การมาถึงของเว่ยเหวินจง อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของหยุนเจิงเพียงแต่ หยุนเจิงไม่คิดจะมาเจอหน้าเว่ยเหวินจงเลยจึงได้หันกลับไปถามว่าฉินชีหู่มาด้วยหรือไม่เมื่อได้รู้ว่าฉินชีหู่ก็มาด้วย หยุนเจิงจึงสั่งการให้ทหารผู้มารายงานว่า “เรียกฉินชีหู่มาหาข้าที่จวน!”เซียวว่านโฉวขมวดคิ้วเบาๆ “องค์ชายไม่อยู่รอพบเว่ยเหวินจงหน่อยหรือ?”“ไม่!”หยุนเจิงกล่าวด้วยความโมโห “ข้ากลัวว่าเห็นหน้าเว่ยเหวินจงแล้ว ข้าจะชัดดาบแทงเขา!”เมื่อเห็นท่าทีกรุ่นโกรธของหยุนเจิงแล้ว เซียวว่านโฉวพลันส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้เซียวว่านโฉวกล่าว “องค์ชายไม่ต้องกริ้วเพียงนี้ เว่ยเหวินจงเป็นคนจริงจัง ที่เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ ก็เพราะไม่มีทางเลือก! ข้าคิดว่า แม้เว่ยเหวินจงจะมีความคิดอยากทำร้ายท่านอ๋องจริงๆ แต่เขาก็ไม่กล้าเพียงนี้หรอก…”“อย่างไรข้าก็คิดว่าเว่ยเหวินจงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร!” หยุนเจิงกล่าว “รบกวนอวี้กั๋วกงอยู่ต้อนรับเว่ยเหวินจงหน่อยแล้วกัน ข้าไม่ไปที่ค่ายแล้ว”เซียวว่านโฉวหมดหนทาง ทำได้เพียงตอบตกลงแม่ทัพเข้ากันไม่ได้!เป็นเรื่องที่น่าปวดศีรษะมากจริงๆ!ไม่นาน เซียวว่านโฉวก็มาถึงในฐานค่าย“คารวะอวี้กั๋วกง!”ฝูงชนพากันล
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวว่านโฉวแล้ว เว่ยเหวินจงพลันยิ้มแห้งอย่างต่อเนื่องอวี้กั๋วกงเองก็คิดว่าตนขี้ขลาดขี้กลัวเหมือนกันนั้นหรือ?สงครามครั้งนี้ เขานำกองทหารใหญ่เจ็ดหมื่นนาย แต่กลับขี้กลัวเสียอย่างนั้นส่วนฝ่ายหยุนเจิง รวมกันทั้งหมดมีไม่ถึงสองหมื่นนาย กลับคาดการณ์ศัตรูได้ก่อน และวางกลยุทธ์ได้อย่างแยบยลไม่เพียงแต่สามารถทำให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนถอยทัพ แต่ยังซุ่มโจมตีกองทหารเป่ยหวนที่หุบผาชันช่องลมได้อีกครั้งโดยใช้วิธีที่ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง และสร้างตำนานเทพเจ้าอีกครั้ง!เมื่อเทียบกันแล้ว เขาเว่ยเหวินจงไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!ต่อจากนี้ เกรงว่าตนคงหนีไม่พ้นกับคำด่าว่าเป็นคนขี้กลัวแล้วเพียงแค่สงครามเดียว ผลงานทั้งหมดที่เขาสะสมมาในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือก็หายสาบสูญในชั่วพริบตา“ขอบใจอวี้กั๋วกงที่ชี้แนะ เหวินจงทราบแล้วขอรับ!”เว่ยเหวินจงโน้มตัวคำนับ“ไม่ถึงกับชี้แนะหรอก”เซียวว่านโฉวส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนหนักแน่น และไม่ทำให้กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือสูญเสียทหารไปมาก ตามหลักแล้ว สงครามครั้งนี้เจ้าก็มีคุณงามความดีอยู่! แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำ หากไม่สามารถควบคุมทุกคนได้ เช่นนั้นตำแหน่งนี้ ก็อยู่ได้
