คนใช้ถอยออกไปหมดแล้ว หยุนเจิงนำผงหมึกและดินประสิวกำแพงผสมเข้าด้วยกันตอนนี้ขาเพียงทำการสาธิตให้พวกเสิ่นลั่วเยียนดู ไม่ได้ทำการค้นคว้าสัดส่วนใด เพียงแค่ผสมเข้าด้วยกันก็พอ “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “อยู่ดีๆ ทำมือสกปรกหมด...”หยุนเจิงกระพริบตา ยิ้มยั่ว “เจ้าหอมก่อน ข้าจะบอกเจ้า!” “ถุย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงทำเสียงถ่มน้ำลาย เอ่ยอย่างหงุดหงิด “เลิกพูดไร้สาระ โตเช่นนี้แล้ว ยังไม่รู้จักยางอาย!” “ยางอาย?”หยุนเจิงเบ้ปาก “ยางอายมีค่าเท่าใด? ใช้กินได้หรือไม่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งหยุนเจิงตอนนี้นางเข้าใจแล้ว พูดเรื่องยางอายกับหยุนเจิงก็เหมือนกับการสีซอให้ควายฟัง! “พอแล้ว หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงอย่างเหนื่อยหน่าย “เจ้าก่อเรื่องแต่เช้า คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”หยุนเจิงยิ้มมุมปาก จงใจกล่าวหยั่งเชิง “ต่อไป ก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์!”ทุกคนไม่เห็นด้วย พากันกรอกตาบนให้เขาหยุนเจิงหัวเราะ นำถ่านร้อนแดงจากเตาใกล้ๆ แล้วโยนลงในส่วนผสมของดินประสิวและถ่าน “ฟึบๆ...”ทันใดนั้น ของที่ผสมกันเผาไหม้อย่างรุนแรง กล
หลายวันถัดไป จางซูเริ่มซื้อดินประสิวกำแพงพวกเขาทำแผงรับซื้อดินประสิวกำแพงโดยเฉพาะราคาหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่ง เพียงพอจะทำให้ชาวบ้านเมืองซั่วฟางบ้าคลั่งขึ้นมาถึงเช่นไรซั่วเป่ยได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว คนจำนวนมากไม่มีงานทำ วันๆ เอาแต่ขูดดินประสิวกำแพงห้องส้วม โรงเลี้ยงสัตว์เกิดดินประสิวได้ง่าย มันกลายเป็นภูเขาทองในสายตาคนมากมายได้ฟังคำพูดจางซู บางคนถึงขั้นแอบเข้าไปขูดดินประสิวกำแพงจากโรงเลี้ยงสัตว์ของคนอื่นทะเลาะกันจนถึงโรงถึงศาลแต่ว่า ดินประสิวกำแพงกลับไม่ค่อยมีน้ำหนักอย่าเอาแต่เห็นว่าได้ครึ่งถังเล็ก แต่ใช้แรงกดอันให้แน่น ความจริงแล้วก็ได้เพียงคลุมก้นถึงเท่านั้นที่หยุนเจิงกังวลว่ามีเงินก็ซื้อไม่ได้ มันก็เป็นความจริงแล้วยังดีที่เขาเตรียมใจเอาไว้ จึงไม่รู้สึกผิดหวังได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น!รอให้เขามีสถาณการณ์มั่นคงแล้ว ก็สามารถตามหาแร่ดินประสิวและกำมะถันขอแค่หาแร่ดินประสิวและกำมะถันพบ ค่อยคิดทำอาวุธไฟชนิดปืน“องค์ชายหก องค์ชายหก...”ขณะที่หยุนเจิงคิดเรื่อยเปื่อย เสียงของจางซูดังขึ้นข้างหูหยุนเจิง“ห๊า?”หยุนเจิงได้สติกลับมา “ทำสิ่งใด?”“เจ้านั่นแหละทำสิ่งใด?
