ขณะที่หยุนเจิงเตรียมจะปลดเสื้อผ้าของเสิ่นลั่วเยี่ยน เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับจับมือของเขาไว้ กล่าวอย่างหน้าแดง “ข้า...ข้ามีประจำเดือนแล้ว...” “ห๊า?”หยุนเจิงสีหน้าเคร่งขรึม “จริงหรือเปล่า? ข้าเรียนน้อย เจ้าอย่าหลอกข้า”จู่ๆ หยุนเจิงก็รู้สึกเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นให้ตายสิ!อย่าทำเช่นนี้ได้หรือไม่?เขารู้แล้ว หญิงผู้นี้จงใจ!มิน่าเล่าเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ผิดปกติ!ราวกับว่านางอยู่ตรงนี้เพื่อรอเขา!เสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อได้ฟัง ยิ่งหน้าแดง กล่าวอย่างโมโห “ถึงเช่นไรช้าเร็วก็ต้องเป็นคนของเจ้า ข้ายังจะหลอกเจ้าให้ได้? หรือว่าเจ้าจะต้องดูกับตาตัวเอง?” “คือว่า...”หยุนเจิงชะงักเล็กน้อย พูดอย่างมีเลศนัย “หากให้ดู ก็ใช่ว่าจะไม่ได้...” “ไปตายซะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับสู่ร่างตัวตนเดิม ตวาดลั่น “เจ้ากล้า ข้าไม่กล้า!” “เจ้าใช้ได้เลย!”หยุนเจิงหดหู่ “ทำมาตั้งนาน ก็เพื่อรอดูข้าอยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่?” “สมควร!” เสิ่นลั่วเยี่ยนเลิกคิ้วหัวเราะ มองเขาด้วยความพอใจ “ใครใช้ให้เจ้าเอาแต่คิดเรื่องสกปรกทั้งวันทั้งคืน!” “สิ่งใดเรียกว่าสกปรก? ชายหญิงรักใคร่ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ตกลงไหม?”หยุนเจิ
เมื่อเอาเปรียบจากร่างกายของเสิ่นลั่วเยี่ยนจนพอใจแล้ว ในที่สุดหยุนเจิงก็ลุกขึ้นด้วยสติกระปรี้กระเปร่าเสิ่นลั่วเยี่ยนอายจนหน้าแดง นอนอยู่บนที่นอนไม่ยอมลุกขึ้น ตั้งใจรอให้สีหน้าของนางกลับสู่สภาพปกติค่อยลุกจากเตียงออกไปตอนนี้ หากถูกพวกเยี่ยจื่อเห็นสีหน้านาง ต้องหัวเราะเยาะนางแน่นอนหยุนเจิงอาบน้ำโดยได้รับการปรนนิบัติจากซินเซิงเสร็จแล้ว ตอนที่เดินออกไป ข้างนอกเริ่มมืดแล้วซั่วเป่ยเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ตอนนี้ฟ้าสว่างช้า มืดเร็วต่อไปช่วงเวลากลางวันจะยิ่งสั้นลง มีเพียงห้าถึงหกชั่วยามเท่านั้นหยุนเจิงกำลังเตรียมตัวออกไปยืดเส้นยืดสายภายในลานบ้าน กลับเห็นคนรับใช้กำลังกวาดตามกำแพง“พวกเขากำลังทำสิ่งใด?”หยุนเจิงประหลาดใจมองซินเซิงภายในห้องไม่มีหิมะพัดเข้ามา!พวกเขากวาดกำแพงไปทำเพื่อสิ่งใด?“พวกเขากำลังทำความสะอาดฝุ่นขาวบนกำแพง”ซินเซิงตอบกลับ “ช่วงนี้ภายในเรือนค่อนข้างชื้น ฝุ่นขาวบนกำแพงมีมาก วันก่อนเพิ่งกวาดไป ไม่นานก็ขึ้นมาไม่น้อย ฮูหยินเยี่ยเมื่อวานสั่งเอาไว้ เช้าวันนี้ให้ทุกคนทำความสะอาดฝุ่นขาวบนกำแพง...”ซินเซิงยังคงยืนพูดอยู่ตรงนั้นไม่หยุด หยุนเจิงกลับสะดุ้งในใจฝุ่นสีขา
