หมิงเย่ว์และเยี่ยจื่อเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยพลางแอบด่าอยู่ในใจเป็นถึงท่านอ๋อง แต่กลับไม่รู้จักอายเลยสักนิดเรื่องเช่นนี้ยังมีหน้ามาพูดต่อหน้าพวกนางอีก!“เจ้าถามเอง จะมาโทษข้าหรือ?”หยุนเจิงมองเมี่ยวอินด้วยความขุ่นเคือง “หนังสือโบราณที่ข้าเคยอ่านเล่มนั้นมีบันทึกวิชาการฝึกฝนนี้ไว ข้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าที่เป็นยอดฝีมือนอกโลกจะสอนวิชานี้ให้กับเจ้าเสียอีก!”มารดามันเถอะ!บทละครไม่ควรเขียนเช่นนี้สิ!อยากจะฉวยโอกาสสักหน่อยนี่มันยากจริงๆ!“ตนไม่ฝึกวิชาเองดีๆ แต่คิดอยากเดินทางลัด!”เมี่ยวอินแค่นเสียงฮึ แล้วก้มหน้าฝังเข็มให้หยุนเจิงต่อไปรอให้เมี่ยวอินฝังเข็มเสร็จ คนในจวนก็ไปซื้อยากลับมาถึงพอดีซินเซิงรีบวิ่งเข้าไปต้มยาให้กับหยุนเจิงทันทีเมี่ยวอินจ้องเขาด้วยความอับอายแล้วก็พาหมิงเย่ว์ออกจากห้องทันทีทั้งสองเดินออกไป หมิงเย่ว์ก็เอ่ยเสียงเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่หญิง วิชาฝึกฝนสองสิ่งอย่างเท่าเทียมที่เขาหมายถึง ก็คือวิชาเหอหวนกงที่อาจารย์สอนไม่ใช่หรือ?”“เงียบ!”เมี่ยวอินจ้องหมิงเย่ว์ไปทีหนึ่ง “เจ้าเพียงแค่ทำเหมือนไม่รู้อะไรก็เป็นพอ!”“ก็ได้!”หมิงเย่ว์ยิ้มเบาๆ แล้วหยอกล้อว่า “ข้าคิด
ด้วยความเขินอาย เยี่ยจื่อจึงหยิกแรงกว่าเดิมทว่าไม่ว่านางจะออกแรงแค่ไหน หยุนเจิงก็อดทนกับความเจ็บปวด แล้วโอบกอดนางไว้แน่นในที่สุด เยี่ยจื่อก็ทำใจออกแรงมากขึ้นอีกไม่ลงจึงค่อยๆ คลายมือตนเองออก และหยุดขัดขืนในที่สุด“รีบปล่อยข้า!”เยี่ยจื่อเขินอายสุดขีด “หากคนอื่นมาเห็นเข้า ข้าก็ไม่มีหน้ามีชีวิตต่อแล้ว!”“ไม่รุนแรงปานนั้นหรอก”หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มๆ “เจ้านะเจ้า เจ้าใส่ใจกับมารยาทที่ว่ามากเกินไปแล้ว! มารยาททั้งหมด แท้จริงแล้วก็แค่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น! ขอแค่ตนเองมีความสุขแล้วจะสนใจเรื่องพรรค์นั้นทำไมกัน?”“ท่าน…”เยี่ยจื่อโมโหจัด ใบหน้าแดงก่ำกล่าวว่า “ท่านปล่อยข้าก่อน ข้าค่อยๆ พูดกับท่าน!”หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้ม “ข้าปล่อยเจ้า เจ้าก็คงวิ่งหนีเป็นแน่”เยี่ยจื่อหงุดหงิดแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เจอคนหน้าไม่อายเช่นนี้อย่างท่าน ข้าหนีไปตอนนี้มีประโยชน์อะไรกัน? ข้าจะสามารถวิ่งหนีจนท่านตามหาข้าไม่พบเลยนั้นหรือ?”หืม?หยุนเจิงเอียวศีรษะครุ่นคิดดูเหมือนจะจริง!“ซินเซิง เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?”หยุนเจิงมองไปทางหน้าประตูกะทันหันเยี่ยจื่อหัวใจลนลาน รีบมองไปทางหน้าประตูแต่แล้วไม่มีแม้แ
