“ตบรางวัล! ต้องตบรางวัลอย่างหนัก!”ภายใต้ความดีใจ จักรพรรดิเหวินจึงรีบโองการ“เสด็จพ่อ ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่ทนไม่ได้อีกต่อไป จึบรีบห้ามเอาไว้“เจ้าจะพูดอะไร?”จักรพรรดิเหวินมองหยุนลี่อย่างไม่พอพระทัยหยุนลี่ใจกระตุกวูบ รีบโค้งคำนับ “เบื้องต้นเป่ยหวนเพียงแค่คิดจะนำเมืองสามชายแดนมาแลกตัวองค์หญิงเจียเหยาเท่านั้น ทว่าเรื่องนี้ยังเจรจาไม่ชัดเจน ลูกเกรงว่าจะเป็นกับดักของเป่ยหวนอีก…”“นั่นน่ะสิ!”สวีสือฝู่สำทับ “เป่ยหวนกลยุทธ์มากมาย ขณะที่เมืองสามชายแดนยังไม่กลับคืนสู่ต้าเฉียนอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้ก็ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา”หลังจากที่ทั้งสองเอ่ยจบ ก็มีผู้คนไม่น้อยเริ่มวิจารณ์ขึ้นมา“เรื่องนี้ซับซ้อน ฝ่าบาททรงสืบให้แน่ชัดก่อนตัดสินพระทัยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”“จริงพ่ะย่ะค่ะ เป่ยหวนสูญเสียกำลังคนไปมากเพียงนั้น แต่กลับละทิ้งเมืองสามชายแดนที่เป็นจุดอันตรายในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ!”“หากละทิ้งเมืองสามชายแดนในตอนนื้ เช่นนั้นตอนที่เราโจมตีช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เป่ยหวนก็เสียเปรียบน่ะสิ?”“เรื่องนี้ต้องเป็นกับดักของเป่ยหวนแน่…”คนส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ปกติแม้แต่จางฮว๋ายก็นึก
ชั่วขณะหนึ่ง จักรพรรดิเหวินพลันรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาหลังจากครุ่นคิดได้พักหนึ่ง จักรพรรดิเหวินก็สั่งการมู่ซุ่นว่า “ถ่ายทอดราชโองการสั่งให้เว่ยเหวินจง…”พูดไปครึ่งประโยค จักรพรรดิเหวินก็หยุดกะทันหันหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยต่อไปว่า “ให้เจ้าหกรับหน้าที่ไปทำการแลกเปลี่ยนทั้งหมด เว่ยเหวินจงคอยช่วยเหลือ! หลังจากที่ได้เมืองสามชายแดนกลับคืนมา เว่ยเหวินจงจะรับหน้าที่ส่งแม่ทัพไปประจำการที่เมืองสามชายแดนต่อ…”“เสด็จพ่อ เช่นนี้ไม่ดีหรอกกระมัง?”หยุนลี่เอ่ยอย่างกังวลใจ “เว่ยเหวินจงเป็นผู้บัญชาการหลักของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ ให้เขาคอยช่วยเหลือน้องหก ไม่ดู…”“ไม่ดูอะไร?”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่แวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าเพียงแค่ให้เว่ยเหวินจงช่วยเหลือเจ้าหกจัดการเรื่องแลกเปลี่ยนเท่านั้น เรื่องต่อจากนี้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเว่ยเหวินจงอยู่แล้ว แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ?”“องค์รัชทายาท ฝ่าบาทตรัสมีเหตุผล” สวีสือฝู่รีบเอ่ย “ฝ่าบาทเพียงแค่กังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นขณะแลกเปลี่ยน จึงอยากให้ท่านเหลิ่งที่อยู่ข้างกายองค์ชายหกช่วยคิดแผนการรับมือ…”หยุนลี่ชะงั
