“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าที่นี่ฤดูหนาวไม่อันตราย?”เมี่ยวอินเบ้ปาก “หากไม่อันตรายจริง ชาวเป่ยหวนและต้าเฉียนไม่รู้จักส่งกองกำลังมาทางนี้เพื่อซุ่มโจมตีจากด้านหลังหรือ?”แม้เมี่ยวอินดูเหมือนจะสงสัยว่าแก้ตัวก็ตาม แต่คำพูดของนางก็ได้รับการยอมรับจากคนทุกคนหุบเขาแห่งความตายที่ซั่วเป่ยจะบอกว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามก็ได้คนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อเรื่องร้ายคิดอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ต้องล้มเหลวใครจะรู้ว่ามีคนมาลองพิสูจน์ช่วงฤดูหนาวหรือไม่?“บนโลกใบนี้ มีหลายสิ่งที่เป็นไปตามสิ่งที่คนอื่นพูดมากมาย”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “หากไม่เชื่อ ข้าจะพิสูจน์ให้พวกเจ้าดู!”“องค์ชายไม่ได้!”อวี๋ซื่อจงรีบขวางไว้ทันที “พวกเราเชื่อ เชื่อทุกคน!”“ใช่ใช่ พวกเราเชื่อทุกคน!”พวกเกาเหอพากันพยักหน้าพวกเขาอยากบอกว่าไม่เชื่อแต่กลัวหยุนเจิงจะขัดขืน วิ่งเข้าไปพิสูจน์หากหยุนเจิงเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเขาทุกคนต้องหัวหลุดออกจากบ่า“ข้า...”หยุนเจิงหน้าเคร่งขรึมมองทุกคน “ข้าบอกว่าข้าจะพิสูจน์ด้วยตัวเองหรือ? ไม่รู้จักส่งม้าสักตัวเข้าไปพิสูจน์หรือ?”ส่งม้าสักตัวเข้าไปพิสูจน์ทุกคนตกตะลึงชั่วครู่“ใช่ ใช่ ส่งม้า
เมี่ยวอินปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่สามารถห้ามหยุนเจิงที่หน้าด้านจะขี่ม้าไปพร้อมนางได้ “เอามือของเจ้าออกไป!”เพิ่งไปได้ไม่ไกล เมี่ยวอินก็รู้สึกว่ามีมือคู่หนึ่งเพิ่มขึ้นมาที่เอว “อย่าโวยวาย!”หยุนเจิงกอดเอวเมี่ยวอินไว้ จากนั้นก็หาว “ข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตอนนี้ง่วงจะตายแล้ว เจ้าต้องระวัง อย่าปล่อยให้ข้าตกจากม้าลงไป...” “เจ้า...”เมี่ยวอินชะงักเล็กน้อย ทั้งโมโหทั้งตลก “อย่างน้อยเจ้าก็เป็นท่านอ๋อง รักษาหน้าตาหน่อยได้หรือไม่?” “พูดอะไรน่ะ!”หยุนเจิงเอนศีรษะซบแผ่นหลังนาง “เจ้าสวมเสื้อผ้าหนาแน่นรัดกุม ข้ายังจะเอาเปรียบเจ้าได้หรือ? เจ้าว่าข้าแนบชิดกับเจ้าให้มากขึ้นหน่อย ยังสามารถบังลมหนาวให้เจ้าได้ไม่ใช่หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง เมี่ยวอินเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธแล้ว “ไอสารเลวนี่!”เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคิดจะเอาเปรียบ ยังจะกล่าวโกหกเช่นนี้ออกมาได้?ทำเหมือนนางต้องขอบคุณเขา!ไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน!เห็นเมี่ยวอินที่มองหยุนเจิงด้วยความจนใจ พวกเกาเหออดไม่ได้ที่จะมองตากันแล้วหัวเราะครั้งนี้องค์ชายหน้าด้านหน้าทน ปากก็ช่างเจรจาไปเรื่อยผู้ที่สามารถเอาเปรียบแล
