โชคของพวกเขานับว่าไม่เลว ไม่นานก็หาถ้ำภูเขาตามธรรมชาติแห่งหนึ่งพบ ม้าและคนสามารถหลบอยู่ภายในถ้ำได้ แค่ตัดต้นไม้เพิ่มมากั้นทางเข้าถ้ำเพื่อป้องกันลมหนาวในตอนกลางคืนม้าและคนเมื่ออยู่ในถ้ำ อากาศย่อมไม่น่าสูดดมเท่าใดแต่ว่า สามารถหาสถานที่พักพิงในคืนอันเหน็บหนาวได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้วทรมานมาหนึ่งวัน ทุกคนล้วนเหนื่อยแล้วหลังจากต้มหิมะและกินอาหารแห้งไปสักพัก ทุกคนล้อมวงนั่งข้างกองไฟ เข้าสู่ห้วงนิทราทว่า ทำเช่นไรหยุนเจิงก็นอนไม่หลับทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงเขาประเมินสงครามของสมัยโบราณง่ายไปแล้ว!โดยเฉพาะสงครามในฤดูหนาว!หากทหารบุกเข้าไปในฤดูหนาว ไม่มีห่วงโซ่อุปทานทหารที่สมบูรณ์ อย่าว่าแต่สู้รบเลย คนและม้าไม่หิวตายหรือหนาวตายก่อนก็ไม่เลวแล้ว!พวกเขาแค่กองเล็กสิบกว่าคน พบเจอปัญหาในป่ามากมายเช่นนี้แล้ว หากต้องพาทหารม้าเป็นหมื่นมาด้วย รอให้อากาศหนาวขึ้นอีกหน่อย จะเอาชีวิตรอดจากกลางคืนที่เหน็บหนาวได้เช่นกันล้วนเป็นปัญหา!มารดาเขาสิ ไม่เดินทางเจออุปสรรค ก็ไม่รู้ถึงความลำบากเหล่านี้!“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่? คิ้วแทบจะผสานกันแล้ว”เสียงของเมี่ยวอินพลันดังขึ้นข้างหูหยุนเจ
“น่าจะไม่เกินสิบวัน!”อวี๋ซื่อจงกล่าว “การกินดื่มของคนง่ายต่อการแก้ไข แต่การกินดื่มของม้าศึกก็เป็นปัญหา! อีกทั้ง เดินทัพในฤดูหนาวเปลืองพลังงานม้าศึกมาก หากสู้กันในฤดูหนาว ม้าศึกที่จะใช้ในปีหน้าล้วนใช้การไม่ได้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว...”ดังนั้น หากยังไม่ถึงเวลาจำเป็น เป่ยหวนและต้าเฉียนล้วนไม่คิดเดินทัพในฤดูหนาวมิฉะนั้น เมื่อสู้รบกันหนึ่งสนาม ม้าศึกเปลืองพลังงานมาก แม้ต่อให้ชนะ ก็นับว่าเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชเท่านั้นแต่สถานการณ์ตรงหน้า ทุกคนล้วนเข้าใจ มีความเป็นไปได้สูงที่เป่ยหวนจะเสี่ยงเดินทัพในฤดูหนาวเมื่อได้ฟังคำพูดของอวี๋ซื่อจง หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะฝืนหัวเราะก่อนหน้านี้เขาช่างไร้เดียงสาไปหน่อยแล้วมักคิดว่าตัวเองเข้าใจวิชาพิชัยสงคราม เข้าใจวางแผนกลอุบาย ก็สามารถทำสงครามกับเป่ยหวนได้แล้วแต่ว่า เขากลับละเลยสิ่งพื้นฐานที่สุดไปหากไม่ใช่เพราะได้คุยเรื่องเหล่านี้กับอวี๋ซื่อจงในวันนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสนามรบจริงจะมีความลับมากมายขนาดนี้มิน่าเหล่าราชสำนักจึงไม่มีเวลาส่งทัพใหญ่มาสนับสนุนซั่วเป่ยเป็นเพราะกำลังทหารในปัจจุบันที่เฝ้ารักษาการอยู่ที่ซั่วเป่ยคงเพียงพอแล้วถึงเช่นไร เป่
