ต่อมา หยุนเจิงและเจียเหยาเริ่มสงครามยื้อแย้งกันเป็นเวลานานเจียเหยาต้องการโสมคนชิ้นใหญ่สองรากนั่นหยุนเจิงแม้อยากจะยกให้นางมาก ทว่ากลับไม่อาจยกให้นางได้อย่างง่ายดายคนเช่นนี้ สิ่งที่ตนเองเปลืองแรงเปลืองความคิดเพื่อได้มา ไม่มีทางไปคิดสงสัยแต่หากเป็นของที่คนอื่นมอบให้ เจ้าก็จะสังสัยว่าผู้นั้นมีเจตนาอื่น ไม่เช่นนั้นก็สงสัยว่าเป็นของปลอมเมื่อเห็นว่าใกล้ได้ที่แล้ว หยุนเจิงรีบแอบส่งสายตาให้เยี่ยจื่อ เป็นสัญญาณให้เยี่ยจื่อเกลี่ยกล่อมเขาในใจเยี่อจื่อแอบด่าไอสารเลว จากนั้นก็แสร้งทำเข้าไปดึงหยุนเจิงไปด้านข้าง จากนั้นก็กระซิบเกลี่ยกล่อมลังเลอยู่นานสองนาน หยุนเจิงหันกลับไปมองเจียงเหยา “ในมือของพวกเจ้ามีเชลยศึกของต้าเฉียนข้าเท่าใด?”“หนึ่งพันแปดร้อยกว่าคน”เจียเหยาตอบหนึ่งพันแปดร้อยกว่าคนหรือ?เชลยศึกเป่ยหวนในมือของเขามีไม่น้อยเช่นกันรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงสองพันคนต่อให้รวมกับเชลยศึกจำนวนน้อยที่ป้อมเมืองสุยหนิง คาดว่ามีเพียงสองพันคนเท่านั้นตอนนี้เจียเหยาเสนอราคาม้าศึกห้าตัวแลกกับเชลยศึกที่เกินมาหนึ่งคนแล้วคำนวณดูแล้ว สามารถแลกม้าศึกมาได้ไม่ถึงหนึ่งพันตัวด้วยซ้ำ“เชลยศึกในมือข
“ข้าด้วย!”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ ถอนหายใจเงียบในใจเจียเหยานับว่าเป็นสตรีที่สุดยอดคนหนึ่งไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่ความกล้าหาญของนางก็ทำให้คนนับถือแล้วหากนางไม่ได้เป็นองค์หญิงของเป่ยหวน นางเองก็หวังจะได้เป็นเพื่อกับสตรีที่สุดยอดเช่นนี้“ข้าเองก็นับถือนาง แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางที่ข้าอยากฆ่านาง”หยุนเจิงยักไหล่ “หากให้โอกาสนาง นางเองก็คิดจะฆ่าข้าเช่นกัน!”นับถือก็ส่วนนับถือ แต่ตำแหน่งก็คือตำแหน่งฐานะของเขาและเจียเหยา กำหนดให้พวกเขาเป็นศัตรูกันความเมตตาต่อศัตรู ก็คือความโหดร้ายต่อตนเอง!“ไร้สาระ!”เมี่ยวอินกรอกตาบนใส่นาง “อย่างเจ้า นางไม่คิดอยากฆ่าก็แปลกแล้ว!”เยี่ยจื่อหัวเราะสดใส พยักหน้าเห็นด้วย……เช้าวันที่สอง เสิ่นลั่วเยี่ยนบัญชาการทหารม้าสองพันห้าร้อยคนด้วยตัวเอง ตามหยุนเจิงคุมขังเชลยศึกกลุ่มหนึ่งไปที่ป้อมเมืองสุยหนิงเขาไม่ได้ส่งคนไปแจ้งกับเว่ยเหวินจง คิดจะรอให้ถึงป้อมเมืองสุยหนิงแล้วค่อยส่งคนไปแจ้งเรื่องนี้ เช่นไรก็ต้องบอกกับเว่ยเหวินจงพวกเขาไม่สามารถทำได้เพียงเงียบๆ!มิฉะนั้น จะกระทบกระเทือนบารมีเว่ยเหวินจงได้เช่นไร?นอกจากนี้ หากต้องส่งทหารเพื่อคุมสามเมือง
