เมื่อได้ยินคำพูดของสวีสือฝู่แล้ว เซียวว่านโฉวก็ตะลึงงันสรรเสริญแล้วฆ่า!สวีสือฝู่คิดจะสรรเสริญแล้วฆ่าหยุนเจิงหรือนี่!ถึงแม้เขาจะชื่นชมสรรเสริญหยุนเจิง แต่ทว่าในคำพูดกลับกำลังบอกว่า หยุนเจิงวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากเมืองจักรพรรดิแล้วนี่มันต้องการบอกว่าหยุนเจิงมีแผนการบางอย่างถึงไปซั่วเป่ยชัดๆเป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินคำพูดของสวีสือฝู่แล้ว สีพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินก็แข็งทื่อทันใดเซียวว่านโฉวเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขำขัน “องค์ชายหกไม่ได้มีแผนการเทพอะไรหรอก เรื่องนี้เป็นความคิดของท่านเหลิ่งคนนั้น…”สวีสือฝู่ขมวดคิ้ว ในในแอบก่นด่าเซียวว่านโฉวไอ้เฒ่าคนนี้ไอ้เฒ่านี่คิดจะทำลายแผนการของตนนั้นรึ?“ท่านเหลิ่ง?”จักรพรรดิเหวินสงสัย “ท่านเหลิ่งไหนกัน? เหตุใดในรายงานสงครามของเจ้าหกถึงไม่ได้เอ่ยถึง?”เซียวว่านโฉวเล่าความเป็นมาของท่านเหลิ่งให้จักรพรรดิเหวินฟัง แล้วกล่าวต่อไปว่า “ท่านเหลิ่งนั้นเป็นปรมาจารย์นอกโลก ไม่อยากมีชื่อเสียงมากมาย ดังนั้นจึงไม่ให้องค์ชายหกเอ่ยถึงเขาในรายงานสงคราม แล้วมอบความดีความชอบทั้งหมดให้กับตู้กุยหยวนพวกเขา…”“นั้นรึ?”จักรพรรดิเหวินยิ่งอยากรู้จึงถามเรื่องท่า
“ตบรางวัล! ต้องตบรางวัลอย่างหนัก!”ภายใต้ความดีใจ จักรพรรดิเหวินจึงรีบโองการ“เสด็จพ่อ ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่ทนไม่ได้อีกต่อไป จึบรีบห้ามเอาไว้“เจ้าจะพูดอะไร?”จักรพรรดิเหวินมองหยุนลี่อย่างไม่พอพระทัยหยุนลี่ใจกระตุกวูบ รีบโค้งคำนับ “เบื้องต้นเป่ยหวนเพียงแค่คิดจะนำเมืองสามชายแดนมาแลกตัวองค์หญิงเจียเหยาเท่านั้น ทว่าเรื่องนี้ยังเจรจาไม่ชัดเจน ลูกเกรงว่าจะเป็นกับดักของเป่ยหวนอีก…”“นั่นน่ะสิ!”สวีสือฝู่สำทับ “เป่ยหวนกลยุทธ์มากมาย ขณะที่เมืองสามชายแดนยังไม่กลับคืนสู่ต้าเฉียนอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้ก็ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา”หลังจากที่ทั้งสองเอ่ยจบ ก็มีผู้คนไม่น้อยเริ่มวิจารณ์ขึ้นมา“เรื่องนี้ซับซ้อน ฝ่าบาททรงสืบให้แน่ชัดก่อนตัดสินพระทัยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”“จริงพ่ะย่ะค่ะ เป่ยหวนสูญเสียกำลังคนไปมากเพียงนั้น แต่กลับละทิ้งเมืองสามชายแดนที่เป็นจุดอันตรายในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ!”“หากละทิ้งเมืองสามชายแดนในตอนนื้ เช่นนั้นตอนที่เราโจมตีช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เป่ยหวนก็เสียเปรียบน่ะสิ?”“เรื่องนี้ต้องเป็นกับดักของเป่ยหวนแน่…”คนส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแม้แต่จางฮว๋ายก็นึก
