ตกดึก หยุนเจิงสั่งให้คนรับใช้นำเนื้อม้าและข้าวต้มมาให้เจียเหยาหยุนเจิงเองก็ถือชามเนื้อม้าตุ๋นนั่งกินอยู่ตรงหน้าเจียเหยาไอ้สารเลวนี่จงใจชัดๆ!นางไม่รังเกียจการกินเนื้อม้ามิฉะนั้น นางก็คงไม่สั่งทหารให้ฆ่าม้าศึกเป็นอาหารหรอกแต่ทว่านางโกรธเพราะการกระทำของหยุนเจิงต่างหากหยุนเจิงคอยทำท่าทำท่างเป็นผู้ชนะสิบทิศตรงหน้านางอยู่ตลอดเวลา!“อย่ามองข้าสิ! กินของเจ้าไปเลย!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าใจดีมอบคุณงามความดีให้แก่ข้า ข้าต้องไม่ปล่อยให้เจ้าหิวโซอยู่แล้ว! วางใจเถอะ ข้าไม่วางยาพิษใส่เจ้าหรอก”“เจ้าไม่วางยาพิษใส่ข้าอยู่แล้ว” เจียเหยาเลิกคิ้วกล่าว “เพราะข้าตาย ไม่มีผลประโยชน์อะไรต่อเจ้า”“จริง”หยุนเจิงไม่ปฏิเสธ “ดังนั้น เจ้ากินอย่างสบายได้เลย! ไม่พอเติมได้”“เจ้านี่มันใจกว้างจริงๆ!”เจียเหยากัดฟันมองหยุนเจิง แล้วหยิบเนื้อม้าขึ้นมากัดกินกล่าวตามตรง รสชาตินี้อร่อยกว่าที่พวกเขากินปกติมากทว่าเจียเหยากัดกินอยู่ในปาก ในใจกลับโกรธมากสุดท้าย เจียเหยาทำได้เพียงกินแทนความโกรธ แล้วกัดกินคำโตๆ“ช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มแย้ม “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นองค์หญิงแห่งเป่ยห
เรียกไปเถอะ!ตนตกอยู่ในกำมือเขา ปล่อยให้เขาเรียกตามสบายไปเถอะ!เจียเหยายิ้มตอบ แล้วหันไปมองหยุนเจิง “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด”“เรื่องอะไร?”หยุนเจิงถามยิ้มแย้มเจียเหยาเก็บรอยยิ้ม แล้วมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย “เจ้าสามารถทำหิมะถล่มที่ใหญ่เพียงนั้นที่หุบเขามรณะได้อย่างไรกัน? แล้วก็เสียงฟ้าผ่านั่นด้วย เจ้าทำออกมาได้อย่างไร?”“เกี่ยวอะไรกับข้า?”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ อย่างนิ่งๆ “พวกเจ้าหลบหลู่เทพเจ้าเอง ทำให้ได้รับบทลงโทษจากเทพเจ้า เหตุใดถึงต้องโยนความผิดมาให้ข้าด้วย? ความผิดบาปของข้าก็มากพอแล้ว เจ้าอย่าเพิ่มบาปให้ข้าอีกเลย”เจียเหยาเลิกคิ้วเบาๆ “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?”หยุนเจิงหยักไหล่ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่แยแส “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ข้าเชื่อ”เจียเหยาชะงักเล็กน้อย เกือบจะหลุดโมโหออกมาอีกครั้งไม่นาน ข้าวต้มของเจียเหยาก็มาถึงเจียเหยากินข้าวต้มจนหมดอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกไป“ทำอะไรน่ะ?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจ“พวกเจ้าไม่มัดตัวข้าไว้หรือ?”เจียเหยาเอ่ยนิ่งๆ “มัดข้าไว้ ข้าจะได้ไม่หนีออกไปนำความดีความชอบไปให้กับเว่ยเหวินจงไงล่ะ”“ไม่ต้องหรอ
