โบราณว่า คนกินปากอ่อน คนรับมือสั้นทหารของเมืองซั่วฟางและค่ายเหนือต่างหาเหตุผลให้ได้ไปกินข้าวที่ค่ายใต้ แต่หากนานๆ เข้า พวกเขาก็จะรู้สึกเกรงใจแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทหารของค่ายใต้ และไม่มีหน้าฝึกซ้อมที่ค่ายใต้ต่อดังนั้น คนเหล่านี้จึงตอบแทนด้วยการทำเรื่องที่ต้องใช้แรงให้เมื่อได้รู้ว่าห้องปฏิบัติการบริเวณไม่ไกลออกจากค่ายใต้นั้นเป็นของสหายของหยุนเจิง คนเหล่านี้จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือก่อสร้างห้องปฏิบิตการแม้ว่าหยุนเจิงก็ห้ามอย่างไร ก็ไม่อาจห้ามไหว“แผนการของท่านนี่มันเยี่ยมจริงๆ!”เห็นทหารที่วิ่งเข้าไปช่วยก่อสร้างห้องปฏิบัติแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนพลันอดไม่ได้หัวเราะออกมา “ข้าเกรงว่าฮั่วกู้คงร้อนใจแย่แล้ว”ไอ้สารเลวคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ!เรื่องเละเทะเรื่องหนึ่งกลับถูกเขาพลิกสถานการณ์กลับมาได้ภายในเวลาไม่กี่วัน!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แผนที่จะกลืนกินกำลังคนและม้าของเมืองซั่วฟางและค่ายเหนือต้องสำเร็จแน่นอน!“ช่างเขาเถอะ!”หยุนเจิงเอ่ยยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้ก็รอดูว่าฮั่วกู้จะเลือกอย่างไรแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเอียงศีรษะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หากท่านเป็นฮั่วกู้ที่เจอสถานการณ์เช่นนี
หลูซิ่งมองหยุนเจิงอย่างลำบากใจ “ข้าจะให้ท่านอ๋องส่งเนื้อให้ตลอดไม่ได้หรอกกระมัง?”“ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงตอบยิ้มแย้ม “เงินในมือข้ายังมีอีกมาก จะกินอีกสักสองสามปีก็ไม่ใช่ปัญหา!”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ใบหน้าของหลูซิ่งพลันกระตุกเล็กน้อยกินเช่นนี้อีกสองสามปีนั้นหรือ?หากกินเช่นนี้ต่อไปอีกครึ่งเดือน เกรงว่าคนของค่ายเหนือคงได้กลายเป็นคนของจิ้งเป่ยอ๋องเขาเพียงผู้เดียวแล้ว!เห็นท่าทีของหลูซิ่งแล้ว หยุนเจิงจึงพูดอย่างหนักแน่นว่า “เหล่าทหารแม่ทัพกินอิ่มถึงจะมีแรงฝึกซ้อม ฝึกซ้อมได้ดีถึงจะฆ่าคนเป่ยหวนได้มาก! บอกแม่ทัพหลูตามตรงเลยแล้วกัน ครั้งนี้ข้าแบกโลงศพมาที่ซั่วเป่ยด้วยเชียวนะ หากไม่สามารถกำจัดเป่ยหวนได้ ข้าก็จะฝังที่ซั่วเป่ยนี้แล้ว!”“เรื่องนี้ ข้าเองก็เคยได้ยินมา”หลูซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าประทับใจในความชอบธรรมของท่านอ๋องจริงๆ!”“แม่ทัพหลูชมเกินไปแล้ว”หยุนเจิงโบกมือแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ดังนั้นแล้ว ข้าเองก็หวังว่าทุกคนจะได้กินของดี ถึงยามรบเขาจะได้เข่นฆ่าศัตรูได้ และเสริมกำลังให้กับกองทหารของต้าเฉียน!”หลูซิ่งชะงักเล็กน้อย ไม่รู้จะพูดอะไรชั่วขณะหยุนเจ
