ในหนึ่งแสนนายนั่นแม้จะมีคนที่เพิ่งเลือกมาบ้าง แต่อย่างน้อยก็เป็นกองทหารที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วซะส่วนใหญ่พูดให้น่าเกลียดกว่านี้ เป่ยหวนเฝ้าเมืองสามชายแดน อย่างไรก็ต้องตายในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทิ้งเมืองสามชายแดนแลกกับโอกาสได้เสบียงและการพักสงครามดีกว่ารอให้พวกเขาพักฟื้นแล้ว เกรงว่าคงเป็นวันที่ได้แก้แค้นต้าเฉียนแล้ว!คิดซะสวยจริงๆ!นำเมืองสามชายแดนที่คิดทิ้งอยู่แล้วมาแลกเสบียงกับโอกาสในการพักฟื้น!นี่มันมองอย่างไรก็ได้เปรียบทั้งนั้นนี่!ผ่านไปนาน หยุนเจิงพลันเงยหน้ามองเจียเหยา แล้วเอ่ยเชิงหยอกล้อว่า “ เจ้าติดว่าหากข้าสังหารเจ้า แล้วค่อยนำเงื่อนไขที่เจ้าว่ามาไปเจรจากับเป่ยหวน เจ้าคิดว่าประมุขใหญ่จะยอมรับ?”หัวใจของเจียเหยาเต้น แสร้งทำเป็นแน่วแน่ แล้วกล่าวว่า ‘หากเจ้าสังหารข้า เสด็จพ่อข้าไม่มีทางคืนพื้นที่เมืองสามชายแดนแน่นอน! ถึงแม้เป่ยหวนจะแพ้ ก็ไม่เสียดาย!”“เอาเถอะ ไม่คุยโวโอ้อวดจะตายหรือไง?”หยุนเจิงมองเจียเหยายิ้มๆ “เจ้ายังไม่สำคัญเพียงนั้น! เพื่อแก้แค้นเทนเจ้า เป่ยหวนถึงกับสู้สุดชีวิตกับต้าเฉียน จั่วเสียนอ๋องของพวกเจ้าตกลงหรือ?”สู้กันทีละคนอีก?คิดอะไรอยู่กัน!นางคิ
ขัดใจบรรพบุรุษ?เจียเหยาขมวดคิ้วมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย “ขัดใจอะไร?”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยแววตาเปล่งประกาย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “จาจา เราอภิเษกสมรสเพื่อสันติภาพกันเถอะ!”อภิเษกสมรสเพื่อสันติภาพ?ลมหายใจของเจียเหยาถี่ขึ้นทันใดมีชั่วขณะหนึ่งที่เจียเหยาอยากจะฟาดฝ่ามือออกไปตบหน้าหยุนเจิงสักทีไอ้สารเลวไร้ยางอาย!อยากจะได้คุณงานความดีเรื่องเอาดินแดนที่เสียไปกลับคืนมาได้ แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้ตนกลับเป่ยหวน!เขาคิดว่าเรื่องดีๆ ทุกอย่างบนโลกจะหมุนรอบตัวเขาจริงๆ หรือไงกัน?จู่ๆ เจียเหยาก็รู้สึกเสียใจทีหลังนางไม่ควรมาหาไอ้คนสารเลวไร้ยางอายนี้แต่แรก!หลังจากพยายามอดกลั้นความรู้สึกนั่นไว้แล้ว เจียเหยาพลันเหยียดยิ้มออกมา “ได้สิ! เจ้ามาเป็นสามีข้า แล้วข้าจะทูลเสด็จพ่อให้แต่งตั้งเจ้าเป็นกู่หลี่อ๋องแห่งเป่ยหวน!”“เรื่องนี้ช่างมันเถอะ”หยุนเจิงโบกมือปฏิเสธ “ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นพระชายารองของข้า เราทั้งสองแคว้นหยุดสงครามต่อกัน ต่อจากนี้ก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว! นี่ก็ถือเป็นผลงานเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำเพื่อความมั่นคงและเจริณรุ่งเรืองของต้าเฉียนและเป่ยหวนเช่นกัน”ผลงานเล็กๆ น้อยๆ?
