หยุนเจิงลูบคางแล้วครุ่นคิด “ก็แค่ประมาณสามแสนตำลึงเงินกระมัง!”ก็แค่...สามแสนตำลึงเงิน?ใบหน้าหญิงสาวทั้งหลายกระตุกอย่างแรงไอสารเลวนี่!ยังคิดว่าหลอกมาน้อยไปใช่หรือไม่?“แค่สามแสนที่ไหน!”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองหยุนเจิง “มีถึงหกแสน!”“ห๊า?”หยุนเจิงมึนงง “ไม่เยอะขนาดนั้นมั้ง?”“หยุนลี่ได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า คงต้องโกรธตายเพราะเจ้า!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “แค่หลายวันก่อนที่จะออกจากเมืองจักรพรรดิ เจ้าก็หลอกเงินเขามาสามแสนตำลึงแล้ว! ยังมีก่อนหน้านี้ที่เจ้าหลอกเขา บวกกับของขวัญที่เขาให้เจ้าตอนแต่งงาน ต้องมีหกแสนตำลึงแน่นอน...”เยี่ยจื่อเริ่มแจกแจงบัญชีกับหยุนเจิงเบ็ดเตล็ดรวมกันแล้วมีถึงหกแสนตำลึงเงินจริงด้วย!เมื่อได้ฟังรายละเอียดบัญชีจากเยี่ยจื่อ พวกเสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันไอสารเลวนี่ ใช้ได้เลย!มิน่าเล่าหยุนลี่จึงเกลียดเขาลึกฝังหุ่นเช่นนั้น!เขาปลอกลอกสมบัติของหยุนลี่จนหมดบ้านแล้ว!หยุนลี่ไม่เกลียดเขามากก็แปลกแล้ว!“เขาจ่ายเงินหกแสนตำลึงเงินซื้อตำแหน่งรัชทายาท ไม่ขาดทุนเช่นกัน!”หยุนเจิงหัวเราะ “อย่าเสียเวลานับบัญชีอยู่นี่เลย
ต่อจากนี้ไป ทหารภาคสนามของทุกกองล้วนมารวมตัวกันที่เมืองซั่วฟางแต่ว่า เนื่องจากทหารภาคสนามเหล่านี้ต้องขนเสบียงจำนวนมาก บวกกับหิมะทำให้ถนนลื่นอีกด้วย เป็นผลให้ความเร็วในการเดินทัพของพวกเขาช้ามากทหารของเมืองหม่าอี้และสู้ฉวีอยู่ใกล้กับเมืองซั่วฟางยังดีหน่อย ประมาณสี่หาวันก็สามารถมาถึงเมืองซั่วฟางได้แล้วแต่ทหารเมืองเทียนหูและโม่หยาง อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบวันจึงจะมาถึงหยุนเจิงก็ไม่สามารถรอได้นานเช่นนั้น รอให้ทหารเมืองหม่าอี้และสู้ฉวีมาถึง ก็คัดเลือกทหาร ต่อตั้งทหารม้าวิญญาณสิบแปดคนขึ้นมาก่อนรอให้ทหารที่อยู่ข้างหลังมาถึง ก็ค่อยคัดเลือกอีกหน่อย เป็นทหารกองหนุน“เหตุใดเจ้าจึงจำเป็นต้องใช้สิบแปดคนด้วย?”ระหว่างทางกลับ เสิ่นลั่วเยี่ยนถามด้วยความสงสัยหยุนเจิงหัวเราะและตอบคำถาม “ผู้ชายน่ะ สำหรับหมายเลขสิบแปด ล้วนมีความหมกมุ่นไม่มากก็น้อย”“หมกมุ่น?”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ่งไม่เข้าใจ “หมายเลขสิบแปดนี่มีสิ่งใดให้หมกมุ่น?”“เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจแล้ว?”หยุนเจิงหัวเราะคิกคัก “อย่างเช่น ท้องฟ้าอายุสิบแปด ศิลปะการต่อสู้สิบแปดชนิด สัมผัสที่สิบแปด..”“พูดจาเหลวไหล!” เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปาก “ไม่ส