เผชิญกับคำถามวิจารณ์ของหยุนเจิง สีหน้าของเว่ยเหวินจงบึ้งตึงขึ้นมาทันที“ข้าไม่ได้บอกว่าไม่แลก!”เว่ยเหวินจงเสียงดังขึ้น ตะคอกเสียงเฉียบ “พวกเราต้องแลก แต่ก็ต้องใส่ใจกับกลยุทธ์ด้วย! ไม่อาจหลับหูหลับตาไปแลกได้! หากพวกเราหลงกลแผนการของเป่ยหวน ใครจะรับผิดชอบ!”“ข้ารับผิดชอบ!”หยุนเจิงขึ้นเสียงเช่นกัน “ข้าส่งคนไปบอกเจ้าแล้ว วันนี้นับว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว! หากพรุ่งนี้พวกเราไม่แลกเปลี่ยนกับเป่ยหวน หากเป่ยหวนเปลี่ยนใจ ก็ไม่นำสามเมืองชายแดนมาแลกได้แล้ว! เจ้า ข้าและทุกคนที่อยู่ที่นี่ ล้วนเป็นคนบาปของต้าเฉียนเรา! พวกเราทุกคน จะถูกสลักชื่อไว้บนเสาอันน่าอับอายของประวัติศาสตร์!” หยุนเจิงแทบคำรามด้วยพลังทั้งหมดที่มีทุกคำที่เขากล่าว เข้าสู่โสตประสาทของทุกคนอย่างชัดเจนเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง คนไม่น้อยพยักหน้าตามนี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการนำดินแดนที่เสียไปกลับมา!และเป็นความที่เป่ยหวนอาจมีแผนการแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จำเป็นต้องลอง!หากพวกเขาพลาดโอกาสครั้งนี้ไป เมื่อพวกเขาลงไปถึงปรโลก ก็ไม่อาจสู้หน้ากับบรรพบุรษได้“ท่านอ๋องช่างมีคุณธรรมและน่าเกรงขาม!”เว่ยเหวินจงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้ง
“พวกเขา...บังอาจ!”เว่ยเหวินจงตัวสั่นไปทั้งตัว กำหมดไว้แน่นต่อต้าน!แต่ละคนล้วนต่อต้าน!เขาเคยบอกว่าจะไม่นำดินแดนที่เสียไปกลับมาหรือ?เขาแค่เตือนให้พวกเขาระวังหน่อย ก็แค่กังวลแผนการของเป่ยหวน พวกเขาก็บังอาจกับเขาถึงเพียงนี้แล้ว?ในสายตาพวกเขา ยังมีกฎทหารอยู่หรือไม่?ยังเห็นเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของเจิ้งเป่ยหรือไม่?”“พอแล้ว พอแล้ว ทุกคนใจเย็นก่อนเถอะ!”ตู๋กูเช่อรีบออกมาไกล่เกลี่ย “ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งวันไม่ใช่หรือ? พวกเรามาสรุปกันก่อนค่อยว่ากัน! แลกเปลี่ยนเช่นไรก็ต้องแลก แต่เรื่องต้องระวัง นั่นก็ไม่ผิด!”บอกตามตรง ตู๋กูเช่อเองก็ไม่คิดว่าเว่ยเหวินจงทำสิ่งใดผิดกลับกัน ความระมัดระวังของเว่ยเหวินจงเป็นสิ่งสมควรหากเป็นเขา เขาก็ต้องระวังเช่นกันเขาคิดว่า คนมากมายถูกหยุนเจิงและฉินชีหู่ทำให้เข้าใจผิดแล้วเว่ยเหวินจงไม่ได้บอกว่าจะไม่แลกเปลี่ยนดินแดนกับเป่ยหวน เพียงแค่บอกว่าต้องระวังแต่หยุนเจิงและฉินชีหู่กล่าวเช่นนั้น ทำอย่างกับเว่ยเหวินจงจะขัดขวางเรื่องนี้เหล่าคนสะเพร่าที่ด่าเว่ยเหวินจงตามน้ำเหล่านี้ก็ไม่คิดบ้าง เว่ยเหวินจงกล้าที่จะขัดขวางเรื่องนี้หรือ?เห้อนี่คือผลจากก
