หยุนเจิงหัวเราะ “เจ้าดูสิ เจ้าอยู่กินที่นี่มาตั้งหลายวัน แม้แต่โสมคนที่แสนล้ำค่าของข้าก็ให้เจ้ากินแล้ว พวกเราไม่นานก็ต้องแลกเปลี่ยนกันแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ควรจ่ายค่าอาหารหรือไม่?”ค่าอาหาร?เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ใบหน้าที่สวยงามของเจียเหยากระตุกวูบทันทีไอสารเลวไร้ยางอาย ยังกล้าถามหาค่าอาหารกับนางด้วย?“อย่ามองข้าเช่นนั้น”หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในมือข้ามีโสมคนไม่กี่รากเท่านั้น ยามปกติข้าเองก็ยังเสียดายไม่กล้ากิน หากไม่ใช่ เพื่อใช้รับรองเจ้า จึงนำอาหารมากินเช่นนี้? เจ้าไม่ให้ค่าอาหารกับข้าสักหน่อย คงกล่าวต่อไปไม่ได้กระมัง?”หยุนเจิงพยายามเบี่ยงเบนหัวข้อไปที่โสมคนห้ามไม่ให้เจียเหยามองออก จึงทำได้เพียงดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ปัญหาเรื่องค่าอาหารเขาเองก็พยายามเป็นครึ่งสุดท้ายหากไม่ได้จริงๆ ก็ทำได้เพียงมอบโสมคนให้เจียเหยาโดยไร้ค่าใช้จ่ายแล้วส่วนนางจะทิ้งหรือว่านำไปมอบให้ผู้อื่น หรือว่านางกินเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถควบคุมได้แล้ว“เจ้าคิดค่าอาหารเท่าไหร่ล่ะ?”เจียเหยาเลิกคิ้วถามหยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “โสมคนในมือข้าล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า โสมคนหนึ่งรากมูล
ฟังคำพูดของหยุนเจิง เจียเหยาจมอยู่ในความคิดหลายวันนี้นางกินอาหารตุ๋นโสมไปไม่น้อย ผลลัพธ์ของโสมคนนั่น นางรับรู้ได้เช่นกันแต่ว่า หยุนเจิงใจดีเช่นนี้หรือ?ไอสารเลวเจ้าเล่ห์นี่ นำโสมคนมอบให้นาง ให้ไปรักษาชีวิตเชลยศึกเหล่านั้น?คิดไปคิดมาล้วนรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ!หากเขาคิดจะเอาชีวิตคนเหล่านั้นค่อยว่าไปอย่าง!“เจ้ามันโหดร้ายจริง!”เจียเหยาตะคอกเสียงเย็น “ข้าเดาว่า เจ้าให้คนวางยาพิษในโสมคน? หากข้านำโสมคนมีพิษไปให้ผู้บาดเจ็บเหล่านั้น เกรงว่าชีวิตของพวกเขาคงไม่เหลือแล้ว! เช่นนั้น เจ้าก็เอาเปรียบได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวเชลยเหล่านั้นกลับมาสวมชุดเกราะ กลายเป็นศัตรูของพวกเขา ถูกหรือไม่?”ได้!สตรีนางนี้สุดท้ายก็ยังคลางแคลงใจ!เห้อ คิดจะหลอกสตรีนางนี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ!เขาอ้อมไปตั้งนาน ยังสร้างความสงสัยให้นางแล้วหยุนเจิงยิ้มขมขื่นในใจ ทว่ายังกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว!”“เข้าใจผิด?”หยุนเจิงเบ้ริมฝีปาก กล่าวถากถาง “ตอนที่เจ้านำศพทหารเหล่านั้นแลกเปลี่ยนม้าศึกกับอาจารย์ข้า ก็ใช้วิธีกลอุบายเล็กน้อยนี่ไม่ใช่หรือ?”“ข้าทำเช่นนั้นเรียกกลอุบายเล็กน้อย?”หยุนเจิ