ทันใดนั้น รอบข้างหยุนเจิงมีเสียงไอรุนแรงสุราของต้าเฉียน อยากมากสุราก็แค่สิบกว่าดีกรี มีถึงสามสิบดีกรีก็นับว่าเป็นสุราเข้มข้นแล้ว!ทุกคนเพิ่งเคยดื่มสุราดีกรีสูงเช่นนี้เป็นครั้งแรก พากันไอเพราะความเผ็ดร้อนออกมาทว่า แม้ทุกคนจะถูกจัดการอย่างอนาถ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทับต่อทุกคนในการชื่นชมสุรานี้แม้แต่น้อย“เหล้าดี นี่สิเหล้าดีที่แท้จริง!”“คุ้มค่าแล้ว ชีวิตนี้ของข้าคุ้มค่าแล้ว...”“เข้มข้น! รุนแรง!”“ภายในท้องข้า ตอนนี้ถูกเผาจนร้อนไปหมด!”“เหล้านี้เหมาะที่จะดื่มที่ซั่วเป่ยของพวกเราที่สุด เวลาอากาศหนาวดื่มคำไปเพียงคำเดียว ล้วนอบอุ่นไปทั้งร่างกาย...”ทุกคนแลกเปลี่ยนกันชมเชย สีหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใสมองหยุนเจิงหากไม่ใช่หยุนเจิง พวกเขาคงไม่รู้ว่าสามารถกลั่นเหล้าเช่นนี้ได้ด้วย!จางซูไอสักพัก สุดท้ายก็ทุเลา จากนั้นก็สั่งทุกคน “เลิกมุงล้อมวงอยู่ตรงนี้ได้แล้ว รีบไปทำงาน ต่อไปก็ยังมีเหล้าให้พวกเจ้าดื่ม!”กล่าวจบ จางซูดึงหยุนเจิงอออกไปข้างนอก“องค์ชาย ท่านคิดว่าเหล้านีหนึ่งชั่งควรขายเท่าใด?”จางซูสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมองหยุนเจิงเขาสามารถจินตนาการฉากการขายกระหน่ำเหล้านี้ได้แล้
ตอนกลางคืน หยุนเจิงและจางซูนำไหสุรากลับมาถึงบ้านครึ่งหนึ่งเป็นของรางวัลให้คนใช้และองครักษ์ภายในเรือนแต่ว่า หยุนเจิงมีเงื่อนไขเดิมสำหรับพวกเขาดื่มได้ แต่ต้องดื่มในปริมาณที่พอดี ห้ามดื่มจนเมาโดยเฉพาะองครักษ์ภายในจวนหวกพวกเขาดื่มจนเมามาย หมาแมวตัวใดก็ล้วนสามารถหลุดรอดเข้ามาในจวนได้ภายในเรือน พวกหยุนเจิงหกคนนั่งด้วยกัน“ไม่ต้องคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างแล้ว เจ้าเองก็นั่งลงเถอะ!”หยุนเจิงเรียกซินเซิง“ไม่ต้องเจ้าค่ะ”ซินเซิงส่ายหน้า “บ่าวอยู่ปรนนิบัติอยู่ตรงนี้ก็ได้”“บอกให้เจ้านั่งลงก็นั่งสิ!”หยุนเจิงจ้องซินเซิง “ทุกคนมีมือมีเท้า ไหนเลยต้องให้เจ้าปรนนิบัติ”หยุนเจิงแม้จะคุ้นเคยกับสถานะใหม่ของเขาแล้ว แต่ภายในสมองก็ยังคงเป็นความคิดของคนสมัยปัจจุบันแม้ซินเซิงจะเป็นสาวรับใช้ข้างกายเขา แต่เขาไม่เคยเห็นซินเซิงเป็นสาวใช้เรื่องที่เขาทำเองได้ ปกติเขาก็ล้วนทำเอง ตอนกลางคืนก็ไม่จำเป็นต้องให้ซินเซิงเฝ้ารับใช้เขา“พอแล้ว นั่งลงเร็ว!”เยี่ยจื่อยิ้มเล็กน้อยให้ซินเซิง “พวกเราทุกคนไม่เห็นเจ้าเป็นคนนอก นั่งลงกินด้วยกันเถอะ! แล้วก็ลองชิมเหล้าใหม่ที่องค์ชายและจางซูกลั่นเถอะ”“อ้อ”ซิ
