“น่าจะไม่เกินสิบวัน!”อวี๋ซื่อจงกล่าว “การกินดื่มของคนง่ายต่อการแก้ไข แต่การกินดื่มของม้าศึกก็เป็นปัญหา! อีกทั้ง เดินทัพในฤดูหนาวเปลืองพลังงานม้าศึกมาก หากสู้กันในฤดูหนาว ม้าศึกที่จะใช้ในปีหน้าล้วนใช้การไม่ได้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว...”ดังนั้น หากยังไม่ถึงเวลาจำเป็น เป่ยหวนและต้าเฉียนล้วนไม่คิดเดินทัพในฤดูหนาวมิฉะนั้น เมื่อสู้รบกันหนึ่งสนาม ม้าศึกเปลืองพลังงานมาก แม้ต่อให้ชนะ ก็นับว่าเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชเท่านั้นแต่สถานการณ์ตรงหน้า ทุกคนล้วนเข้าใจ มีความเป็นไปได้สูงที่เป่ยหวนจะเสี่ยงเดินทัพในฤดูหนาวเมื่อได้ฟังคำพูดของอวี๋ซื่อจง หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะฝืนหัวเราะก่อนหน้านี้เขาช่างไร้เดียงสาไปหน่อยแล้วมักคิดว่าตัวเองเข้าใจวิชาพิชัยสงคราม เข้าใจวางแผนกลอุบาย ก็สามารถทำสงครามกับเป่ยหวนได้แล้วแต่ว่า เขากลับละเลยสิ่งพื้นฐานที่สุดไปหากไม่ใช่เพราะได้คุยเรื่องเหล่านี้กับอวี๋ซื่อจงในวันนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสนามรบจริงจะมีความลับมากมายขนาดนี้มิน่าเหล่าราชสำนักจึงไม่มีเวลาส่งทัพใหญ่มาสนับสนุนซั่วเป่ยเป็นเพราะกำลังทหารในปัจจุบันที่เฝ้ารักษาการอยู่ที่ซั่วเป่ยคงเพียงพอแล้วถึงเช่นไร เป่
เขาพอเข้าใจความหมายของอวี๋ซื่อจงแล้วเสด็จพ่อให้เขามาที่ซั่วเป่ย เพื่อใช้ประโยชน์จากโกรธแค้นที่ปานปู้มีต่อเขา ล่อลวงให้ปานปู้เป็นฝ่ายบุกจู่โจมเมืองซั่วฟางที่เขาอยู่ในช่วงฤดูหนาว ตัดกำลังรบของเป่ยหวนด้วยเหตุนี้ทำสงครามช่วงฤดูหนาว กำลังของเป่ยหวนจะถูกตัดทอนไปจำนานมาก!ส่วนพวกเขาก็สามารถตั้งหลัก ตัดกำลังของเป่ยหวนไม่หยุดเมื่อเป็นเช่นนี้ รอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าใช้กำลังทหารกับเป่ยหวน โอกาสชนะของต้าเฉียนก็จะเป็นไปได้มากเขาก็เป็นเหมือนกับกองทหารโลหิตเมื่อก่อน เป็นแค่เหยื่อล่อ!ถึงเช่นไร ราชครูของเป่ยหวนก็เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ!เมื่อเผชิญกับคำถามของหยุนเจิง อวี้ซื่อจงส่ายหน้า กุลีกุลจรปฏิเสธ “ไม่ ไม่! องค์ชายอย่าได้คิดเหลวไหล ข้าก็แค่เบื่อหน่ายเท่านั้น จึงได้สนทนากับองค์ชายเพื่อคลายเบื่อหน่ายเท่านั้น...”คลายเบื่อหน่ายหรือ?หยุนเจิงถอนหายใจในใจอวี๋ซื่อจงกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน เพียงเพราะคลายเบื่อหน่ายได้เช่นไร?แต่ว่า เขาในฐานะขุนนาง มีบางเรื่องที่ไม่สะดวกจะกล่าวโดยตรง จึงได้กล่าวอ้อมค้อมไปมาเช่นนี้“เอาเถอะ!”หยุนเจิงก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ โบกมือกล่าว “เจ้าเองก็เดินทางมา
