เรียกไปเถอะ!ตนตกอยู่ในกำมือเขา ปล่อยให้เขาเรียกตามสบายไปเถอะ!เจียเหยายิ้มตอบ แล้วหันไปมองหยุนเจิง “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด”“เรื่องอะไร?”หยุนเจิงถามยิ้มแย้มเจียเหยาเก็บรอยยิ้ม แล้วมองหยุนเจิงด้วยความสงสัย “เจ้าสามารถทำหิมะถล่มที่ใหญ่เพียงนั้นที่หุบเขามรณะได้อย่างไรกัน? แล้วก็เสียงฟ้าผ่านั่นด้วย เจ้าทำออกมาได้อย่างไร?”“เกี่ยวอะไรกับข้า?”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ อย่างนิ่งๆ “พวกเจ้าหลบหลู่เทพเจ้าเอง ทำให้ได้รับบทลงโทษจากเทพเจ้า เหตุใดถึงต้องโยนความผิดมาให้ข้าด้วย? ความผิดบาปของข้าก็มากพอแล้ว เจ้าอย่าเพิ่มบาปให้ข้าอีกเลย”เจียเหยาเลิกคิ้วเบาๆ “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?”หยุนเจิงหยักไหล่ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่แยแส “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ข้าเชื่อ”เจียเหยาชะงักเล็กน้อย เกือบจะหลุดโมโหออกมาอีกครั้งไม่นาน ข้าวต้มของเจียเหยาก็มาถึงเจียเหยากินข้าวต้มจนหมดอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกไป“ทำอะไรน่ะ?”หยุนเจิงถามอย่างไม่เข้าใจ“พวกเจ้าไม่มัดตัวข้าไว้หรือ?”เจียเหยาเอ่ยนิ่งๆ “มัดข้าไว้ ข้าจะได้ไม่หนีออกไปนำความดีความชอบไปให้กับเว่ยเหวินจงไงล่ะ”“ไม่ต้องหรอ
เที่ยงวันต่อมา เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินก็มาถึงแล้วแม้แต่จางซูและหมิงเย่ว์ก็ตามมาด้วยพวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่าสตรีที่สามารถยิงธนูพร้อมกันสามลูกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเห็นใบหน้าของเจียเหยาแล้ว ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเพราะในความคิดของพวกเขานั้น สตรีของเป่ยหวนล้วนแต่มีรูปร่างกำยำ ผิวพรรณหยาบกร้านทั้งนั้นแต่ทว่า สตรีตรงหน้านี้ ไม่เพียงแต่มีรูปร่างผอมบาง ผิวพรรณก็ดีมากด้วยหากไม่ใช่เพราะนางมีหน้าตาที่แข็งแกร่งล่ะก็ พวกเขาคงไม่เชื่อว่านางเป็นสตรีแห่งเป่ยหวนแน่นอนที่สำคัญ สตรีที่ผิวพรรณนิ่มนวลคนนี้ยังมีทักษะการยิงธนูพร้อมกันสามลูกด้วยถึงแม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ภาพที่เจียเหยายิงธนูพร้อมกันสามลูกยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเสิ่นลั่วเยี่ยนสองสามวันนี้ นางก็ฝึกซ้อมวิธีการยิงธนูสามลูกพร้อมกันเช่นกันแต่ผลที่ได้คือ ยิงศรธนูออกไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล็งเป้าหรือระยะห่างก็ยังห่างไกลอยู่มากแม้ว่านางจะลดความยากลงเป็นยิงธนูพร้อมกันสองลูก ผลที่ได้ก็แย่เหมือนเคยสตรีทั้งสามสำรวจมองเจียเหยา เจียเหยาเองก็สำรวจมองพวกนางเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน เจียเหยาก็เอ่ยถามหยุนเจิงขึ้น “พวก