ห้ามปล่อยให้ไอ้สารเลวไร้ยางอายนี่ชักจูงอีกแล้วต้องตอบโต้!ในเมื่อเป็นการเจรจา เช่นนั้นก็ห้ามปล่อยให้เขาถือไพ่เหนือกว่า!เมื่อได้ยินคำพูดของเจียเหยาแล้ว หยุนเจิงพลันอดไม่ได้แอบด่าในใจผู้หญิงคนนี้ เอาตนเองได้อยู่หมัดจริงๆ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็หยุดเจรจากันก่อนแล้วกัน!”หยุนเจิงลุกขึ้น เปิดประตูแล้วเดินออกไป จากนั้นสั่งการอวี๋ซื่อจงว่า “ขี่ม้าของข้ากลับไปบอกให้พระชายากับเมี่ยวอินเร่งมาที่นี่ แล้วก็นำสุรามาให้มากหน่อย!”“ขอรับ!”อวี๋ซื่อจงรับคำสั่งแล้วปฏิบัติทันที“เจ้าจะต้อนรับข้ารึ?”เจียเหยาเลิกคิ้วถาม“แหง่อยู่แล้วสิ!”หยุนเจิงหันกลับไปยิ้ม “ต้าเฉียนของข้าให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาท เจ้าที่เป็นองค์หญิงแห่งเป่ยหวนมาเยือนถึงที่ อย่างไรพวกข้าก็ต้องทำการต้อนรับอยู่แล้ว!”“งั้นรึ?” เจียเหยาเม้มปากยิ้มแย้ม “ในเมื่อจะต้อนรับข้า เหตุใดถึงไม่พาข้าไปที่จวนของเจ้าล่ะ? จะต้อนรับข้าในที่เช่นนี้รึ?”หยุนเจิงแบมือทั้งสองออก “เจ้าไม่สมรสกับข้าสักหน่อย จะไปที่จวนข้าทำไมกัน? ข้าให้เจ้าดื่มสุราที่นี่ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!”เจียเหยาเบะปาก แค่นเสียงเย็นชา “ข้าว่านะ เจ้าคิดจะมอมสุราข้า แล้วเค
ตกดึก หยุนเจิงสั่งให้คนรับใช้นำเนื้อม้าและข้าวต้มมาให้เจียเหยาหยุนเจิงเองก็ถือชามเนื้อม้าตุ๋นนั่งกินอยู่ตรงหน้าเจียเหยาไอ้สารเลวนี่จงใจชัดๆ!นางไม่รังเกียจการกินเนื้อม้ามิฉะนั้น นางก็คงไม่สั่งทหารให้ฆ่าม้าศึกเป็นอาหารหรอกแต่ทว่านางโกรธเพราะการกระทำของหยุนเจิงต่างหากหยุนเจิงคอยทำท่าทำท่างเป็นผู้ชนะสิบทิศตรงหน้านางอยู่ตลอดเวลา!“อย่ามองข้าสิ! กินของเจ้าไปเลย!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าใจดีมอบคุณงามความดีให้แก่ข้า ข้าต้องไม่ปล่อยให้เจ้าหิวโซอยู่แล้ว! วางใจเถอะ ข้าไม่วางยาพิษใส่เจ้าหรอก”“เจ้าไม่วางยาพิษใส่ข้าอยู่แล้ว” เจียเหยาเลิกคิ้วกล่าว “เพราะข้าตาย ไม่มีผลประโยชน์อะไรต่อเจ้า”“จริง”หยุนเจิงไม่ปฏิเสธ “ดังนั้น เจ้ากินอย่างสบายได้เลย! ไม่พอเติมได้”“เจ้านี่มันใจกว้างจริงๆ!”เจียเหยากัดฟันมองหยุนเจิง แล้วหยิบเนื้อม้าขึ้นมากัดกินกล่าวตามตรง รสชาตินี้อร่อยกว่าที่พวกเขากินปกติมากทว่าเจียเหยากัดกินอยู่ในปาก ในใจกลับโกรธมากสุดท้าย เจียเหยาทำได้เพียงกินแทนความโกรธ แล้วกัดกินคำโตๆ“ช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มแย้ม “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นองค์หญิงแห่งเป่ยห
