เว่ยเหวินจิงนำทหารคนสนิททิ้งไว้นอกกระโจม พาฮั่วกู้เข้าไปในกระโจมคนเดียวตอนที่สองคนเข้ามาก็เห็นเสิ่นลั่วเยี่นป้อนน้ำหยุนเจิงพอดีหลังทำความเคารพ เว่ยเหวินจงถามอาการของหยุนเจิงทันที“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”หยุนเจิงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ข้าได้รับการปรนนิบัติมานานเกินไป สองวันก่อนอุณหภูมิอากาศต่ำลง ไม่ระวังได้รับลมหนาว ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล แค่กๆ...”กล่าวจบ หยุนเจิงก็แกล้งไอสองเสียง สีหน้าขี้โรค“ท่านอ๋องป่วยหนัก ก็ควรพักผ่อนในจวน เหตุใดยังมาที่ค่าย?” เว่ยเหวินจงถาม “ท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนที่จวนก่อนเถอะ! หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านอ๋อง ข้ารับผิดชอบไม่ไหว”“ไม่ต้อง แค่หวัดเล็กน้อย ไม่ร้ายแรง”หยุนเจิงส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็เอ่ยถาม “ที่แม่ทัพใหญ่มาเยี่ยมวันนี้ มีเรื่องใด?”เห็นว่าหยุนเจิงยืนยันจะไม่กลับไปพักผ่อนที่จวน เว่ยเหวินจงก็ไม่อ้อมค้อมกับหยุนเจิงแล้ว ตอบกลับ “ข้าได้ฟังฮั่วกู้บอกว่าองค์ชายประดิฐษ์ดาบล้ำค่าสามารถตัดเหล็กได้เหมือนดินเหนียว ข้าสงสัย อยากมาดู ถือโอกาส แวะมาตรวจตราสถานการณ์การฝึกทหารของท่านอ๋องด้วย”“ไม่มีปัญหา!”หยุนเจิงตอบท่าทีสบายๆ “ข้าร่างกายไ
ยิ่งเว่ยเหวินคงคิดจะเพิ่มปัญหาให้เขา เขายิ่งสบายใจ!ทั้งสองคนอยู่คุยกันในกระโจม ไม่ได้สนใจการตรวจตราของเว่ยเหวินจงต่อไปก็รอดูว่าเว่ยเหวินจงจะมาไม้ไหน!เว่ยเหวินจงตรวจตราตลอดช่วงสายของวันตอนเที่ยว เว่ยเหวินจงและฮั่วกู้อยู่ในค่ายต่อ กินข้าวกับพวกเขาหยุนเจิงแม้จะเป็นท่านอ๋อง แต่เมื่ออยู่ในค่ายก็ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น เขากินอาหารเหมือนกับทุกคนตอนกินข้าว ทุกคนหัวเราะพูดคุย ดูท่าทางกลมเกลียวแต่ว่า หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าใจ เวลาหลังอาหาร ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เว่ยเหวินจงจะออกอุบายหลังอาหาร หยุนเจิงลุกขึ้นจากเตียง น้ำชาภายในกระโจมต้มเรียบร้อยก็พูดคุยกับเว่ยเหวินจงหยุนเจิงรินน้ำชาให้เว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง สีหน้าเคร่งขรึม “ยากกว่าที่แม่ทัพใหญ่จะมาสักครั้ง หากเห็นว่าการฝึกของข้าที่ใดมีปัญหา ต้องบอกข้ามา ข้าจะแก้ไขโดยเร็ว”“ท่านอ๋องล้อเล่นแล้ว”เว่ยเหวินจงส่ายหน้าแล้วหัวเราะกล่าว “ท่านอ๋องมีพรสวรรค์! การฝึกซ้อมทหารภาคสนามของค่ายใหญ่ทางใต้ของพวกท่าน ข้าพอใจมาก ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย!”“ไม่กระมัง?”หยุนเจิงยิ้มที่ไม่ได้ยินมองเว่ยเหวินจง “แม่ทัพใหญ่ มีที่ใดที่พวกเราทำได้ไ
