หยุนเจิงมองหน้าเยี่ยจื่อด้วยความจริงจัง ไม่รู้สึกว่าในคำพูดของตนมีความหมายโดยนัยเลย“ใครอยากให้ท่านมาเจ็บใจกัน?”เยี่ยจื่อตอบกลับอย่างโมโห “ข้าว่านะ ไม่ทำให้ข้าจนมุมจนปลิดชีวิตตนเอง ท่านคงจะไม่พอใจจริงๆ!”“อย่าๆ!”หยุนเจิงรีบปัดเป่าความคิดของเยี่ยจื่อออก “ปลิดชีวิตตนเองอะไรกัน! หากเจ้ายังไม่หายโกรธ เจ้าก็ตีข้าสักรอบ แต่อย่าคิดมากเด็ดขาด!”กล่าวจบ หยุนเจิงพลันเปิดผ้าห่มเผยให้เห็นแผ่นอกของตน“มา ตีตรงนี้! ใช้หมัดน้อยๆ ตีอกข้า”หยุนเจิงชี้ไปที่แผ่นอกของตนใช้หมัดน้อยๆ ตีอก?เยี่ยจื่อขมวดคิ้วเบาๆคำพูดนี้ฟังอย่างไรก็ดูแปลกๆ!“ตีท่าน? ข้าปวดมือเปล่าๆ!”เยี่ยจื่อจ้องเขาอย่างโมโห “รีบห่มผ้าซะ อยากนอนอีกหลายวันใช่หรือไม่?”กล่าวจบ เยี่ยจื่อก็ดึงผ้าห่มๆ ให้กับหยุนเจิง“ดูสิ เจ้าเป็นห่วงข้าแท้ๆ แต่ไม่ยอมรับ”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ “เจ้ากลัวอะไรอยู่กันแน่? เหตุใดถึงไม่กล้าทำตามหัวใจตนเองเสียที?”“ใครเป็นห่วงท่านกัน?”เยี่ยจื่อแค่นเสียงเย็นชาอย่างปากไม่ตรงกับใจ “ข้ากลัวว่าท่านจะป่วยตาย ทำให้ลั่วเยี่ยนต้องเป็นหม้ายเท่านั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนอีกแล้ว?หยุนเจิงครุ่นคิด แล้วถามว่า “เจ้า
เวลาค่ำ ตู้กุยหยวนมาถึงเดิมกองทหารโลหิตที่ตู้กุยหยวนเป็นผู้บัญชาการก่อนหน้านั้นถือเป็นกองกำลังพิเศษอยู่แล้วทว่าพวกเขาพึ่งพาในอำนาจของแต่ละคนมากกว่า และไม่เข้าใจแก่นแท้ของกองกำลังพิเศษหยุนเจิงพูดความคิดเรื่องกองกำลังพิเศษในสมองของตนให้กับตู้กุยหยวนฟังอย่างตั้งใจ รวมถึงวิธีการฝึกซ้อมคนเหล่านั้น ต้องสอนอะไรให้กับคนเหล่านั้น พูดให้กับตู้กุยหยวนฟังทั้งหมดพวกเขาทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามกว่าระหว่างนั้น ซินเซิงยกซุปยาเข้ามาให้ แต่หยุนเจิงก็ปฏิเสธบอกว่าเดี๋ยวค่อยดื่มฟังคำพูดของหยุนเจิงจบ ตู้กุยหยวนก็อ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกผ่านไปนานพอควร ตู้กุยหยวนถึงได้ฟื้นคืนสติอย่างยากลำบาก แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเสียดายว่า “หากพบกับองค์ชายให้เร็วกว่านั้น ได้ยินคำพูดเหล่านี้ขององค์ชายเร็วกว่านี้ บางทีกองทหารโลหิตก็คงไม่สูญหาย…”“กองทหารโลหิตไม่ได้สูญหาย! เพียงแค่พักตัวอยู่เท่านั้น”หยุนเจิงกล่าวจริงจัง “ข้าจะก่อตั้งกองทหารโลหิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งให้ได้!”“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”ตู้กุยหยวนพยักหน้า “แต่ทว่าข้าน้อยสามารถฝึกซ้อมให้ได้ แต่ไม่สามารถบังคับบัญชาพวกเขาได้ พวกเขาถูกกำหนดให้เข้าไปลึกห