ต้องยอมรับว่าสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์จริงๆ“เช่นนั้นท่านจะเอาความดีความชอบนี้หรือไม่?”เมี่ยวอินเอียงศีรษะถาม“เอาอยู่แล้วสิ!”หยุนเจิงพยักหน้า แล้วหัวเราะแห้ง “แม้ว่าจะเป็นแผนการของนาง แต่ข้าก็ต้องเอาความดีความชอบนี้ไว้ให้ได้! เหลือเวลาที่ข้าจะยึดอำนาจควบคุมกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือมาไม่มากแล้ว!”หากข้าไม่เอาความดีความชอบนี้ เช่นนั้นก็จะตกเป็นของเว่ยเหวินจง!เขาทำลายความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงได้แล้ว เขาจะยอมให้เว่ยเหวินจงใช้โอกาสนี้ทวงคืนความน่าเชื่อถือหรือ?อีกอย่าง ที่พวกเขามาที่ซั่วเป่ยนั้น ก็ตั้งใจจะยึดอำนาจทหารอยู่แล้ว!บัดนี้มีคนช่วยแล้ว พวกเขาจะยอมแพ้นั้นหรือ?เป็นไปไม่ได้หรอก!เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “หากท่านจะเอาความดีความชอบนี้จริงๆ ก็ต้องเร่งมือสั่งให้คนนำข่าวไปส่งที่เมืองจักรพรรดิ!”“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “ตอนนี้ข้ายังลังเลอยู่”“ลังเลอะไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามอย่างสงสัยหยุนเจิงเงยหน้ามองจางซู “ตอนนี้ข้ายังต้องทำกิจการกับผู้คน ข้าไม่อยากจ่ายเงิน แต่ก็อยากได้ของ เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“หา?”จางซูมึนงง ไม่คิดว่า
“สุราดี! สุราคุณภาพดีก็ไม่แรงนี่!”เจียเหยาชื่นชมจากใจ ไม่รอให้พวกเขาได้เอ่ยปาก นางก็รินสุราให้ตนเองอีกถ้วยหนึ่งแล้วจากนั้นดื่มสุราให้หมดในคราวเดียวอีกครั้งหลังจากนั้นราวกับเป็นการแสดงเดี่ยวของเจียเหยาอย่างไรอย่างนั้นเจียเหยาไม่แตะเนื้อเลยแม้แต่นิด เพียงแค่ดื่มสุราถ้วยแล้วถ้วยเล่าเมื่อเห็นว่าสุราถูกนางดื่มไปครึ่งหม้อใหญ่แล้ว แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลยมองดูเจียเหยาที่ไม่มีทีท่าจะมึนเมาเลย ฝูงชนพลันมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้พันจอกไม่เมามายจริงหรือนี่?ตามหลักแล้ว สุราที่มีฤทธิ์แรงเพียงนี้ แม้จะคอแข็งมากเพียงใดก็น่าจะเริ่มเมาแล้วนี่!วินาทีนี้ ในใจหยุนเจิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกันดูท่าแล้ว สตรีผู้นี้จะเป็นคนที่ฤทธิ์สุราทำอะไรไม่ได้แต่กำเนิดสินะให้ตายเถอะ!ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกรักพระเจ้าหรือไงกัน?ทักษะการยิงธนูโดดเด่นกว่าใคร ความฉลาดและรูปลักษณ์หน้าตาก็อยู่อันดับต้นๆ ตอนนี้ยังมีทักษะการดื่มสุราเพิ่มมาอีก?นี่มันนักรบครบหกองค์ประกอบชัดๆ!เมื่อเห็นว่าการมอมสุราเจียเหยาไม่เป็นผล ฝูงชนพลันรีบดื่มขึ้นมาหากไม่ดื่ม สุรานี้ก็จะถูกเจียเหยาดื่มจนหมดแล้ว!ขณะที่ฝูงชนกำลัง