ขณะที่กล่าว หยุนเจิงขยับตัวไปหาเมี่ยวอินทันที“ถุย!”เมี่ยวอินถ่มน้ำลายและผลักเขาออก จากนั้นก็กล่าวอย่างรำคราญ “เจ้าใช้ได้เลย! เวลาเช่นนี้ยังมีแก่ใจแกล้งข้า! ข้าไม่รู้ควรบอกว่าเจ้าใจกว้างเกินไปหรือว่าลามกเกินไปกันแน่!”ไอสารเลวนี่!นางนึกว่าไอสารเลวนี่หนาวใจจริงแล้ว!นึกไม่ถึง ไอสารเลวนี่ยังจะเสแสร้งแกล้งทำ!คิดแต่จะเอาเปรียบนาง!“ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว”หยุนเจิงกล่าวสีหน้าเรียบเฉย “อย่าคิดเรื่องเหลวไหลเหล่านั้นเลย พวกเราสองคนเรียกว่าชะตาชีวิตลำบากกอดกันเพื่อความอบอุ่น! เจ้าก็ถอด ข้าก็ถอด กอดกัน อบอุ่นทั้งข้าและเจ้า!”“ถุย!”เมี่ยวอินถ่มน้ำลายอีกครั้ง เขินจนหน้าแดงแล้ว ทว่านางไม่ยอมถูกหยุนเจิงแกล้งเช่นนี้“ขอแค่ตอนนี้เจ้าชูธงกบฏ เจ้าคิดจะกอดเช่นไร ล้วนได้ทั้งนั้น”เมี่ยวอินกลั้นเสียงกระซิบกล่าว มองหยุนเจิงอย่างยั่วยุ“ข้าว่าเจ้านี่โง่เขลาหรือไม่?”หยุนเจิงกรอกตาขาวใส่นาง กระซิบ “สถานการณ์ตอนนี้ ข้าเอาสิ่งใดมากบฏ? ข้าก่อกบฏตอนนี้ หากไม่ถูกเป่ยหวนและเว่ยเหวินจงโจมตีทั้งสองด้านก็แปลกแล้ว! ถึงเวลานั้น พวกเราคงต้องกลายเป็นคู่นกเป็ดน้ำที่ชีวิตสิ้นหวังแล้ว!”หญิงผู้นี้!
คืนนี้ยังไม่นับว่าลำบากมีกองไฟ เช่นนั้นก็ไม่ได้รู้สึกหนาวแต่ว่า หยุนเจิงนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนคืนนี้ เขาคิดเรื่องราวมากมาย และยังจัดระเบียบแผนการของเขาใหม่ด้วยเขายังคงไม่เลือกเป็นฝ่ายตั้งรับ ยังคงเลือกเป็นฝ่ายบุกทว่า ไม่คิดจะใช้กองทัพใหญ่บุกโจมตีอีกต่อไปการบุกโดยพื้นฐานเป็นการคุกคามและการรวบรวมข่าวกรองเป็นหลัก ทั้งยังใช้ประโยชน์จากความแค้นที่ปานปู้มีต่อเขา ล่อให้เป่ยหวนเป็นฝ่ายบุกโจมตีเข้ามา!ไม่สู้กับเป่ยหวนสักสองสามสนาม ก็ไม่มีทางสร้างอำนาจบารมีในกองทัพได้ตอนนี้อาศัยแค่จ่ายเงินสร้างบารมี อาจจะหายไปเมื่อใดก็ได้!มีเพียงสู้กับเป่ยหวนที่ทำให้กองทหารมณฑณทางเหนือเห็นความสามารถของเขา ต่อไปก็จะติดตามเขาเองมิฉะนั้น ใครจะกล้าติดตามคนที่อาจจะถูกราชสำนักกำจัดได้ทุกเมื่อ?“เมื่อคืนเจ้าไม่ได้นอนทั้งคืน?”เมี่ยวอินตื่นขึ้นมาก็สังเหตเห็นเส้นเลือดฝอยในดวงตาสองข้างของหยุนเจิง“นอนแล้ว เพียงแต่เมื่อคืนแอบร้องไห้ตั้งนาน”หยุนเจิงสูดจมูก ถอนหายใจกล่าว “ในใจข้าเหน็ยหนาว เจ้าไม่ยอมให้ความอบอุ่นข้า ข้าทำได้เพียงหลบไปแอบร้องไห้...”“เจ้าไปตายซะ!”เมี่ยวอินจ้องหยุนเจิงด้วยความโกรธไอ