เผชิญหน้ากับคำถามของเว่ยเหวินจง หยุนเจิงไม่มากความ กล่าวแผนการแลกเปลี่ยนที่เขากับเจียเหยาออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อแสดงถึงความจริงงใจ เป่ยหวนสามารถคืนชายแดนเมืองกู้กลับมาก่อนได้ทันทีที่กองทัพต้าเฉียนเข้าสู่ชายแดนเมืองกู้ ต้าเฉียนจำเป็นต้องปล่อยตัวเจียเหยาส่วนการแลกเปลี่ยนเชลยศึก ตอนนี้ด้านนอกชายแดนเมืองกู้ได้ดำเนินการแล้วเมื่อได้งฟังแผนการแลกเปลี่ยนของหยุนเจิง หัวคิ้วของเว่ยเหวินจงขมวดขึ้นมาทันที “หากพวกเราปล่อยองค์หญิงของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ยอมถอยออกจากชายแดนชิงและชายแดนเว่ยล่ะ?”“ทันทีที่พวกเขาเข้าสู้ชายแดนกู้ เป่ยหวนไม่มีทางไม่ถอย” หยุนเจิงกล่าวเรียบๆ “ใจกลางของสามเมืองชายแดนคือเมืองกู้ ขอแค่กองทัพของพวกเขาเข้าสู่เมืองกู้ นั่นก็เท่ากับได้ยึดสันแนวดอนเป่ยหยวนแล้ว หากเป่ยหวนคิดจะครองเมืองชิงและเมืองเว่ยเปลืองทรัพยากรณ์กับพวกเราต่อไป มีแต่ส่งผลเสียไม่มีผลดีต่อพวกเขา!” เมืองกู้ ถูกเรียกว่าลำคอขอแค่ครอบครองเมืองกู้ได้ เมืองชิงและเมืองเว่ยก็จะไร้ความหมายในการป้องกันเป่ยหวนไม่ได้โง่ถึงขนาดรวบรวมกองทัพแย่งเมืองกู้กลับมาหรอกกระมัง?ตอนนี้กองทัพสามหมื่นคนที่ประจำการอยู่ที่สันดอนเป
ผู้นำก็คือรองผู้บัญชาการราชองครักษ์หานจิ้นหานจิ้นกวาดตามองทุกคน พบหยุนเจิงที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวเสียงสูง “หยุนเจิง เว่ยเหวินจง รับราชโองการ”หยุนเจิงและเว่ยเหวินจงก้าวออกมาข้างหน้า“ฝ่าบาทมีราชโองการ แม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยเว่ยเหวินจงสนับสนุนจิ้งเป่ยอ๋องจัดการแปลกเปลี่ยนสามเมืองชายแดน...”สิ้นเสียงของหานจิ้น สีหน้าคนจำนวนไม่น้อยแสดงออกความดีใตให้เว่ยเหวินจงสนับสนุนหยุนเจิงจัดการเรื่องนี้ นั่นก็หมายความว่า ต้องหารให้หยุนเจิงเป็นคนตัดสินหลัก!ก่อนที่จะทำการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น แม้แต่เว่ยเหวินจงก็ต้องฟังคำสั่งหยุนเจิง!ดีเลย!ดีมาก!คราวนี้ไม่ติ้งกังวลความห่วงหน้าพะวงหลังของเว่ยเหวินจงจะทำให้พลาดโอกาสดีที่จะนำดินแดนสามเมืองชายแดนกลับมาแล้ว!เว่ยเหวินจงก้มหน้าต่ำ สีหน้าดูยากที่สุดให้เขาสนับสนุนหยุนเจิงจัดการเรื่องนี้?นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาเว่ยเหวินจงหรือ?ความหมายคือ แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็คือดว่าเขาจะห่วงหน้าพะวงหลัง ทำให้พลาดโอกาสนำดินแดนสามเมืองชายแดนกลับมา?เขาก็แค่ก่อนทำสงครามระมัดระวังมากเกินไปหน่อยไม่ใช่หรือ?ฝ่าบาทล้วนคิดว่าเขาขี้ขลาด?เว่ยเห