หยุนเจิงมองหน้าเยี่ยจื่อด้วยความจริงจัง ไม่รู้สึกว่าในคำพูดของตนมีความหมายโดยนัยเลย“ใครอยากให้ท่านมาเจ็บใจกัน?”เยี่ยจื่อตอบกลับอย่างโมโห “ข้าว่านะ ไม่ทำให้ข้าจนมุมจนปลิดชีวิตตนเอง ท่านคงจะไม่พอใจจริงๆ!”“อย่าๆ!”หยุนเจิงรีบปัดเป่าความคิดของเยี่ยจื่อออก “ปลิดชีวิตตนเองอะไรกัน! หากเจ้ายังไม่หายโกรธ เจ้าก็ตีข้าสักรอบ แต่อย่าคิดมากเด็ดขาด!”กล่าวจบ หยุนเจิงพลันเปิดผ้าห่มเผยให้เห็นแผ่นอกของตน“มา ตีตรงนี้! ใช้หมัดน้อยๆ ตีอกข้า”หยุนเจิงชี้ไปที่แผ่นอกของตนใช้หมัดน้อยๆ ตีอก?เยี่ยจื่อขมวดคิ้วเบาๆคำพูดนี้ฟังอย่างไรก็ดูแปลกๆ!“ตีท่าน? ข้าปวดมือเปล่าๆ!”เยี่ยจื่อจ้องเขาอย่างโมโห “รีบห่มผ้าซะ อยากนอนอีกหลายวันใช่หรือไม่?”กล่าวจบ เยี่ยจื่อก็ดึงผ้าห่มๆ ให้กับหยุนเจิง“ดูสิ เจ้าเป็นห่วงข้าแท้ๆ แต่ไม่ยอมรับ”หยุนเจิงถอนหายใจเบาๆ “เจ้ากลัวอะไรอยู่กันแน่? เหตุใดถึงไม่กล้าทำตามหัวใจตนเองเสียที?”“ใครเป็นห่วงท่านกัน?”เยี่ยจื่อแค่นเสียงเย็นชาอย่างปากไม่ตรงกับใจ “ข้ากลัวว่าท่านจะป่วยตาย ทำให้ลั่วเยี่ยนต้องเป็นหม้ายเท่านั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนอีกแล้ว?หยุนเจิงครุ่นคิด แล้วถามว่า “เจ้า
เวลาค่ำ ตู้กุยหยวนมาถึงเดิมกองทหารโลหิตที่ตู้กุยหยวนเป็นผู้บัญชาการก่อนหน้านั้นถือเป็นกองกำลังพิเศษอยู่แล้วทว่าพวกเขาพึ่งพาในอำนาจของแต่ละคนมากกว่า และไม่เข้าใจแก่นแท้ของกองกำลังพิเศษหยุนเจิงพูดความคิดเรื่องกองกำลังพิเศษในสมองของตนให้กับตู้กุยหยวนฟังอย่างตั้งใจ รวมถึงวิธีการฝึกซ้อมคนเหล่านั้น ต้องสอนอะไรให้กับคนเหล่านั้น พูดให้กับตู้กุยหยวนฟังทั้งหมดพวกเขาทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามกว่าระหว่างนั้น ซินเซิงยกซุปยาเข้ามาให้ แต่หยุนเจิงก็ปฏิเสธบอกว่าเดี๋ยวค่อยดื่มฟังคำพูดของหยุนเจิงจบ ตู้กุยหยวนก็อ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกผ่านไปนานพอควร ตู้กุยหยวนถึงได้ฟื้นคืนสติอย่างยากลำบาก แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเสียดายว่า “หากพบกับองค์ชายให้เร็วกว่านั้น ได้ยินคำพูดเหล่านี้ขององค์ชายเร็วกว่านี้ บางทีกองทหารโลหิตก็คงไม่สูญหาย…”“กองทหารโลหิตไม่ได้สูญหาย! เพียงแค่พักตัวอยู่เท่านั้น”หยุนเจิงกล่าวจริงจัง “ข้าจะก่อตั้งกองทหารโลหิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งให้ได้!”“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”ตู้กุยหยวนพยักหน้า “แต่ทว่าข้าน้อยสามารถฝึกซ้อมให้ได้ แต่ไม่สามารถบังคับบัญชาพวกเขาได้ พวกเขาถูกกำหนดให้เข้าไปลึกห
