“ไม่ได้ ไม่ได้!”หยุนเจิงส่ายหน้า “แม้ข้าไม่มีความสามารถ แต่ก็ดูข้อเสียของการทำเช่นนี้ออก!”“ทหารภาคสนามแสนกว่านายรวมตัวกันที่นี่ แค่การจัดสรรก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!”“เดิมพวกเขาสามารถจัดสรรจากเมืองใกล้เคียงได้ หากย้ายทั้งหมดมาดำเนินการฝึกที่ซั่วเป่ย การจัดสรรข้าจะยื้อไว้ได้นานเพียงใด?”“ฤดูหนาวซั่วเป่ยมาถึงแล้ว ห่วงโซ่อุปทานทางทหารขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องเปลืองคนและแรงงานจำนวนเท่าใด?”อย่าว่าแต่ในอดีตเลย ต่อให้เป็นสมัยปัจจุบัน การจัดสรรให้คนหนึ่งแสนคนล้วนเป็นปัญหาใหญ่เขากล้ารับช่วงต่อเรื่องนี้ อีกทั้งรับช่วงต่อด้วยความเต็มใจแต่ก่อนหน้านั้นคือ จำเป็นต้องรับประกันห่วงโซ่อุปทานก่อน!การจัดสรรยังไม่กำหนดแน่ชัด เรื่องทุกอย่างหยุดกล่าวถึงได้เลย“ท่านอ๋องมีความคิดละเอียดรอบครอบ ข้านับถือ!”เว่ยเหวินจงเอ่ยชื่นชมก่อน จากนั้นก็ยิ้ม “สิ่งที่ท่านอ๋องกังวล ข้าคิดไว้นานแล้ว! ข้าย่อมต้องมีวิธีแก้ไข”“วิธีใด?”หยุนเจิงขมวดคิ้วถามเว่ยเหวินจงยิ้มเล็กน้อย ข้าคิดไว้แล้ว ตอนที่ทหารภาคสนามจากทุกกองก่อนที่จะมาซั่วเป่ย ทุกกองล้วนต้องส่งเสบียงให้เพียงพอกับสองเดือนมาด้วย!”“จากนั้น ทุกสองเดือนต้องส่ง
ซวยแล้ว!ไอเวรนี่เตรียมตัวมาดีจริง!แม้แต่เหตุผลสักข้อล้วนปิดกั้นเขาไว้หมดสิ้นแล้วหยุนเจิงขมวดคิ้วอีกครั้ง มองเว่ยเหวินจงด้วยสีหน้าสงสัย “แม่ทัพใหญ่ เจ้ามีปัญหาใดกับข้าหรือไม่?”“เหตุใดท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้?”เว่ยเหวินจงถามแกล้งไม่เข้าใจ“พวกเราคนฉลาดไม่พูดลับลมคมใน”หยุนเจิงมองเว่ยเหวินจิงเงียบๆ แล้วกล่าว “เจ้าไม่พอใจที่ข้าปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามในค่ายใช่หรือไม่ ที่ยัดทหารภาคสนามให้ข้ามากมายเช่นนี้ คิดจะใช้ทหารภาคสนามเหล่านี้มาล้างผลาญข้า?”“ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ได้ที่ไหน?”เว่ยเหวินจงใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจยิ้ม “ท่านอ๋องยินดีจ่ายเงินปรับปรุงอาหารเหล่าทหาร ข้าเลื่อมใส! หากท่านอ๋องต้องการลดค่าใช้จ่าย ข้าย่อมไม่มีสิ่งใดให้กล่าว! ต้องการปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามเหล่านี้หรือไม่ ล้วนเป็นสิทธิ์การตัดสินใจของท่านอ๋อง!”เวลานี้ เว่ยเหวินจงหัวเราะเสียงดังในใจกลยุทธโจ่งแจ้ง!หยุนเจิงเป็นกลยุทธโจ่งแจ้ง เขาทำไม่เป็นหรือ?ราชสำนักไม่ใช่ว่าไม่จัดเสบียงให้ทหารภาคสนามเหล่านั้นหากเขายินดีจะปรับปรุงอาหารต่อ เช่นนั้นก็ทำต่อไปสิ!หากเขากลัวล้มละลาย เช่นนั้นก็อย่าปรับปรุงอาหารของทหารภา