จริงหรือ?หยุนเจิงเกิดตื่นเต้นขึ้นมาในใจแต่ว่า คิดถึงข่าวร้ายที่จางซูพูดถึง ความดีใจของหยุนเจิงลดลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นถามหยั่งเชิง “เจ้าอย่าบอกข้านะ ข่าวร้ายก็คือม้าศึกแพงมาก?”“ไม่เสียแรงที่เป็นองค์ชายหก ฉลาดมาก!”จางซูส่งคำเยินยอ หัวเราะฝืนกล่าว “เขาต้องการทองคำห้าสิบตำลึงต่อม้าหนึ่งตัว!”“เท่า...เท่าไหร่นะ?”หยุนเจิงเกือบกัดลิ้นของตัวเอง “ทองคำห้าสิบตำลึง? บ้าไปแล้ว! ม้าศึกอะไรของเขากัน ถึงกล้าเสนอราคาห้าสิบตำลึงทอง?”ม้าศึกหนึ่งตัวหน้าห้าสิบตำลึงทอง!นั่นเท่ากับม้าหนึ่งตัวห้าพันตำลึงเงิน?เขาจะเอาหกล้านตำลึงเงินที่ไหนมาซื้อม้าหนึ่งพันตัว?มารดามันสิใจดำเกินไปแล้วมั้ง?ใจดำกว่าพ่อค้าหน้าเลือดจางซูเสียอีก!“ก็แค่ม้าศึกธรรมดา”จางซูยักไหล่ กระซิบ “อีกทั้งจำนวนไม่มาก ก็แค่ยี่สิบตัว! คนผู้นั้นเป็นญาติหม่าเจิ้งของสนามม้าโม่หยาง แต่ม้าศึกที่สนามม้าแห่งนั้นถูกควบคุมเข้มงวด เขาไม่กล้าขยับมากมาย...”ยี่สิบตัว?หยุนเจิงบ่นในใจมารดาเจ้าสิ!จำนวนน้อย ยังจะราคาแพงหูฉีก!ตอนนี้เขาจะใช้ม้าศึกยี่สิบตัวทำอะไรได้?หยุนเจิงขบคิด จากนั้นก็เอ่ยกับจางซู “เจ้าติดต่อกับเขาให้มากหน่อย
เช้าวันที่สอง หยุนเจิงกินอาหารง่ายๆ และเตรียมตัวออกเดินทางตอนทที่กำลังจะขยับตัว เยี่ยจื่อถือชุดคลุมขนสัตรว์ขาวราวหิมะเดินออกมา จากนั้นก็มอบชุดคลุมขนสัตว์ให้กับเสิ่นลั่วเยี่ยน “เอาไปให้องค์ชายสวม อากาศหนาวเช่นนี้ เขายังต้องไปสู้ฉวี แต่อย่าเป็นหวัดเพราะลมหนาวอีก”เมื่อได้ฟังคำพูดเยี่ยจื่อ หยุนเจิงพลันมีเส้นสีดำคาดใบหน้ามองเสิ่นลั่วเยี่ยนผู้หญิงคนนี้ปากมากเกินไปแล้ว?เขายังกำชับนางไม่ให้บอกเรื่องนี้กับพวกเยี่ยจื่อ เขาบอกตอนจากไปเผชิญกับสายตาของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะผวาในใจ แต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ “มองอะไรล่ะ? เจ้าไม่ได้ไปปล้นไปขโมยเสียหน่อย มีสิ่งใดพูดไม่ได้?นางก็เองก็ไม่ทันระวังพลั้งปากที่สำคัญคือนางไม่มีจิตใจคิดระแวงเยี่ยจื่อ คุยกับเยี่ยจื่อโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด ล้วนแค่คุยกับด้วยปากเท่านั้นดังนั้นจึงไม่ทันระวังพลั้งปากไปแล้ว“ใช่ใช่ พระชายาพูดล้วนมีเหตุผล”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนใจ จากนั้นก็กางแขนทั้งสองเอ่ย “พระชายา รีบสวมให้ข้าสิ”เสิ่นลั่วเยี่ยนกรอกตามองเขา หยิบชุดคลุมขนสัตว์สวมให้เขาชุดคลุมขนสัตว์นี้เยี่ยจื่อหาคนทำตามความต้องการของหยุนเจิงสีขาวหิมะตลอดตัว