เที่ยงวันต่อมา เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินก็มาถึงแล้วแม้แต่จางซูและหมิงเย่ว์ก็ตามมาด้วยพวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่าสตรีที่สามารถยิงธนูพร้อมกันสามลูกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเห็นใบหน้าของเจียเหยาแล้ว ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเพราะในความคิดของพวกเขานั้น สตรีของเป่ยหวนล้วนแต่มีรูปร่างกำยำ ผิวพรรณหยาบกร้านทั้งนั้นแต่ทว่า สตรีตรงหน้านี้ ไม่เพียงแต่มีรูปร่างผอมบาง ผิวพรรณก็ดีมากด้วยหากไม่ใช่เพราะนางมีหน้าตาที่แข็งแกร่งล่ะก็ พวกเขาคงไม่เชื่อว่านางเป็นสตรีแห่งเป่ยหวนแน่นอนที่สำคัญ สตรีที่ผิวพรรณนิ่มนวลคนนี้ยังมีทักษะการยิงธนูพร้อมกันสามลูกด้วยถึงแม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ภาพที่เจียเหยายิงธนูพร้อมกันสามลูกยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเสิ่นลั่วเยี่ยนสองสามวันนี้ นางก็ฝึกซ้อมวิธีการยิงธนูสามลูกพร้อมกันเช่นกันแต่ผลที่ได้คือ ยิงศรธนูออกไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล็งเป้าหรือระยะห่างก็ยังห่างไกลอยู่มากแม้ว่านางจะลดความยากลงเป็นยิงธนูพร้อมกันสองลูก ผลที่ได้ก็แย่เหมือนเคยสตรีทั้งสามสำรวจมองเจียเหยา เจียเหยาเองก็สำรวจมองพวกนางเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน เจียเหยาก็เอ่ยถามหยุนเจิงขึ้น “พวก
ต้องยอมรับว่าสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์จริงๆ“เช่นนั้นท่านจะเอาความดีความชอบนี้หรือไม่?”เมี่ยวอินเอียงศีรษะถาม“เอาอยู่แล้วสิ!”หยุนเจิงพยักหน้า แล้วหัวเราะแห้ง “แม้ว่าจะเป็นแผนการของนาง แต่ข้าก็ต้องเอาความดีความชอบนี้ไว้ให้ได้! เหลือเวลาที่ข้าจะยึดอำนาจควบคุมกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือมาไม่มากแล้ว!”หากข้าไม่เอาความดีความชอบนี้ เช่นนั้นก็จะตกเป็นของเว่ยเหวินจง!เขาทำลายความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงได้แล้ว เขาจะยอมให้เว่ยเหวินจงใช้โอกาสนี้ทวงคืนความน่าเชื่อถือหรือ?อีกอย่าง ที่พวกเขามาที่ซั่วเป่ยนั้น ก็ตั้งใจจะยึดอำนาจทหารอยู่แล้ว!บัดนี้มีคนช่วยแล้ว พวกเขาจะยอมแพ้นั้นหรือ?เป็นไปไม่ได้หรอก!เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “หากท่านจะเอาความดีความชอบนี้จริงๆ ก็ต้องเร่งมือสั่งให้คนนำข่าวไปส่งที่เมืองจักรพรรดิ!”“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “ตอนนี้ข้ายังลังเลอยู่”“ลังเลอะไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างสงสัยหยุนเจิงเงยหน้ามองจางซู “ตอนนี้ข้ายังต้องทำกิจการกับผู้คน ข้าไม่อยากจ่ายเงิน แต่ก็อยากได้ของ เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“หา?”จางซูมึนงง ไม่คิดว่า