เขาเพียงแค่บอกกับฝ่ายจัดการเสบียง ก็สามารถส่งเสบียงไปให้ฮั่วกู้ได้แล้วแต่ทว่าหลังจากส่งไปให้แล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือความวุ่นวายสุดชีวิต!หากเขาจัดเสบียงใหกับทหารมณฑลเมืองซั่วฟางล่ะก็ ทหารกระทรวงอื่นๆ รู้เข้าจะเป็นอย่างไร?“ข้าคิดไม่รอบคอบจริงๆ”ฮั่วกู้ขอโทษอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างขมขื่น “ทว่าข้าเองก็หมดหนทางจริงๆ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนและม้าในมือข้าจะต้องกลายเป็นขององค์ชายหกแน่!”เว่ยเหวินจงคิดหนักนี่ก็เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน!เห็นได้ชัดว่าหยุนเจิงกำลังโน้มน้าวซื้อใจคนอยู่!ดูท่าแล้ว ไท่จื่อพูดถูกว่าหยุนเจิงมีความคิดก่อกบฏ!ทว่าหากจะใช้เรื่องนี้มากล่าวหาว่าหยุนเจิงคิดก่อกบฏนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วหากเขากล้าใช้เรื่องนี้แจ้งจักรพรรดิเหวินกล่าวหาว่าหยุนเจิงคิดก่อกบฏอีก คนที่ซวยต้องเป็นตัวเขาเองแน่ๆแต่ทว่าหากปล่อยไว้ คนฮั่วกู้จะต้องกลายเป็นคนของหยุนเจิงสักวันแน่ไม่ช้าก็เร็ว!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่วิธี!ปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ ไม่มีผลดีอะไรต่อพวกเขาทั้งนั้นหากอนาคตหยุนเจิงคิดจะก่อกบฏจริงๆ ในอนาคตฝ่าบาทต้องลงโทษเขาที่ประมาทเลินเล่อแน่!แต่ทว่าเขาเองก็ไม่สามารถสั่งกา
ฤดูหนาวครั้งหนึ่ง ทำให้หยุนเจิงต้องนอนหมกอยู่ในห้องสองวันเต็มเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ สถานการณ์ต่างๆ ข้างนอกก็เปลี่ยนไปมากแล้วบริเวณที่สายตามองเห็นล้วนแต่เป็นหิมะขาวโพลนผืนหนึ่งในจวนของพวกเขามีคนคอยทำความสะอาดจึงดูไม่ค่อยออกนักแต่หากออกไปหน้าประตูใหญ่ของจวนอ๋อง หิมะบนพื้นมากจนแทบจะท่วมขาแล้ว“อากาศผีบ้านี่เปลี่ยนไปไวเหลือเกิน”หยุนเจิงปล่อยม่านรถม้าลง แล้วมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยสีหน้าตกตะลึงเขาเองก็ไม่อยากนั่งรถม้าช้าๆ เช่นกันแต่เขาเพิ่งดีขึ้นไม่นาน ทุกคนจึงไม่อยากให้เขาขี่ม้าตากลมหิมะอีก กลัวว่าเขาจะล้มป่วยอีก“มิเช่นนั้นจะเรียกว่าซั่วเป่ยได้อย่างไรล่ะ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วบ่นว่า “บอกให้ท่านพักผ่อนอีกสักสองวันไม่ฟัง หากท่านล้มป่วยอีก คนที่ลำบากก็เป็นคนของตนเองทั้งนั้น.“ข้าต้องคุ้นเคยกับอากาศเช่นนี้แน่ ไม่ช้าก็เร็ว”หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มแย้ม แล้วถามว่า “พวกเจ้าส่งคนไปดูที่ริมแม่น้ำไป๋สุ่ยหรือยัง?”“ไปมาแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าว “แม่น้ำไป๋สุ่ยไม่เป็นน้ำแข็ง ข้าถามมาแล้ว พวกเขาต่างก็บอกว่า กว่าแม่น้ำไป๋สุ่ยจะกลายเป็นน้ำแข็งจนสามารถข้ามฝั่งไปได้ อย่างน้อ