หลังจากที่ส่งคนไปส่งข่าวให้กับจักรพรรดิเหวินแล้ว หยุนเจิงก็พาเจียเหยากลับที่จวนของตนทันทีสองสามวันนี้ หยุนเจิงพวกเขากินแต่โสมตุ๋นทุกวันโดยอ้างว่าต้องการจะบำรุงร่างกายให้กับเมี่ยวอินที่ตั้งครรภ์อยู่หยุนเจิงเองก็ไม่บังคับเจียเหยาเพราะอย่างไรพวกเขากินอย่างไร เจียเหยาก็กินอย่างนั้นพวกเขาไม่เอ่ยว่าจะมอบ ‘โสม’ ให้กับเจียเหยาเลย เพื่อรอให้เจียเหยาได้ลิ้มลองคุณสมบัติของโสมนี้ก่อน แล้วเอ่ยปากขอด้วยตนเองแต่ทว่าน่าเสียดาย พวกเขารออยู่นานหลายวัน เจียเหยาก็ไม่ยอมปริปากวันๆ เอาแต่บำรุงกาย ทำเอาหยุนเจิงบำรุงจนแทบจะเลือดกำเดาไหลแล้วเมื่อเห็นว่าเวลาที่เจียเหยาให้เหลือไม่กี่วันแล้ว หยุนเจิงจึงได้ตัดสินใจพาเจียเหยาไปที่ป้อมเมืองสุยหนิงขณะที่หยุนเจิงมาถึงเรือนปีกที่กักขังเจียเหยา พบว่าเจียเหยากำลังนอนหลับตาครุ่นคิดอย่างสบายใจอยู่บนใบหน้าของนาง ไม่เห็นถึงความกังวลและร้อนใจเลยแม้แต่น้อย“อารมณ์ดีเชียวนะ!”หยุนเจิงเอ่ยชมลับๆ จากนั้นเดินตรงไปที่ข้างกายเจียเหยา “เหตุใดถึงมานอนอยู่ที่นี่ ไม่หนาวหรือ?”เจียเหยาลืมตาขึ้นช้าๆ “ความหนาวถึงจะทำให้คนมีสติ ไม่ใช่หรือ?”“แต่ความหนาวก็สามารถทำให้
หยุนเจิงหัวเราะ “เจ้าดูสิ เจ้าอยู่กินที่นี่มาตั้งหลายวัน แม้แต่โสมคนที่แสนล้ำค่าของข้าก็ให้เจ้ากินแล้ว พวกเราไม่นานก็ต้องแลกเปลี่ยนกันแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ควรจ่ายค่าอาหารหรือไม่?”ค่าอาหาร?เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ใบหน้าที่สวยงามของเจียเหยากระตุกวูบทันทีไอสารเลวไร้ยางอาย ยังกล้าถามหาค่าอาหารกับนางด้วย?“อย่ามองข้าเช่นนั้น”หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในมือข้ามีโสมคนไม่กี่รากเท่านั้น ยามปกติข้าเองก็ยังเสียดายไม่กล้ากิน หากไม่ใช่ เพื่อใช้รับรองเจ้า จึงนำอาหารมากินเช่นนี้? เจ้าไม่ให้ค่าอาหารกับข้าสักหน่อย คงกล่าวต่อไปไม่ได้กระมัง?”หยุนเจิงพยายามเบี่ยงเบนหัวข้อไปที่โสมคนห้ามไม่ให้เจียเหยามองออก จึงทำได้เพียงดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ปัญหาเรื่องค่าอาหารเขาเองก็พยายามเป็นครึ่งสุดท้ายหากไม่ได้จริงๆ ก็ทำได้เพียงมอบโสมคนให้เจียเหยาโดยไร้ค่าใช้จ่ายแล้วส่วนนางจะทิ้งหรือว่านำไปมอบให้ผู้อื่น หรือว่านางกินเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถควบคุมได้แล้ว“เจ้าคิดค่าอาหารเท่าไหร่ล่ะ?”เจียเหยาเลิกคิ้วถามหยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย “โสมคนในมือข้าล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า โสมคนหนึ่งรากมูล
