เขาเพียงแค่บอกกับฝ่ายจัดการเสบียง ก็สามารถส่งเสบียงไปให้ฮั่วกู้ได้แล้วแต่ทว่าหลังจากส่งไปให้แล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือความวุ่นวายสุดชีวิต!หากเขาจัดเสบียงใหกับทหารมณฑลเมืองซั่วฟางล่ะก็ ทหารกระทรวงอื่นๆ รู้เข้าจะเป็นอย่างไร?“ข้าคิดไม่รอบคอบจริงๆ”ฮั่วกู้ขอโทษอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างขมขื่น “ทว่าข้าเองก็หมดหนทางจริงๆ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนและม้าในมือข้าจะต้องกลายเป็นขององค์ชายหกแน่!”เว่ยเหวินจงคิดหนักนี่ก็เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน!เห็นได้ชัดว่าหยุนเจิงกำลังโน้มน้าวซื้อใจคนอยู่!ดูท่าแล้ว ไท่จื่อพูดถูกว่าหยุนเจิงมีความคิดก่อกบฏ!ทว่าหากจะใช้เรื่องนี้มากล่าวหาว่าหยุนเจิงคิดก่อกบฏนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วหากเขากล้าใช้เรื่องนี้แจ้งจักรพรรดิเหวินกล่าวหาว่าหยุนเจิงคิดก่อกบฏอีก คนที่ซวยต้องเป็นตัวเขาเองแน่ๆแต่ทว่าหากปล่อยไว้ คนฮั่วกู้จะต้องกลายเป็นคนของหยุนเจิงสักวันแน่ไม่ช้าก็เร็ว!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่วิธี!ปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ ไม่มีผลดีอะไรต่อพวกเขาทั้งนั้นหากอนาคตหยุนเจิงคิดจะก่อกบฏจริงๆ ในอนาคตฝ่าบาทต้องลงโทษเขาที่ประมาทเลินเล่อแน่!แต่ทว่าเขาเองก็ไม่สามารถสั่งกา
ฤดูหนาวครั้งหนึ่ง ทำให้หยุนเจิงต้องนอนหมกอยู่ในห้องสองวันเต็มเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ สถานการณ์ต่างๆ ข้างนอกก็เปลี่ยนไปมากแล้วบริเวณที่สายตามองเห็นล้วนแต่เป็นหิมะขาวโพลนผืนหนึ่งในจวนของพวกเขามีคนคอยทำความสะอาดจึงดูไม่ค่อยออกนักแต่หากออกไปหน้าประตูใหญ่ของจวนอ๋อง หิมะบนพื้นมากจนแทบจะท่วมขาแล้ว“อากาศผีบ้านี่เปลี่ยนไปไวเหลือเกิน”หยุนเจิงปล่อยม่านรถม้าลง แล้วมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยสีหน้าตกตะลึงเขาเองก็ไม่อยากนั่งรถม้าช้าๆ เช่นกันแต่เขาเพิ่งดีขึ้นไม่นาน ทุกคนจึงไม่อยากให้เขาขี่ม้าตากลมหิมะอีก กลัวว่าเขาจะล้มป่วยอีก“มิเช่นนั้นจะเรียกว่าซั่วเป่ยได้อย่างไรล่ะ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วบ่นว่า “บอกให้ท่านพักผ่อนอีกสักสองวันไม่ฟัง หากท่านล้มป่วยอีก คนที่ลำบากก็เป็นคนของตนเองทั้งนั้น.“ข้าต้องคุ้นเคยกับอากาศเช่นนี้แน่ ไม่ช้าก็เร็ว”หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มแย้ม แล้วถามว่า “พวกเจ้าส่งคนไปดูที่ริมแม่น้ำไป๋สุ่ยหรือยัง?”“ไปมาแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าว “แม่น้ำไป๋สุ่ยไม่เป็นน้ำแข็ง ข้าถามมาแล้ว พวกเขาต่างก็บอกว่า กว่าแม่น้ำไป๋สุ่ยจะกลายเป็นน้ำแข็งจนสามารถข้ามฝั่งไปได้ อย่างน้อ