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าที่นี่ฤดูหนาวไม่อันตราย?”เมี่ยวอินเบ้ปาก “หากไม่อันตรายจริง ชาวเป่ยหวนและต้าเฉียนไม่รู้จักส่งกองกำลังมาทางนี้เพื่อซุ่มโจมตีจากด้านหลังหรือ?”แม้เมี่ยวอินดูเหมือนจะสงสัยว่าแก้ตัวก็ตาม แต่คำพูดของนางก็ได้รับการยอมรับจากคนทุกคนหุบเขาแห่งความตายที่ซั่วเป่ยจะบอกว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามก็ได้คนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อเรื่องร้ายคิดอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ต้องล้มเหลวใครจะรู้ว่ามีคนมาลองพิสูจน์ช่วงฤดูหนาวหรือไม่?“บนโลกใบนี้ มีหลายสิ่งที่เป็นไปตามสิ่งที่คนอื่นพูดมากมาย”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “หากไม่เชื่อ ข้าจะพิสูจน์ให้พวกเจ้าดู!”“องค์ชายไม่ได้!”อวี๋ซื่อจงรีบขวางไว้ทันที “พวกเราเชื่อ เชื่อทุกคน!”“ใช่ใช่ พวกเราเชื่อทุกคน!”พวกเกาเหอพากันพยักหน้าพวกเขาอยากบอกว่าไม่เชื่อแต่กลัวหยุนเจิงจะขัดขืน วิ่งเข้าไปพิสูจน์หากหยุนเจิงเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเขาทุกคนต้องหัวหลุดออกจากบ่า“ข้า...”หยุนเจิงหน้าเคร่งขรึมมองทุกคน “ข้าบอกว่าข้าจะพิสูจน์ด้วยตัวเองหรือ? ไม่รู้จักส่งม้าสักตัวเข้าไปพิสูจน์หรือ?”ส่งม้าสักตัวเข้าไปพิสูจน์ทุกคนตกตะลึงชั่วครู่“ใช่ ใช่ ส่งม้า
เมี่ยวอินปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่สามารถห้ามหยุนเจิงที่หน้าด้านจะขี่ม้าไปพร้อมนางได้ “เอามือของเจ้าออกไป!”เพิ่งไปได้ไม่ไกล เมี่ยวอินก็รู้สึกว่ามีมือคู่หนึ่งเพิ่มขึ้นมาที่เอว “อย่าโวยวาย!”หยุนเจิงกอดเอวเมี่ยวอินไว้ จากนั้นก็หาว “ข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตอนนี้ง่วงจะตายแล้ว เจ้าต้องระวัง อย่าปล่อยให้ข้าตกจากม้าลงไป...” “เจ้า...”เมี่ยวอินชะงักเล็กน้อย ทั้งโมโหทั้งตลก “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นท่านอ๋อง รักษาหน้าตาหน่อยได้หรือไม่?” “พูดอะไรน่ะ!”หยุนเจิงเอนศีรษะซบแผ่นหลังนาง “เจ้าสวมเสื้อผ้าหนาแน่นรัดกุม ข้ายังจะเอาเปรียบเจ้าได้หรือ? เจ้าว่าข้าแนบชิดกับเจ้าให้มากขึ้นหน่อย ยังสามารถบังลมหนาวให้เจ้าได้ไม่ใช่หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เมี่ยวอินเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธแล้ว “ไอสารเลวนี่!”เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคิดจะเอาเปรียบ ยังจะกล่าวโกหกเช่นนี้ออกมาได้?ทำเหมือนนางต้องขอบคุณเขา!ไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน!เห็นเมี่ยวอินที่มองหยุนเจิงด้วยความจนใจ พวกเกาเหออดไม่ได้ที่จะมองตากันแล้วหัวเราะครั้งนี้องค์ชายหน้าด้านหน้าทน ปากก็ช่างเจรจาไปเรื่อยผู้ที่สามารถเอาเปรียบแล
