หลังจากที่ถูกหยุนเจิงปฏิเสธ เว่ยเหวินจงก็ได้พาผู้คนจากไปบัดนี้ หยุนเจิงได้เลื่อนขั้น กองทหารเก้าพันนายที่รักษาการณ์ที่หุบผาชันช่องลมคราวก่อนก็กลับไปสู่ใต้บังคับบัญชาของหยุนเจิงเหมือนเดิมถึงแม้เว่ยเหวินจงจะไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะนี่เป็นคำเสนอของเซียวว่านโฉวเหตุผลของเซียวว่านโฉวก็หนักแน่นมาก ซั่วฟางมีกำลังพลน้อย กองทหารซั่วฟางที่หยุนเจิงเป็นผู้นำก็ทำให้กองทหารใหญ่เป่ยหวนสูญเสียไปจำนวนมากหลายครั้งหลายหนไม่มีใครรู้ได้ว่าเป่ยหวนจะมาจัดการกับหยุนเจิงไม้ไหนอีกแต่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป่ยหวนอยากจะสังหารหยุนเจิงด้วยพันดาบหมื่นดาบแน่นอนดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ในมือหยุนเจิงมีกำลังพลไว้ดีกว่าบัดนี้ เดิมก็มีคนมากมายสงสัยว่าเว่ยเหวินจงอยากยืมมือเป่ยหวนกำจัดหยุนเจิงทิ้ง หากเว่ยเหวินจงปฏิเสธคำเสนอของเซียวว่านโฉวอีก ก็จะยิ่งทำให้ผู้คนสงสัยไม่ใช่หรือ?คนเก้าพันนายนั่น เว่ยเหวินจงเพียงแค่ขอหยวนเลี่ยไปผู้เดียวเท่านั้นแต่ทว่า ภารกิจป้องกันหุบผาชันช่องลมก็ได้ตกเป็นหน้าที่ของหยุนเจิงไปด้วยวันที่เว่ยเหวินจงพาคนออกไป เซียวว่านโฉวก็เอ่ยลาหยุนเจิงด้วยเช่นกันเขาเองก็อยู่ที่ซั
วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้โกลาหลแล้วแทรกแซงไปในแต่ละฝ่ายทหารชั้นยอดเก้าพันนายนี้ เพียงพอที่จะเพิ่มกำลังให้กับกลุ่มที่ตั้งขึ้นโดยทหารทั่วไป และสามารถห้ามไม่ให้ทหารเก้าพันนายนี้รวมตัวกันก่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ด้วยหยุนเจิงพยักหน้า แล้วควบม้าไปพร้อมกับเสิ่นลั่วเยี่ยน…หลังจากที่ออกจากซั่วฟาง เซียวว่านโฉวก็เร่งทุกคนตลอดทางเพราะการโจมตีกะทันหันของเป่ยหวน ทำให้พวกเขาเสียเวลาไปมากแล้วบัดนี้ พวกเขาต้องเร่งกลับไปรายงานตัวต่อจักรพรรดิเหวินสัมภาระที่พวกเขาขนมาไม่มากนัก หลักๆ มีเพียงเสบียงอาหารแห้งจำนวนน้อยและสุราที่หยุนเจิงวอนให้เขานำกลับไปด้วยเดิมทีต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะกลับถึงด่านเป่ยลู่ แต่ทว่าพวกเขาใช้เวลาไปทั้งหมดเพียงสองวันเท่านั้นตกดึก เซียวว่านโฉวตัดสินใจว่าจะพากลุ่มคนหยุดพักที่ด่านเป่ยลู่สักคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นค่อยเดินทางออกจากด่านหลังจากออกจากด่าน หิมะบนถนนก็ไม่หนามากแล้ว จึงเดินทางได้เร็วยิ่งขึ้นแน่นอนว่าเซียวว่านโฉวเองก็มีความคิดชองตนเหมือนกันแม่ทัพที่ประจำการอยู่ที่ด่านเป่ยลู่ปัจจุบันนี้คือบุตรชายของเขาเขาผู้เป็นบิดามาถึงแล้ว จะไม่พบหน้าบุตรชายได้อย่างไรอีกอย่าง