ทหารยามนำกุญแจออกมาเปิดประตูห้องคลังอย่างรวดเร็วหยุนเจิงสั่งอีกครั้ง “ไปเรียกฮูหยินจื่อมาหน่อย”ทหารยามไปทำตามคำสั่งทันที“เจ้าเรียกคนมาด้วยเหตุใด?”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความสงสัย“เจ้าโง่หรือ?”หยุนเจิงกรอกตาบนใส่นาง “ข้าเป็นท่านอ๋อง มีหรือจะเวลามาใส่ใจว่าโสมคนวางไว้ตำแหน่งใดในห้องคลัง? เจ้าเฝ้าอยู่ตรงหน้า ข้าอยากเล่นตุกติกกับโสมคน ก็ต้องมีโอกาสด้วยใช่หรือไม่?”เจียเหยาชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ไร้คำจะพูดจริงด้วย!เขาเป็นท่านอ๋อง หากทั้งวันเอาแต่สนใจเรื่องไร้อย่างห้องคลัง เช่นนั้นก็มีปัญหาจริงแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ เจียเหยาไม่กังวลอีกต่อไปไม่นาน เยี่ยจื่อรีบเข้ามา“องค์ชาย พวกท่านต้องการทำสิ่งใด?”เยี่ยจื่อถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงยักไหล่กล่าว “ข้าเจรจาการค้ากับนาง เจ้าไปนำโสมคนสองหัวมาให้นาง”“ข้าไปเอาเอง!”ไม่ทันรอให้เยี่ยจื่อเอ่ยปาก เจียแหยาชิงพูดก่อน“ได้ ได้!”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสายตารำคาญ “ระหว่างคนด้วยกัน ความเชื่อใจพื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี!”เจียเหยาเบ้ปาก คร้านจะสนใจเขาสำหรับหยุนเจิงที่หูตาเยอะยิ่งกว่ารังผึ้ง ต้องป้องกันเอาไว้ทุกทาง!ภายใต้การนำทางขอ
ต่อมา หยุนเจิงและเจียเหยาเริ่มสงครามยื้อแย้งกันเป็นเวลานานเจียเหยาต้องการโสมคนชิ้นใหญ่สองรากนั่นหยุนเจิงแม้อยากจะยกให้นางมาก ทว่ากลับไม่อาจยกให้นางได้อย่างง่ายดายคนเช่นนี้ สิ่งที่ตนเองเปลืองแรงเปลืองความคิดเพื่อได้มา ไม่มีทางไปคิดสงสัยแต่หากเป็นของที่คนอื่นมอบให้ เจ้าก็จะสังสัยว่าผู้นั้นมีเจตนาอื่น ไม่เช่นนั้นก็สงสัยว่าเป็นของปลอมเมื่อเห็นว่าใกล้ได้ที่แล้ว หยุนเจิงรีบแอบส่งสายตาให้เยี่ยจื่อ เป็นสัญญาณให้เยี่ยจื่อเกลี่ยกล่อมเขาในใจเยี่อจื่อแอบด่าไอสารเลว จากนั้นก็แสร้งทำเข้าไปดึงหยุนเจิงไปด้านข้าง จากนั้นก็กระซิบเกลี่ยกล่อมลังเลอยู่นานสองนาน หยุนเจิงหันกลับไปมองเจียงเหยา “ในมือของพวกเจ้ามีเชลยศึกของต้าเฉียนข้าเท่าใด?”“หนึ่งพันแปดร้อยกว่าคน”เจียเหยาตอบหนึ่งพันแปดร้อยกว่าคนหรือ?เชลยศึกเป่ยหวนในมือของเขามีไม่น้อยเช่นกันรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงสองพันคนต่อให้รวมกับเชลยศึกจำนวนน้อยที่ป้อมเมืองสุยหนิง คาดว่ามีเพียงสองพันคนเท่านั้นตอนนี้เจียเหยาเสนอราคาม้าศึกห้าตัวแลกกับเชลยศึกที่เกินมาหนึ่งคนแล้วคำนวณดูแล้ว สามารถแลกม้าศึกมาได้ไม่ถึงหนึ่งพันตัวด้วยซ้ำ“เชลยศึกในมือข