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน อวี๋ซื่อจงก็เดินเข้ามา“องค์ชาย ท่านลองคิดดูอีกรอบเถอะ!”อวี๋ซื่อจงสีหน้าสงสัย “สถานที่นั้นผิดปกติจริง! ข้ากับพี่ตู้ก่อนหน้านี้ล้วนไม่เชื่อเรื่องแดนมรณะ ต่อมาได้ไปอยู่ครั้งนึง เกือบตายอยู่ที่นั่น...”ชื่อเสียงหุบเขาหิมะแห่งความตายของภูเขาหิมะมี้อวินนั้นเลื่องลือ ยืนยันได้จากชีวิตคนจำนวนมาก!หากหุบเขาแห่งนั้นไม่มีสิ่งใดน่ากลัว เป่ยหวนและต้าเฉียนคนส่งคนไปป้องกันปากทางเข้าของหุบเขาแห่งนั้นไปนานแล้ว“วางใจเถอะ ข้าไม่โง่เข้าไปข้างในหรอก ก็แค่ไปดูเท่านั้น!”หยุนเจิงหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นก็ถามอีก “เจ้าและตู้กุยหยวนไปที่นั่นช่วงฤดูร้อนใช่หรือไม่?”อวี๋ซื่อจงครุ่นคิด “ประมาณนั้น! ถึงเช่นไรตอนนั้นก็ยังร้อนมาก”“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อยเอ่ย “พวกเจ้าไปลองตอนฤดูร้อนแล้ว แต่ฤดูหนาวล่ะ? หากฤดูหนาวไม่อันตรายเช่นนั้นล่ะ แล้วเป่ยหวนเสี่ยงส่งคนลอบเข้าไปในหุบเขา พวกเราจะทำเช่นไร?”เป็นฤดูร้อนก็ถูกแล้ว!ฤดูร้อนเป็นช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจมีสนามแม่เหล็กผิดปกติอยู่ข้างใน เลยกลายเป็นสาเหตุให้ถูกฟ้าผ่าบ่อยครั้งโดยเฉพาะเมื่อมีคนพกอาวุธเข้าไ
โชคของพวกเขานับว่าไม่เลว ไม่นานก็หาถ้ำภูเขาตามธรรมชาติแห่งหนึ่งพบ ม้าและคนสามารถหลบอยู่ภายในถ้ำได้ แค่ตัดต้นไม้เพิ่มมากั้นทางเข้าถ้ำเพื่อป้องกันลมหนาวในตอนกลางคืนม้าและคนเมื่ออยู่ในถ้ำ อากาศย่อมไม่น่าสูดดมเท่าใดแต่ว่า สามารถหาสถานที่พักพิงในคืนอันเหน็บหนาวได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้วทรมานมาหนึ่งวัน ทุกคนล้วนเหนื่อยแล้วหลังจากต้มหิมะและกินอาหารแห้งไปสักพัก ทุกคนล้อมวงนั่งข้างกองไฟ เข้าสู่ห้วงนิทราทว่า ทำเช่นไรหยุนเจิงก็นอนไม่หลับทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงเขาประเมินสงครามของสมัยโบราณง่ายไปแล้ว!โดยเฉพาะสงครามในฤดูหนาว!หากทหารบุกเข้าไปในฤดูหนาว ไม่มีห่วงโซ่อุปทานทหารที่สมบูรณ์ อย่าว่าแต่สู้รบเลย คนและม้าไม่หิวตายหรือหนาวตายก่อนก็ไม่เลวแล้ว!พวกเขาแค่กองเล็กสิบกว่าคน พบเจอปัญหาในป่ามากมายเช่นนี้แล้ว หากต้องพาทหารม้าเป็นหมื่นมาด้วย รอให้อากาศหนาวขึ้นอีกหน่อย จะเอาชีวิตรอดจากกลางคืนที่เหน็บหนาวได้เช่นกันล้วนเป็นปัญหา!มารดาเขาสิ ไม่เดินทางเจออุปสรรค ก็ไม่รู้ถึงความลำบากเหล่านี้!“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่? คิ้วแทบจะผสานกันแล้ว”เสียงของเมี่ยวอินพลันดังขึ้นข้างหูหยุนเจ