เปลือกตาของเซียวติ้งอู่กระตุก แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านสังเกตเห็นอะไรที่ซั่วฟาง?”เซียวติ้งอู่รู้ดีว่าความคิดแปลกๆ ของบิดานี้ต้องเกี่ยวข้องกับการไปซั่วฟางครั้งนี้แน่นอนเซียวว่านโฉวพยักหน้าเล็กน้อย “สังเกตบางอย่างได้จริงๆ…”กล่าวจบ เซียวว่านโฉวก็เล่าให้บุตรชายฟังอย่างละเอียดเขาพบว่า ความน่าเชื่อถือขององค์ชายหกในกองทหารซั่วฟางนั้นสูงมากหากหยุนเจิงไม่อนุญาต เว่ยเหวินจงก็ไม่มีทางขยับทหารได้เลยแม้แต่คนเดียว!เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ท่านเหลิ่งเพียงผู้เดียวก็สามารถทำได้!หากเพียงแค่พึ่งท่านเหลิ่งผู้เดียวเท่านั้น เช่นนั้นหยุนเจิงก็กลายเป็นหุ่นเชิดของท่านเหลิ่งแล้วแต่ทว่า หยุนเจิงกลับไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของท่านเหลิ่งแต่อย่างใดแม่ทัพน้อยใหญ่ในซั่วฟาง ต่างก็เคารพนับถือหยุนเจิงเป็นพิเศษการเคารพนับถือนี้ ก็สามารถตอบคำถามบางอย่างได้แล้วอีกอย่าง ถึงแม้เขาจะอาศัยอยู่ที่ซั่วฟางหลายวัน แต่เรื่องมากมายในซั่วฟาง เขากลับไม่สามารถสืบได้เขารู้สึกว่า เสนาบดีกรมทหารอย่างเขาเป็นเหมือนคนนอกอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพน้อยใหญ่ในซั่วฟาง ถึงจะเป็นกลุ่มเดียวกันถึงแม้เรื่องนี้จะบ่งบอกอะไรไม่ได้ แต่ทว่าอย่
เซียวติ้งอู่ครุ่นคิดอยู่ลับๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ…หลังจากส่งเซียวว่านโฉวพวกเขากลับไป หยุนเจิงก็เริ่มยุ่งขึ้นมาบัดนี้ พวกเขามีกองทหารใหญ่สามหมื่นนายในมือแล้วผนวกกับม้าศึกที่ได้รับมาจากหุบผาชันช่องลม ในที่สุดจำนวนม้าศึกของพวกเขาก็เกินหมื่นเสียทีฐานฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสียก็สำเร็จแล้วส่วนใหญ่ สามารถใช้งานได้แล้วโจวจีซาน เกาเหอทั้งสองคน ได้รับสั่งให้ฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสียส่วนม้าศึกอีกห้าพันกว่าตัวมอบให้เสิ่นลั่วเยี่ยนไปคัดเลือกคนสามพันคนที่เชี่ยวชาญการขี่ม้ายิงธนูและการสู้บนหลังม้า แล้วก่อตั้งเป็นกลุ่มทหารม้าอย่างแท้จริง!ตู้กุยหยวนคัดเลือกทหารหนึ่งพันนายจากทั้งหมด เพื่อก่อตั้งกองทหารโลหิตอีกครั้งกองทหารโลหิตเป็นทหารม้าแต่ทว่า หยุนเจิงยังไม่มีม้าศึกมากขนาดนั้นอีกอย่าง เขาคิดว่าจะทำให้กองทหารโลหิตกลายเป็นทหารม้าที่บุกพิชิตข้าศึกบัดนี้ยังไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงให้คนเหล่านี้ฝึกซ้อมเป็นทหารราบไปก่อนเฝิงอวี้นำกำลังพลเก้าพันนายไปตั้งหลักอยู่ที่หุบผาชันช่องลม รับผิดชอบป้องกันหุบผาชันช่องลมคนอีกหนึ่งหมื่นแปดพันคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยมีจั่วเริ่นและหลู่ซิ