“สุราดี! สุราคุณภาพดีก็ไม่แรงนี่!”เจียเหยาชื่นชมจากใจ ไม่รอให้พวกเขาได้เอ่ยปาก นางก็รินสุราให้ตนเองอีกถ้วยหนึ่งแล้วจากนั้นดื่มสุราให้หมดในคราวเดียวอีกครั้งหลังจากนั้นราวกับเป็นการแสดงเดี่ยวของเจียเหยาอย่างไรอย่างนั้นเจียเหยาไม่แตะเนื้อเลยแม้แต่นิด เพียงแค่ดื่มสุราถ้วยแล้วถ้วยเล่าเมื่อเห็นว่าสุราถูกนางดื่มไปครึ่งหม้อใหญ่แล้ว แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลยมองดูเจียเหยาที่ไม่มีทีท่าจะมึนเมาเลย ฝูงชนพลันมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้พันจอกไม่เมามายจริงหรือนี่?ตามหลักแล้ว สุราที่มีฤทธิ์แรงเพียงนี้ แม้จะคอแข็งมากเพียงใดก็น่าจะเริ่มเมาแล้วนี่!วินาทีนี้ ในใจหยุนเจิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกันดูท่าแล้ว สตรีผู้นี้จะเป็นคนที่ฤทธิ์สุราทำอะไรไม่ได้แต่กำเนิดสินะให้ตายเถอะ!ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกรักพระเจ้าหรือไงกัน?ทักษะการยิงธนูโดดเด่นกว่าใคร ความฉลาดและรูปลักษณ์หน้าตาก็อยู่อันดับต้นๆ ตอนนี้ยังมีทักษะการดื่มสุราเพิ่มมาอีก?นี่มันนักรบครบหกองค์ประกอบชัดๆ!เมื่อเห็นว่าการมอมสุราเจียเหยาไม่เป็นผล ฝูงชนพลันรีบดื่มขึ้นมาหากไม่ดื่ม สุรานี้ก็จะถูกเจียเหยาดื่มจนหมดแล้ว!ขณะที่ฝูงชนกำลัง
ให้ตายเถอะ!แม่นางนี่ไหวพริบดีจริงๆ!นางอ่านจุดประสงค์ของตนออกแล้วจริงหรือ?ได้ยินคำพูดของเจียเหยาแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาต่างก็พากันมองหน้ากันในนี้ยังมีประตูเช่นนี้อีกบานหรอกหรือ?“เจ้าคิดมากเกินไปแล้วกระมัง?”หมิงเย่ว์กล่าว “ถึงแม้พวกเจ้าจะขาดแคลนเสบียงอาหาร แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อการหมักสุราของพวกเจ้านี่! สุราที่หมักได้นำไปขายเป็นกำไร สามารถซื้อเสบียงมาได้อีกมาก ทำเช่นนี้ซ้ำๆ พวกเจ้าก็จะยิ่งมีเสบียงมากขึ้นไม่ใช่หรือ?”อย่างไรหมิงเย่ว์ก็อยู่กับจางซูพ่อค้าชั่วคนนี้มานานพอควรเช่นกันประสบการณ์การทำกิจการเช่นนี้ นางพอไปวัดไปวาได้อยู่บ้าง“เจ้านั่นแหละคิดมากเกินไป!”เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชา “แคว้นเล็กๆ รอบๆ แคว้นพวกข้าเหล่านั้นยังไม่พอจะกินเลย คิดหรือว่าพวกเขาจะมีเสบียงมาแลกสุรากับพวกข้า? มิเช่นนั้น เหตุใดพวกข้าถึงไม่ไปชิงเสบียงจากแคว้นเล็กๆ พวกนั้นแทนที่จะมาชิงเสบียงกับต้าเฉียนล่ะ?”“เอ่อ…”หมิงเย่ว์ชะงักเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออกดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง!หากไม่ใช่เพราะหมดหนทาง เป่ยหวนก็ไม่มีเหตุผลต้องมุ่งเป้ามาที่ต้าเฉียนหรอกไปชิงเสบียงจากแคว้นเล็กๆ เหล่านั้น ไม่ง่ายกว
หลังจากที่วิธีวางยาล้มเหลว หยุนเจิงก็เริ่มคิดหาวิธีใหม่เพราะอย่างไร เขาไม่คิดจะปล่อยให้เจียเหยากลับไปอย่างปกติสมบูรณ์อยู่แล้วเพียงแต่น่าเสียดายที่คิดไปคิดมา หยุนเจิงก็คิดหาวิธีที่สมบูรณ์แบบไม่ออกกลางคืน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินเดินเข้าไปในห้อง พบว่าหยุนเจิงยังคงครุ่นคิดอย่างคร่ำเครียดอยู่“เจอปัญหายากแล้วสินะ”เมี่ยวอินมองหยุนเจิงยิ้มๆ “ท่านคิดจะเอาชีวิตนางเพียงนี้เชียวหรือ?”