“ได้ ได้...”หยุนเจิงจนปัญญา จำต้องลุกขึ้นจากเตียงตอนที่หยุนเจิงกำลังกินอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็นั่งลงข้างกายเขาเสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจ “เป็นเพราะเรื่องที่เจ้ากลายเป็นหมาก เมื่อคืนจึงไม่ได้นอนหรือ?”นางได้ฟังเรื่องราวบางส่วนจากเมี่ยวอินแล้วเมื่อได้รู้หยุนเจิงไปยังหุบเขาแห่งความตาย เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธมากเดิมนางอยากจัดการหยุนเจิงสักยก แต่ได้ฟังเรื่องเมื่อวานจากเมี่ยวอิน นางก็เก็บความคิดที่จะจัดการหยุนเจิงทันทีนางเองไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิเหวินต้องหารใช้หยุนเจิงเป็นหมากหรือไม่แต่จากสถานการณ์ตรงหน้า อย่างนั้นก็มียังมีความเป็นไปได้ด้วยความอธิบายไม่ถูก นางกลับรู้สึกสงสารหยุนเจิง “ไม่ใช่”หยุนเจิงกลืนอาหารในปาก จากนั้นก็ส่ายหน้า “เรื่องแค่นี้เอง ไม่เพียงพอให้ข้าอดหลับอดนอนทั้งคืน! เจ้าเลิกถามได้แล้ว รอให้ข้ากินเสร็จ หลับพักผ่อน ข้าจะค่อยๆ เล่าเรื่องที่คิดเมื่อคืนกับเจ้า” “ก็ได้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยปลอบใจ “ความจริง ต่อให้เสด็จพ่อเจ้าเห็นเจ้าเป็นหมากจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่! เดิมเจ้าก็ไม่ใช่ขุนนางจงรักภักดี เจ้ามาที่ซั่วเป่ยช่วงชิงอำนาจกองทัพ...” “วา
หยุนเจิงหลับลึกสนิทหลับไปหลับมา เขากลับฝันร้ายภายในฝัน เขาถูกรัดคอด้วยผ้าไหมสีขาวยาวสามจ้างขาวโพลนไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาได้ชัดเจนเขาดิ้นรนเช่นไรก็ไร้ประโยชน์ตอนที่เขาใกล้จะขาดอากาศหายใจ ในที่สุดเขาก็สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายจิตสำนึกของเขาอยากลุกขึ้นนั่ง ทว่าทำเช่นไรก็ไม่อาจลุกขึ้นนั่งได้เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของเขาใกล้เขียวคล้ำแล้วผ้าไหมสีขาวยาวสามจ้างไม่มีแล้วมีเพียงแขนขาวนวลข้างหนึ่งแขนนวลหยกของเสิ่นลั่วเยี่ยนรัดคอเขาไว้แน่น ขาข้างหนึ่งยังกดทับร่างของเขามองดูท่านอนประหลาดของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงใบหน้าเคร่งขรึมเสียไม่ได้มิน่าถึงได้ฝันร้าย!หากไม่ฝันร้าย ไม่นานอาจถูกหญิงผู้นี้รัดคอตายแล้ว! “แค่กๆ...”หยุนเจิงออกแรงปัดมือของเสิ่นลั่วเยี่ยนออก การหายใจราบรื่นโดยพลัน “อืม..”เสิ่นลัวเยี่ยนตื่นเพราะเสียงไอของหยุนเจิง สะลึมสะลือถาม “นี่เป็นเวลายามใดแล้ว?” “ไม่รู้”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “แต่ว่า เวลานี้เป็นเวลาเหมาะที่จะส่งข้าขึ้นสวรรค์”“ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์?”เสิ่นลั่วเยี่ยนลืมตาอย่างสะลึมสะลือ “เช้าตรู่เช่นนี้ พูดไร้สาระอะไร?”เช้าตรู่?ท้องฟ้าข้างน
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่