“ไม่ได้ ไม่ได้!”หยุนเจิงส่ายหน้า “แม้ข้าไม่มีความสามารถ แต่ก็ดูข้อเสียของการทำเช่นนี้ออก!”“ทหารภาคสนามแสนกว่านายรวมตัวกันที่นี่ แค่การจัดสรรก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!”“เดิมพวกเขาสามารถจัดสรรจากเมืองใกล้เคียงได้ หากย้ายทั้งหมดมาดำเนินการฝึกที่ซั่วเป่ย การจัดสรรข้าจะยื้อไว้ได้นานเพียงใด?”“ฤดูหนาวซั่วเป่ยมาถึงแล้ว ห่วงโซ่อุปทานทางทหารขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องเปลืองคนและแรงงานจำนวนเท่าใด?”อย่าว่าแต่ในอดีตเลย ต่อให้เป็นสมัยปัจจุบัน การจัดสรรให้คนหนึ่งแสนคนล้วนเป็นปัญหาใหญ่เขากล้ารับช่วงต่อเรื่องนี้ อีกทั้งรับช่วงต่อด้วยความเต็มใจแต่ก่อนหน้านั้นคือ จำเป็นต้องรับประกันห่วงโซ่อุปทานก่อน!การจัดสรรยังไม่กำหนดแน่ชัด เรื่องทุกอย่างหยุดกล่าวถึงได้เลย“ท่านอ๋องมีความคิดละเอียดรอบครอบ ข้านับถือ!”เว่ยเหวินจงเอ่ยชื่นชมก่อน จากนั้นก็ยิ้ม “สิ่งที่ท่านอ๋องกังวล ข้าคิดไว้นานแล้ว! ข้าย่อมต้องมีวิธีแก้ไข”“วิธีใด?”หยุนเจิงขมวดคิ้วถามเว่ยเหวินจงยิ้มเล็กน้อย ข้าคิดไว้แล้ว ตอนที่ทหารภาคสนามจากทุกกองก่อนที่จะมาซั่วเป่ย ทุกกองล้วนต้องส่งเสบียงให้เพียงพอกับสองเดือนมาด้วย!”“จากนั้น ทุกสองเดือนต้องส่ง
ซวยแล้ว!ไอเวรนี่เตรียมตัวมาดีจริง!แม้แต่เหตุผลสักข้อล้วนปิดกั้นเขาไว้หมดสิ้นแล้วหยุนเจิงขมวดคิ้วอีกครั้ง มองเว่ยเหวินจงด้วยสีหน้าสงสัย “แม่ทัพใหญ่ เจ้ามีปัญหาใดกับข้าหรือไม่?”“เหตุใดท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้?”เว่ยเหวินจงถามแกล้งไม่เข้าใจ“พวกเราคนฉลาดไม่พูดลับลมคมใน”หยุนเจิงมองเว่ยเหวินจิงเงียบๆ แล้วกล่าว “เจ้าไม่พอใจที่ข้าปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามในค่ายใช่หรือไม่ ที่ยัดทหารภาคสนามให้ข้ามากมายเช่นนี้ คิดจะใช้ทหารภาคสนามเหล่านี้มาล้างผลาญข้า?”“ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ได้ที่ไหน?”เว่ยเหวินจงใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจยิ้ม “ท่านอ๋องยินดีจ่ายเงินปรับปรุงอาหารเหล่าทหาร ข้าเลื่อมใส! หากท่านอ๋องต้องการลดค่าใช้จ่าย ข้าย่อมไม่มีสิ่งใดให้กล่าว! ต้องการปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามเหล่านี้หรือไม่ ล้วนเป็นสิทธิ์การตัดสินใจของท่านอ๋อง!”เวลานี้ เว่ยเหวินจงหัวเราะเสียงดังในใจกลยุทธโจ่งแจ้ง!หยุนเจิงเป็นกลยุทธโจ่งแจ้ง เขาทำไม่เป็นหรือ?ราชสำนักไม่ใช่ว่าไม่จัดเสบียงให้ทหารภาคสนามเหล่านั้นหากเขายินดีจะปรับปรุงอาหารต่อ เช่นนั้นก็ทำต่อไปสิ!หากเขากลัวล้มละลาย เช่นนั้นก็อย่าปรับปรุงอาหารของทหารภา