เขาพอเข้าใจความหมายของอวี๋ซื่อจงแล้วเสด็จพ่อให้เขามาที่ซั่วเป่ย เพื่อใช้ประโยชน์จากโกรธแค้นที่ปานปู้มีต่อเขา ล่อลวงให้ปานปู้เป็นฝ่ายบุกจู่โจมเมืองซั่วฟางที่เขาอยู่ในช่วงฤดูหนาว ตัดกำลังรบของเป่ยหวนด้วยเหตุนี้ทำสงครามช่วงฤดูหนาว กำลังของเป่ยหวนจะถูกตัดทอนไปจำนานมาก!ส่วนพวกเขาก็สามารถตั้งหลัก ตัดกำลังของเป่ยหวนไม่หยุดเมื่อเป็นเช่นนี้ รอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าใช้กำลังทหารกับเป่ยหวน โอกาสชนะของต้าเฉียนก็จะเป็นไปได้มากเขาก็เป็นเหมือนกับกองทหารโลหิตเมื่อก่อน เป็นแค่เหยื่อล่อ!ถึงเช่นไร ราชครูของเป่ยหวนก็เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ!เมื่อเผชิญกับคำถามของหยุนเจิง อวี้ซื่อจงส่ายหน้า กุลีกุลจรปฏิเสธ “ไม่ ไม่! องค์ชายอย่าได้คิดเหลวไหล ข้าก็แค่เบื่อหน่ายเท่านั้น จึงได้สนทนากับองค์ชายเพื่อคลายเบื่อหน่ายเท่านั้น...”คลายเบื่อหน่ายหรือ?หยุนเจิงถอนหายใจในใจอวี๋ซื่อจงกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน เพียงเพราะคลายเบื่อหน่ายได้เช่นไร?แต่ว่า เขาในฐานะขุนนาง มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจะกล่าวโดยตรง จึงได้กล่าวอ้อมค้อมไปมาเช่นนี้“เอาเถอะ!”หยุนเจิงก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ โบกมือกล่าว “เจ้าเองก็เดินทางมา
ขณะที่กล่าว หยุนเจิงขยับตัวไปหาเมี่ยวอินทันที“ถุย!”เมี่ยวอินถ่มน้ำลายและผลักเขาออก จากนั้นก็กล่าวอย่างรำคราญ “เจ้าใช้ได้เลย! เวลาเช่นนี้ยังมีแก่ใจแกล้งข้า! ข้าไม่รู้ควรบอกว่าเจ้าใจกว้างเกินไปหรือว่าลามกเกินไปกันแน่!”ไอสารเลวนี่!นางนึกว่าไอสารเลวนี่หนาวใจจริงแล้ว!นึกไม่ถึง ไอสารเลวนี่ยังจะเสแสร้งแกล้งทำ!คิดแต่จะเอาเปรียบนาง!“ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว”หยุนเจิงกล่าวสีหน้าเรียบเฉย “อย่าคิดเรื่องเหลวไหลเหล่านั้นเลย พวกเราสองคนเรียกว่าชะตาชีวิตลำบากกอดกันเพื่อความอบอุ่น! เจ้าก็ถอด ข้าก็ถอด กอดกัน อบอุ่นทั้งข้าและเจ้า!”“ถุย!”เมี่ยวอินถ่มน้ำลายอีกครั้ง เขินจนหน้าแดงแล้ว ทว่านางไม่ยอมถูกหยุนเจิงแกล้งเช่นนี้“ขอแค่ตอนนี้เจ้าชูธงกบฏ เจ้าคิดจะกอดเช่นไร ล้วนได้ทั้งนั้น”เมี่ยวอินกลั้นเสียงกระซิบกล่าว มองหยุนเจิงอย่างยั่วยุ“ข้าว่าเจ้านี่โง่เขลาหรือไม่?”หยุนเจิงกรอกตาขาวใส่นาง กระซิบ “สถานการณ์ตอนนี้ ข้าเอาสิ่งใดมากบฏ? ข้าก่อกบฏตอนนี้ หากไม่ถูกเป่ยหวนและเว่ยเหวินจงโจมตีทั้งสองด้านก็แปลกแล้ว! ถึงเวลานั้น พวกเราคงต้องกลายเป็นคู่นกเป็ดน้ำที่ชีวิตสิ้นหวังแล้ว!”หญิงผู้นี้!