หิมะตรงหน้านับว่าไม่มากแล้ว ความสูงของกองหิมะที่กองพะเนินเป็นกำแพงไม่ถึงหนึ่งฉื่อแล้วรอให้หิมะตกหนักอีกครั้ง กำแพงหิมะก็ยิ่งกองสูงขึ้นเรื่อย ๆ“นี่เป็นความคิดของผู้ใด?”หยุนเจิงหันไปมองเสิ่งลั่วเยี่ยน“แน่นอนว่าเป็นความคิดของข้า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มอย่างได้ใจ “เป็นเช่นไร วิธีของข้าดีใช่หรือไม่?”“อืม! ไม่เลวจริงแท้!”หยุนเจิงพยักหน้า “แต่ว่า เจ้าต้องให้คนอัดหิมะพวกนั้นให้แน่นอีกหน่อย! อีกอย่าง ในค่ายก็ยังสามารถใช้กำแพงหิมะนี้ได้ แบ่งค่ายทั้งหมดเป็นสัดส่วน สามารถต่อต้านศัตรูและลมหนาวได้ด้วย”ความคิดนี้ไม่เลวเลยนอกจากจัดการหิมะที่สะสมภายในค่ายได้แล้ว ยังสามารถเตรียมตัวรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึงได้ด้วยซั่วเป่ยในตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่หนาวที่สุดเมื่อถึงเวลาที่ลมหนาวพัดมา มีกำแพงบังลมนั้นดีมาก!เมื่อลมหนาวพัดมา ทุกคนจะเอาแต่หลบผิงไฟอยู่แต่ในค่าย ล้วนไม่ฝึกซ้อมไม่ได้กระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าทันที “ข้าจะไปสั่งการทันที”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนวิ่งลงรถม้าอย่างเร่งรีบหยุนเจิงหัวเราะ ในใจแอบคิดว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนบางครั้งก็ฉลาดมากมาถึงค่ายกระโจม หยุ
เว่ยเหวินจิงนำทหารคนสนิททิ้งไว้นอกกระโจม พาฮั่วกู้เข้าไปในกระโจมคนเดียวตอนที่สองคนเข้ามาก็เห็นเสิ่นลั่วเยี่นป้อนน้ำหยุนเจิงพอดีหลังทำความเคารพ เว่ยเหวินจงถามอาการของหยุนเจิงทันที“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”หยุนเจิงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ข้าได้รับการปรนนิบัติมานานเกินไป สองวันก่อนอุณหภูมิอากาศต่ำลง ไม่ระวังได้รับลมหนาว ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล แค่กๆ...”กล่าวจบ หยุนเจิงก็แกล้งไอสองเสียง สีหน้าขี้โรค“ท่านอ๋องป่วยหนัก ก็ควรพักผ่อนในจวน เหตุใดยังมาที่ค่าย?” เว่ยเหวินจงถาม “ท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนที่จวนก่อนเถอะ! หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านอ๋อง ข้ารับผิดชอบไม่ไหว”“ไม่ต้อง แค่หวัดเล็กน้อย ไม่ร้ายแรง”หยุนเจิงส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็เอ่ยถาม “ที่แม่ทัพใหญ่มาเยี่ยมวันนี้ มีเรื่องใด?”เห็นว่าหยุนเจิงยืนยันจะไม่กลับไปพักผ่อนที่จวน เว่ยเหวินจงก็ไม่อ้อมค้อมกับหยุนเจิงแล้ว ตอบกลับ “ข้าได้ฟังฮั่วกู้บอกว่าองค์ชายประดิฐษ์ดาบล้ำค่าสามารถตัดเหล็กได้เหมือนดินเหนียว ข้าสงสัย อยากมาดู ถือโอกาส แวะมาตรวจตราสถานการณ์การฝึกทหารของท่านอ๋องด้วย”“ไม่มีปัญหา!”หยุนเจิงตอบท่าทีสบายๆ “ข้าร่างกายไ