เขาเพียงแค่บอกกับฝ่ายจัดการเสบียง ก็สามารถส่งเสบียงไปให้ฮั่วกู้ได้แล้วแต่ทว่าหลังจากส่งไปให้แล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือความวุ่นวายสุดชีวิต!หากเขาจัดเสบียงใหกับทหารมณฑลเมืองซั่วฟางล่ะก็ ทหารกระทรวงอื่นๆ รู้เข้าจะเป็นอย่างไร?“ข้าคิดไม่รอบคอบจริงๆ”ฮั่วกู้ขอโทษอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างขมขื่น “ทว่าข้าเองก็หมดหนทางจริงๆ! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนและม้าในมือข้าจะต้องกลายเป็นขององค์ชายหกแน่!”เว่ยเหวินจงคิดหนักนี่ก็เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน!เห็นได้ชัดว่าหยุนเจิงกำลังโน้มน้าวซื้อใจคนอยู่!ดูท่าแล้ว ไท่จื่อพูดถูกว่าหยุนเจิงมีความคิดก่อกบฏ!ทว่าหากจะใช้เรื่องนี้มากล่าวหาว่าหยุนเจิงคิดก่อกบฏนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วหากเขากล้าใช้เรื่องนี้แจ้งจักรพรรดิเหวินกล่าวหาว่าหยุนเจิงคิดก่อกบฏอีก คนที่ซวยต้องเป็นตัวเขาเองแน่ๆแต่ทว่าหากปล่อยไว้ คนฮั่วกู้จะต้องกลายเป็นคนของหยุนเจิงสักวันแน่ไม่ช้าก็เร็ว!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่วิธี!ปล่อยให้หยุนเจิงทำตามใจ ไม่มีผลดีอะไรต่อพวกเขาทั้งนั้นหากอนาคตหยุนเจิงคิดจะก่อกบฏจริงๆ ในอนาคตฝ่าบาทต้องลงโทษเขาที่ประมาทเลินเล่อแน่!แต่ทว่าเขาเองก็ไม่สามารถสั่งกา
ฤดูหนาวครั้งหนึ่ง ทำให้หยุนเจิงต้องนอนหมกอยู่ในห้องสองวันเต็มเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ สถานการณ์ต่างๆ ข้างนอกก็เปลี่ยนไปมากแล้วบริเวณที่สายตามองเห็นล้วนแต่เป็นหิมะขาวโพลนผืนหนึ่งในจวนของพวกเขามีคนคอยทำความสะอาดจึงดูไม่ค่อยออกนักแต่หากออกไปหน้าประตูใหญ่ของจวนอ๋อง หิมะบนพื้นมากจนแทบจะท่วมขาแล้ว“อากาศผีบ้านี่เปลี่ยนไปไวเหลือเกิน”หยุนเจิงปล่อยม่านรถม้าลง แล้วมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยสีหน้าตกตะลึงเขาเองก็ไม่อยากนั่งรถม้าช้าๆ เช่นกันแต่เขาเพิ่งดีขึ้นไม่นาน ทุกคนจึงไม่อยากให้เขาขี่ม้าตากลมหิมะอีก กลัวว่าเขาจะล้มป่วยอีก“มิเช่นนั้นจะเรียกว่าซั่วเป่ยได้อย่างไรล่ะ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วบ่นว่า “บอกให้ท่านพักผ่อนอีกสักสองวันไม่ฟัง หากท่านล้มป่วยอีก คนที่ลำบากก็เป็นคนของตนเองทั้งนั้น.“ข้าต้องคุ้นเคยกับอากาศเช่นนี้แน่ ไม่ช้าก็เร็ว”หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มแย้ม แล้วถามว่า “พวกเจ้าส่งคนไปดูที่ริมแม่น้ำไป๋สุ่ยหรือยัง?”“ไปมาแล้ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าว “แม่น้ำไป๋สุ่ยไม่เป็นน้ำแข็ง ข้าถามมาแล้ว พวกเขาต่างก็บอกว่า กว่าแม่น้ำไป๋สุ่ยจะกลายเป็นน้ำแข็งจนสามารถข้ามฝั่งไปได้ อย่างน้อ