หยุนเจิงหลักไหล่ แล้วกล่าวอย่างหมดหนทาง “ก็เพราะจะได้ตัดปัญหาในอนาคตไงเล่า”“ข้าคิดว่าท่านเหมือนมารครอบงำแล้วนะ”เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายศีรษะกล่าว “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องสมบูรณ์แบบหรอก ท่านไม่อาจคิดจะได้เปรียบไปเสียหมด! อีกอย่าง ท่านไม่กลัวเจียเหยาเสียหน่อย ไม่ต้องทำให้ตนลำบากขนาดนั้นหรอก…”นางรู้ว่าหยุนเจิงกลัวว่าเจียเหยาจะทำให้ต้าเฉียนต้องสูญเสียมากกว่าเดิมความคิดของหยุนเจิงต้องดีอยู่แล้วเพียงแต่ในสนามรบย่อมต้องเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่แล้วถึงแม้เขาจะได้เมืองสามชายแดนกลับคืนมาตอนนี้ แล้วฆ่าเจียเหยา แต่ในสงครามต่อไป ก็ไม่มีใครรู้ว่าต้าเฉียนจะต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่หรือไม่ไม่แน่ หลังจากเขา
“เอ่อ…”ได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ทั้งสองพลันครุ่นคิดคิดไปคิดมา ก็เงยหน้าขึ้นมองหยุนเจิงในบัดดลมีชั่วขณะหนึ่งที่เสิ่นลั่วเยี่ยนอยากจะโผล่กอดแล้วหอมหยุนเจิงฟอดหนึ่งไอ้สารเลวนี่!เลวจริงๆ!ทำเช่นนี้ ความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงก็จะถูกทำลายอีกครั้ง!นี่มันยึดดินแดนที่เสียไปกลับมาเชียวนะ!โอกาสที่จะยึดคืนดินแดนที่เสียไปกลับมาอยู่ต่อหน้าแล้ว แต่เว่ยเหวินจงกลับกลัวหัวหด ทหารและแม่ทัพที่เลือดร้อนหน่อยไม่มีทางพอใจเว่ยเหวินจงอยู่แล้ว!“ไม่น่าล่ะท่านถึงได้รีบร้อนเลย!”เมี่ยวอินเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “ที่แท้ท่านก็รอตรงนี้นี่เอง!”ไอ้คนคนนี้ เก็บทุกเม็ดจริงๆ!เรื่องนี้ยังสามารถถูกเขานำมาใช้ทำลายความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงได้หากเว่ยเหวินจงกลัวหัวหดจริง ครั้งนี้ ความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงก็จะถูกทำลายอย่างหนักอีกครั้งไม่แน่ หยุนเจิงอาจสามารถฉวยโอกาสยึดอำนาจได้เลยก็เป็นได้!ขณะที่ทั้งสามกำลังครุ่นคิดอย่างดีใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“องค์ชายหก ข้ามีวิธีแล้ว!”เสียงจางซูดังมาจากข้างนอกวิธี?เขามีวิธีที่จะเอาคุณงามความดี แต่ไม่ต้องปล่อยเจียเหยาไปงั้นหรือ?เดิ
"ใช่ ข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน"เยี่ยจื่อที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่พยักหน้า "น่าจะเป็นเสียงจ้าล่าจื่อจริงๆ…"ต้นจ้าล่าจื่อนั้นดูเหมือนจะมีอยู่แค่บนภูเขาแถวซั่วเป่ยเท่านั้นเมื่อหลายปีก่อน ชาวบ้านในซั่วเป่ยเริ่มนิยมเผาจ้าล่าจื่อช่วงปีใหม่ว่ากันว่า การเผาใบนี้ช่วยขับไล่เหาและแมลงต่างๆ ในพื้นที่ ติ้งเป่ยบางพื้นที่จึงเรียกมันว่าเผากำจัดเหายังมีเพลงพื้นบ้านร้องว่า "วันขึ้น 15 ค่ำเผาไล่เหา บ้านตระกูลหลี่มาก บ้านตระกูลหวังน้อย…"โดยทั่วไป ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเผาจ้าล่าจื่อหลังเที่ยงคืนแต่ก็มีบางคนที่เผาล่วงหน้า เพื่อให้เกิดเสียงดังและเพิ่มความสนุกสนานทว่า การเผาจ้าล่าจื่อไม่ได้อนุญาตให้ทำได้ทุกเวลาทางการอนุญาตให้เผาเฉพาะช่วงปีใหม่และวันขึ้น 15 ค่ำเท่านั้นปีที่แล้ว เพราะซั่วเป่ยมีศึกสงครามอย่างหนัก ทางการจึงสั่งห้ามเผาจ้าล่าจื่อเป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หยุนเจิงไม่รู้เรื่องการเผาจ้าล่าจื่อในขณะที่เยี่ยจื่ออธิบายเรื่องนี้ให้หยุนเจิงฟัง ซินเซิงก็รีบสั่งให้คนไปเอาจ้าล่าจื่อมาไม่นาน สาวใช้คนหนึ่งก็ถือกิ่งไม้เข้ามาในห้องซินเซ
ท้องฟ้าของซั่วเป่ยมืดเร็วกว่าที่อื่น หมายความว่าคืนนี้จะยาวนานเป็นพิเศษคืนนี้ ทุกคนต้องอยู่เฝ้ายามดึกจนถึงหลังเที่ยงคืนหลังจากเล่นกันได้สักพัก ฉินชีหู่กับภรรยาและบุตรทั้งสามก็พากันกลับไปก่อน ส่วนเว่ยซวงและพวกก็ไม่ได้จัดการเล่นไพ่นกกระจอกต่อ ต่างนั่งเฝ้ายามอย่างสงบอยู่ข้างเตาไฟ พูดคุยเรื่องไร้สาระกันไปเรื่อยๆหยุนเจิงนอนเหยียดขาเหมือนนายท่านใหญ่ พาดขาไว้บนตักของเมี่ยวอิน เมี่ยวอินผลักขาเขาออกหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าคนหน้าด้านอย่างหยุนเจิงไม่ยอมลดละ นางก็ปล่อยเลยตามเลยอย่างไรเสีย คนในจวนก็รู้ดีอยู่แล้วถึงความประพฤติของหยุนเจิงถึงแม้จะคิดเช่นนั้น แต่เมี่ยวอินก็ยังคงหยิกขาหยุนเจิงเป็นระยะๆไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษ นอกจากอยากเห็นสายตาน้อยใจที่หยุนเจิงส่งมาเป็นระยะ"อย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ เรามาเล่นหมากรุกกันเถอะ"เจียเหยาที่เบื่อหน่ายจนไม่รู้จะทำอะไร จึงเสนอตัวเล่นหมากรุกกับหยุนเจิง"ไม่เอา!"หยุนเจิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด "เจ้าคิดมากทั้งวันยังไม่พออีกหรือ? วันสิ้นปีแบบนี้ ทำตัวสบายๆ ปล่อยวางหน่อยจะดีกว่าไหม?""ปล่อยวาง?"เจียเหยาไม่เข้าใจในคำพูดของเขาหยุนเจิงอธิบายว่า "ก
หลังจากนั้น หยุนเจิงก็ไม่ได้พูดอะไรที่เจียเหยาไม่ชอบฟังอีก เปลี่ยนไปคุยเรื่องทั่วไปกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ แทนแต่เรื่องที่คุยกันนั้นล้วนเป็นเรื่องครอบครัว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องบ้านเมืองหรือการเมืองแต่อย่างใดเมื่อกินดื่มกันอิ่มหนำแล้ว ภรรยาหลวงและอนุของฉินชีหู่ก็ไปรวมกลุ่มกับเมี่ยวอินและเว่ยซวงเพื่อเล่นไพ่นกกระจอกกันส่วนคนอื่นๆ ในจวนก็เริ่มเล่นเกมปาทู่กันอย่างสนุกสนานฉินชีหู่ที่ดื่มจนเกือบเมานิดหน่อย ยังออกไปที่ลานหิมะข้างนอกแล้วแสดงฝีมือการต่อสู้หมัดเต่าทอง อ้างว่าเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนเจียเหยาที่มีทักษะการยิงธนูเป็นเลิศ เล่นเกมปาทู่ได้อย่างสบายใจ นางกวาดเงินรางวัลมาไม่น้อยแล้วในขณะที่เจียเหยากำลังสนุกสนาน ฮูหยินเสิ่นก็พาสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาสาวใช้ในมือถือชุดเสื้อผ้าหนึ่งชุด ประกอบไปด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ด้านนอก เสื้อผ้านุ่มคล้ายขนสัตว์ด้านใน และเสื้อคลุมขนมิงค์เมื่อฮูหยินเสิ่นเดินมาหยุดตรงหน้าเจียเหยา นางมองไปที่เสื้อผ้าในมือของสาวใช้ ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย "ทั้งหมดนี้...