คืนนี้ยังไม่นับว่าลำบากมีกองไฟ เช่นนั้นก็ไม่ได้รู้สึกหนาวแต่ว่า หยุนเจิงนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนคืนนี้ เขาคิดเรื่องราวมากมาย และยังจัดระเบียบแผนการของเขาใหม่ด้วยเขายังคงไม่เลือกเป็นฝ่ายตั้งรับ ยังคงเลือกเป็นฝ่ายบุกทว่า ไม่คิดจะใช้กองทัพใหญ่บุกโจมตีอีกต่อไปการบุกโดยพื้นฐานเป็นการคุกคามและการรวบรวมข่าวกรองเป็นหลัก ทั้งยังใช้ประโยชน์จากความแค้นที่ปานปู้มีต่อเขา ล่อให้เป่ยหวนเป็นฝ่ายบุกโจมตีเข้ามา!ไม่สู้กับเป่ยหวนสักสองสามสนาม ก็ไม่มีทางสร้างอำนาจบารมีในกองทัพได้ตอนนี้อาศัยแค่จ่ายเงินสร้างบารมี อาจจะหายไปเมื่อใดก็ได้!มีเพียงสู้กับเป่ยหวนที่ทำให้กองทหารมณฑณทางเหนือเห็นความสามารถของเขา ต่อไปก็จะติดตามเขาเองมิฉะนั้น ใครจะกล้าติดตามคนที่อาจจะถูกราชสำนักกำจัดได้ทุกเมื่อ?“เมื่อคืนเจ้าไม่ได้นอนทั้งคืน?”เมี่ยวอินตื่นขึ้นมาก็สังเหตเห็นเส้นเลือดฝอยในดวงตาสองข้างของหยุนเจิง“นอนแล้ว เพียงแต่เมื่อคืนแอบร้องไห้ตั้งนาน”หยุนเจิงสูดจมูก ถอนหายใจกล่าว “ในใจข้าเหน็ยหนาว เจ้าไม่ยอมให้ความอบอุ่นข้า ข้าทำได้เพียงหลบไปแอบร้องไห้...”“เจ้าไปตายซะ!”เมี่ยวอินจ้องหยุนเจิงด้วยความโกรธไอ
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าที่นี่ฤดูหนาวไม่อันตราย?”เมี่ยวอินเบ้ปาก “หากไม่อันตรายจริง ชาวเป่ยหวนและต้าเฉียนไม่รู้จักส่งกองกำลังมาทางนี้เพื่อซุ่มโจมตีจากด้านหลังหรือ?”แม้เมี่ยวอินดูเหมือนจะสงสัยว่าแก้ตัวก็ตาม แต่คำพูดของนางก็ได้รับการยอมรับจากคนทุกคนหุบเขาแห่งความตายที่ซั่วเป่ยจะบอกว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามก็ได้คนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อเรื่องร้ายคิดอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ต้องล้มเหลวใครจะรู้ว่ามีคนมาลองพิสูจน์ช่วงฤดูหนาวหรือไม่?“บนโลกใบนี้ มีหลายสิ่งที่เป็นไปตามสิ่งที่คนอื่นพูดมากมาย”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “หากไม่เชื่อ ข้าจะพิสูจน์ให้พวกเจ้าดู!”“องค์ชายไม่ได้!”อวี๋ซื่อจงรีบขวางไว้ทันที “พวกเราเชื่อ เชื่อทุกคน!”“ใช่ใช่ พวกเราเชื่อทุกคน!”พวกเกาเหอพากันพยักหน้าพวกเขาอยากบอกว่าไม่เชื่อแต่กลัวหยุนเจิงจะขัดขืน วิ่งเข้าไปพิสูจน์หากหยุนเจิงเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเขาทุกคนต้องหัวหลุดออกจากบ่า“ข้า...”หยุนเจิงหน้าเคร่งขรึมมองทุกคน “ข้าบอกว่าข้าจะพิสูจน์ด้วยตัวเองหรือ? ไม่รู้จักส่งม้าสักตัวเข้าไปพิสูจน์หรือ?”ส่งม้าสักตัวเข้าไปพิสูจน์ทุกคนตกตะลึงชั่วครู่“ใช่ ใช่ ส่งม้า