ณ จวนของหยุนเจิง ฉินชีหู่พลางดื่มสุรากับหยุนเจิงพลางก่นด่าเว่ยเหวินจงเมื่อด่าจนพอใจแล้ว ฉินชีหู่ก็ส่งเสียงหัวเราะร่าออกมา “น้องชาย เจ้าไม่รู้ เมื่อไปกี่วันก่อนตอนที่เว่ยเหวินจงนำกองทหารใหญ่แล้วหยุดไม่เดินต่อ แม่ทัพแต่ละคนในค่ายแทบจะชี้จมูกด่าเว่ยเหวินจงแล้ว แม้แต่แม่ทัพตู๋กูนั่นก็สู้กับเว่ยเหวินจงด้วย…”เมื่อพูดถึงสถานการณ์ในตอนนั้น ฉินชีหู่พลันอดไม่ได้หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้แอบดีใจขึ้นมาเยี่ยม!ผลลัพธ์ที่ใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากสงครามครั้งนี้ไม่ใช่หลอกเป่ยหวนได้กี่คน แต่เป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือต่างหากเช่นนี้ก็ง่ายต่อการยึดอำนาจของตนแล้ว!ดี!การระมัดระวังตัวของเว่ยเหวินจงได้ช่วยตนไปไม่น้อยเช่นกันหยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วยกสุราขึ้นกล่าวว่า “ขอบใจพี่ใหญ่ฉินที่ช่วยออกหน้าแทนข้ามาก ข้าขอดื่มให้กับท่านจอกหนึ่ง!”“เจ้ากับข้ายังจะเกรงใจกันอีก?”ฉินชีหู่โบกมืออย่างสบายๆ แล้วกล่าวด้วยความหดหู่ว่า “ข้าน่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ! ดูซิ ฝั่งเจ้าชนะสงครามไม่หยุดหย่อน แต่ฝั่งข้าแพ้ อยากจะหาเป่ยหวนเพื่อทวงคืนชัยชนะก็
“ปู้ตู?”เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึง “เทพแห่งธนูพื้นหญ้าในตำนานน่ะหรือ?”“ใช่ๆ!” ฉินชีหู่พยักหน้า “น้องสะใภ้รู้จักปู้ตูด้วยหรือ?”“อืม อวี้กั๋วกงเคยพูดถึง”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า “ว่ากันว่าคนคนนี้สามารถยิงธนูคู่ได้แถมไร้ที่ติด้วย!”“ใช่!”ฉินชีหู่พยักหน้ากล่าว “ได้ยินเฉลยศึกพวกนั้นพูดว่าเจียเหยานั่นยิ่งกว่า ดูเหมือนจะสามารถยิงธนูสามดอกพร้อมกันได้ด้วย! แต่ทว่า ข้าคิดว่าเฉลยศึกพวกนั้นคุยโวโอ้อวดเท่านั้น ธนูสามดอก คิดอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้…”“เป็นไปได้แน่นอน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนและหยุนเจิงเอ่ยพร้อมกันฉินชีหู่ตะลึงใจ แล้วมองพวกเขาด้วยความสงสัยหยุนเจิงไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่พวกเขาเจอกับเจียเหยาให้เขาฟังทันที“จริงหรือเนี่ย?”ฉินชีหู่ได้ฟังพลันอึ้งไปชั่วขณะ “ยิงธนูสามดอกพร้อมกันแถมไร้ที่ติ? สตรีผู้นี้เก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ?”ยิงธนูสามดอกพร้อมกันไม่ยาก!ขอเพียงรู้วิธี คนที่มีพลังแขนมากก็ทำได้แต่ที่ยากคือยิงธนูสามดอกพร้อมกันอย่างไร้ที่ติ!สตรีผู้นี้ถูกเทพแห่งธนูสิงร่างหรือไงกัน?“จริงด้วย ตอนนี้ใครเฝ้าโขดเป่ยหยวนอยู่?”ทันใดนั้น หยุนเจิงพลันถามฉินชีหู่“เว่ยซั่ว!”ฉินชีหู่ตอ