คงไม่ใช่สำหรับข้าหรอนะ?""แน่นอนว่าให้เจ้า"ฮูหยินเสิ่นพยักหน้าพลางยิ้ม "พรุ่งนี้ก็
ในฤดูหนาวของซั่วเป่ย ท้องฟ้าค่ำมืดเร็วกว่าปกติเพิ่งจะห้าโมงเย็น ท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็วและมื้อค่ำสำหรับวันสิ้นปีของหยุนเจิงและพวก ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเหล่าเด็กๆ ถูกจัดให้นั่งแยกไปอีกมุมหนึ่ง โต๊ะของพวกเขามีขนมหวานที่พวกเขาชอบเต็มโต๊ะ พร้อมกับหม้อทองแดงเล็กๆ ตรงกลางที่ใช้เตาถ่านให้ความร้อนสาวรับใช้สองคนในจวนถูกจัดให้นั่งร่วมโต๊ะกับเด็กๆ ด้วยแม้สาวรับใช้ทั้งสองต้องรับหน้าที่ดูแลเหล่าเด็กๆ ที่ถือเป็นบรรพบุรุษตัวน้อย แต่การได้ร่วมโต๊ะกับพวกเขาก็นับว่าเป็นพระคุณอันใหญ่หลวงสำหรับพวกนางแล้วส่วนอีกโต๊ะหนึ่ง เป็นโต๊ะที่หยุนเจิงสั่งทำพิเศษ โดยมีหม้อทองแดงใบใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางหม้อนี้ดูเหมือนกับหม้อทองแดงสำหรับลวกเนื้อแกะของภาคเหนือในชาติก่อนของเขาไม่มีผิดหยุนเจิงและพวกนั่งล้อมรอบหม้อทองแดงนี้ โดยมีซินเซิงได้รับเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยบนโต๊ะไม่เพียงแค่มีเนื้อแกะและเนื้อกวางที่หั่นบาง แต่ยังมีเนื้อวัวซึ่งหาได้ยากยิ่งสองวันก่อน มีข่าวว่าในบ้านของตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง วัวของพวกเขา "บังเอิญ" ล้มจนขาหัก และไม่อาจรักษาได้พวกเขาจึงแจ้งทางการ พร้อมเตรียมเชือดวัวตัวนั้นเ
"อันนี้เข้าท่าดี!"พอพูดถึงการดื่มเหล้า ฉินชีหู่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีหยุนเจิงมีกฎห้ามดื่มเหล้าในกองทัพ และฉินชีหู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแม้กลับมาที่จวนติ้งเป่ย เขาก็ไม่กล้าดื่มจนสุดเหวี่ยง เพราะเกรงว่าจะมีงานด่วนทางทหารเข้ามาแต่วันนี้เป็นวันสิ้นปีทั้งที เขาจึงคิดว่าจะได้ดื่มจนหนำใจเสียบ้างหยุนเจิงไม่อยากประลองต่อ ส่วนเจียเหยาก็ไม่เซ้าซี้จะให้เขาสู้ด้วยอีก แต่เจียเหยากลับยังติดใจสิ่งที่หยุนเจิงเก็บไว้ก่อนหน้านี้ "เจ้าจะให้ข้าดูสิ่งที่เจ้าซ่อนไว้เมื่อครู่อีกครั้งได้หรือไม่?""จะดูไปทำไม?"หยุนเจิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด "นั่นเป็นของที่ข้าทำไว้ให้ลูกของข้า เจ้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะมาแย่งของเล่นกับลูกข้าอีกหรือ? ไม่อายบ้างหรือไง?""ข้า…"เจียเหยาอึ้งไป ก่อนจะถลึงตาใส่หยุนเจิงด้วยความไม่พอใจไม่ให้ดูก็ไม่ดู!แต่ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเล่นธรรมดาแน่ๆมันต้องเป็นอาวุธลับอย่างแน่นอน!นางรู้สึกว่าหากตนคิดจะลอบสังหารหยุนเจิง ในระยะใกล้เช่นนั้น คนที่ตายก่อนคงเป็นนางเสียเองเว้นเสียแต่ว่า จะต้องอาศัยจังหวะที่หยุนเจิงเผลอ ใช้ธนูยิงเขาจากระยะไกลเท่านั้น!"เอาล่ะ เจ้า