ฟังคำพูดของหยุนเจิง เจียเหยาจมอยู่ในความคิดหลายวันนี้นางกินอาหารตุ๋นโสมไปไม่น้อย ผลลัพธ์ของโสมคนนั่น นางรับรู้ได้เช่นกันแต่ว่า หยุนเจิงใจดีเช่นนี้หรือ?ไอสารเลวเจ้าเล่ห์นี่ นำโสมคนมอบให้นาง ให้ไปรักษาชีวิตเชลยศึกเหล่านั้น?คิดไปคิดมาล้วนรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ!หากเขาคิดจะเอาชีวิตคนเหล่านั้นค่อยว่าไปอย่าง!“เจ้ามันโหดร้ายจริง!”เจียเหยาตะคอกเสียงเย็น “ข้าเดาว่า เจ้าให้คนวางยาพิษในโสมคน? หากข้านำโสมคนมีพิษไปให้ผู้บาดเจ็บเหล่านั้น เกรงว่าชีวิตของพวกเขาคงไม่เหลือแล้ว! เช่นนั้น เจ้าก็เอาเปรียบได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวเชลยเหล่านั้นกลับมาสวมชุดเกราะ กลายเป็นศัตรูของพวกเขา ถูกหรือไม่?”ได้!สตรีนางนี้สุดท้ายก็ยังคลางแคลงใจ!เห้อ คิดจะหลอกสตรีนางนี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ!เขาอ้อมไปตั้งนาน ยังสร้างความสงสัยให้นางแล้วหยุนเจิงยิ้มขมขื่นในใจ ทว่ายังกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว!”“เข้าใจผิด?”หยุนเจิงเบ้ริมฝีปาก กล่าวถากถาง “ตอนที่เจ้านำศพทหารเหล่านั้นแลกเปลี่ยนม้าศึกกับอาจารย์ข้า ก็ใช้วิธีกลอุบายเล็กน้อยนี่ไม่ใช่หรือ?”“ข้าทำเช่นนั้นเรียกกลอุบายเล็กน้อย?”หยุนเจิ
ทหารยามนำกุญแจออกมาเปิดประตูห้องคลังอย่างรวดเร็วหยุนเจิงสั่งอีกครั้ง “ไปเรียกฮูหยินจื่อมาหน่อย”ทหารยามไปทำตามคำสั่งทันที“เจ้าเรียกคนมาด้วยเหตุใด?”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความสงสัย“เจ้าโง่หรือ?”หยุนเจิงกรอกตาบนใส่นาง “ข้าเป็นท่านอ๋อง มีหรือจะเวลามาใส่ใจว่าโสมคนวางไว้ตำแหน่งใดในห้องคลัง? เจ้าเฝ้าอยู่ตรงหน้า ข้าอยากเล่นตุกติกกับโสมคน ก็ต้องมีโอกาสด้วยใช่หรือไม่?”เจียเหยาชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ไร้คำจะพูดจริงด้วย!เขาเป็นท่านอ๋อง หากทั้งวันเอาแต่สนใจเรื่องไร้อย่างห้องคลัง เช่นนั้นก็มีปัญหาจริงแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ เจียเหยาไม่กังวลอีกต่อไปไม่นาน เยี่ยจื่อรีบเข้ามา“องค์ชาย พวกท่านต้องการทำสิ่งใด?”เยี่ยจื่อถามอย่างไม่เข้าใจหยุนเจิงยักไหล่กล่าว “ข้าเจรจาการค้ากับนาง เจ้าไปนำโสมคนสองหัวมาให้นาง”“ข้าไปเอาเอง!”ไม่ทันรอให้เยี่ยจื่อเอ่ยปาก เจียแหยาชิงพูดก่อน“ได้ ได้!”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสายตารำคาญ “ระหว่างคนด้วยกัน ความเชื่อใจพื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี!”เจียเหยาเบ้ปาก คร้านจะสนใจเขาสำหรับหยุนเจิงที่หูตาเยอะยิ่งกว่ารังผึ้ง ต้องป้องกันเอาไว้ทุกทาง!ภายใต้การนำทางขอ