เรียกไปเถอะ!ตนตกอยู่ในกำมือเขา ปล่อยให้เขาเรียกตามสบายไปเถอะ!เจียเหยายิ้มตอบ แล้วหันไปมองหยุนเจิง “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด”“เรื่องอะไร?”หยุนเจิงถามยิ้มแย้มเจียเหยาเก็บรอยยิ้ม แล้วมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย “เจ้าสามารถทำหิมะถล่มที่ใหญ่เพียงนั้นที่หุบเขามรณะได้อย่างไรกัน? แล้วก็เสียงฟ้าผ่านั่นด้วย เจ้าทำออกมาได้อย่างไร?”“เกี่ยวอะไรกับข้า?”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ อย่างนิ่งๆ “พวกเจ้าหลบหลู่เทพเจ้าเอง ทำให้ได้รับบทลงโทษจากเทพเจ้า เหตุใดถึงต้องโยนความผิดมาให้ข้าด้วย? ความผิดบาปของข้าก็มากพอแล้ว เจ้าอย่าเพิ่มบาปให้ข้าอีกเลย”เจียเหยาเลิกคิ้วเบาๆ “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?”หยุนเจิงหยักไหล่ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่แยแส “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ข้าเชื่อ”เจียเหยาชะงักเล็กน้อย เกือบจะหลุดโมโหออกมาอีกครั้งไม่นาน ข้าวต้มของเจียเหยาก็มาถึงเจียเหยากินข้าวต้มจนหมดอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกไป“ทำอะไรน่ะ?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจ“พวกเจ้าไม่มัดตัวข้าไว้หรือ?”เจียเหยาเอ่ยนิ่งๆ “มัดข้าไว้ ข้าจะได้ไม่หนีออกไปนำความดีความชอบไปให้กับเว่ยเหวินจงไงล่ะ”“ไม่ต้องหรอ
เที่ยงวันต่อมา เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินก็มาถึงแล้วแม้แต่จางซูและหมิงเย่ว์ก็ตามมาด้วยพวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่าสตรีที่สามารถยิงธนูพร้อมกันสามลูกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเห็นใบหน้าของเจียเหยาแล้ว ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเพราะในความคิดของพวกเขานั้น สตรีของเป่ยหวนล้วนแต่มีรูปร่างกำยำ ผิวพรรณหยาบกร้านทั้งนั้นแต่ทว่า สตรีตรงหน้านี้ ไม่เพียงแต่มีรูปร่างผอมบาง ผิวพรรณก็ดีมากด้วยหากไม่ใช่เพราะนางมีหน้าตาที่แข็งแกร่งล่ะก็ พวกเขาคงไม่เชื่อว่านางเป็นสตรีแห่งเป่ยหวนแน่นอนที่สำคัญ สตรีที่ผิวพรรณนิ่มนวลคนนี้ยังมีทักษะการยิงธนูพร้อมกันสามลูกด้วยถึงแม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ภาพที่เจียเหยายิงธนูพร้อมกันสามลูกยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเสิ่นลั่วเยี่ยนสองสามวันนี้ นางก็ฝึกซ้อมวิธีการยิงธนูสามลูกพร้อมกันเช่นกันแต่ผลที่ได้คือ ยิงศรธนูออกไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล็งเป้าหรือระยะห่างก็ยังห่างไกลอยู่มากแม้ว่านางจะลดความยากลงเป็นยิงธนูพร้อมกันสองลูก ผลที่ได้ก็แย่เหมือนเคยสตรีทั้งสามสำรวจมองเจียเหยา เจียเหยาเองก็สำรวจมองพวกนางเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน เจียเหยาก็เอ่ยถามหยุนเจิงขึ้น “พวก