เมื่อเห็นทั้งสองถูกแส้มัดจนแน่นบนหิมะ ฉินชีหู่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้"ระยะห่างแบบนี้ ถ้าไม่สู้กันก็คงจูบกันแน่ๆ..."โชคดีที่ฉินชีหู่ไม่รู้จักของที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ ไม่เช่นนั้นเขาคงหยิบขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้แน่หยุนเจิงและเจียเหยาที่ถูกแส้มัดจนใบหน้าใกล้กันจนแทบชิด ต่างก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายที่รดอยู่บนใบหน้าของตนทั้งสองมองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วน ใบหน้าห่างกันเพียงนิดเดียว"ปล่อยสิ!"เจียเหยาหันหน้าไปอีกทาง พยายามหลีกเลี่ยงสายตาของหยุนเจิง ก่อนจะมองไปที่มือของเขาที่ยังจับแส้อยู่แต่ในขณะนั้นเอง เจียเหยาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งและดันอยู่บนร่างของนางเมื่อกวาดตามองดูว่ามือทั้งสองของหยุนเจิงยังว่างเปล่า หัวใจของเจียเหยาก็เต้นแรงขึ้นทันทีนางเข้าใจได้ทันทีว่ามันคืออะไร...คนไร้ยางอายผู้นี้!เจียเหยาด่าหยุนเจิงในใจ ใบหน้าของนางแดงก่ำไปจนถึงใบหู"ปล่อยมือข้าก่อน! มือข้าจะถูกกดจนหักอยู่แล้ว!"หยุนเจิงมองไปยังข้อมือที่ยังถูกเจียเหยาจับไว้อย่างแน่นด้วยท่าทางนี้ มือของเขาถูกกดอยู่ในลักษณะที่ผิดตำแหน่ง ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง"สมควร!"เจียเหยา
ให้ตายเถอะ!คำพูดแบบนี้นี่มัน!หยุนเจิงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ข้าว่าอย่างไรเจ้าก็ควรใช้แส้... อ้อ ไม่สิ ใช้สิ่งที่เจ้าเชี่ยวชาญจะดีกว่า!"มารดามันสิ พูดว่าชอบดูนางถือแส้เล็กๆ นั่น ฟังดูเหมือนตนมีรสนิยมแปลกๆ ไปอีก!หรือจะให้เจียเหยาถือแส้ฟาดเพียะๆ แล้วตนถือปืนพกยิงปิ้วๆ?แค่คิดภาพก็น่าอายเกินจะมองแล้ว!"ก็ได้!"เมื่อหยุนเจิงยืนยันหนักแน่น เจียเหยาก็ไม่ปฏิเสธอีก นางสะบัดแส้ในมือจนเกิดเสียงดังสนั่น ราวกับประกาศศึกกับหยุนเจิงหยุนเจิงเบะปากพลางรับดาบที่ทหารรับใช้ในจวนส่งมาให้ เขาเหวี่ยงดาบสองสามครั้งในอากาศ ราวกับตอบโต้การท้าทายของเจียเหยาฉินชีหู่ที่ยืนดูอยู่ กลายเป็นผู้ชมที่มีสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ เขายังพูดเร่งเร้า "พวกเจ้ามัวแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ! รีบลงมือประลองกันเสียทีสิ!"ฉินชีหู่ดูเหมือนจะสนุกมากจนอยากเรียกให้คนยกเหล้ายกกับแกล้มมาด้วย จะได้ทั้งดื่มทั้งกินไปพร้อมกับดูการประลองการได้ดูคู่สามีภรรยาทะเลาะกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่ไม่ได้มีบ่อยยิ่งกว่านั้น ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งคือท่านอ๋อง อีกคนคือองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว การเห็นสองคนนี้มาประลองกัน มันช่างน่าตื่นเต้นจร