“ข้าด้วย!”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ ถอนหายใจเงียบในใจเจียเหยานับว่าเป็นสตรีที่สุดยอดคนหนึ่งไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่ความกล้าหาญของนางก็ทำให้คนนับถือแล้วหากนางไม่ได้เป็นองค์หญิงของเป่ยหวน นางเองก็หวังจะได้เป็นเพื่อกับสตรีที่สุดยอดเช่นนี้“ข้าเองก็นับถือนาง แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางที่ข้าอยากฆ่านาง”หยุนเจิงยักไหล่ “หากให้โอกาสนาง นางเองก็คิดจะฆ่าข้าเช่นกัน!”นับถือก็ส่วนนับถือ แต่ตำแหน่งก็คือตำแหน่งฐานะของเขาและเจียเหยา กำหนดให้พวกเขาเป็นศัตรูกันความเมตตาต่อศัตรู ก็คือความโหดร้ายต่อตนเอง!“ไร้สาระ!”เมี่ยวอินกรอกตาบนใส่นาง “อย่างเจ้า นางไม่คิดอยากฆ่าก็แปลกแล้ว!”เยี่ยจื่อหัวเราะสดใส พยักหน้าเห็นด้วย……เช้าวันที่สอง เสิ่นลั่วเยี่ยนบัญชาการทหารม้าสองพันห้าร้อยคนด้วยตัวเอง ตามหยุนเจิงคุมขังเชลยศึกกลุ่มหนึ่งไปที่ป้อมเมืองสุยหนิงเขาไม่ได้ส่งคนไปแจ้งกับเว่ยเหวินจง คิดจะรอให้ถึงป้อมเมืองสุยหนิงแล้วค่อยส่งคนไปแจ้งเรื่องนี้ เช่นไรก็ต้องบอกกับเว่ยเหวินจงพวกเขาไม่สามารถทำได้เพียงเงียบๆ!มิฉะนั้น จะกระทบกระเทือนบารมีเว่ยเหวินจงได้เช่นไร?นอกจากนี้ หากต้องส่งทหารเพื่อคุมสามเมือง
เผชิญกับคำถามวิจารณ์ของหยุนเจิง สีหน้าของเว่ยเหวินจงบึ้งตึงขึ้นมาทันที“ข้าไม่ได้บอกว่าไม่แลก!”เว่ยเหวินจงเสียงดังขึ้น ตะคอกเสียงเฉียบ “พวกเราต้องแลก แต่ก็ต้องใส่ใจกับกลยุทธ์ด้วย! ไม่อาจหลับหูหลับตาไปแลกได้! หากพวกเราหลงกลแผนการของเป่ยหวน ใครจะรับผิดชอบ!”“ข้ารับผิดชอบ!”หยุนเจิงขึ้นเสียงเช่นกัน “ข้าส่งคนไปบอกเจ้าแล้ว วันนี้นับว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว! หากพรุ่งนี้พวกเราไม่แลกเปลี่ยนกับเป่ยหวน หากเป่ยหวนเปลี่ยนใจ ก็ไม่นำสามเมืองชายแดนมาแลกได้แล้ว! เจ้า ข้าและทุกคนที่อยู่ที่นี่ ล้วนเป็นคนบาปของต้าเฉียนเรา! พวกเราทุกคน จะถูกสลักชื่อไว้บนเสาอันน่าอับอายของประวัติศาสตร์!” หยุนเจิงแทบคำรามด้วยพลังทั้งหมดที่มีทุกคำที่เขากล่าว เข้าสู่โสตประสาทของทุกคนอย่างชัดเจนเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง คนไม่น้อยพยักหน้าตามนี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการนำดินแดนที่เสียไปกลับมา!และเป็นความที่เป่ยหวนอาจมีแผนการแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จำเป็นต้องลอง!หากพวกเขาพลาดโอกาสครั้งนี้ไป เมื่อพวกเขาลงไปถึงปรโลก ก็ไม่อาจสู้หน้ากับบรรพบุรษได้“ท่านอ๋องช่างมีคุณธรรมและน่าเกรงขาม!”เว่ยเหวินจงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้ง