คนใช้ถอยออกไปหมดแล้ว หยุนเจิงนำผงหมึกและดินประสิวกำแพงผสมเข้าด้วยกันตอนนี้ขาเพียงทำการสาธิตให้พวกเสิ่นลั่วเยียนดู ไม่ได้ทำการค้นคว้าสัดส่วนใด เพียงแค่ผสมเข้าด้วยกันก็พอ “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “อยู่ดีๆ ทำมือสกปรกหมด...”หยุนเจิงกระพริบตา ยิ้มยั่ว “เจ้าหอมก่อน ข้าจะบอกเจ้า!” “ถุย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงทำเสียงถ่มน้ำลาย เอ่ยอย่างหงุดหงิด “เลิกพูดไร้สาระ โตเช่นนี้แล้ว ยังไม่รู้จักยางอาย!” “ยางอาย?”หยุนเจิงเบ้ปาก “ยางอายมีค่าเท่าใด? ใช้กินได้หรือไม่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งหยุนเจิงตอนนี้นางเข้าใจแล้ว พูดเรื่องยางอายกับหยุนเจิงก็เหมือนกับการสีซอให้ควายฟัง! “พอแล้ว หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงอย่างเหนื่อยหน่าย “เจ้าก่อเรื่องแต่เช้า คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”หยุนเจิงยิ้มมุมปาก จงใจกล่าวหยั่งเชิง “ต่อไป ก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์!”ทุกคนไม่เห็นด้วย พากันกรอกตาบนให้เขาหยุนเจิงหัวเราะ นำถ่านร้อนแดงจากเตาใกล้ๆ แล้วโยนลงในส่วนผสมของดินประสิวและถ่าน “ฟึบๆ...”ทันใดนั้น ของที่ผสมกันเผาไหม้อย่างรุนแรง กล
หลายวันถัดไป จางซูเริ่มซื้อดินประสิวกำแพงพวกเขาทำแผงรับซื้อดินประสิวกำแพงโดยเฉพาะราคาหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่ง เพียงพอจะทำให้ชาวบ้านเมืองซั่วฟางบ้าคลั่งขึ้นมาถึงเช่นไรซั่วเป่ยได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว คนจำนวนมากไม่มีงานทำ วันๆ เอาแต่ขูดดินประสิวกำแพงห้องส้วม โรงเลี้ยงสัตว์เกิดดินประสิวได้ง่าย มันกลายเป็นภูเขาทองในสายตาคนมากมายได้ฟังคำพูดจางซู บางคนถึงขั้นแอบเข้าไปขูดดินประสิวกำแพงจากโรงเลี้ยงสัตว์ของคนอื่นทะเลาะกันจนถึงโรงถึงศาลแต่ว่า ดินประสิวกำแพงกลับไม่ค่อยมีน้ำหนักอย่าเอาแต่เห็นว่าได้ครึ่งถังเล็ก แต่ใช้แรงกดอันให้แน่น ความจริงแล้วก็ได้เพียงคลุมก้นถึงเท่านั้นที่หยุนเจิงกังวลว่ามีเงินก็ซื้อไม่ได้ มันก็เป็นความจริงแล้วยังดีที่เขาเตรียมใจเอาไว้ จึงไม่รู้สึกผิดหวังได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น!รอให้เขามีสถาณการณ์มั่นคงแล้ว ก็สามารถตามหาแร่ดินประสิวและกำมะถันขอแค่หาแร่ดินประสิวและกำมะถันพบ ค่อยคิดทำอาวุธไฟชนิดปืน“องค์ชายหก องค์ชายหก...”ขณะที่หยุนเจิงคิดเรื่อยเปื่อย เสียงของจางซูดังขึ้นข้างหูหยุนเจิง“ห๊า?”หยุนเจิงได้สติกลับมา “ทำสิ่งใด?”“เจ้านั่นแหละทำสิ่งใด?