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเจ้าก็ไม่ดูเลยว่าใครเป็นคนทำ!”หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง“ดูว่าเจ้าทำได้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบ้ปาก จากนั้นก็ถาม “พวกเจ้าพ่อค้าหน้าเลือดสองคน คิดจะขายเหล้านี่ราคาใด?”จางซูเอ่ยพึมพำ “หนึ่งไห เช่นไรก็ต้องมีสองร้อยตำลึงกระมัง?”“เท่า...เท่าไหร่?”ทุกคนเกือบกัดลิ้นตัวเอง มองจางซูด้วยสีหน้าสับสนแม้แต่หยุนเจิงก็ยังถูกจางซูทำให้ตกใจแล้วนี่แค่เหล้าไม่กี่ชั่งเท่านั้น!เขากล้าขายสองร้อยตำลึง?ไองั่งนี่ใจดำเสียจริง!“มองข้าเช่นนี้ด้วยเหตุใด?”จางซูไม่ทันตั้งตัวถูกมองเป็นพ่อค้าหน้าเลือด “แค่สองร้อยตำลึงเงิน ไม่แพงหรอก! น้ำจันท์หยกทั้งหมดในราชวังยังเทียบเหล้านี้ไม่ได้เลยใช่หรือไม่? หากเป็นในเมืองจักรพรรดิ ข้าคงขายในราคาห้าร้อยตำลึงต่อไห!”เมื่อได้ฟังคำของจางซู ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันเหมือนกับว่าจางซูพิจารณาแล้วว่าซั่วเป่ยไม่ค่อยมีเศรษฐี จึงขายแค่สองร้อยตำลึง?แต่ว่า หากเทียบกับสุราภายในราชวังแล้ว เขาขายไม่แพงเลยถึงขั้นบอกได้ว่าใจดีมากแล้ว!หยุนเจิงรู้ สุราชั้นดีภายในราชวัง เพียงเล็กน้อยก็มีราคาหลักร้อยต่อหนึ่งกาแล้ว!หนึ่งกานั้นฝืนให้ตายก็แค่หนึ่งชั่ง
“หยุนเจิง!!!”เมี่ยวอินผ้าห่มห่อหุ้มร่างกาย สองตาโกรธเคืองจับมองหยุนเจิงที่ยังคงสับสนมึนงงหยุนเจิงตอนนี้รู้สึกสับสนจริงเกิดสิ่งใดขึ้น?เหตุใดเขามาอยู่ห้องของเมี่ยวอินได้?ทั้งยังนอนตัวเปลือยเปล่าอยู่ด้วยกันกับเมี่ยวอิน?“แค่กๆ...”หยุนเจิงปกปิดจุดสำคัญของตัวเองไว้ มองเมี่ยวอินอย่างกระอักกระอ่วน “ให้ข้าคลุมผ้าห่มปกปิดก่อนได้หรือไม่? พูดจริง ข้าหนาวมาก...”“หนาวตายเจ้าก็สมควร!”เมี่ยวอินด่า “เจ้ามันโจรไร้ยางอาย!”“นี่...โทษข้าไม่ได้นะ! ข้าเองก็ดื่มเมาเช่นกัน!”หยุนเจิงรู้สึกผิดเล็กน้อย ยิ้มแห้งกล่าว “อย่างที่รู้กัน ผู้ชายดื่มจนเมา โดยทั่วไปแล้วใช้การไม่ได้! ข้าคิดว่า พวกเราก็แค่กอดกันเพื่อความอบอุ่นเท่านั้น คงไม่ได้มี...เอ่อ...”ขณะที่หยุนเจิงกล่าว กลับเห็นคราบเลือดทิ่มแทงสายตาบนเตียงเสียงของหยุนเจิงหยุดกะทันหันโอ้โห?เขาพรากความบริสุทธ์ของเมี่ยวอินไปแล้วจริงหรือ?มารดาเขาสิใครบอกกันว่าผู้ชายดื่มเมามายแล้วใช้การไม่ได้?หรือว่าแรงไฟของเขาแข็งแกร่งเกินไป?“พูดสิ! เหตุใดไม่พูดต่อแล้ว?”เมี่ยวอินกัดฟัน มองหยุนเจิงด้วยความโกรธเกรี้ยว“นี่...”หยุนเจิงเป็นใบ้พูดไม่ออ