ชั่วขณะหนึ่ง จักรพรรดิเหวินพลันรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาหลังจากครุ่นคิดได้พักหนึ่ง จักรพรรดิเหวินก็สั่งการมู่ซุ่นว่า “ถ่ายทอดราชโองการสั่งให้เว่ยเหวินจง…”พูดไปครึ่งประโยค จักรพรรดิเหวินก็หยุดกะทันหันหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยต่อไปว่า “ให้เจ้าหกรับหน้าที่ไปทำการแลกเปลี่ยนทั้งหมด เว่ยเหวินจงคอยช่วยเหลือ! หลังจากที่ได้เมืองสามชายแดนกลับคืนมา เว่ยเหวินจงจะรับหน้าที่ส่งแม่ทัพไปประจำการที่เมืองสามชายแดนต่อ…”“เสด็จพ่อ เช่นนี้ไม่ดีหรอกกระมัง?”หยุนลี่เอ่ยอย่างกังวลใจ “เว่ยเหวินจงเป็นผู้บัญชาการหลักของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ ให้เขาคอยช่วยเหลือน้องหก ไม่ดู…”“ไม่ดูอะไร?”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่แวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าเพียงแค่ให้เว่ยเหวินจงช่วยเหลือเจ้าหกจัดการเรื่องแลกเปลี่ยนเท่านั้น เรื่องต่อจากนี้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเว่ยเหวินจงอยู่แล้ว แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ?”“องค์รัชทายาท ฝ่าบาทตรัสมีเหตุผล” สวีสือฝู่รีบเอ่ย “ฝ่าบาทเพียงแค่กังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นขณะแลกเปลี่ยน จึงอยากให้ท่านเหลิ่งที่อยู่ข้างกายองค์ชายหกช่วยคิดแผนการรับมือ…”หยุนลี่ชะงั
หลังจากที่ส่งคนไปส่งข่าวให้กับจักรพรรดิเหวินแล้ว หยุนเจิงก็พาเจียเหยากลับที่จวนของตนทันทีสองสามวันนี้ หยุนเจิงพวกเขากินแต่โสมตุ๋นทุกวันโดยอ้างว่าต้องการจะบำรุงร่างกายให้กับเมี่ยวอินที่ตั้งครรภ์อยู่หยุนเจิงเองก็ไม่บังคับเจียเหยาเพราะอย่างไรพวกเขากินอย่างไร เจียเหยาก็กินอย่างนั้นพวกเขาไม่เอ่ยว่าจะมอบ ‘โสม’ ให้กับเจียเหยาเลย เพื่อรอให้เจียเหยาได้ลิ้มลองคุณสมบัติของโสมนี้ก่อน แล้วเอ่ยปากขอด้วยตนเองแต่ทว่าน่าเสียดาย พวกเขารออยู่นานหลายวัน เจียเหยาก็ไม่ยอมปริปากวันๆ เอาแต่บำรุงกาย ทำเอาหยุนเจิงบำรุงจนแทบจะเลือดกำเดาไหลแล้วเมื่อเห็นว่าเวลาที่เจียเหยาให้เหลือไม่กี่วันแล้ว หยุนเจิงจึงได้ตัดสินใจพาเจียเหยาไปที่ป้อมเมืองสุยหนิงขณะที่หยุนเจิงมาถึงเรือนปีกที่กักขังเจียเหยา พบว่าเจียเหยากำลังนอนหลับตาครุ่นคิดอย่างสบายใจอยู่บนใบหน้าของนาง ไม่เห็นถึงความกังวลและร้อนใจเลยแม้แต่น้อย“อารมณ์ดีเชียวนะ!”หยุนเจิงเอ่ยชมลับๆ จากนั้นเดินตรงไปที่ข้างกายเจียเหยา “เหตุใดถึงมานอนอยู่ที่นี่ ไม่หนาวหรือ?”เจียเหยาลืมตาขึ้นช้าๆ “ความหนาวถึงจะทำให้คนมีสติ ไม่ใช่หรือ?”“แต่ความหนาวก็สามารถทำให้