“ฮ่าๆ น้องชายเมื่อกี้เจ้าไม่เห็น ตอนที่ไอเลวเว่ยเหวินจงฟังราชโองการ ทำเหมือนสติหลุดไปเลย!”“ไอเลวนี่อาศัยที่ตัวเองเป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยสุนัขนั่น เผด็จการ คราวนี้ต้องยอมรับความพ่ายแพ้แล้วกระมัง?”“ข้าว่า เจ้าควรฉวยโอกาสนี้ มอบรางวัลโบยเขาสักสิบไม้ ทำลายบารมีของเขา...”ตอนออกมา ฉินชีหู่เรียกว่ามีความสุขมากหากคนไม่รู้ คงคิดว่าคนผู้นี้เก็บสมบัติมาได้!“อย่าพูดเลย พี่ใหญ่ฉินช่างสังเกตไม่เลว”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง “แต่ว่า พวกเราไม่สามารถมอบรางวัลโบยสิบไม้กับเว่ยเหวินจงโดยไร้เหตุผลได้! มิฉะนั้น เสด็จพ่อจะปล่อยข้าไปก็แปลกแล้ว!”“มันก็จริง!”ฉินชีหู่ลูบคาง จากนั้นก็แสยะยิ้มกล่าว “ไม่มีโอกาสพวกเราก็หาโอกาส! กลับไปพวกเราหาวิธียั่วยุเจ้าเลวนั่น ขอแค่เจ้าเลวนั่นกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้า เจ้าก็มอบรางวัลโบยเขาสิบไม้! ดูว่าต่อไปเจ้าเลวนั่นยังกล้าหาเรื่องเจ้าหรือไม่!”เมื่อได้ฟังคำของฉินชีหู่ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มไม่กล้า?ไม่กล้าก็แปลกแล้ว!หากมอบรางวัลโบยสิบไม้กับเว่ยเหวินจงจริง เกรงว่าเว่ยเหวินจงคงแตกหักกับเขาแล้วทว่า จากสถาณการณ์ตรงหน้า เขาไม่กลัวแตกหักกับเว่ยเหวินจงแล้วเว่
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ย กลายเป็นเป้าหมายแห่งความอัปยศอดสูเมื่อใด?ต่อให้หลายวันก่อนที่ทำสงครามเขาระมัดระวังมากเกินไป อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้นำความสูญเสียใหญ่มาให้ต้าเฉียน?เพราะเรื่องนี้ ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?ตอนนี้ แม้แต่หยุนเจิงยังกล้าขี่ม้ามาตบหัวเขาแล้ว!เว่ยเหวินจงยิ่งคิดยิ่งโกรธแค้น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอึดอัดในใจเขารวมกับมีกองไฟสุมอยู่แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีที่ให้ระบายเว่ยเหวินจงลุกขึ้นยืน เดินไปมาอยู่ภายในห้องไม่หยุด สีเต็มไปด้วยความขึงขังไม่ได้! จะเอาแต่นั่งรอความตายไม่ได้!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ขวัญกำลังใจของกองทหารมณฑลทางเหนือต้องกลายเป็นของหยุนเจิงหมดแล้ว!เมื่อหยุนเจิงควบคุมกองทหารมณฑลทางเหนือได้ เขาเหลือแต่ทางไปตายเท่านั้น!ต่อให้หยุนเจิงไม่ฆ่าเขา ฝ่าบาทก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป!จำเป็นต้องทำสิ่งใดสักอย่างแล้ว!จะดีมากหากทำให้หยุนเจิงตายในขณะปฏิบัติหน้าที่!อื้ม!แล้วก็ฉินชีหู่สารเลวนั่นด้วย!คนในกองทัพมากมายที่ไม่พอใจเขา ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินชีหุ่!หนึ่งไม่ทำ สองไม่พัก!หยุนเจิงและฉินชีหู่ ล้วนต้องตายทั้งคู่!เมื่อมีความคิดเหล่านี้ ก็เหมือนถู