ทันใดนั้น รอบข้างหยุนเจิงมีเสียงไอรุนแรงสุราของต้าเฉียน อยากมากสุราก็แค่สิบกว่าดีกรี มีถึงสามสิบดีกรีก็นับว่าเป็นสุราเข้มข้นแล้ว!ทุกคนเพิ่งเคยดื่มสุราดีกรีสูงเช่นนี้เป็นครั้งแรก พากันไอเพราะความเผ็ดร้อนออกมาทว่า แม้ทุกคนจะถูกจัดการอย่างอนาถ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทับต่อทุกคนในการชื่นชมสุรานี้แม้แต่น้อย“เหล้าดี นี่สิเหล้าดีที่แท้จริง!”“คุ้มค่าแล้ว ชีวิตนี้ของข้าคุ้มค่าแล้ว...”“เข้มข้น! รุนแรง!”“ภายในท้องข้า ตอนนี้ถูกเผาจนร้อนไปหมด!”“เหล้านี้เหมาะที่จะดื่มที่ซั่วเป่ยของพวกเราที่สุด เวลาอากาศหนาวดื่มคำไปเพียงคำเดียว ล้วนอบอุ่นไปทั้งร่างกาย...”ทุกคนแลกเปลี่ยนกันชมเชย สีหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใสมองหยุนเจิงหากไม่ใช่หยุนเจิง พวกเขาคงไม่รู้ว่าสามารถกลั่นเหล้าเช่นนี้ได้ด้วย!จางซูไอสักพัก สุดท้ายก็ทุเลา จากนั้นก็สั่งทุกคน “เลิกมุงล้อมวงอยู่ตรงนี้ได้แล้ว รีบไปทำงาน ต่อไปก็ยังมีเหล้าให้พวกเจ้าดื่ม!”กล่าวจบ จางซูดึงหยุนเจิงอออกไปข้างนอก“องค์ชาย ท่านคิดว่าเหล้านีหนึ่งชั่งควรขายเท่าใด?”จางซูสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมองหยุนเจิงเขาสามารถจินตนาการฉากการขายกระหน่ำเหล้านี้ได้แล้
ตอนกลางคืน หยุนเจิงและจางซูนำไหสุรากลับมาถึงบ้านครึ่งหนึ่งเป็นของรางวัลให้คนใช้และองครักษ์ภายในเรือนแต่ว่า หยุนเจิงมีเงื่อนไขเดิมสำหรับพวกเขาดื่มได้ แต่ต้องดื่มในปริมาณที่พอดี ห้ามดื่มจนเมาโดยเฉพาะองครักษ์ภายในจวนหวกพวกเขาดื่มจนเมามาย หมาแมวตัวใดก็ล้วนสามารถหลุดรอดเข้ามาในจวนได้ภายในเรือน พวกหยุนเจิงหกคนนั่งด้วยกัน“ไม่ต้องคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างแล้ว เจ้าเองก็นั่งลงเถอะ!”หยุนเจิงเรียกซินเซิง“ไม่ต้องเจ้าค่ะ”ซินเซิงส่ายหน้า “บ่าวอยู่ปรนนิบัติอยู่ตรงนี้ก็ได้”“บอกให้เจ้านั่งลงก็นั่งสิ!”หยุนเจิงจ้องซินเซิง “ทุกคนมีมือมีเท้า ไหนเลยต้องให้เจ้าปรนนิบัติ”หยุนเจิงแม้จะคุ้นเคยกับสถานะใหม่ของเขาแล้ว แต่ภายในสมองก็ยังคงเป็นความคิดของคนสมัยปัจจุบันแม้ซินเซิงจะเป็นสาวรับใช้ข้างกายเขา แต่เขาไม่เคยเห็นซินเซิงเป็นสาวใช้เรื่องที่เขาทำเองได้ ปกติเขาก็ล้วนทำเอง ตอนกลางคืนก็ไม่จำเป็นต้องให้ซินเซิงเฝ้ารับใช้เขา“พอแล้ว นั่งลงเร็ว!”เยี่ยจื่อยิ้มเล็กน้อยให้ซินเซิง “พวกเราทุกคนไม่เห็นเจ้าเป็นคนนอก นั่งลงกินด้วยกันเถอะ! แล้วก็ลองชิมเหล้าใหม่ที่องค์ชายและจางซูกลั่นเถอะ”“อ้อ”ซิ