ให้ตายเถอะ!แม่นางนี่ไหวพริบดีจริงๆ!นางอ่านจุดประสงค์ของตนออกแล้วจริงหรือ?ได้ยินคำพูดของเจียเหยาแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาต่างก็พากันมองหน้ากันในนี้ยังมีประตูเช่นนี้อีกบานหรอกหรือ?“เจ้าคิดมากเกินไปแล้วกระมัง?”หมิงเย่ว์กล่าว “ถึงแม้พวกเจ้าจะขาดแคลนเสบียงอาหาร แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อการหมักสุราของพวกเจ้านี่! สุราที่หมักได้นำไปขายเป็นกำไร สามารถซื้อเสบียงมาได้อีกมาก ทำเช่นนี้ซ้ำๆ พวกเจ้าก็จะยิ่งมีเสบียงมากขึ้นไม่ใช่หรือ?”อย่างไรหมิงเย่ว์ก็อยู่กับจางซูพ่อค้าชั่วคนนี้มานานพอควรเช่นกันประสบการณ์การทำกิจการเช่นนี้ นางพอไปวัดไปวาได้อยู่บ้าง“เจ้านั่นแหละคิดมากเกินไป!”เจียเหยาแค่นเสียงเย็นชา “แคว้นเล็กๆ รอบๆ แคว้นพวกข้าเหล่านั้นยังไม่พอจะกินเลย คิดหรือว่าพวกเขาจะมีเสบียงมาแลกสุรากับพวกข้า? มิเช่นนั้น เหตุใดพวกข้าถึงไม่ไปชิงเสบียงจากแคว้นเล็กๆ พวกนั้นแทนที่จะมาชิงเสบียงกับต้าเฉียนล่ะ?”“เอ่อ…”หมิงเย่ว์ชะงักเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออกดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง!หากไม่ใช่เพราะหมดหนทาง เป่ยหวนก็ไม่มีเหตุผลต้องมุ่งเป้ามาที่ต้าเฉียนหรอกไปชิงเสบียงจากแคว้นเล็กๆ เหล่านั้น ไม่ง่ายกว
หลังจากที่วิธีวางยาล้มเหลว หยุนเจิงก็เริ่มคิดหาวิธีใหม่เพราะอย่างไร เขาไม่คิดจะปล่อยให้เจียเหยากลับไปอย่างปกติสมบูรณ์อยู่แล้วเพียงแต่น่าเสียดายที่คิดไปคิดมา หยุนเจิงก็คิดหาวิธีที่สมบูรณ์แบบไม่ออกกลางคืน เสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินเดินเข้าไปในห้อง พบว่าหยุนเจิงยังคงครุ่นคิดอย่างคร่ำเครียดอยู่“เจอปัญหายากแล้วสินะ”เมี่ยวอินมองหยุนเจิงยิ้มๆ “ท่านคิดจะเอาชีวิตนางเพียงนี้เชียวหรือ?”หยุนเจิงหลักไหล่ แล้วกล่าวอย่างหมดหนทาง “ก็เพราะจะได้ตัดปัญหาในอนาคตไงเล่า”“ข้าคิดว่าท่านเหมือนมารครอบงำแล้วนะ”เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายศีรษะกล่าว “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องสมบูรณ์แบบหรอก ท่านไม่อาจคิดจะได้เปรียบไปเสียหมด! อีกอย่าง ท่านไม่กลัวเจียเหยาเสียหน่อย ไม่ต้องทำให้ตนลำบากขนาดนั้นหรอก…”นางรู้ว่าหยุนเจิงกลัวว่าเจียเหยาจะทำให้ต้าเฉียนต้องสูญเสียมากกว่าเดิมความคิดของหยุนเจิงต้องดีอยู่แล้วเพียงแต่ในสนามรบย่อมต้องเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่แล้วถึงแม้เขาจะได้เมืองสามชายแดนกลับคืนมาตอนนี้ แล้วฆ่าเจียเหยา แต่ในสงครามต่อไป ก็ไม่มีใครรู้ว่าต้าเฉียนจะต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่หรือไม่ไม่แน่ หลังจากเขา