ได้ฟังคำพูดของเว่ยเหวินจง หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มก็ได้!ไอเวรนี้คิดได้รอบครอบนัก!กลัวว่าเขาจะแก้แค้นฮั่วกู้ นึกไม่ถึงว่าจะย้ายคนและม้าของฮั่วกู้ไปด้วย! คราวนี้ แผนที่จะฮุบกองของฮั่วกู้ก็คว้าน้ำเหลวแล้วแต่ว่า ข้อดีคือ เขากลายเป็นราชาแห่งขุนเขาของซั่วฟางแล้ว!เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธจนปอดแทบระเบิด สองตาจับจ้องฮั่วกู้เกร็งเขม็งไอสารเลวนี่ หนีเร็วนัก!เมื่อเผชิญกับสายตาของเสิ่นลั่วเยี่ยน ในใจฮั่วกู้เกิดหวาดกลัวประหลาดเขารู้ว่าการกระทำนี้ของเขาต้องล่วงเกินหยุนเจิงดังนั้น เขาจึงขอให้เว่ยเหวินจงย้ายเขาออกไปหากโง่เขลายู่ที่ซั่วฟางต่อไป เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ไม่สุขแน่นอนหยุนเจิงขบคิดหนึ่งรอบ จากนั้นก็กัดฟันกล่าว “ข้าตกลงก็ได้ แต่ข้ามีสองเงื่อนไข!”เว่ยเหวินจงพลันขึ้นเสียง “ท่านอ๋อง นี่คือคำสั่งทหาร ไม่ใช่การเจรจาต่อรอง!”“แม่ทัพใหญ่เว่ย ข้าแนะนำให้เจ้าฟังข้อเสนอของข้าดีกว่า”หยุนเจิงขมวดคิ้ว “บอกตามตรง ข้าหวังดีกับเจ้า!”หวังดีกับเขา?เว่ยเหวินจงขบคิดชั่วครู่ ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “ท่านอ๋องเชิญพูดตามสบาย!”หยุนเจิงชายตามอง กล่าวเรียบเฉย “ข้อแรก ข้อคิดว่า กองทหารของแม่ทัพฮั่ว
เว่ยเหวินจงฉีดยาป้องกันให้หยุนเจิงเรียบร้อยแล้วเรื่องนี้ ความจริงแล้วเกินขอบเขตแผนของเขาไปบ้างเดิมเขาคิดว่าหยุนเจิงจะกลัวล้มละลายเพราะทหารภาคสนามเหล่านั้น จึงคิดไกล่เกลี่ยกับเขาเช่นนี้ เขาก็มีโอกาสทุบตีหยุนเจิงสักรอบ ทำให้หยุนเจิงสงบเสงี่ยมลงไปบ้างขอแค่หยุนเจิงเป็นฝ่ายออกปากว่าต่อไปเขาจะไม่ปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามเหล่านี้อีก เขาก็ไม่ยัดเยียดทหารภาคสนามทั้งหมดนี้ให้หยุนเจิงแล้วแต่ตอนนี้ หยุนเจิงเหมือนจะไม่มีทางทีอ่อนข้อให้เลยแม้แต่น้อย!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาทำได้เพียงรักษามาดต่อไปเรื่อยๆให้เวลาหยุนเจิงสองเดือนเท่านั้น!สองเดือนให้หลัง ผลการฝึกซ้อมพึงพอใจหรือไม่ เป็นเขาที่ตัดสินใช่หรือไม่?หากหยุนเจิงสามารถทนได้สองเดือน ช่วยเขาดูแลทหารภาคสนามให้สมบูรณ์แข็งแรง เขายังต้องขอบคุณหยุนเจิงหยุนเจิงครุ่นคิด พยักหน้า “ได้!”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็มอบทหารเหล่านี้ให้ท่านอ๋องแล้ว!”เว่ยเหวินจงแสดงท่าทีน่าเกรงขาม “ข้าทำทุกอย่าง ล้วนเพื่อรักษาซั่วเป่ยให้ดี! ขอให้ท่านอ๋องทำสุดความสามารถ ไม่ผิดต่อความหวังของฝ่าบาท!”“แน่นอนอยู่แล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้าน้อยๆ ดูแคลนในใจเ