“น่าจะไม่เกินสิบวัน!”อวี๋ซื่อจงกล่าว “การกินดื่มของคนง่ายต่อการแก้ไข แต่การกินดื่มของม้าศึกก็เป็นปัญหา! อีกทั้ง เดินทัพในฤดูหนาวเปลืองพลังงานม้าศึกมาก หากสู้กันในฤดูหนาว ม้าศึกที่จะใช้ในปีหน้าล้วนใช้การไม่ได้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว...”ดังนั้น หากยังไม่ถึงเวลาจำเป็น เป่ยหวนและต้าเฉียนล้วนไม่คิดเดินทัพในฤดูหนาวมิฉะนั้น เมื่อสู้รบกันหนึ่งสนาม ม้าศึกเปลืองพลังงานมาก แม้ต่อให้ชนะ ก็นับว่าเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชเท่านั้นแต่สถานการณ์ตรงหน้า ทุกคนล้วนเข้าใจ มีความเป็นไปได้สูงที่เป่ยหวนจะเสี่ยงเดินทัพในฤดูหนาวเมื่อได้ฟังคำพูดของอวี๋ซื่อจง หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะฝืนหัวเราะก่อนหน้านี้เขาช่างไร้เดียงสาไปหน่อยแล้วมักคิดว่าตัวเองเข้าใจวิชาพิชัยสงคราม เข้าใจวางแผนกลอุบาย ก็สามารถทำสงครามกับเป่ยหวนได้แล้วแต่ว่า เขากลับละเลยสิ่งพื้นฐานที่สุดไปหากไม่ใช่เพราะได้คุยเรื่องเหล่านี้กับอวี๋ซื่อจงในวันนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสนามรบจริงจะมีความลับมากมายขนาดนี้มิน่าเหล่าราชสำนักจึงไม่มีเวลาส่งทัพใหญ่มาสนับสนุนซั่วเป่ยเป็นเพราะกำลังทหารในปัจจุบันที่เฝ้ารักษาการอยู่ที่ซั่วเป่ยคงเพียงพอแล้วถึงเช่นไร เป่
เขาพอเข้าใจความหมายของอวี๋ซื่อจงแล้วเสด็จพ่อให้เขามาที่ซั่วเป่ย เพื่อใช้ประโยชน์จากโกรธแค้นที่ปานปู้มีต่อเขา ล่อลวงให้ปานปู้เป็นฝ่ายบุกจู่โจมเมืองซั่วฟางที่เขาอยู่ในช่วงฤดูหนาว ตัดกำลังรบของเป่ยหวนด้วยเหตุนี้ทำสงครามช่วงฤดูหนาว กำลังของเป่ยหวนจะถูกตัดทอนไปจำนานมาก!ส่วนพวกเขาก็สามารถตั้งหลัก ตัดกำลังของเป่ยหวนไม่หยุดเมื่อเป็นเช่นนี้ รอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าใช้กำลังทหารกับเป่ยหวน โอกาสชนะของต้าเฉียนก็จะเป็นไปได้มากเขาก็เป็นเหมือนกับกองทหารโลหิตเมื่อก่อน เป็นแค่เหยื่อล่อ!ถึงเช่นไร ราชครูของเป่ยหวนก็เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ!เมื่อเผชิญกับคำถามของหยุนเจิง อวี้ซื่อจงส่ายหน้า กุลีกุลจรปฏิเสธ “ไม่ ไม่! องค์ชายอย่าได้คิดเหลวไหล ข้าก็แค่เบื่อหน่ายเท่านั้น จึงได้สนทนากับองค์ชายเพื่อคลายเบื่อหน่ายเท่านั้น...”คลายเบื่อหน่ายหรือ?หยุนเจิงถอนหายใจในใจอวี๋ซื่อจงกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน เพียงเพราะคลายเบื่อหน่ายได้เช่นไร?แต่ว่า เขาในฐานะขุนนาง มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจะกล่าวโดยตรง จึงได้กล่าวอ้อมค้อมไปมาเช่นนี้“เอาเถอะ!”หยุนเจิงก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ โบกมือกล่าว “เจ้าเองก็เดินทางมา
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่