“เอ่อ…”ได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ทั้งสองพลันครุ่นคิดคิดไปคิดมา ก็เงยหน้าขึ้นมองหยุนเจิงในบัดดลมีชั่วขณะหนึ่งที่เสิ่นลั่วเยี่ยนอยากจะโผล่กอดแล้วหอมหยุนเจิงฟอดหนึ่งไอ้สารเลวนี่!เลวจริงๆ!ทำเช่นนี้ ความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงก็จะถูกทำลายอีกครั้ง!นี่มันยึดดินแดนที่เสียไปกลับมาเชียวนะ!โอกาสที่จะยึดคืนดินแดนที่เสียไปกลับมาอยู่ต่อหน้าแล้ว แต่เว่ยเหวินจงกลับกลัวหัวหด ทหารและแม่ทัพที่เลือดร้อนหน่อยไม่มีทางพอใจเว่ยเหวินจงอยู่แล้ว!“ไม่น่าล่ะท่านถึงได้รีบร้อนเลย!”เมี่ยวอินเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “ที่แท้ท่านก็รอตรงนี้นี่เอง!”ไอ้คนคนนี้ เก็บทุกเม็ดจริงๆ!เรื่องนี้ยังสามารถถูกเขานำมาใช้ทำลายความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงได้หากเว่ยเหวินจงกลัวหัวหดจริง ครั้งนี้ ความน่าเชื่อถือของเว่ยเหวินจงก็จะถูกทำลายอย่างหนักอีกครั้งไม่แน่ หยุนเจิงอาจสามารถฉวยโอกาสยึดอำนาจได้เลยก็เป็นได้!ขณะที่ทั้งสามกำลังครุ่นคิดอย่างดีใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“องค์ชายหก ข้ามีวิธีแล้ว!”เสียงจางซูดังมาจากข้างนอกวิธี?เขามีวิธีที่จะเอาคุณงามความดี แต่ไม่ต้องปล่อยเจียเหยาไปงั้นหรือ?เดิ
เมืองจักรพรรดิเซียวว่านโฉวไปที่ซั่วเป่ยมาพักหนึ่ง ในที่สุดก็กลับมาถึงแต่ทว่ามีแค่เขาที่กลับมาก่อนเท่านั้นคนข้างหลังที่ขนสุรามา เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกสองสามวันถึงจะมาถึงเซียวว่านโฉวเองก็ไม่คิดจะเร่งกลับมาถึงเพียงนี้ แต่ทว่าพวกเขาพบเจอกับทูตที่จักรพรรดิเหวินส่งมากลางทางจักรพรรดิเหวินได้รับรายงานที่ฝ่ายของหยุนเจิงโจมตีเป่ยหวนที่หุบผาชันช่องลมได้อีกครั้ง และรู้ว่าเซียวว่านโฉวร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วยทว่ารายงานสงครามกลับไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มากนักบัดนี้จักรพรรดิเหวินเพียงแค่ต้องการให้เซียวว่านโฉวกลับไปโดยเร็ว ให้เซียวว่านโฉวเล่าเรื่องสงครามครั้งนี้ให้เขาฟังดีๆเซียวว่านโฉวสัมผัสกับเรื่องนี้โดยตรง ดังนั้นจะต้องเล่าได้น่าสนใจมากกว่ารายงานสงครามอยู่แล้ว!เซียวว่านโฉวหมดหนทาง ทำได้เพียงตามทูตกลับไปโดยเร็วแม้แต่น้ำก็ไม่ทันได้ดื่ม ก็ถูกพามายังสวนหลวงแล้วดีเหมือนกัน!เขาเร่งกลับมาเพียงนี้ เรื่องแกล้งป่วยของตนนั่นจะได้สมจริงขึ้นมาบ้างเมื่อคิดเช่นนี้ เซียวว่านโฉวก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป แต่กลับมีความสุขในใจเซียวว่านโฉวมาถึงสวนหลวงก็พบว่า ไม่เพียงแต่มีจักรพรรดิเหวินอยู่เท่า
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่