ต้องยอมรับว่าสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์จริงๆ“เช่นนั้นท่านจะเอาความดีความชอบนี้หรือไม่?”เมี่ยวอินเอียงศีรษะถาม“เอาอยู่แล้วสิ!”หยุนเจิงพยักหน้า แล้วหัวเราะแห้ง “แม้ว่าจะเป็นแผนการของนาง แต่ข้าก็ต้องเอาความดีความชอบนี้ไว้ให้ได้! เหลือเวลาที่ข้าจะยึดอำนาจควบคุมกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือมาไม่มากแล้ว!”หากข้าไม่เอาความดีความชอบนี้ เช่นนั้นก็จะตกเป็นของเว่ยเหวินจง!เขาทำลายความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงได้แล้ว เขาจะยอมให้เว่ยเหวินจงใช้โอกาสนี้ทวงคืนความน่าเชื่อถือหรือ?อีกอย่าง ที่พวกเขามาที่ซั่วเป่ยนั้น ก็ตั้งใจจะยึดอำนาจทหารอยู่แล้ว!บัดนี้มีคนช่วยแล้ว พวกเขาจะยอมแพ้นั้นหรือ?เป็นไปไม่ได้หรอก!เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “หากท่านจะเอาความดีความชอบนี้จริงๆ ก็ต้องเร่งมือสั่งให้คนนำข่าวไปส่งที่เมืองจักรพรรดิ!”“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “ตอนนี้ข้ายังลังเลอยู่”“ลังเลอะไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างสงสัยหยุนเจิงเงยหน้ามองจางซู “ตอนนี้ข้ายังต้องทำกิจการกับผู้คน ข้าไม่อยากจ่ายเงิน แต่ก็อยากได้ของ เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“หา?”จางซูมึนงง ไม่คิดว่า
“สุราดี! สุราคุณภาพดีก็ไม่แรงนี่!”เจียเหยาชื่นชมจากใจ ไม่รอให้พวกเขาได้เอ่ยปาก นางก็รินสุราให้ตนเองอีกถ้วยหนึ่งแล้วจากนั้นดื่มสุราให้หมดในคราวเดียวอีกครั้งหลังจากนั้นราวกับเป็นการแสดงเดี่ยวของเจียเหยาอย่างไรอย่างนั้นเจียเหยาไม่แตะเนื้อเลยแม้แต่นิด เพียงแค่ดื่มสุราถ้วยแล้วถ้วยเล่าเมื่อเห็นว่าสุราถูกนางดื่มไปครึ่งหม้อใหญ่แล้ว แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลยมองดูเจียเหยาที่ไม่มีทีท่าจะมึนเมาเลย ฝูงชนพลันมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้พันจอกไม่เมามายจริงหรือนี่?ตามหลักแล้ว สุราที่มีฤทธิ์แรงเพียงนี้ แม้จะคอแข็งมากเพียงใดก็น่าจะเริ่มเมาแล้วนี่!วินาทีนี้ ในใจหยุนเจิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกันดูท่าแล้ว สตรีผู้นี้จะเป็นคนที่ฤทธิ์สุราทำอะไรไม่ได้แต่กำเนิดสินะให้ตายเถอะ!ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกรักพระเจ้าหรือไงกัน?ทักษะการยิงธนูโดดเด่นกว่าใคร ความฉลาดและรูปลักษณ์หน้าตาก็อยู่อันดับต้นๆ ตอนนี้ยังมีทักษะการดื่มสุราเพิ่มมาอีก?นี่มันนักรบครบหกองค์ประกอบชัดๆ!เมื่อเห็นว่าการมอมสุราเจียเหยาไม่เป็นผล ฝูงชนพลันรีบดื่มขึ้นมาหากไม่ดื่ม สุรานี้ก็จะถูกเจียเหยาดื่มจนหมดแล้ว!ขณะที่ฝูงชนกำลัง
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่