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเจ้าก็ไม่ดูเลยว่าใครเป็นคนทำ!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง“ดูว่าเจ้าทำได้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบ้ปาก จากนั้นก็ถาม “พวกเจ้าพ่อค้าหน้าเลือดสองคน คิดจะขายเหล้านี่ราคาใด?”จางซูเอ่ยพึมพำ “หนึ่งไห เช่นไรก็ต้องมีสองร้อยตำลึงกระมัง?”“เท่า...เท่าไหร่?”ทุกคนเกือบกัดลิ้นตัวเอง มองจางซูด้วยสีหน้าสับสนแม้แต่หยุนเจิงก็ยังถูกจางซูทำให้ตกใจแล้วนี่แค่เหล้าไม่กี่ชั่งเท่านั้น!เขากล้าขายสองร้อยตำลึง?ไองั่งนี่ใจดำเสียจริง!“มองข้าเช่นนี้ด้วยเหตุใด?”จางซูไม่ทันตั้งตัวถูกมองเป็นพ่อค้าหน้าเลือด “แค่สองร้อยตำลึงเงิน ไม่แพงหรอก! น้ำจันท์หยกทั้งหมดในราชวังยังเทียบเหล้านี้ไม่ได้เลยใช่หรือไม่? หากเป็นในเมืองจักรพรรดิ ข้าคงขายในราคาห้าร้อยตำลึงต่อไห!”เมื่อได้ฟังคำของจางซู ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันเหมือนกับว่าจางซูพิจารณาแล้วว่าซั่วเป่ยไม่ค่อยมีเศรษฐี จึงขายแค่สองร้อยตำลึง?แต่ว่า หากเทียบกับสุราภายในราชวังแล้ว เขาขายไม่แพงเลยถึงขั้นบอกได้ว่าใจดีมากแล้ว!หยุนเจิงรู้ สุราชั้นดีภายในราชวัง เพียงเล็กน้อยก็มีราคาหลักร้อยต่อหนึ่งกาแล้ว!หนึ่งกานั้นฝืนให้ตายก็แค่หนึ่งชั่ง
“หยุนเจิง!!!”เมี่ยวอินผ้าห่มห่อหุ้มร่างกาย สองตาโกรธเคืองจับมองหยุนเจิงที่ยังคงสับสนมึนงงหยุนเจิงตอนนี้รู้สึกสับสนจริงเกิดสิ่งใดขึ้น?เหตุใดเขามาอยู่ห้องของเมี่ยวอินได้?ทั้งยังนอนตัวเปลือยเปล่าอยู่ด้วยกันกับเมี่ยวอิน?“แค่กๆ...”หยุนเจิงปกปิดจุดสำคัญของตัวเองไว้ มองเมี่ยวอินอย่างกระอักกระอ่วน “ให้ข้าคลุมผ้าห่มปกปิดก่อนได้หรือไม่? พูดจริง ข้าหนาวมาก...”“หนาวตายเจ้าก็สมควร!”เมี่ยวอินด่า “เจ้ามันโจรไร้ยางอาย!”“นี่...โทษข้าไม่ได้นะ! ข้าเองก็ดื่มเมาเช่นกัน!”หยุนเจิงรู้สึกผิดเล็กน้อย ยิ้มแห้งกล่าว “อย่างที่รู้กัน ผู้ชายดื่มจนเมา โดยทั่วไปแล้วใช้การไม่ได้! ข้าคิดว่า พวกเราก็แค่กอดกันเพื่อความอบอุ่นเท่านั้น คงไม่ได้มี...เอ่อ...”ขณะที่หยุนเจิงกล่าว กลับเห็นคราบเลือดทิ่มแทงสายตาบนเตียงเสียงของหยุนเจิงหยุดกะทันหันโอ้โห?เขาพรากความบริสุทธ์ของเมี่ยวอินไปแล้วจริงหรือ?มารดาเขาสิใครบอกกันว่าผู้ชายดื่มเมามายแล้วใช้การไม่ได้?หรือว่าแรงไฟของเขาแข็งแกร่งเกินไป?“พูดสิ! เหตุใดไม่พูดต่อแล้ว?”เมี่ยวอินกัดฟัน มองหยุนเจิงด้วยความโกรธเกรี้ยว“นี่...”หยุนเจิงเป็นใบ้พูดไม่ออ