หิมะตรงหน้านับว่าไม่มากแล้ว ความสูงของกองหิมะที่กองพะเนินเป็นกำแพงไม่ถึงหนึ่งฉื่อแล้วรอให้หิมะตกหนักอีกครั้ง กำแพงหิมะก็ยิ่งกองสูงขึ้นเรื่อย ๆ“นี่เป็นความคิดของผู้ใด?”หยุนเจิงหันไปมองเสิ่งลั่วเยี่ยน“แน่นอนว่าเป็นความคิดของข้า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มอย่างได้ใจ “เป็นเช่นไร วิธีของข้าดีใช่หรือไม่?”“อืม! ไม่เลวจริงแท้!”หยุนเจิงพยักหน้า “แต่ว่า เจ้าต้องให้คนอัดหิมะพวกนั้นให้แน่นอีกหน่อย! อีกอย่าง ในค่ายก็ยังสามารถใช้กำแพงหิมะนี้ได้ แบ่งค่ายทั้งหมดเป็นสัดส่วน สามารถต่อต้านศัตรูและลมหนาวได้ด้วย”ความคิดนี้ไม่เลวเลยนอกจากจัดการหิมะที่สะสมภายในค่ายได้แล้ว ยังสามารถเตรียมตัวรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึงได้ด้วยซั่วเป่ยในตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่หนาวที่สุดเมื่อถึงเวลาที่ลมหนาวพัดมา มีกำแพงบังลมนั้นดีมาก!เมื่อลมหนาวพัดมา ทุกคนจะเอาแต่หลบผิงไฟอยู่แต่ในค่าย ล้วนไม่ฝึกซ้อมไม่ได้กระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าทันที “ข้าจะไปสั่งการทันที”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนวิ่งลงรถม้าอย่างเร่งรีบหยุนเจิงหัวเราะ ในใจแอบคิดว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนบางครั้งก็ฉลาดมากมาถึงค่ายกระโจม หยุ
เว่ยเหวินจิงนำทหารคนสนิททิ้งไว้นอกกระโจม พาฮั่วกู้เข้าไปในกระโจมคนเดียวตอนที่สองคนเข้ามาก็เห็นเสิ่นลั่วเยี่นป้อนน้ำหยุนเจิงพอดีหลังทำความเคารพ เว่ยเหวินจงถามอาการของหยุนเจิงทันที“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”หยุนเจิงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ข้าได้รับการปรนนิบัติมานานเกินไป สองวันก่อนอุณหภูมิอากาศต่ำลง ไม่ระวังได้รับลมหนาว ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล แค่กๆ...”กล่าวจบ หยุนเจิงก็แกล้งไอสองเสียง สีหน้าขี้โรค“ท่านอ๋องป่วยหนัก ก็ควรพักผ่อนในจวน เหตุใดยังมาที่ค่าย?” เว่ยเหวินจงถาม “ท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนที่จวนก่อนเถอะ! หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านอ๋อง ข้ารับผิดชอบไม่ไหว”“ไม่ต้อง แค่หวัดเล็กน้อย ไม่ร้ายแรง”หยุนเจิงส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็เอ่ยถาม “ที่แม่ทัพใหญ่มาเยี่ยมวันนี้ มีเรื่องใด?”เห็นว่าหยุนเจิงยืนยันจะไม่กลับไปพักผ่อนที่จวน เว่ยเหวินจงก็ไม่อ้อมค้อมกับหยุนเจิงแล้ว ตอบกลับ “ข้าได้ฟังฮั่วกู้บอกว่าองค์ชายประดิฐษ์ดาบล้ำค่าสามารถตัดเหล็กได้เหมือนดินเหนียว ข้าสงสัย อยากมาดู ถือโอกาส แวะมาตรวจตราสถานการณ์การฝึกทหารของท่านอ๋องด้วย”“ไม่มีปัญหา!”หยุนเจิงตอบท่าทีสบายๆ “ข้าร่างกายไ