หยุนเจิงหัวเราะ “เจ้าดูสิ เจ้าอยู่กินที่นี่มาตั้งหลายวัน แม้แต่โสมคนที่แสนล้ำค่าของข้าก็ให้เจ้ากินแล้ว พวกเราไม่นานก็ต้องแลกเปลี่ยนกันแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ควรจ่ายค่าอาหารหรือไม่?”ค่าอาหาร?เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ใบหน้าที่สวยงามของเจียเหยากระตุกวูบทันทีไอสารเลวไร้ยางอาย ยังกล้าถามหาค่าอาหารกับนางด้วย?“อย่ามองข้าเช่นนั้น”หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในมือข้ามีโสมคนไม่กี่รากเท่านั้น ยามปกติข้าเองก็ยังเสียดายไม่กล้ากิน หากไม่ใช่ เพื่อใช้รับรองเจ้า จึงนำอาหารมากินเช่นนี้? เจ้าไม่ให้ค่าอาหารกับข้าสักหน่อย คงกล่าวต่อไปไม่ได้กระมัง?”หยุนเจิงพยายามเบี่ยงเบนหัวข้อไปที่โสมคนห้ามไม่ให้เจียเหยามองออก จึงทำได้เพียงดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ปัญหาเรื่องค่าอาหารเขาเองก็พยายามเป็นครึ่งสุดท้ายหากไม่ได้จริงๆ ก็ทำได้เพียงมอบโสมคนให้เจียเหยาโดยไร้ค่าใช้จ่ายแล้วส่วนนางจะทิ้งหรือว่านำไปมอบให้ผู้อื่น หรือว่านางกินเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถควบคุมได้แล้ว“เจ้าคิดค่าอาหารเท่าไหร่ล่ะ?”เจียเหยาเลิกคิ้วถามหยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “โสมคนในมือข้าล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า โสมคนหนึ่งรากมูล
ฟังคำพูดของหยุนเจิง เจียเหยาจมอยู่ในความคิดหลายวันนี้นางกินอาหารตุ๋นโสมไปไม่น้อย ผลลัพธ์ของโสมคนนั่น นางรับรู้ได้เช่นกันแต่ว่า หยุนเจิงใจดีเช่นนี้หรือ?ไอสารเลวเจ้าเล่ห์นี่ นำโสมคนมอบให้นาง ให้ไปรักษาชีวิตเชลยศึกเหล่านั้น?คิดไปคิดมาล้วนรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ!หากเขาคิดจะเอาชีวิตคนเหล่านั้นค่อยว่าไปอย่าง!“เจ้ามันโหดร้ายจริง!”เจียเหยาตะคอกเสียงเย็น “ข้าเดาว่า เจ้าให้คนวางยาพิษในโสมคน? หากข้านำโสมคนมีพิษไปให้ผู้บาดเจ็บเหล่านั้น เกรงว่าชีวิตของพวกเขาคงไม่เหลือแล้ว! เช่นนั้น เจ้าก็เอาเปรียบได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวเชลยเหล่านั้นกลับมาสวมชุดเกราะ กลายเป็นศัตรูของพวกเขา ถูกหรือไม่?”ได้!สตรีนางนี้สุดท้ายก็ยังคลางแคลงใจ!เห้อ คิดจะหลอกสตรีนางนี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ!เขาอ้อมไปตั้งนาน ยังสร้างความสงสัยให้นางแล้วหยุนเจิงยิ้มขมขื่นในใจ ทว่ายังกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว!”“เข้าใจผิด?”หยุนเจิงเบ้ริมฝีปาก กล่าวถากถาง “ตอนที่เจ้านำศพทหารเหล่านั้นแลกเปลี่ยนม้าศึกกับอาจารย์ข้า ก็ใช้วิธีกลอุบายเล็กน้อยนี่ไม่ใช่หรือ?”“ข้าทำเช่นนั้นเรียกกลอุบายเล็กน้อย?”หยุนเจิ