“ได้ ได้...”หยุนเจิงจนปัญญา จำต้องลุกขึ้นจากเตียงตอนที่หยุนเจิงกำลังกินอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็นั่งลงข้างกายเขาเสิ่นลั่วเยี่ยนถอนหายใจ “เป็นเพราะเรื่องที่เจ้ากลายเป็นหมาก เมื่อคืนจึงไม่ได้นอนหรือ?”นางได้ฟังเรื่องราวบางส่วนจากเมี่ยวอินแล้วเมื่อได้รู้หยุนเจิงไปยังหุบเขาแห่งความตาย เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธมากเดิมนางอยากจัดการหยุนเจิงสักยก แต่ได้ฟังเรื่องเมื่อวานจากเมี่ยวอิน นางก็เก็บความคิดที่จะจัดการหยุนเจิงทันทีนางเองไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิเหวินต้องหารใช้หยุนเจิงเป็นหมากหรือไม่แต่จากสถานการณ์ตรงหน้า อย่างนั้นก็มียังมีความเป็นไปได้ด้วยความอธิบายไม่ถูก นางกลับรู้สึกสงสารหยุนเจิง “ไม่ใช่”หยุนเจิงกลืนอาหารในปาก จากนั้นก็ส่ายหน้า “เรื่องแค่นี้เอง ไม่เพียงพอให้ข้าอดหลับอดนอนทั้งคืน! เจ้าเลิกถามได้แล้ว รอให้ข้ากินเสร็จ หลับพักผ่อน ข้าจะค่อยๆ เล่าเรื่องที่คิดเมื่อคืนกับเจ้า” “ก็ได้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยปลอบใจ “ความจริง ต่อให้เสด็จพ่อเจ้าเห็นเจ้าเป็นหมากจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่! เดิมเจ้าก็ไม่ใช่ขุนนางจงรักภักดี เจ้ามาที่ซั่วเป่ยช่วงชิงอำนาจกองทัพ...” “วา
หยุนเจิงหลับลึกสนิทหลับไปหลับมา เขากลับฝันร้ายภายในฝัน เขาถูกรัดคอด้วยผ้าไหมสีขาวยาวสามจ้างขาวโพลนไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาได้ชัดเจนเขาดิ้นรนเช่นไรก็ไร้ประโยชน์ตอนที่เขาใกล้จะขาดอากาศหายใจ ในที่สุดเขาก็สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายจิตสำนึกของเขาอยากลุกขึ้นนั่ง ทว่าทำเช่นไรก็ไม่อาจลุกขึ้นนั่งได้เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของเขาใกล้เขียวคล้ำแล้วผ้าไหมสีขาวยาวสามจ้างไม่มีแล้วมีเพียงแขนขาวนวลข้างหนึ่งแขนนวลหยกของเสิ่นลั่วเยี่ยนรัดคอเขาไว้แน่น ขาข้างหนึ่งยังกดทับร่างของเขามองดูท่านอนประหลาดของเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงใบหน้าเคร่งขรึมเสียไม่ได้มิน่าถึงได้ฝันร้าย!หากไม่ฝันร้าย ไม่นานอาจถูกหญิงผู้นี้รัดคอตายแล้ว! “แค่กๆ...”หยุนเจิงออกแรงปัดมือของเสิ่นลั่วเยี่ยนออก การหายใจราบรื่นโดยพลัน “อืม..”เสิ่นลัวเยี่ยนตื่นเพราะเสียงไอของหยุนเจิง สะลึมสะลือถาม “นี่เป็นเวลายามใดแล้ว?” “ไม่รู้”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “แต่ว่า เวลานี้เป็นเวลาเหมาะที่จะส่งข้าขึ้นสวรรค์”“ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์?”เสิ่นลั่วเยี่ยนลืมตาอย่างสะลึมสะลือ “เช้าตรู่เช่นนี้ พูดไร้สาระอะไร?”เช้าตรู่?ท้องฟ้าข้างน
