็นกลุ่มทหารม้าอย่างแท้จริง!ตู้กุยหยวนคัดเลือกทหารหนึ่งพันนายจากทั้งหมด เพื่อก่อตั้งกองทหารโลหิตอีกครั้งกองทหารโลหิตเป็นทหารม้าแต่ทว่า หยุนเจิงยังไม่มีม้าศึกมากขนาดนั้นอีกอย่าง เขาคิดว่าจะทำให้กองทหารโลหิตกลายเป็นทหารม้าที่บุกพิชิตข้าศึกบัดนี้ยังไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงให้คนเหล่านี้ฝึกซ้อมเป็นทหารราบไปก่อนเฝิงอวี้นำกำลังพลเก้าพันนายไปตั้งหลักอยู่ที่หุบผาชันช่องลม รับผิดชอบป้องกันหุบผาชันช่องลมคนอีกหนึ่งหมื่นแปดพันคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยมีจั่วเริ่นและหลู่ซิ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่