เว่ยเหวินจงและฮั่วกู้จากไปแล้ว หยุนเจิงวิ่งไปหาพวกตู้กุยหยวนสิบคนนั้นถูกตู้กุยหยวนพามาที่ภูเขาในป่าที่ห่างจากค่ายใหญ่ทางไต้ห้าลี้เพื่อดำเนินการฝึกศิลปะการต่อสู้เหล่านั้น ก็เป็นเพื่อแค่ฉากหนึ่งความจริงสิ่งที่ต้องฝึกฝน กลับไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้การพรางตัว การซุ่มโจมตี การลอบสังหาร รวมถึงทักษะการเอาชีวิตรอดในสภาวะสุดขั้ว ล้วนต้องฝึกฝนตามความต้องการของหยุนเจิง คนเหล่านี้จะกลายเป็นผีที่ศัตรูมองไม่เห็น!แนวความคิดคือ ทุกครั้งที่คนเหล่านี้ออกโจมตีสามารถทำให้พวกศัตรูบาดเจ็บสูญเสียสาหัส แต่พวกเขาถอนตัวออกมา โดยไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงแนวความคิดเท่านั้นแต่ความเป็นจริงไม่สามารถดำเนินการตามสิ่งที่หยุนเจิงคิดได้หลังจากแก้ไขปัญหาการฝึกอบรมบางประการแล้วกลับถึงจวน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ทนรอบอกแผนอุบายของเว่ยเหวินจงกับเยี่ยจื่อไม่ไหวสำหรับเรื่องนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนตอนนี้ทั้งดีใจทั้งกังวลทหารภาคสนามหนึ่งแสนนาย อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีทหารสองหมื่นที่สามารถทำสงครามได้แต่ปัญหาคือ คนมากมายเช่นนี้หากินอาหารเหมือนแต่ก่อน คงทำให้หยุนเจิงล้มละลายเป็นแน่!แต่หากหยุดกินอาหารกะท
หยุนเจิงลูบคางแล้วครุ่นคิด “ก็แค่ประมาณสามแสนตำลึงเงินกระมัง!”ก็แค่...สามแสนตำลึงเงิน?ใบหน้าหญิงสาวทั้งหลายกระตุกอย่างแรงไอสารเลวนี่!ยังคิดว่าหลอกมาน้อยไปใช่หรือไม่?“แค่สามแสนที่ไหน!”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองหยุนเจิง “มีถึงหกแสน!”“ห๊า?”หยุนเจิงมึนงง “ไม่เยอะขนาดนั้นมั้ง?”“หยุนลี่ได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า คงต้องโกรธตายเพราะเจ้า!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “แค่หลายวันก่อนที่จะออกจากเมืองจักรพรรดิ เจ้าก็หลอกเงินเขามาสามแสนตำลึงแล้ว! ยังมีก่อนหน้านี้ที่เจ้าหลอกเขา บวกกับของขวัญที่เขาให้เจ้าตอนแต่งงาน ต้องมีหกแสนตำลึงแน่นอน...”เยี่ยจื่อเริ่มแจกแจงบัญชีกับหยุนเจิงเบ็ดเตล็ดรวมกันแล้วมีถึงหกแสนตำลึงเงินจริงด้วย!เมื่อได้ฟังรายละเอียดบัญชีจากเยี่ยจื่อ พวกเสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันไอสารเลวนี่ ใช้ได้เลย!มิน่าเล่าหยุนลี่จึงเกลียดเขาลึกฝังหุ่นเช่นนั้น!เขาปลอกลอกสมบัติของหยุนลี่จนหมดบ้านแล้ว!หยุนลี่ไม่เกลียดเขามากก็แปลกแล้ว!“เขาจ่ายเงินหกแสนตำลึงเงินซื้อตำแหน่งรัชทายาท ไม่ขาดทุนเช่นกัน!”หยุนเจิงหัวเราะ “อย่าเสียเวลานับบัญชีอยู่นี่เลย