หลังจากที่ถูกหยุนเจิงปฏิเสธ เว่ยเหวินจงก็ได้พาผู้คนจากไปบัดนี้ หยุนเจิงได้เลื่อนขั้น กองทหารเก้าพันนายที่รักษาการณ์ที่หุบผาชันช่องลมคราวก่อนก็กลับไปสู่ใต้บังคับบัญชาของหยุนเจิงเหมือนเดิมถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะนี่เป็นคำเสนอของเซียวว่านโฉวเหตุผลของเซียวว่านโฉวก็หนักแน่นมาก ซั่วฟางมีกำลังพลน้อย กองทหารซั่วฟางที่หยุนเจิงเป็นผู้นำก็ทำให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนสูญเสียไปจำนวนมากหลายครั้งหลายหนไม่มีใครรู้ได้ว่าเป่ยหวนจะมาจัดการกับหยุนเจิงไม้ไหนอีกแต่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป่ยหวนอยากจะสังหารหยุนเจิงด้วยพันดาบหมื่นดาบแน่นอนดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ในมือหยุนเจิงมีกำลังพลไว้ดีกว่าบัดนี้ เดิมก็มีคนมากมายสงสัยว่าเว่ยเหวินจงอยากยืมมือเป่ยหวนกำจัดหยุนเจิงทิ้ง หากเว่ยเหวินจงปฏิเสธคำเสนอของเซียวว่านโฉวอีก ก็จะยิ่งทำให้ผู้คนสงสัยไม่ใช่หรือ?คนเก้าพันนายนั่น เว่ยเหวินจงเพียงแค่ขอหยวนเลี่ยไปผู้เดียวเท่านั้นแต่ทว่า ภารกิจป้องกันหุบผาชันช่องลมก็ได้ตกเป็นหน้าที่ของหยุนเจิงไปด้วยวันที่เว่ยเหวินจงพาคนออกไป เซียวว่านโฉวก็เอ่ยลาหยุนเจิงด้วยเช่นกันเขาเองก็อยู่ที่ซั
วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้โกลาหลแล้วแทรกแซงไปในแต่ละฝ่ายทหารชั้นยอดเก้าพันนายนี้ เพียงพอที่จะเพิ่มกำลังให้กับกลุ่มที่ตั้งขึ้นโดยทหารทั่วไป และสามารถห้ามไม่ให้ทหารเก้าพันนายนี้รวมตัวกันก่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ด้วยหยุนเจิงพยักหน้า แล้วควบม้าไปพร้อมกับเสิ่นลั่วเยี่ยน…หลังจากที่ออกจากซั่วฟาง เซียวว่านโฉวก็เร่งทุกคนตลอดทางเพราะการโจมตีกะทันหันของเป่ยหวน ทำให้พวกเขาเสียเวลาไปมากแล้วบัดนี้ พวกเขาต้องเร่งกลับไปรายงานตัวต่อจักรพรรดิเหวินสัมภาระที่พวกเขาขนมาไม่มากนัก หลักๆ มีเพียงเสบียงอาหารแห้งจำนวนน้อยและสุราที่หยุนเจิงวอนให้เขานำกลับไปด้วยเดิมทีต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะกลับถึงด่านเป่ยลู่ แต่ทว่าพวกเขาใช้เวลาไปทั้งหมดเพียงสองวันเท่านั้นตกดึก เซียวว่านโฉวตัดสินใจว่าจะพากลุ่มคนหยุดพักที่ด่านเป่ยลู่สักคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นค่อยเดินทางออกจากด่านหลังจากออกจากด่าน หิมะบนถนนก็ไม่หนามากแล้ว จึงเดินทางได้เร็วยิ่งขึ้นแน่นอนว่าเซียวว่านโฉวเองก็มีความคิดชองตนเหมือนกันแม่ทัพที่ประจำการอยู่ที่ด่านเป่ยลู่ปัจจุบันนี้คือบุตรชายของเขาเขาผู้เป็นบิดามาถึงแล้ว จะไม่พบหน้าบุตรชายได้อย่างไรอีกอย่าง