ได้ฟังคำพูดของเว่ยเหวินจง หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มก็ได้!ไอเวรนี้คิดได้รอบครอบนัก!กลัวว่าเขาจะแก้แค้นฮั่วกู้ นึกไม่ถึงว่าจะย้ายคนและม้าของฮั่วกู้ไปด้วย! คราวนี้ แผนที่จะฮุบกองของฮั่วกู้ก็คว้าน้ำเหลวแล้วแต่ว่า ข้อดีคือ เขากลายเป็นราชาแห่งขุนเขาของซั่วฟางแล้ว!เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธจนปอดแทบระเบิด สองตาจับจ้องฮั่วกู้เกร็งเขม็งไอสารเลวนี่ หนีเร็วนัก!เมื่อเผชิญกับสายตาของเสิ่นลั่วเยี่ยน ในใจฮั่วกู้เกิดหวาดกลัวประหลาดเขารู้ว่าการกระทำนี้ของเขาต้องล่วงเกินหยุนเจิงดังนั้น เขาจึงขอให้เว่ยเหวินจงย้ายเขาออกไปหากโง่เขลายู่ที่ซั่วฟางต่อไป เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ไม่สุขแน่นอนหยุนเจิงขบคิดหนึ่งรอบ จากนั้นก็กัดฟันกล่าว “ข้าตกลงก็ได้ แต่ข้ามีสองเงื่อนไข!”เว่ยเหวินจงพลันขึ้นเสียง “ท่านอ๋อง นี่คือคำสั่งทหาร ไม่ใช่การเจรจาต่อรอง!”“แม่ทัพใหญ่เว่ย ข้าแนะนำให้เจ้าฟังข้อเสนอของข้าดีกว่า”หยุนเจิงขมวดคิ้ว “บอกตามตรง ข้าหวังดีกับเจ้า!”หวังดีกับเขา?เว่ยเหวินจงขบคิดชั่วครู่ ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “ท่านอ๋องเชิญพูดตามสบาย!”หยุนเจิงชายตามอง กล่าวเรียบเฉย “ข้อแรก ข้อคิดว่า กองทหารของแม่ทัพฮั่ว
เว่ยเหวินจงฉีดยาป้องกันให้หยุนเจิงเรียบร้อยแล้วเรื่องนี้ ความจริงแล้วเกินขอบเขตแผนของเขาไปบ้างเดิมเขาคิดว่าหยุนเจิงจะกลัวล้มละลายเพราะทหารภาคสนามเหล่านั้น จึงคิดไกล่เกลี่ยกับเขาเช่นนี้ เขาก็มีโอกาสทุบตีหยุนเจิงสักรอบ ทำให้หยุนเจิงสงบเสงี่ยมลงไปบ้างขอแค่หยุนเจิงเป็นฝ่ายออกปากว่าต่อไปเขาจะไม่ปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามเหล่านี้อีก เขาก็ไม่ยัดเยียดทหารภาคสนามทั้งหมดนี้ให้หยุนเจิงแล้วแต่ตอนนี้ หยุนเจิงเหมือนจะไม่มีทางทีอ่อนข้อให้เลยแม้แต่น้อย!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาทำได้เพียงรักษามาดต่อไปเรื่อยๆให้เวลาหยุนเจิงสองเดือนเท่านั้น!สองเดือนให้หลัง ผลการฝึกซ้อมพึงพอใจหรือไม่ เป็นเขาที่ตัดสินใช่หรือไม่?หากหยุนเจิงสามารถทนได้สองเดือน ช่วยเขาดูแลทหารภาคสนามให้สมบูรณ์แข็งแรง เขายังต้องขอบคุณหยุนเจิงหยุนเจิงครุ่นคิด พยักหน้า “ได้!”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็มอบทหารเหล่านี้ให้ท่านอ๋องแล้ว!”เว่ยเหวินจงแสดงท่าทีน่าเกรงขาม “ข้าทำทุกอย่าง ล้วนเพื่อรักษาซั่วเป่ยให้ดี! ขอให้ท่านอ๋องทำสุดความสามารถ ไม่ผิดต่อความหวังของฝ่าบาท!”“แน่นอนอยู่แล้ว!”หยุนเจิงพยักหน้าน้อยๆ ดูแคลนในใจเ