ตู้กุยหยวนช่วยชีวิตหลูซิ่งไว้ เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายขึ้นแล้วตกดึก หยุนเจิงพวกเขาอยู่ดื่มร่วมกันกับพวกหลูซิ่งแต่ทว่า พวกเขาไม่ได้ดื่มด่ำด้วยกันที่ค่าย พวกเขาทำอาหารหนึ่งหม้อใหญ่ แล้วไปดื่มที่ห้องปฏิบัติการในกองทหารไม่อนุญาตให้ดื่มสุรา นี่เป็นกฎเหล็กของหยุนเจิง แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องปฏิบัติตามหลังจากรู้กฎข้อนี้ของหยุนเจิงแล้ว หลูซิ่งพลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวลองเชิงว่า “ท่านอ๋อง ข้ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือไม่?”“ว่ามาสิ” หยุนเจิงอมยิ้ม“แท้จริงแล้ว ข้าคิดว่าการดื่มด้วยกันในกองทหารเป็นบางครั้งบางคราวก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร”หลูซิ่งกล่าวลองเชิง “ซั่วเป่ยมีอากาศหนาวอย่างข่มขื่น ตอนนี้ยังถือว่าพอได้ แต่หากผ่านไปอีกสักพัก อากาศจะหนาวมาก หากเหล่าแม่ทัพและทหารกะกลางคืนเหล่านั้นไม่มีสุรามาช่วยบรรเทาอาการหนาวสักหน่อยล่ะก็ เกรงว่าจะฝินต่อไปยาก…”แท้จริงแล้ว ทั้งกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือก็ห้ามดื่มสุราเช่นเดียวกันแต่ก็มีข้อยกเว้นฤดูหนาวของซั่วเป่ยทำให้คนแข็งตายได้จริงๆ!พอเข้าสู่ฤดูหนาว ทหารที่อยู่กะดึกและลาดตระเวนดึกล้วนจะพกขวกสุราไว้เสมอเมื่อรู้สึกหนาวก็จะหยิบออกมาดื่มเพื
เรื่องกินเงินเดือนนี้สามารถบอกได้ว่าเป็นกฎที่ไม่ได้พูดถึงในกองทหารโบราณแล้วข้อแตกต่างคือ กินมากกินน้อยเท่านั้นถึงแม้เขาจะมีองค์ชายและท่านอ๋องสองสถานะ แต่หากไม่มีหลักฐาน ก็ไม่สามารถทำอะไรคนคนนั้นได้อยู่ดีอีกอย่าง สงครามซั่วเป่ยใกล้จะมาถึงแล้วถึงแม้เสด็จพ่อจะรู้เรื่องนี้ ก็คงจะเลือกหลับหูหลับตา รอให้เสร็จสิ้นสงครามซั่วเป่ยนี้แล้วถึงจะคิดบัญชีกับคนเหล่านั้นโลกนี้ไม่ใช่ทุกเรื่องจะได้รับความยุติธรรม!มันโหดร้ายมาก แต่มันคือความจริง!ถูกหยุนเจิงพูดไปคำหนึ่ง เสิ่นลั่วเยี่ยนก็กระดกสุราอย่าเศร้าใจราวกับเป็นลูกกลมอัดที่ถูกปล่อยลมอย่างไรอย่างนั้น“ท่านอ๋องพูดมีเหตุผล”หลูซิ่งพยักหน้ากล่าว “หลักฐานเหล่านั้นเกรงว่าจะถูกทำลายหมดแล้ว”“เอาล่ะ เรื่องนี้มีแค่เราที่รู้กันก็เป็นพอ”หยุนเจิงโบกมือ “บัญชีนี้ติดเอาไว้ก่อน รอให้มีโอกาส ข้าจะทำให้พวกเขาคืนเงินที่กินไปกลับมาทั้งหมดรวมทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู!”หืม?หัวใจของเสิ่นลั่วเยี่ยนสั่นไหวแล้วรีบพยักหน้าหงึกๆ “ใช่ จะต้องให้พวกมันคืนทั้งต้นทั้งดอก! เรื่องนี้ท่านเชี่ยวชาญอยู่แล้ว!”แม้แต่หยุนลี่เองก็เกือบจะถูกหยุนเจิงหลอกจนเกือบล้มละลาย นั