ต่อมา หยุนเจิงและเจียเหยาเริ่มสงครามยื้อแย้งกันเป็นเวลานานเจียเหยาต้องการโสมคนชิ้นใหญ่สองรากนั่นหยุนเจิงแม้อยากจะยกให้นางมาก ทว่ากลับไม่อาจยกให้นางได้อย่างง่ายดายคนเช่นนี้ สิ่งที่ตนเองเปลืองแรงเปลืองความคิดเพื่อได้มา ไม่มีทางไปคิดสงสัยแต่หากเป็นของที่คนอื่นมอบให้ เจ้าก็จะสังสัยว่าผู้นั้นมีเจตนาอื่น ไม่เช่นนั้นก็สงสัยว่าเป็นของปลอมเมื่อเห็นว่าใกล้ได้ที่แล้ว หยุนเจิงรีบแอบส่งสายตาให้เยี่ยจื่อ เป็นสัญญาณให้เยี่ยจื่อเกลี่ยกล่อมเขาในใจเยี่อจื่อแอบด่าไอสารเลว จากนั้นก็แสร้งทำเข้าไปดึงหยุนเจิงไปด้านข้าง จากนั้นก็กระซิบเกลี่ยกล่อมลังเลอยู่นานสองนาน หยุนเจิงหันกลับไปมองเจียงเหยา “ในมือของพวกเจ้ามีเชลยศึกของต้าเฉียนข้าเท่าใด?”“หนึ่งพันแปดร้อยกว่าคน”เจียเหยาตอบหนึ่งพันแปดร้อยกว่าคนหรือ?เชลยศึกเป่ยหวนในมือของเขามีไม่น้อยเช่นกันรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงสองพันคนต่อให้รวมกับเชลยศึกจำนวนน้อยที่ป้อมเมืองสุยหนิง คาดว่ามีเพียงสองพันคนเท่านั้นตอนนี้เจียเหยาเสนอราคาม้าศึกห้าตัวแลกกับเชลยศึกที่เกินมาหนึ่งคนแล้วคำนวณดูแล้ว สามารถแลกม้าศึกมาได้ไม่ถึงหนึ่งพันตัวด้วยซ้ำ“เชลยศึกในมือข
“ข้าด้วย!”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ ถอนหายใจเงียบในใจเจียเหยานับว่าเป็นสตรีที่สุดยอดคนหนึ่งไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่ความกล้าหาญของนางก็ทำให้คนนับถือแล้วหากนางไม่ได้เป็นองค์หญิงของเป่ยหวน นางเองก็หวังจะได้เป็นเพื่อกับสตรีที่สุดยอดเช่นนี้“ข้าเองก็นับถือนาง แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางที่ข้าอยากฆ่านาง”หยุนเจิงยักไหล่ “หากให้โอกาสนาง นางเองก็คิดจะฆ่าข้าเช่นกัน!”นับถือก็ส่วนนับถือ แต่ตำแหน่งก็คือตำแหน่งฐานะของเขาและเจียเหยา กำหนดให้พวกเขาเป็นศัตรูกันความเมตตาต่อศัตรู ก็คือความโหดร้ายต่อตนเอง!“ไร้สาระ!”เมี่ยวอินกรอกตาบนใส่นาง “อย่างเจ้า นางไม่คิดอยากฆ่าก็แปลกแล้ว!”เยี่ยจื่อหัวเราะสดใส พยักหน้าเห็นด้วย……เช้าวันที่สอง เสิ่นลั่วเยี่ยนบัญชาการทหารม้าสองพันห้าร้อยคนด้วยตัวเอง ตามหยุนเจิงคุมขังเชลยศึกกลุ่มหนึ่งไปที่ป้อมเมืองสุยหนิงเขาไม่ได้ส่งคนไปแจ้งกับเว่ยเหวินจง คิดจะรอให้ถึงป้อมเมืองสุยหนิงแล้วค่อยส่งคนไปแจ้งเรื่องนี้ เช่นไรก็ต้องบอกกับเว่ยเหวินจงพวกเขาไม่สามารถทำได้เพียงเงียบๆ!มิฉะนั้น จะกระทบกระเทือนบารมีเว่ยเหวินจงได้เช่นไร?นอกจากนี้ หากต้องส่งทหารเพื่อคุมสามเมือง