เจียเหยา!องค์หญิงแห่งเป่ยหวน เจียเหยา!เฝิงอวี้พวกเขาจับองค์หญิงแห่งเป่ยหวน เจียเหยาได้ที่หุบผาชันช่องลม!พูดให้ถูกคือ ไม่ใช่พวกเขาจับได้!แต่เจียเหยาเป็นคนมาเอง เป็นคนมาให้พวกเขาจับเองและจุดประสงค์ที่เจียเหยาปล่อยให้พวกเขาจับนั้น มีเพียงสิ่งเดียว!เจียเหยาอยากพบหยุนเจิง!“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่านางคือเจียเหยา?”หยุนเจิงสั่งให้ทหารอารักขานำคนเข้ามาสอบถาม“น่าจะใช่ขอรับ!”คนผู้นั้นพยักหน้าเบาๆ แล้วเกาศีรษะกล่าวว่า “แต่ทว่าพวกเราเองก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาขององค์หญิงผู้นั้น ดังนั้นก็ไม่แน่ใจเช่นกัน…”“ไป! ไปดูซิ!”หยุนเจิงเรียกอวี๋ซื่อจง และก้าวเท้าออกไปอย่างรีบร้อนเจียเหยา!ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้ากระมัง?อยู่ดีๆ ถึงได้วิ่งมาให้พวกเขาจับ?เพื่อจะพบหน้าตน?คงไม่ใช่เพราะนางนำทัพพ่ายแพ้ ถูกประมุขใหญ่เป่ยหวนลงโทษจึงวิ่งมาหาตนหรอกนะ?คิดแล้วก็ไม่น่าใช่!ถึงนางจะมาลอบสังหารตนตามลำพัง ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้สิ!แปลก!แปลกมาก!วินาทีนี้ หยุนเจิงรู้สึกนับถือเจียเหยามากในสถานการณ์เช่นนี้ นางกลับกล้าวิ่งเข้ามาด้วยตนเองตามลำพัง?นางไม่กลัวว่าตนจะสังหารนางเลยหรือ?ความกล้านี้ช่างน่านั
เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชาออกมา ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่ลดลงเลย “เจ้าน่าจะทำให้ขุนนางเป่ยหวนเป็นคนของเจ้า!”หยุนเจิงหยักไหล่ “หากเจ้ามายอมแพ้ ข้าก็ไม่มีปัญหานะ”เจียเหยาส่ายศีรษะยิ้ม “ถึงแม้ข้าจะไม่ได้มาเจรจาคืนดี แต่ข้ามาเพื่อมอบคุณงานความดีให้กับเจ้า! คุณงานความดีที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้!”“หืม?”มุมปากของหยุนเจิงยกขึ้น “จับตัวองค์หญิงเป่ยหวนได้ ถือว่าเป็นคุณงานความดีมากแล้ว!”“ไม่ใช่ๆ เรื่องนี้ยังน้อยไป!” เจียเหยาส่ายศีรษะหัวเราะ “หากเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะลอบสังหารเจ้า เช่นนั้นเราสามารถพูดคุยกันตามลำพังได้”“ได้สิ!” หยุนเจิงตอบตกลงทันใด“องค์ชาย ไม่ได้ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงและเฝิงอวี้รีบส่ายศีรษะให้กับหยุนเจิงผู้หญิงที่สามารถยิงธนูสามดอกพร้อมกันได้ วรยุทธ์ไม่แย่แน่นอนหยุนเจิงพูดคุยกับนางตามลำพังนั้นอันตรายเกินไป“ไม่เป็นอะไร”หยุนเจิงโบกมือ “ข้าเชื่อว่าองค์หญิงเจียเหยาเป็นคนฉลาด และเป็นคนรักษาชีวิต! ออกไปเถอะ ข้าจะพูดคุยกับองค์หญิงเจียเหยา!”กล่าวจบบ หยุนเจิงพลันส่งสายตาให้กับพวกเขาทั้งสองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้พาคนออกไปเขายังมีอาวุธลับของเมี่ยวอินอยู่!ผู้หญิงคนนี้ไม่มี