“พวกเขา...บังอาจ!”เว่ยเหวินจงตัวสั่นไปทั้งตัว กำหมดไว้แน่นต่อต้าน!แต่ละคนล้วนต่อต้าน!เขาเคยบอกว่าจะไม่นำดินแดนที่เสียไปกลับมาหรือ?เขาแค่เตือนให้พวกเขาระวังหน่อย ก็แค่กังวลแผนการของเป่ยหวน พวกเขาก็บังอาจกับเขาถึงเพียงนี้แล้ว?ในสายตาพวกเขา ยังมีกฎทหารอยู่หรือไม่?ยังเห็นเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของเจิ้งเป่ยหรือไม่?”“พอแล้ว พอแล้ว ทุกคนใจเย็นก่อนเถอะ!”ตู๋กูเช่อรีบออกมาไกล่เกลี่ย “ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งวันไม่ใช่หรือ? พวกเรามาสรุปกันก่อนค่อยว่ากัน! แลกเปลี่ยนเช่นไรก็ต้องแลก แต่เรื่องต้องระวัง นั่นก็ไม่ผิด!”บอกตามตรง ตู๋กูเช่อเองก็ไม่คิดว่าเว่ยเหวินจงทำสิ่งใดผิดกลับกัน ความระมัดระวังของเว่ยเหวินจงเป็นสิ่งสมควรหากเป็นเขา เขาก็ต้องระวังเช่นกันเขาคิดว่า คนมากมายถูกหยุนเจิงและฉินชีหู่ทำให้เข้าใจผิดแล้วเว่ยเหวินจงไม่ได้บอกว่าจะไม่แลกเปลี่ยนดินแดนกับเป่ยหวน เพียงแค่บอกว่าต้องระวังแต่หยุนเจิงและฉินชีหู่กล่าวเช่นนั้น ทำอย่างกับเว่ยเหวินจงจะขัดขวางเรื่องนี้เหล่าคนสะเพร่าที่ด่าเว่ยเหวินจงตามน้ำเหล่านี้ก็ไม่คิดบ้าง เว่ยเหวินจงกล้าที่จะขัดขวางเรื่องนี้หรือ?เห้อนี่คือผลจากก
เผชิญหน้ากับคำถามของเว่ยเหวินจง หยุนเจิงไม่มากความ กล่าวแผนการแลกเปลี่ยนที่เขากับเจียเหยาออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อแสดงถึงความจริงงใจ เป่ยหวนสามารถคืนชายแดนเมืองกู้กลับมาก่อนได้ทันทีที่กองทัพต้าเฉียนเข้าสู่ชายแดนเมืองกู้ ต้าเฉียนจำเป็นต้องปล่อยตัวเจียเหยาส่วนการแลกเปลี่ยนเชลยศึก ตอนนี้ด้านนอกชายแดนเมืองกู้ได้ดำเนินการแล้วเมื่อได้งฟังแผนการแลกเปลี่ยนของหยุนเจิง หัวคิ้วของเว่ยเหวินจงขมวดขึ้นมาทันที “หากพวกเราปล่อยองค์หญิงของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ยอมถอยออกจากชายแดนชิงและชายแดนเว่ยล่ะ?”“ทันทีที่พวกเขาเข้าสู้ชายแดนกู้ เป่ยหวนไม่มีทางไม่ถอย” หยุนเจิงกล่าวเรียบๆ “ใจกลางของสามเมืองชายแดนคือเมืองกู้ ขอแค่กองทัพของพวกเขาเข้าสู่เมืองกู้ นั่นก็เท่ากับได้ยึดสันแนวดอนเป่ยหยวนแล้ว หากเป่ยหวนคิดจะครองเมืองชิงและเมืองเว่ยเปลืองทรัพยากรณ์กับพวกเราต่อไป มีแต่ส่งผลเสียไม่มีผลดีต่อพวกเขา!” เมืองกู้ ถูกเรียกว่าลำคอขอแค่ครอบครองเมืองกู้ได้ เมืองชิงและเมืองเว่ยก็จะไร้ความหมายในการป้องกันเป่ยหวนไม่ได้โง่ถึงขนาดรวบรวมกองทัพแย่งเมืองกู้กลับมาหรอกกระมัง?ตอนนี้กองทัพสามหมื่นคนที่ประจำการอยู่ที่สันดอนเป