ยิ่งเว่ยเหวินคงคิดจะเพิ่มปัญหาให้เขา เขายิ่งสบายใจ!ทั้งสองคนอยู่คุยกันในกระโจม ไม่ได้สนใจการตรวจตราของเว่ยเหวินจงต่อไปก็รอดูว่าเว่ยเหวินจงจะมาไม้ไหน!เว่ยเหวินจงตรวจตราตลอดช่วงสายของวันตอนเที่ยว เว่ยเหวินจงและฮั่วกู้อยู่ในค่ายต่อ กินข้าวกับพวกเขาหยุนเจิงแม้จะเป็นท่านอ๋อง แต่เมื่ออยู่ในค่ายก็ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น เขากินอาหารเหมือนกับทุกคนตอนกินข้าว ทุกคนหัวเราะพูดคุย ดูท่าทางกลมเกลียวแต่ว่า หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าใจ เวลาหลังอาหาร ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เว่ยเหวินจงจะออกอุบายหลังอาหาร หยุนเจิงลุกขึ้นจากเตียง น้ำชาภายในกระโจมต้มเรียบร้อยก็พูดคุยกับเว่ยเหวินจงหยุนเจิงรินน้ำชาให้เว่ยเหวินจงด้วยตัวเอง สีหน้าเคร่งขรึม “ยากกว่าที่แม่ทัพใหญ่จะมาสักครั้ง หากเห็นว่าการฝึกของข้าที่ใดมีปัญหา ต้องบอกข้ามา ข้าจะแก้ไขโดยเร็ว”“ท่านอ๋องล้อเล่นแล้ว”เว่ยเหวินจงส่ายหน้าแล้วหัวเราะกล่าว “ท่านอ๋องมีพรสวรรค์! การฝึกซ้อมทหารภาคสนามของค่ายใหญ่ทางใต้ของพวกท่าน ข้าพอใจมาก ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย!”“ไม่กระมัง?”หยุนเจิงยิ้มที่ไม่ได้ยินมองเว่ยเหวินจง “แม่ทัพใหญ่ มีที่ใดที่พวกเราทำได้ไ
“ไม่ได้ ไม่ได้!”หยุนเจิงส่ายหน้า “แม้ข้าไม่มีความสามารถ แต่ก็ดูข้อเสียของการทำเช่นนี้ออก!”“ทหารภาคสนามแสนกว่านายรวมตัวกันที่นี่ แค่การจัดสรรก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!”“เดิมพวกเขาสามารถจัดสรรจากเมืองใกล้เคียงได้ หากย้ายทั้งหมดมาดำเนินการฝึกที่ซั่วเป่ย การจัดสรรข้าจะยื้อไว้ได้นานเพียงใด?”“ฤดูหนาวซั่วเป่ยมาถึงแล้ว ห่วงโซ่อุปทานทางทหารขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องเปลืองคนและแรงงานจำนวนเท่าใด?”อย่าว่าแต่ในอดีตเลย ต่อให้เป็นสมัยปัจจุบัน การจัดสรรให้คนหนึ่งแสนคนล้วนเป็นปัญหาใหญ่เขากล้ารับช่วงต่อเรื่องนี้ อีกทั้งรับช่วงต่อด้วยความเต็มใจแต่ก่อนหน้านั้นคือ จำเป็นต้องรับประกันห่วงโซ่อุปทานก่อน!การจัดสรรยังไม่กำหนดแน่ชัด เรื่องทุกอย่างหยุดกล่าวถึงได้เลย“ท่านอ๋องมีความคิดละเอียดรอบครอบ ข้านับถือ!”เว่ยเหวินจงเอ่ยชื่นชมก่อน จากนั้นก็ยิ้ม “สิ่งที่ท่านอ๋องกังวล ข้าคิดไว้นานแล้ว! ข้าย่อมต้องมีวิธีแก้ไข”“วิธีใด?”หยุนเจิงขมวดคิ้วถามเว่ยเหวินจงยิ้มเล็กน้อย ข้าคิดไว้แล้ว ตอนที่ทหารภาคสนามจากทุกกองก่อนที่จะมาซั่วเป่ย ทุกกองล้วนต้องส่งเสบียงให้เพียงพอกับสองเดือนมาด้วย!”“จากนั้น ทุกสองเดือนต้องส่ง