ขณะที่หยุนเจิงเตรียมจะปลดเสื้อผ้าของเสิ่นลั่วเยี่ยน เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับจับมือของเขาไว้ กล่าวอย่างหน้าแดง “ข้า...ข้ามีประจำเดือนแล้ว...” “ห๊า?”หยุนเจิงสีหน้าเคร่งขรึม “จริงหรือเปล่า? ข้าเรียนน้อย เจ้าอย่าหลอกข้า”จู่ๆ หยุนเจิงก็รู้สึกเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นให้ตายสิ!อย่าทำเช่นนี้ได้หรือไม่?เขารู้แล้ว หญิงผู้นี้จงใจ!มิน่าเล่าเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ผิดปกติ!ราวกับว่านางอยู่ตรงนี้เพื่อรอเขา!เสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อได้ฟัง ยิ่งหน้าแดง กล่าวอย่างโมโห “ถึงเช่นไรช้าเร็วก็ต้องเป็นคนของเจ้า ข้ายังจะหลอกเจ้าให้ได้? หรือว่าเจ้าจะต้องดูกับตาตัวเอง?” “คือว่า...”หยุนเจิงชะงักเล็กน้อย พูดอย่างมีเลศนัย “หากให้ดู ก็ใช่ว่าจะไม่ได้...” “ไปตายซะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับสู่ร่างตัวตนเดิม ตวาดลั่น “เจ้ากล้า ข้าไม่กล้า!” “เจ้าใช้ได้เลย!”หยุนเจิงหดหู่ “ทำมาตั้งนาน ก็เพื่อรอดูข้าอยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่?” “สมควร!” เสิ่นลั่วเยี่ยนเลิกคิ้วหัวเราะ มองเขาด้วยความพอใจ “ใครใช้ให้เจ้าเอาแต่คิดเรื่องสกปรกทั้งวันทั้งคืน!” “สิ่งใดเรียกว่าสกปรก? ชายหญิงรักใคร่ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ตกลงไหม?”หยุนเจิ
เมื่อเอาเปรียบจากร่างกายของเสิ่นลั่วเยี่ยนจนพอใจแล้ว ในที่สุดหยุนเจิงก็ลุกขึ้นด้วยสติกระปรี้กระเปร่าเสิ่นลั่วเยี่ยนอายจนหน้าแดง นอนอยู่บนที่นอนไม่ยอมลุกขึ้น ตั้งใจรอให้สีหน้าของนางกลับสู่สภาพปกติค่อยลุกจากเตียงออกไปตอนนี้ หากถูกพวกเยี่ยจื่อเห็นสีหน้านาง ต้องหัวเราะเยาะนางแน่นอนหยุนเจิงอาบน้ำโดยได้รับการปรนนิบัติจากซินเซิงเสร็จแล้ว ตอนที่เดินออกไป ข้างนอกเริ่มมืดแล้วซั่วเป่ยเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ตอนนี้ฟ้าสว่างช้า มืดเร็วต่อไปช่วงเวลากลางวันจะยิ่งสั้นลง มีเพียงห้าถึงหกชั่วยามเท่านั้นหยุนเจิงกำลังเตรียมตัวออกไปยืดเส้นยืดสายภายในลานบ้าน กลับเห็นคนรับใช้กำลังกวาดตามกำแพง“พวกเขากำลังทำสิ่งใด?”หยุนเจิงประหลาดใจมองซินเซิงภายในห้องไม่มีหิมะพัดเข้ามา!พวกเขากวาดกำแพงไปทำเพื่อสิ่งใด?“พวกเขากำลังทำความสะอาดฝุ่นขาวบนกำแพง”ซินเซิงตอบกลับ “ช่วงนี้ภายในเรือนค่อนข้างชื้น ฝุ่นขาวบนกำแพงมีมาก วันก่อนเพิ่งกวาดไป ไม่นานก็ขึ้นมาไม่น้อย ฮูหยินเยี่ยเมื่อวานสั่งเอาไว้ เช้าวันนี้ให้ทุกคนทำความสะอาดฝุ่นขาวบนกำแพง...”ซินเซิงยังคงยืนพูดอยู่ตรงนั้นไม่หยุด หยุนเจิงกลับสะดุ้งในใจฝุ่นสีขา