ทหารยามนำกุญแจออกมาเปิดประตูห้องคลังอย่างรวดเร็วหยุนเจิงสั่งอีกครั้ง “ไปเรียกฮูหยินจื่อมาหน่อย”ทหารยามไปทำตามคำสั่งทันที“เจ้าเรียกคนมาด้วยเหตุใด?”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความสงสัย“เจ้าโง่หรือ?”หยุนเจิงกรอกตาบนใส่นาง “ข้าเป็นท่านอ๋อง มีหรือจะเวลามาใส่ใจว่าโสมคนวางไว้ตำแหน่งใดในห้องคลัง? เจ้าเฝ้าอยู่ตรงหน้า ข้าอยากเล่นตุกติกกับโสมคน ก็ต้องมีโอกาสด้วยใช่หรือไม่?”เจียเหยาชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ไร้คำจะพูดจริงด้วย!เขาเป็นท่านอ๋อง หากทั้งวันเอาแต่สนใจเรื่องไร้อย่างห้องคลัง เช่นนั้นก็มีปัญหาจริงแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ เจียเหยาไม่กังวลอีกต่อไปไม่นาน เยี่ยจื่อรีบเข้ามา“องค์ชาย พวกท่านต้องการทำสิ่งใด?”เยี่ยจื่อถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงยักไหล่กล่าว “ข้าเจรจาการค้ากับนาง เจ้าไปนำโสมคนสองหัวมาให้นาง”“ข้าไปเอาเอง!”ไม่ทันรอให้เยี่ยจื่อเอ่ยปาก เจียแหยาชิงพูดก่อน“ได้ ได้!”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสายตารำคาญ “ระหว่างคนด้วยกัน ความเชื่อใจพื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี!”เจียเหยาเบ้ปาก คร้านจะสนใจเขาสำหรับหยุนเจิงที่หูตาเยอะยิ่งกว่ารังผึ้ง ต้องป้องกันเอาไว้ทุกทาง!ภายใต้การนำทางขอ
ต่อมา หยุนเจิงและเจียเหยาเริ่มสงครามยื้อแย้งกันเป็นเวลานานเจียเหยาต้องการโสมคนชิ้นใหญ่สองรากนั่นหยุนเจิงแม้อยากจะยกให้นางมาก ทว่ากลับไม่อาจยกให้นางได้อย่างง่ายดายคนเช่นนี้ สิ่งที่ตนเองเปลืองแรงเปลืองความคิดเพื่อได้มา ไม่มีทางไปคิดสงสัยแต่หากเป็นของที่คนอื่นมอบให้ เจ้าก็จะสังสัยว่าผู้นั้นมีเจตนาอื่น ไม่เช่นนั้นก็สงสัยว่าเป็นของปลอมเมื่อเห็นว่าใกล้ได้ที่แล้ว หยุนเจิงรีบแอบส่งสายตาให้เยี่ยจื่อ เป็นสัญญาณให้เยี่ยจื่อเกลี่ยกล่อมเขาในใจเยี่อจื่อแอบด่าไอสารเลว จากนั้นก็แสร้งทำเข้าไปดึงหยุนเจิงไปด้านข้าง จากนั้นก็กระซิบเกลี่ยกล่อมลังเลอยู่นานสองนาน หยุนเจิงหันกลับไปมองเจียงเหยา “ในมือของพวกเจ้ามีเชลยศึกของต้าเฉียนข้าเท่าใด?”“หนึ่งพันแปดร้อยกว่าคน”เจียเหยาตอบหนึ่งพันแปดร้อยกว่าคนหรือ?เชลยศึกเป่ยหวนในมือของเขามีไม่น้อยเช่นกันรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงสองพันคนต่อให้รวมกับเชลยศึกจำนวนน้อยที่ป้อมเมืองสุยหนิง คาดว่ามีเพียงสองพันคนเท่านั้นตอนนี้เจียเหยาเสนอราคาม้าศึกห้าตัวแลกกับเชลยศึกที่เกินมาหนึ่งคนแล้วคำนวณดูแล้ว สามารถแลกม้าศึกมาได้ไม่ถึงหนึ่งพันตัวด้วยซ้ำ“เชลยศึกในมือข
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่