เว่ยเหวินจงและฮั่วกู้จากไปแล้ว หยุนเจิงวิ่งไปหาพวกตู้กุยหยวนสิบคนนั้นถูกตู้กุยหยวนพามาที่ภูเขาในป่าที่ห่างจากค่ายใหญ่ทางไต้ห้าลี้เพื่อดำเนินการฝึกศิลปะการต่อสู้เหล่านั้น ก็เป็นเพื่อแค่ฉากหนึ่งความจริงสิ่งที่ต้องฝึกฝน กลับไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้การพรางตัว การซุ่มโจมตี การลอบสังหาร รวมถึงทักษะการเอาชีวิตรอดในสภาวะสุดขั้ว ล้วนต้องฝึกฝนตามความต้องการของหยุนเจิง คนเหล่านี้จะกลายเป็นผีที่ศัตรูมองไม่เห็น!แนวความคิดคือ ทุกครั้งที่คนเหล่านี้ออกโจมตีสามารถทำให้พวกศัตรูบาดเจ็บสูญเสียสาหัส แต่พวกเขาถอนตัวออกมา โดยไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย นี่เป็นเพียงแนวความคิดเท่านั้นแต่ความเป็นจริงไม่สามารถดำเนินการตามสิ่งที่หยุนเจิงคิดได้หลังจากแก้ไขปัญหาการฝึกอบรมบางประการแล้วกลับถึงจวน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ทนรอบอกแผนอุบายของเว่ยเหวินจงกับเยี่ยจื่อไม่ไหวสำหรับเรื่องนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนตอนนี้ทั้งดีใจทั้งกังวลทหารภาคสนามหนึ่งแสนนาย อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีทหารสองหมื่นที่สามารถทำสงครามได้แต่ปัญหาคือ คนมากมายเช่นนี้หากินอาหารเหมือนแต่ก่อน คงทำให้หยุนเจิงล้มละลายเป็นแน่!แต่หากหยุดกินอาหารกะท
หยุนเจิงลูบคางแล้วครุ่นคิด “ก็แค่ประมาณสามแสนตำลึงเงินกระมัง!”ก็แค่...สามแสนตำลึงเงิน?ใบหน้าหญิงสาวทั้งหลายกระตุกอย่างแรงไอสารเลวนี่!ยังคิดว่าหลอกมาน้อยไปใช่หรือไม่?“แค่สามแสนที่ไหน!”เยี่ยจื่อกรอกตาบนมองหยุนเจิง “มีถึงหกแสน!”“ห๊า?”หยุนเจิงมึนงง “ไม่เยอะขนาดนั้นมั้ง?”“หยุนลี่ได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า คงต้องโกรธตายเพราะเจ้า!”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “แค่หลายวันก่อนที่จะออกจากเมืองจักรพรรดิ เจ้าก็หลอกเงินเขามาสามแสนตำลึงแล้ว! ยังมีก่อนหน้านี้ที่เจ้าหลอกเขา บวกกับของขวัญที่เขาให้เจ้าตอนแต่งงาน ต้องมีหกแสนตำลึงแน่นอน...”เยี่ยจื่อเริ่มแจกแจงบัญชีกับหยุนเจิงเบ็ดเตล็ดรวมกันแล้วมีถึงหกแสนตำลึงเงินจริงด้วย!เมื่อได้ฟังรายละเอียดบัญชีจากเยี่ยจื่อ พวกเสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันไอสารเลวนี่ ใช้ได้เลย!มิน่าเล่าหยุนลี่จึงเกลียดเขาลึกฝังหุ่นเช่นนั้น!เขาปลอกลอกสมบัติของหยุนลี่จนหมดบ้านแล้ว!หยุนลี่ไม่เกลียดเขามากก็แปลกแล้ว!“เขาจ่ายเงินหกแสนตำลึงเงินซื้อตำแหน่งรัชทายาท ไม่ขาดทุนเช่นกัน!”หยุนเจิงหัวเราะ “อย่าเสียเวลานับบัญชีอยู่นี่เลย