คนใช้ถอยออกไปหมดแล้ว หยุนเจิงนำผงหมึกและดินประสิวกำแพงผสมเข้าด้วยกันตอนนี้ขาเพียงทำการสาธิตให้พวกเสิ่นลั่วเยียนดู ไม่ได้ทำการค้นคว้าสัดส่วนใด เพียงแค่ผสมเข้าด้วยกันก็พอ “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “อยู่ดีๆ ทำมือสกปรกหมด...”หยุนเจิงกระพริบตา ยิ้มยั่ว “เจ้าหอมก่อน ข้าจะบอกเจ้า!” “ถุย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงทำเสียงถ่มน้ำลาย เอ่ยอย่างหงุดหงิด “เลิกพูดไร้สาระ โตเช่นนี้แล้ว ยังไม่รู้จักยางอาย!” “ยางอาย?”หยุนเจิงเบ้ปาก “ยางอายมีค่าเท่าใด? ใช้กินได้หรือไม่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งหยุนเจิงตอนนี้นางเข้าใจแล้ว พูดเรื่องยางอายกับหยุนเจิงก็เหมือนกับการสีซอให้ควายฟัง! “พอแล้ว หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงอย่างเหนื่อยหน่าย “เจ้าก่อเรื่องแต่เช้า คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”หยุนเจิงยิ้มมุมปาก จงใจกล่าวหยั่งเชิง “ต่อไป ก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์!”ทุกคนไม่เห็นด้วย พากันกรอกตาบนให้เขาหยุนเจิงหัวเราะ นำถ่านร้อนแดงจากเตาใกล้ๆ แล้วโยนลงในส่วนผสมของดินประสิวและถ่าน “ฟึบๆ...”ทันใดนั้น ของที่ผสมกันเผาไหม้อย่างรุนแรง กล
หลายวันถัดไป จางซูเริ่มซื้อดินประสิวกำแพงพวกเขาทำแผงรับซื้อดินประสิวกำแพงโดยเฉพาะราคาหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่ง เพียงพอจะทำให้ชาวบ้านเมืองซั่วฟางบ้าคลั่งขึ้นมาถึงเช่นไรซั่วเป่ยได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว คนจำนวนมากไม่มีงานทำ วันๆ เอาแต่ขูดดินประสิวกำแพงห้องส้วม โรงเลี้ยงสัตว์เกิดดินประสิวได้ง่าย มันกลายเป็นภูเขาทองในสายตาคนมากมายได้ฟังคำพูดจางซู บางคนถึงขั้นแอบเข้าไปขูดดินประสิวกำแพงจากโรงเลี้ยงสัตว์ของคนอื่นทะเลาะกันจนถึงโรงถึงศาลแต่ว่า ดินประสิวกำแพงกลับไม่ค่อยมีน้ำหนักอย่าเอาแต่เห็นว่าได้ครึ่งถังเล็ก แต่ใช้แรงกดอันให้แน่น ความจริงแล้วก็ได้เพียงคลุมก้นถึงเท่านั้นที่หยุนเจิงกังวลว่ามีเงินก็ซื้อไม่ได้ มันก็เป็นความจริงแล้วยังดีที่เขาเตรียมใจเอาไว้ จึงไม่รู้สึกผิดหวังได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น!รอให้เขามีสถาณการณ์มั่นคงแล้ว ก็สามารถตามหาแร่ดินประสิวและกำมะถันขอแค่หาแร่ดินประสิวและกำมะถันพบ ค่อยคิดทำอาวุธไฟชนิดปืน“องค์ชายหก องค์ชายหก...”ขณะที่หยุนเจิงคิดเรื่อยเปื่อย เสียงของจางซูดังขึ้นข้างหูหยุนเจิง“ห๊า?”หยุนเจิงได้สติกลับมา “ทำสิ่งใด?”“เจ้านั่นแหละทำสิ่งใด?