ยึดครองพื้นที่ที่สูญเสียไปกลับคืนมา?เมืองสามชายแดน?หยุนเจิงชะงักเล็กน้อยยึดพื้นที่ที่สูญเสียไปกลับมาเชียวนะ นี่มันคุณงานความดีครั้งใหญ่เท่าสวรรค์เชียวนะ!ผู้หญิงคนนี้ คงไม่ได้วางกับดักให้กับตนหรอกกระมัง?หรือว่า นางคิดจะซุ่มโจมตีขณะที่ต้าเฉียนส่งคนไปรับเมืองสามชายแดนมา?อย่าว่านะ ด้วยความฉลาดของผู้หญิงคนนี้แล้ว อาจจะทำเช่นนี้ก็เป็นได้หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หยุนเจิงก็เงยหน้ามองเจียเหยา “อยู่ดีๆ เจ้ามอบคุณงานความดีขนาดนี้ให้ข้าทำไมกัน เจ้าตกหลุมรักข้าหรือ?”“เจ้า…”สีหน้าของเจียเหยาเปลี่ยนไปในบัดดล แล้วจ้องมองหยุนเจิงด้วยดวงตากลมโตในฐานะบุตรีที่ประมุขใหญ่โปรดปราณมากที่สุด นางจะเคยถูกคนอื่นหยอกล้อได้อย่างไร?ทันใดนั้นเอง นางอยากจะหักร่างศพของหยุนเจิงให้เป็นท่อนๆ เลย!“ได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ตกหลุมรักข้า”หยุนเจิงหยักไหล่ แล้วยิ้มอย่างไม่ใส่ใจกับแววตากินคนของเจียเหยาเลยเมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของหยุนเจิงแล้ว เจียเหยาพลางอดไม่ได้ก่นด่าขึ้นมาในใจเพิ่งจะด่าจบ หัวใจของเจียเหยาพลันกระตุกวาบตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงตอนนี้ ตนถูกหยุนเจิงจูงจมูกทั้งหมด!ตนโมโหเพราะหยุนเจิง แต
ในหนึ่งแสนนายนั่นแม้จะมีคนที่เพิ่งเลือกมาบ้าง แต่อย่างน้อยก็เป็นกองทหารที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วซะส่วนใหญ่พูดให้น่าเกลียดกว่านี้ เป่ยหวนเฝ้าเมืองสามชายแดน อย่างไรก็ต้องตายในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทิ้งเมืองสามชายแดนแลกกับโอกาสได้เสบียงและการพักสงครามดีกว่ารอให้พวกเขาพักฟื้นแล้ว เกรงว่าคงเป็นวันที่ได้แก้แค้นต้าเฉียนแล้ว!คิดซะสวยจริงๆ!นำเมืองสามชายแดนที่คิดทิ้งอยู่แล้วมาแลกเสบียงกับโอกาสในการพักฟื้น!นี่มันมองอย่างไรก็ได้เปรียบทั้งนั้นนี่!ผ่านไปนาน หยุนเจิงพลันเงยหน้ามองเจียเหยา แล้วเอ่ยเชิงหยอกล้อว่า “ เจ้าติดว่าหากข้าสังหารเจ้า แล้วค่อยนำเงื่อนไขที่เจ้าว่ามาไปเจรจากับเป่ยหวน เจ้าคิดว่าประมุขใหญ่จะยอมรับ?”หัวใจของเจียเหยาเต้น แสร้งทำเป็นแน่วแน่ แล้วกล่าวว่า ‘หากเจ้าสังหารข้า เสด็จพ่อข้าไม่มีทางคืนพื้นที่เมืองสามชายแดนแน่นอน! ถึงแม้เป่ยหวนจะแพ้ ก็ไม่เสียดาย!”“เอาเถอะ ไม่คุยโวโอ้อวดจะตายหรือไง?”หยุนเจิงมองเจียเหยายิ้มๆ “เจ้ายังไม่สำคัญเพียงนั้น! เพื่อแก้แค้นเทนเจ้า เป่ยหวนถึงกับสู้สุดชีวิตกับต้าเฉียน จั่วเสียนอ๋องของพวกเจ้าตกลงหรือ?”สู้กันทีละคนอีก?คิดอะไรอยู่กัน!นางคิ