ยิ่งเว่ยเหวินคงคิดจะเพิ่มปัญหาให้เขา เขายิ่งสบายใจ!ทั้งสองคนอยู่คุยกันในกระโจม ไม่ได้สนใจการตรวจตราของเว่ยเหวินจงต่อไปก็รอดูว่าเว่ยเหวินจงจะมาไม้ไหน!เว่ยเหวินจงตรวจตราตลอดช่วงสายของวันตอนเที่ยว เว่ยเหวินจงและฮั่วกู้อยู่ในค่ายต่อ กินข้าวกับพวกเขาหยุนเจิงแม้จะเป็นท่านอ๋อง แต่เมื่ออยู่ในค่ายก็ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น เขากินอาหารเหมือนกับทุกคนตอนกินข้าว ทุกคนหัวเราะพูดคุย ดูท่าทางกลมเกลียวแต่ว่า หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าใจ เวลาหลังอาหาร ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เว่ยเหวินจงจะออกอุบายหลังอาหาร หยุนเจิงลุกขึ้นจากเตียง น้ำชาภายในกระโจมต้มเรียบร้อยก็พูดคุยกับเว่ยเหวินจงหยุนเจิงรินน้ำชาให้เว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง สีหน้าเคร่งขรึม “ยากกว่าที่แม่ทัพใหญ่จะมาสักครั้ง หากเห็นว่าการฝึกของข้าที่ใดมีปัญหา ต้องบอกข้ามา ข้าจะแก้ไขโดยเร็ว”“ท่านอ๋องล้อเล่นแล้ว”เว่ยเหวินจงส่ายหน้าแล้วหัวเราะกล่าว “ท่านอ๋องมีพรสวรรค์! การฝึกซ้อมทหารภาคสนามของค่ายใหญ่ทางใต้ของพวกท่าน ข้าพอใจมาก ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย!”“ไม่กระมัง?”หยุนเจิงยิ้มที่ไม่ได้ยินมองเว่ยเหวินจง “แม่ทัพใหญ่ มีที่ใดที่พวกเราทำได้ไ
“ไม่ได้ ไม่ได้!”หยุนเจิงส่ายหน้า “แม้ข้าไม่มีความสามารถ แต่ก็ดูข้อเสียของการทำเช่นนี้ออก!”“ทหารภาคสนามแสนกว่านายรวมตัวกันที่นี่ แค่การจัดสรรก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!”“เดิมพวกเขาสามารถจัดสรรจากเมืองใกล้เคียงได้ หากย้ายทั้งหมดมาดำเนินการฝึกที่ซั่วเป่ย การจัดสรรข้าจะยื้อไว้ได้นานเพียงใด?”“ฤดูหนาวซั่วเป่ยมาถึงแล้ว ห่วงโซ่อุปทานทางทหารขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องเปลืองคนและแรงงานจำนวนเท่าใด?”อย่าว่าแต่ในอดีตเลย ต่อให้เป็นสมัยปัจจุบัน การจัดสรรให้คนหนึ่งแสนคนล้วนเป็นปัญหาใหญ่เขากล้ารับช่วงต่อเรื่องนี้ อีกทั้งรับช่วงต่อด้วยความเต็มใจแต่ก่อนหน้านั้นคือ จำเป็นต้องรับประกันห่วงโซ่อุปทานก่อน!การจัดสรรยังไม่กำหนดแน่ชัด เรื่องทุกอย่างหยุดกล่าวถึงได้เลย“ท่านอ๋องมีความคิดละเอียดรอบครอบ ข้านับถือ!”เว่ยเหวินจงเอ่ยชื่นชมก่อน จากนั้นก็ยิ้ม “สิ่งที่ท่านอ๋องกังวล ข้าคิดไว้นานแล้ว! ข้าย่อมต้องมีวิธีแก้ไข”“วิธีใด?”หยุนเจิงขมวดคิ้วถามเว่ยเหวินจงยิ้มเล็กน้อย ข้าคิดไว้แล้ว ตอนที่ทหารภาคสนามจากทุกกองก่อนที่จะมาซั่วเป่ย ทุกกองล้วนต้องส่งเสบียงให้เพียงพอกับสองเดือนมาด้วย!”“จากนั้น ทุกสองเดือนต้องส่ง