ทุกคนดื่มกันจนถึงค่ำพูดคุยเรื่องที่ควรพูดจนหมด หลูซิ่งขอบคุณและปฏิเสธคำเชิญให้อยู่ต่อของหยุนเจิงเขา และยืนยันที่จะกลับค่ายเหนือเมื่อเห็นว่าเขายืนหยัด หยุนเจิงจึงไม่เชิญให้อยู่ต่อ “ก็ได้ เช่นนั้นข้ากับพระชายาไปส่งเจ้าแล้วกัน!”“ไม่รบกวนท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว”หลูซิ่งส่ายศีรษะ กล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว“รบกวนอะไรกัน!”หยุนเจิงส่ายศีรษะยิ้มตอบ “เวลานี้ ประตูเมืองปิดไปตั้งนานแล้ว! เจ้าไม่เดินไปในเมืองกับพวกข้าแล้วเดินอ้อมป่าไปค่ายเหนือ เจ้าจะถึงเมื่อใดกัน?”“คือ…”หลูซิ่งได้สติพลางยิ้มแก้เขิน “เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว!”หลูซิ่งรู้ดีว่าหากเขาไปเคาะเรียกประตู ทหารเฝ้าประตูเมืองก็คงไม่สนใจเขาด้วยซ้ำหากไม่เดินไปพร้อมกับหยุนเจิงเขา เขาก็มีเส้นทางเดียวคือเดินอ้อมป่ากลับไปที่ค่ายเหนือเส้นทางมืดมิดไร้แสงไฟนี้ รอให้อ้อมกลับไปถึงค่ายเหนือเกรงว่าฟ้าคงสว่างแล้วไม่นาน พวกเขาก็ออกเดินทางไปที่เมืองซั่วฟางตามดคาด ประตูเมืองปิดลงตั้งนานแล้ว“เปิดประตู!”เกาเหอถือตะเกียงไฟเรียก“ประตูเมืองปิดลงแล้ว พรุ่งนี้ถึงจะเข้าเมืองได้!”ทหารหัวเมืองตอบโดยไม่คิด“สามหาว!”เกาเหอตะค
“ทหารเหล่านี้มักง่ายเกินไปจริงๆ ง่ายต่อการถูกคนบุกประตูเมืองมาก!”“หากข้าได้รับอำนาจการคุ้มกันของเมืองซั่วฟางล่ะก็ ข้าจะออกกฎเหล็ก ห้ามเปิดประตูเมืองหลังฟ้ามึดเด็ดขาด ไม่ว่าใครก็ตาม!”ความปลอดภัยของประตูเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด!ทันทีที่ประตูเมืองถูกศัตรูบุกรุก ผลลัพธ์ไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ“ไม่เลว รู้จักคิดพิจารณาเรื่องพวกนี้แล้ว”หยุนเจิงเยาะเย้ยนางอีกประโยคหนึ่ง ถึงจะพูดต่อไปว่า “ถึงแม้เจ้าจะพูดมีเหตุมีผล แต่ก็ไม่สามารถออกกฏเหล็กตายตัวได้! เจ้าลองคิดดูซิ หากคนของเราถูกศัตรูไล่ล่า แล้วจำเป็นต้องเข้าเมือง หากเจ้าไม่เปิดประตูเมือง เจ้าจะยืนมองคนของเราถูกศัตรูฆ่าตายน่ะหรือ?”“เอ่อ…”เสิ่นลั่วเยี่ยนชะงักเบาๆ ไม่รู้จักตอบอย่างไรดีสิ่งที่หยุนเจิงพูดมามีความเป็นไปได้มากหากถูกศัตรูไล่ล่า แล้ววิ่งหนีมาถึงประตูเมืองฝ่ายตน ทว่าคนเฝ้าประตูเมืองกลับไม่ยอมเปิดประตูให้เนื่องด้วยคำสั่ง แล้วเช่นนั้นทหารที่ถูกศัตรูฆ่าตายจะรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหน?“ดังนั้นเรื่องนี้ไม่สามารถทำให้เป็นกฎเหล็กตายตัวได้”หยุนเจิงยิ้มเบาๆ “เพียงแต่ว่า การตรวจสอบควรจะเข้มงวดมากกว่านี้! แล้วก็สามารถเข้าเมืองได้