ในวันสิ้นปี ซั่วเป่ยก็มีหิมะตกหนักอีกครั้งฉินชีหู่และครอบครัวมาถึงจวนอ๋องตั้งแต่เช้าหลังมื้อเที่ยง ทุกคนก็ไปช่วยกันห่อเกี๊ยวภรรยาหลวงและอนุของฉินชีหู่ก็ไปร่วมกับฮูหยินเสิ่นและคนอื่นๆ ห่อเกี๊ยวด้วยที่จริงแล้ว ในจวนมีคนรับใช้มากมาย งานแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาทำเอง แต่ทุกคนก็สนุกกับความรู้สึกของการที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันทำกิจกรรมมีเพียงเจียเหยาเท่านั้น ที่อ้างว่าตัวเองห่อเกี๊ยวออกมาได้ไม่สวย จึงห่อแค่ไม่กี่ชิ้นพอเป็นพิธี แล้วก็ขอถอนตัวออกจากกิจกรรมนี้เมื่อหยุนเจิงและฉินชีหู่มาถึงประตูสวนหลังบ้าน ก็ได้ยินเสียง "แปะๆ" ดังขึ้นเมื่อเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน ก็พบว่าเจียเหยากำลังฝึกวิชาแส้ยาวในมือนางราวกับอสรพิษที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ฟาดลงบนพื้นหิมะจนเกิดเสียง "เพียะๆ" พร้อมกับหิมะที่กระเซ็นฟุ้งไปทั่ว"นางคงจินตนาการว่าหิมะนี้คือเจ้าแน่ๆ"ฉินชีหู่กระซิบเสียงเบา พร้อมขยิบตาหยอกหยุนเจิง"อาจจะเป็นไปได้!"หยุนเจิงยิ้มแห้งๆ ก่อนเอ่ยว่า "ข้าอยากดูเจ้าสองคนประลองกันสักหน่อย เจ้าว่าจะดีไหม?""พอเถอะ!"ฉินชีหู่ส่ายหัวปฏิเสธ "นี่มันวันสิ้นปี ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จะมาตี
"มีอะไรรึ?"หยุนเจิงหันไปมองเจียเหยาเจียเหยายื่นมือออกมา "ข้าไม่มีเงินแล้ว""มิใช่ว่าเพิ่งให้เจ้าไปห้าร้อยตำลึงเงินหรือ? หมดไวถึงเพียงนี้?"หยุนเจิงไม่ค่อยเชื่อพวกเจียเหยาก็แค่เล่นกันสนุกๆ ตั้งฐานไว้เพียงตำลึงเดียวเท่านั้นมิใช่ว่าคนฉลาดเล่นไพ่นกกระจอกมักจะเก่งกันหรือ?นี่เล่นไปไม่ถึงชั่วโมง เจียเหยากลับหมดตัวแล้วหรือ?เขาแทบสงสัยว่าเจียเหยาอาจซ่อนเงินไว้เองหรือไม่ก็เจียเหยาแกล้งเล่นเสีย?เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้สร้างความสนิทสนมกับเยี่ยจื่อและพวก?หรือบางที...อาจมีจุดประสงค์อื่น?"นี่ข้าเล่นเป็นครั้งแรก จะให้ทำอย่างไรได้เล่า?"เจียเหยาตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ"ก็ได้..."หยุนเจิงไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างได้ จึงได้แต่สั่งซินเซิงที่ยืนรับใช้ข้างๆ ให้ไปเบิกเงินจากห้องบัญชีอีกห้าร้อยตำลึงมอบให้เจียเหยาเมื่อหยุนเจิงเดินมาถึงสวนหลังบ้าน ฮูหยินเสิ่นกำลังไล่เสิ่นลั่วเยี่ยนให้เดินเล่นราวกับต้อนเป็ดเมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหยุนเจิงมาถึง นางก็เหมือนเห็นฟางช่วยชีวิต รีบส่งสายตาอ้อนวอนไปทางหยุนเจิง"ไม่ต้องมองแล้ว!"ฮูหยินเสิ่นจ้องเสิ่นลั่วเยี่ยน "เจ้ากำลังจะถึงเวลาคลอดแล้ว และนี่เป