เปลือกตาของเซียวติ้งอู่กระตุก แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านสังเกตเห็นอะไรที่ซั่วฟาง?”เซียวติ้งอู่รู้ดีว่าความคิดแปลกๆ ของบิดานี้ต้องเกี่ยวข้องกับการไปซั่วฟางครั้งนี้แน่นอนเซียวว่านโฉวพยักหน้าเล็กน้อย “สังเกตบางอย่างได้จริงๆ…”กล่าวจบ เซียวว่านโฉวก็เล่าให้บุตรชายฟังอย่างละเอียดเขาพบว่า ความน่าเชื่อถือขององค์ชายหกในกองทหารซั่วฟางนั้นสูงมากหากหยุนเจิงไม่อนุญาต เว่ยเหวินจงก็ไม่มีทางขยับทหารได้เลยแม้แต่คนเดียว!เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ท่านเหลิ่งเพียงผู้เดียวก็สามารถทำได้!หากเพียงแค่พึ่งท่านเหลิ่งผู้เดียวเท่านั้น เช่นนั้นหยุนเจิงก็กลายเป็นหุ่นเชิดของท่านเหลิ่งแล้วแต่ทว่า หยุนเจิงกลับไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของท่านเหลิ่งแต่อย่างใดแม่ทัพน้อยใหญ่ในซั่วฟาง ต่างก็เคารพนับถือหยุนเจิงเป็นพิเศษการเคารพนับถือนี้ ก็สามารถตอบคำถามบางอย่างได้แล้วอีกอย่าง ถึงแม้เขาจะอาศัยอยู่ที่ซั่วฟางหลายวัน แต่เรื่องมากมายในซั่วฟาง เขากลับไม่สามารถสืบได้เขารู้สึกว่า เสนาบดีกรมทหารอย่างเขาเป็นเหมือนคนนอกอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพน้อยใหญ่ในซั่วฟาง ถึงจะเป็นกลุ่มเดียวกันถึงแม้เรื่องนี้จะบ่งบอกอะไรไม่ได้ แต่ทว่าอย่
เซียวติ้งอู่ครุ่นคิดอยู่ลับๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ…หลังจากส่งเซียวว่านโฉวพวกเขากลับไป หยุนเจิงก็เริ่มยุ่งขึ้นมาบัดนี้ พวกเขามีกองทหารใหญ่สามหมื่นนายในมือแล้วผนวกกับม้าศึกที่ได้รับมาจากหุบผาชันช่องลม ในที่สุดจำนวนม้าศึกของพวกเขาก็เกินหมื่นเสียทีฐานฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสียก็สำเร็จแล้วส่วนใหญ่ สามารถใช้งานได้แล้วโจวจีซาน เกาเหอทั้งสองคน ได้รับสั่งให้ฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสียส่วนม้าศึกอีกห้าพันกว่าตัวมอบให้เสิ่นลั่วเยี่ยนไปคัดเลือกคนสามพันคนที่เชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงธนูและการสู้บนหลังม้า แล้วก่อตั้งเป็นกลุ่มทหารม้าอย่างแท้จริง!ตู้กุยหยวนคัดเลือกทหารหนึ่งพันนายจากทั้งหมด เพื่อก่อตั้งกองทหารโลหิตอีกครั้งกองทหารโลหิตเป็นทหารม้าแต่ทว่า หยุนเจิงยังไม่มีม้าศึกมากขนาดนั้นอีกอย่าง เขาคิดว่าจะทำให้กองทหารโลหิตกลายเป็นทหารม้าที่บุกพิชิตข้าศึกบัดนี้ยังไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงให้คนเหล่านี้ฝึกซ้อมเป็นทหารราบไปก่อนเฝิงอวี้นำกำลังพลเก้าพันนายไปตั้งหลักอยู่ที่หุบผาชันช่องลม รับผิดชอบป้องกันหุบผาชันช่องลมคนอีกหนึ่งหมื่นแปดพันคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยมีจั่วเริ่นและหลู่ซิ