ต่อจากนี้ไป ทหารภาคสนามของทุกกองล้วนมารวมตัวกันที่เมืองซั่วฟางแต่ว่า เนื่องจากทหารภาคสนามเหล่านี้ต้องขนเสบียงจำนวนมาก บวกกับหิมะทำให้ถนนลื่นอีกด้วย เป็นผลให้ความเร็วในการเดินทัพของพวกเขาช้ามากทหารของเมืองหม่าอี้และสู้ฉวีอยู่ใกล้กับเมืองซั่วฟางยังดีหน่อย ประมาณสี่หาวันก็สามารถมาถึงเมืองซั่วฟางได้แล้วแต่ทหารเมืองเทียนหูและโม่หยาง อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบวันจึงจะมาถึงหยุนเจิงก็ไม่สามารถรอได้นานเช่นนั้น รอให้ทหารเมืองหม่าอี้และสู้ฉวีมาถึง ก็คัดเลือกทหาร ต่อตั้งทหารม้าวิญญาณสิบแปดคนขึ้นมาก่อนรอให้ทหารที่อยู่ข้างหลังมาถึง ก็ค่อยคัดเลือกอีกหน่อย เป็นทหารกองหนุน“เหตุใดเจ้าจึงจำเป็นต้องใช้สิบแปดคนด้วย?”ระหว่างทางกลับ เสิ่นลั่วเยี่ยนถามด้วยความสงสัยหยุนเจิงหัวเราะและตอบคำถาม “ผู้ชายน่ะ สำหรับหมายเลขสิบแปด ล้วนมีความหมกมุ่นไม่มากก็น้อย”“หมกมุ่น?”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ่งไม่เข้าใจ “หมายเลขสิบแปดนี่มีสิ่งใดให้หมกมุ่น?”“เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจแล้ว?”หยุนเจิงหัวเราะคิกคัก “อย่างเช่น ท้องฟ้าอายุสิบแปด ศิลปะการต่อสู้สิบแปดชนิด สัมผัสที่สิบแปด..”“พูดจาเหลวไหล!” เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปาก “ไม่ส
จริงหรือ?หยุนเจิงเกิดตื่นเต้นขึ้นมาในใจแต่ว่า คิดถึงข่าวร้ายที่จางซูพูดถึง ความดีใจของหยุนเจิงลดลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นถามหยั่งเชิง “เจ้าอย่าบอกข้านะ ข่าวร้ายก็คือม้าศึกแพงมาก?”“ไม่เสียแรงที่เป็นองค์ชายหก ฉลาดมาก!”จางซูส่งคำเยินยอ หัวเราะฝืนกล่าว “เขาต้องการทองคำห้าสิบตำลึงต่อม้าหนึ่งตัว!”“เท่า...เท่าไหร่นะ?”หยุนเจิงเกือบกัดลิ้นของตัวเอง “ทองคำห้าสิบตำลึง? บ้าไปแล้ว! ม้าศึกอะไรของเขากัน ถึงกล้าเสนอราคาห้าสิบตำลึงทอง?”ม้าศึกหนึ่งตัวหน้าห้าสิบตำลึงทอง!นั่นเท่ากับม้าหนึ่งตัวห้าพันตำลึงเงิน?เขาจะเอาหกล้านตำลึงเงินที่ไหนมาซื้อม้าหนึ่งพันตัว?มารดามันสิใจดำเกินไปแล้วมั้ง?ใจดำกว่าพ่อค้าหน้าเลือดจางซูเสียอีก!“ก็แค่ม้าศึกธรรมดา”จางซูยักไหล่ กระซิบ “อีกทั้งจำนวนไม่มาก ก็แค่ยี่สิบตัว! คนผู้นั้นเป็นญาติหม่าเจิ้งของสนามม้าโม่หยาง แต่ม้าศึกที่สนามม้าแห่งนั้นถูกควบคุมเข้มงวด เขาไม่กล้าขยับมากมาย...”ยี่สิบตัว?หยุนเจิงบ่นในใจมารดาเจ้าสิ!จำนวนน้อย ยังจะราคาแพงหูฉีก!ตอนนี้เขาจะใช้ม้าศึกยี่สิบตัวทำอะไรได้?หยุนเจิงขบคิด จากนั้นก็เอ่ยกับจางซู “เจ้าติดต่อกับเขาให้มากหน่อย