หิมะตรงหน้านับว่าไม่มากแล้ว ความสูงของกองหิมะที่กองพะเนินเป็นกำแพงไม่ถึงหนึ่งฉื่อแล้วรอให้หิมะตกหนักอีกครั้ง กำแพงหิมะก็ยิ่งกองสูงขึ้นเรื่อย ๆ“นี่เป็นความคิดของผู้ใด?”หยุนเจิงหันไปมองเสิ่งลั่วเยี่ยน“แน่นอนว่าเป็นความคิดของข้า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มอย่างได้ใจ “เป็นเช่นไร วิธีของข้าดีใช่หรือไม่?”“อืม! ไม่เลวจริงแท้!”หยุนเจิงพยักหน้า “แต่ว่า เจ้าต้องให้คนอัดหิมะพวกนั้นให้แน่นอีกหน่อย! อีกอย่าง ในค่ายก็ยังสามารถใช้กำแพงหิมะนี้ได้ แบ่งค่ายทั้งหมดเป็นสัดส่วน สามารถต่อต้านศัตรูและลมหนาวได้ด้วย”ความคิดนี้ไม่เลวเลยนอกจากจัดการหิมะที่สะสมภายในค่ายได้แล้ว ยังสามารถเตรียมตัวรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึงได้ด้วยซั่วเป่ยในตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่หนาวที่สุดเมื่อถึงเวลาที่ลมหนาวพัดมา มีกำแพงบังลมนั้นดีมาก!เมื่อลมหนาวพัดมา ทุกคนจะเอาแต่หลบผิงไฟอยู่แต่ในค่าย ล้วนไม่ฝึกซ้อมไม่ได้กระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าทันที “ข้าจะไปสั่งการทันที”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนวิ่งลงรถม้าอย่างเร่งรีบหยุนเจิงหัวเราะ ในใจแอบคิดว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนบางครั้งก็ฉลาดมากมาถึงค่ายกระโจม หยุ
เว่ยเหวินจิงนำทหารคนสนิททิ้งไว้นอกกระโจม พาฮั่วกู้เข้าไปในกระโจมคนเดียวตอนที่สองคนเข้ามาก็เห็นเสิ่นลั่วเยี่นป้อนน้ำหยุนเจิงพอดีหลังทำความเคารพ เว่ยเหวินจงถามอาการของหยุนเจิงทันที“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”หยุนเจิงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ข้าได้รับการปรนนิบัติมานานเกินไป สองวันก่อนอุณหภูมิอากาศต่ำลง ไม่ระวังได้รับลมหนาว ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล แค่กๆ...”กล่าวจบ หยุนเจิงก็แกล้งไอสองเสียง สีหน้าขี้โรค“ท่านอ๋องป่วยหนัก ก็ควรพักผ่อนในจวน เหตุใดยังมาที่ค่าย?” เว่ยเหวินจงถาม “ท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนที่จวนก่อนเถอะ! หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านอ๋อง ข้ารับผิดชอบไม่ไหว”“ไม่ต้อง แค่หวัดเล็กน้อย ไม่ร้ายแรง”หยุนเจิงส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็เอ่ยถาม “ที่แม่ทัพใหญ่มาเยี่ยมวันนี้ มีเรื่องใด?”เห็นว่าหยุนเจิงยืนยันจะไม่กลับไปพักผ่อนที่จวน เว่ยเหวินจงก็ไม่อ้อมค้อมกับหยุนเจิงแล้ว ตอบกลับ “ข้าได้ฟังฮั่วกู้บอกว่าองค์ชายประดิฐษ์ดาบล้ำค่าสามารถตัดเหล็กได้เหมือนดินเหนียว ข้าสงสัย อยากมาดู ถือโอกาส แวะมาตรวจตราสถานการณ์การฝึกทหารของท่านอ๋องด้วย”“ไม่มีปัญหา!”หยุนเจิงตอบท่าทีสบายๆ “ข้าร่างกายไ