“เรื่องอนาคต?”เมี่ยวอินแค่นเสียงเย็นชา “ตอนนี้ข้าแค่อยากฆ่าท่านซะ!”“เช่นนั้นก็ฆ่าสิ!”หยุนเจิงหมดคำพูด ตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้เมี่ยวอิน แล้วหลับตาลงมารดามันเถอะ!นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!ผิดที่เหล้าเข้าปากอย่างเดียวเลย!เมื่อเห็นหยุนเจิงนอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกายตนแล้ว เมี่ยวอินก็อดไม่ได้หน้าแดงขึ้นมา“อายคนบ้างเถอะ”เมี่ยวอินทั้งอายทั้งโกรธ จากนั้นดึงผ้าห่มบนตัวห่มให้กับเขา“เราทั้งสองทำเรื่องที่ควรทำและไม่ควรทำกันแล้ว ยังจะสนใจทำไมอีก?”หยุนเจิงหันไปมองเมี่ยวอิน แล้วใช้มือโอบกอดเมี่ยวอินไว้“ปล่อย…ปล่อยข้านะ!”เมี่ยวอินตื่นตกใจพลันใช้มือหยิกเข้าที่คอของหยุนเจิงหยุนเจิงไม่สนใจแล้วโอบกอดเมี่ยวอินอยู่อย่างนั้นต่อไปเมี่ยวอินออกแรงที่มือเบาๆ ทว่าหยุนเจิงก็ยังไม่คัดค้าน เพียงแค่โอบกอดบริเวณส่วนโค้งเว้าของนางที่อบอุ่นและอ่อนนุ่มนั้นไว้เมี่ยวอินหงุดหงิดมาก แต่ทว่าสุดท้ายก็ไม่ออกแรงที่มืออีกต่อไปผ่านไปนานพอควร เมี่ยวอินถึงได้ค่อยๆ ละมือออกจากคอของหยุนเจิงอย่างเขินอายและกรุ่นโกรธพลางขบเคี้ยวเขี้ยวฟันก่นด่าว่า “ท่านมันคนไร้ยางอาย!”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ “กับผู้หญิงของข้าเอง
มีเรื่องจะบอก?หยุนเจิงมองเมี่ยวอินด้วยสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แล้วลูบจมูกเมี่ยวอินเบาๆ พลางเอ่ยยิ้มร้ายว่า “ข้าคิดว่า การกระทำดีกว่าคำพูด”“อย่ามาล้อเล่น ข้าจริงจัง!”เมี่ยวอินตบมือหยุนเจิงด้วยความเขินอาย “ก่อนหน้านั้นท่านเอาแต่ถามข้าเรื่องฝึกฝนสองสิ่งอย่างเท่าเทียมไม่ใช่หรือ?”ฝึกฝนสองสิ่งอย่างเท่าเทียม?หยุนเจิงมึนงง “เจ้าคงไม่ได้รู้วิธีฝึกฝนสองสิ่งอย่างเท่าเทียมจริงๆ หรอกใช่หรือไม่?”“ข้าไม่รู้หรอก”เมี่ยวอินส่ายศีรษะเบาๆ แล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “แต่ทว่า อาจารย์ของข้าเคยสอนวิชาเหอหวนกงให้กับข้าแล้วได้ผล วิชานี้คล้ายกับฝึกฝนสองสิ่งอย่างเท่าเทียมที่เจ้าพูดถึงมาก…”ฮะ?หมายความว่าตนเก็บของดีได้จริงๆ สินะ?หยุนเจิงมองเมี่ยวอินอย่างมึนงงอยู่นานกว่าจะได้สติ “หมายความว่าตอนนี้เจ้าจะสอนวิชาเหอหวนกงให้ข้า?”“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”เมี่ยวอินทั้งอายทั้งโกรธ กล่าวว่า “ไหนๆ ก็เป็นเช่นนี้แล้ว ข้ายังต้องปิดบังท่านอีกหรือไง?”ให้ตายเถอะ!ในที่สุดพระเจ้าก็เปิดทางลัดให้ตนแล้วใช่หรือไม่?ได้ทั้งหญิงงาม ได้ทั้งฝึกวิชา?นี่มันเป็นจังหวะการใช้หยินมาเติมหยาง เพื่อทำลายความว่างเปล่าใช่หรือไม
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่