ความคิดอุดมคติสวยงาม แต่ความจริงช่างโหดร้ายตื่นมายามเช้า หยุนเจิงก็รู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งตัว ทั้งยังไอไม่หยุดเมี่ยวอินตรวจอาการให้ได้ผลว่าเขาเป็นหวัดฤดูหนาวเกรงว่าสาเหตุคงมาจากการที่ตากลมหิมะกลับจวนเมื่อคืนนี้“ฮ่าๆ…”“ร่างกายน้อยๆ ของท่านแม้แต่ลมหิมะยังไม่สามารถทนได้เลย แล้วยังจะไปฝึกซ้อมคนพวกนั้นเองเนี่ยนะ?”“ตอนนี้ยังจะอวดดีกับข้าหรือไม่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่เพียงแต่ไม่เป็นห่วง แต่ยังหัวเราะเยาะเขาอีกด้วยหยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยสีหน้ามึดมน ในใจหดหู่เป็นที่สุดมารดามันเถอะ!สุขภาพของตนอ่อนแอเพียงนี้เชียวหรือ?ลำพังแค่ลมหิมะน้อยๆ ก็ไม่สมารถรทนได้?แล้วยังจะใช้ชีวิตอยู่ที่ซั่วเป่ยทำซากอะไรกัน!มารดามันเถอะ!ขายขี้หน้าจริงๆ!“พอ หยุดหัวเราะได้แล้ว!”เยี่ยจื่อตีเสิ่นลั่วเยี่ยนเบาๆ “ข้าเกรงว่า เขาน่าจะเหนื่อยจากการมาถึงซั่วเป่ย เมื่อคืนยังตากลมหิมะกลับจวนด้วยถึงได้ล้มป่วยเช่นนี้”“ใช่ๆ!”หยุนเจิงพยักหน้าหงึกๆ แล้วมองเสิ่นลั่วเยี่ยนเศร้าๆ “ข้าต้องเหนื่อยเกินไปแน่ๆ เจ้าไม่เป็นห่วงข้าไม่พอ ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะข้าอีก!”“ได้ๆ ข้าไม่รู้จักเป็นห่วงคน พอใจหรือยัง?”เ
หมิงเย่ว์และเยี่ยจื่อเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยพลางแอบด่าอยู่ในใจเป็นถึงท่านอ๋อง แต่กลับไม่รู้จักอายเลยสักนิดเรื่องเช่นนี้ยังมีหน้ามาพูดต่อหน้าพวกนางอีก!“เจ้าถามเอง จะมาโทษข้าหรือ?”หยุนเจิงมองเมี่ยวอินด้วยความขุ่นเคือง “หนังสือโบราณที่ข้าเคยอ่านเล่มนั้นมีบันทึกวิชาการฝึกฝนนี้ไว ข้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าที่เป็นยอดฝีมือนอกโลกจะสอนวิชานี้ให้กับเจ้าเสียอีก!”มารดามันเถอะ!บทละครไม่ควรเขียนเช่นนี้สิ!อยากจะฉวยโอกาสสักหน่อยนี่มันยากจริงๆ!“ตนไม่ฝึกวิชาเองดีๆ แต่คิดอยากเดินทางลัด!”เมี่ยวอินแค่นเสียงฮึ แล้วก้มหน้าฝังเข็มให้หยุนเจิงต่อไปรอให้เมี่ยวอินฝังเข็มเสร็จ คนในจวนก็ไปซื้อยากลับมาถึงพอดีซินเซิงรีบวิ่งเข้าไปต้มยาให้กับหยุนเจิงทันทีเมี่ยวอินจ้องเขาด้วยความอับอายแล้วก็พาหมิงเย่ว์ออกจากห้องทันทีทั้งสองเดินออกไป หมิงเย่ว์ก็เอ่ยเสียงเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่หญิง วิชาฝึกฝนสองสิ่งอย่างเท่าเทียมที่เขาหมายถึง ก็คือวิชาเหอหวนกงที่อาจารย์สอนไม่ใช่หรือ?”“เงียบ!”เมี่ยวอินจ้องหมิงเย่ว์ไปทีหนึ่ง “เจ้าเพียงแค่ทำเหมือนไม่รู้อะไรก็เป็นพอ!”“ก็ได้!”หมิงเย่ว์ยิ้มเบาๆ แล้วหยอกล้อว่า “ข้าคิด
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่