ซวยแล้ว!ไอเวรนี่เตรียมตัวมาดีจริง!แม้แต่เหตุผลสักข้อล้วนปิดกั้นเขาไว้หมดสิ้นแล้วหยุนเจิงขมวดคิ้วอีกครั้ง มองเว่ยเหวินจงด้วยสีหน้าสงสัย “แม่ทัพใหญ่ เจ้ามีปัญหาใดกับข้าหรือไม่?”“เหตุใดท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้?”เว่ยเหวินจงถามแกล้งไม่เข้าใจ“พวกเราคนฉลาดไม่พูดลับลมคมใน”หยุนเจิงมองเว่ยเหวินจิงเงียบๆ แล้วกล่าว “เจ้าไม่พอใจที่ข้าปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามในค่ายใช่หรือไม่ ที่ยัดทหารภาคสนามให้ข้ามากมายเช่นนี้ คิดจะใช้ทหารภาคสนามเหล่านี้มาล้างผลาญข้า?”“ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ได้ที่ไหน?”เว่ยเหวินจงใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจยิ้ม “ท่านอ๋องยินดีจ่ายเงินปรับปรุงอาหารเหล่าทหาร ข้าเลื่อมใส! หากท่านอ๋องต้องการลดค่าใช้จ่าย ข้าย่อมไม่มีสิ่งใดให้กล่าว! ต้องการปรับปรุงอาหารของทหารภาคสนามเหล่านี้หรือไม่ ล้วนเป็นสิทธิ์การตัดสินใจของท่านอ๋อง!”เวลานี้ เว่ยเหวินจงหัวเราะเสียงดังในใจกลยุทธโจ่งแจ้ง!หยุนเจิงเป็นกลยุทธโจ่งแจ้ง เขาทำไม่เป็นหรือ?ราชสำนักไม่ใช่ว่าไม่จัดเสบียงให้ทหารภาคสนามเหล่านั้นหากเขายินดีจะปรับปรุงอาหารต่อ เช่นนั้นก็ทำต่อไปสิ!หากเขากลัวล้มละลาย เช่นนั้นก็อย่าปรับปรุงอาหารของทหารภา
ได้ฟังคำพูดของเว่ยเหวินจง หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มก็ได้!ไอเวรนี้คิดได้รอบครอบนัก!กลัวว่าเขาจะแก้แค้นฮั่วกู้ นึกไม่ถึงว่าจะย้ายคนและม้าของฮั่วกู้ไปด้วย! คราวนี้ แผนที่จะฮุบกองของฮั่วกู้ก็คว้าน้ำเหลวแล้วแต่ว่า ข้อดีคือ เขากลายเป็นราชาแห่งขุนเขาของซั่วฟางแล้ว!เสิ่นลั่วเยี่ยนโกรธจนปอดแทบระเบิด สองตาจับจ้องฮั่วกู้เกร็งเขม็งไอสารเลวนี่ หนีเร็วนัก!เมื่อเผชิญกับสายตาของเสิ่นลั่วเยี่ยน ในใจฮั่วกู้เกิดหวาดกลัวประหลาดเขารู้ว่าการกระทำนี้ของเขาต้องล่วงเกินหยุนเจิงดังนั้น เขาจึงขอให้เว่ยเหวินจงย้ายเขาออกไปหากโง่เขลายู่ที่ซั่วฟางต่อไป เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ไม่สุขแน่นอนหยุนเจิงขบคิดหนึ่งรอบ จากนั้นก็กัดฟันกล่าว “ข้าตกลงก็ได้ แต่ข้ามีสองเงื่อนไข!”เว่ยเหวินจงพลันขึ้นเสียง “ท่านอ๋อง นี่คือคำสั่งทหาร ไม่ใช่การเจรจาต่อรอง!”“แม่ทัพใหญ่เว่ย ข้าแนะนำให้เจ้าฟังข้อเสนอของข้าดีกว่า”หยุนเจิงขมวดคิ้ว “บอกตามตรง ข้าหวังดีกับเจ้า!”หวังดีกับเขา?เว่ยเหวินจงขบคิดชั่วครู่ ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “ท่านอ๋องเชิญพูดตามสบาย!”หยุนเจิงชายตามอง กล่าวเรียบเฉย “ข้อแรก ข้อคิดว่า กองทหารของแม่ทัพฮั่ว
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