เมี่ยวอินปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่สามารถห้ามหยุนเจิงที่หน้าด้านจะขี่ม้าไปพร้อมนางได้ “เอามือของเจ้าออกไป!”เพิ่งไปได้ไม่ไกล เมี่ยวอินก็รู้สึกว่ามีมือคู่หนึ่งเพิ่มขึ้นมาที่เอว “อย่าโวยวาย!”หยุนเจิงกอดเอวเมี่ยวอินไว้ จากนั้นก็หาว “ข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตอนนี้ง่วงจะตายแล้ว เจ้าต้องระวัง อย่าปล่อยให้ข้าตกจากม้าลงไป...” “เจ้า...”เมี่ยวอินชะงักเล็กน้อย ทั้งโมโหทั้งตลก “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นท่านอ๋อง รักษาหน้าตาหน่อยได้หรือไม่?” “พูดอะไรน่ะ!”หยุนเจิงเอนศีรษะซบแผ่นหลังนาง “เจ้าสวมเสื้อผ้าหนาแน่นรัดกุม ข้ายังจะเอาเปรียบเจ้าได้หรือ? เจ้าว่าข้าแนบชิดกับเจ้าให้มากขึ้นหน่อย ยังสามารถบังลมหนาวให้เจ้าได้ไม่ใช่หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เมี่ยวอินเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธแล้ว “ไอสารเลวนี่!”เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคิดจะเอาเปรียบ ยังจะกล่าวโกหกเช่นนี้ออกมาได้?ทำเหมือนนางต้องขอบคุณเขา!ไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน!เห็นเมี่ยวอินที่มองหยุนเจิงด้วยความจนใจ พวกเกาเหออดไม่ได้ที่จะมองตากันแล้วหัวเราะครั้งนี้องค์ชายหน้าด้านหน้าทน ปากก็ช่างเจรจาไปเรื่อยผู้ที่สามารถเอาเปรียบแล
“ได้ ได้...”หยุนเจิงจนปัญญา จำต้องลุกขึ้นจากเตียงตอนที่หยุนเจิงกำลังกินอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็นั่งลงข้างกายเขาเสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจ “เป็นเพราะเรื่องที่เจ้ากลายเป็นหมาก เมื่อคืนจึงไม่ได้นอนหรือ?”นางได้ฟังเรื่องราวบางส่วนจากเมี่ยวอินแล้วเมื่อได้รู้หยุนเจิงไปยังหุบเขาแห่งความตาย เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธมากเดิมนางอยากจัดการหยุนเจิงสักยก แต่ได้ฟังเรื่องเมื่อวานจากเมี่ยวอิน นางก็เก็บความคิดที่จะจัดการหยุนเจิงทันทีนางเองไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิเหวินต้องหารใช้หยุนเจิงเป็นหมากหรือไม่แต่จากสถานการณ์ตรงหน้า อย่างนั้นก็มียังมีความเป็นไปได้ด้วยความอธิบายไม่ถูก นางกลับรู้สึกสงสารหยุนเจิง “ไม่ใช่”หยุนเจิงกลืนอาหารในปาก จากนั้นก็ส่ายหน้า “เรื่องแค่นี้เอง ไม่เพียงพอให้ข้าอดหลับอดนอนทั้งคืน! เจ้าเลิกถามได้แล้ว รอให้ข้ากินเสร็จ หลับพักผ่อน ข้าจะค่อยๆ เล่าเรื่องที่คิดเมื่อคืนกับเจ้า” “ก็ได้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยปลอบใจ “ความจริง ต่อให้เสด็จพ่อเจ้าเห็นเจ้าเป็นหมากจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่! เดิมเจ้าก็ไม่ใช่ขุนนางจงรักภักดี เจ้ามาที่ซั่วเป่ยช่วงชิงอำนาจกองทัพ...” “วา