หากมิใช่เพราะจักรพรรดิเหวินทรงเตือน เขาคงมิได้คำนึงถึงปัญหานี้เลย “พอแล้ว!” จักรพรรดิเหวินโบกพระหัตถ์ “ข้าจะออกเดินทางในไม่ช้า เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย ไปจัดการธุระของเจ้าเถิด!” “เสด็จพ่อจะเสด็จตอนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ“ข้าควรไปแล้ว! การปล่อยให้พี่สามของเจ้าติดอยู่ที่ฟู่โจวตลอดก็ไม่ดี” จักรพรรดิเหวินตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าอย่ามาส่งข้าเลย ไปๆ มาๆ จะเสียเวลาไม่น้อย” “เอ่อ…” หยุนเจิงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย “ลูกขอส่งเสด็จพ่อออกจากด่านเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขายังต้องไปที่ค่ายใหญ่บนเขาห่านป่าหวนกลับอีกครั้ง หากออกเดินทางจากชายแดนชิงจะช่วยประหยัดเวลาไปไม่น้อย ทว่าหากจักรพรรดิเหวินจะเสด็จจากไป แล้วเขาไม่ส่งเสด็จ ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องสมควร “ไม่ต้องแล้ว!” จักรพรรดิเหวินทรงปฏิเสธทันที “อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องพาเจียเหยาไปที่ฟู่โจวอยู่ดี! เรื่องในมือเจ้าก็ยังมีอีกมากมาย อย่าเสียเวลาเลย เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า!” เป็นเช่นนี้หรือ? หยุนเจิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ลูกขอส่งเสด็จพ่อไปถึงชายแดนกู้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ก็ได้!” จักรพ
จักรพรรดิเหวินอาจอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอยากสำรวจความมั่งคั่งของหยุนเจิง ในไม่กี่วันที่ผ่านมา จักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงพาไปชมสถานที่หลายแห่ง เยี่ยจื่อและเสิ่นลั่วเยี่ยนตั้งครรภ์อยู่ ส่วนเมี่ยวอินไม่อยากพบกับจักรพรรดิเหวินบ่อยนัก จักรพรรดิเหวินจึงเลือกให้หยุนเจิงเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ในช่วงหลายวันนั้น จักรพรรดิเหวินได้ไปชมเหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตถ่านน้ำผึ้ง โรงงานปูนซีเมนต์ และเตาเผาต่างๆ อย่างครบถ้วน โชคดีอย่างเดียวคือ จักรพรรดิเหวินไม่ได้ไปดูโรงงานผลิตเกลือบริสุทธิ์ ไม่แน่ชัดว่าจักรพรรดิเหวินตั้งใจหรือไม่ แต่ครั้งนี้พระองค์ไม่ได้ไปชมกองทัพซั่วเป่ย สิ่งที่พระองค์สนใจล้วนเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ในที่สุด หยุนเจิงก็ไม่อาจขัดขวางจักรพรรดิเหวินไม่ให้เดินทางไปยังชายแดนชิงเปียนได้ หยุนเจิงนำกองทัพองครักษ์ของตน พร้อมด้วยทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ที่นำโดยโจวไต้ เดินทางไปยังชิงเปียนพร้อมจักรพรรดิเหวิน ระหว่างทางไปยังชิงเปียน หิมะหนาแน่นราวขนนกก็เริ่มตกลงมา จักรพรรดิเหวินยืนอยู่บนกำแพงเมืองชิงเปียน มือไขว้หลังโดยไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาล้วนเป็นคนใกล้ชิดของหยุนลี่ หยุนลี่จึงมิได้ปิดบัง ตั้งใจบอกเรื่องที่ต้องการซุ่มโจมตีหยุนเจิงในหัวเมืองสี่ทิศให้พวกเขารับรู้ เมื่อทราบแผนการของหยุนลี่ มีเพียงหยวนกุยที่ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่คนอื่นต่างตกใจไปตามๆ กัน หยวนกุยหลังจากชดเชยความผิด ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการทหารในสำนักไทจื่อ แม้จะมิได้บัญชาทหารมากมาย แต่เขามีความภักดีอย่างยิ่ง ในการเดินทางครั้งนี้ หยุนลี่จึงพาหยวนกุยมาด้วย เฉียวเหยียนเซียน หัวหน้าทหารรักษาการณ์ซ้ายของไทจื่อขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาท ด้วยฐานะของหยุนเจิง หากไร้พระราชโองการ ใครเล่าจะ…” “เรื่องนี้ เจ้าต้องคอยเตือนข้าด้วยหรือ?” หยุนลี่ขัดจังหวะเฉียวเหยียนเซียน “เรื่องนี้ ข้าจะหารือกับเสด็จพ่อเอง! อย่างไรก็ดี พวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เสด็จพ่อไม่เห็นชอบ! นี่คือโอกาสทองในการซุ่มโจมตีหยุนเจิง หลังจากนี้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!” ครั้งนี้ หยุนลี่ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าองค์จักรพรรดิเหวินจะทรงเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็คิดจะลองสังหารหยุนเจิงอยู่ดี ในตอนนี้ หยุนเจิงเปรียบดั่งดาบที่แขวนอยู่บนคอเขา หากหยุนเจิงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อ
บรรยากาศในมื้ออาหารนี้ไม่สู้ดีนัก หยุนลี่มีความขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจระบายออกได้ ต้องพยายามปลอบประโลมบรรดาแม่ทัพ จึงไม่มีทางจะอารมณ์ดีได้เลย หลังอาหาร หยุนลี่ได้เอ่ยปากเชิญโจวเต้ากงให้เดินพูดคุยเป็นการส่วนตัว โจวเต้ากงก็ไม่รู้ว่าหยุนลี่ต้องการสิ่งใด แต่ก็จำต้องตอบรับ หยุนลี่กอดอก เดินนำโจวเต้ากงไปยังลานกว้างในค่ายทหาร “เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับหยุนเจิง?” ขณะเดินอยู่ หยุนลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดเห็นต่อหยุนเจิงหรือ?โจวเต้ากงสะดุ้งในใจ รีบตอบกลับไปว่า “องค์ชายหกทรงเป็นโอรสสวรรค์ ข้าน้อยไม่บังอาจแสดงความคิดเห็นโดยพลการ” “ไม่เป็นไร กล่าวตามที่เจ้าคิดเถิด” หยุนลี่กล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นหยุนลี่ยืนกรานจะถาม โจวเต้ากงก็จำต้องตอบไปด้วยความหวั่นเกรง “องค์ชายหกทรงมีฝีมือในการศึก ปราบปรามศัตรูอย่างกล้าหาญ นับเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดินต้าฉวน! แต่การที่ทรงมีอำนาจทหารอยู่ในพระหัตถ์และไม่เชื่อฟังราชโองการนั้น กลายเป็นภัยใหญ่หลวงต่อราชสำนัก...” เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนลี่ในฐานะรัชทายาท โจวเต้ากงจึงจำต้องกล่าวเช่นนี้ หยุนลี่รู้สึกพอใจกับคำตอบของโจวเต้ากง จ
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