“นี่น่ะหรือ?”หยุนเจิงผิดหวังอย่างมากถือศีลกินเจสำรวมตนไปจะมีประโยชน์ใด!ไม่สู้กินเสพให้เต็มไปที่ไปเลยดีกว่า!“เจ้ายังคิดจะใช้จดหมายฉบับเดียวทำให้เขาเสียตำแหน่งองค์รัชทยาท?”เมี่ยวอินมองหยุนเจิงอย่างหมดคำพูดใจเขาดำจริงๆหยุนลี่ถูกเขาลอบกัดจนถูกกักตนถือศีลกินเจสำรวมตนที่ตำหนักตงกง เขายังไม่รู้จักพอใจ?เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังอย่างสับสนมึนงง ขมวดคิ้วกล่าว “พวกเจ้ากำลังพูดสิ่งใดกัน?”“เจ้าไม่ได้บอกนางเรื่องจดหมายฉบับนั้น?”เมี่ยวอินถามหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจ“บอกแล้วสิ!”หยุนเจิงยักไหล่ “แต่นางนึกว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นข้าแอบคัดลอกบทกวีของพี่สะใภ้นาง ไม่ได้คิดสิ่งใดมาก”“ห๊า?”เมี่ยวอินตกใจ จากนั้นก็มองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกนางไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนไร้เดียงสาเกินไปหรือว่าโง่เขลาเกินไปกันแน่นางนึกว่าสามีของนางผู้นี้เป็นตะเกียงประหยัดน้ำมันหรือ?ด้วยการอธิบายจากเมี่ยวอิน เสิ่นลั่วเยี่ยนในที่สุดก็เข้าใจอำนาจของจดหมายฉบับนั้นแล้วเวลานี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่รู้จะควรชมหยุนเจิงว่าฉลาด หรือว่าจะบอกว่าเขาร้ายกาจดีแล้วแค่จดหมายฉบับเดียว เขากลับสร้
หยุนจริงไม่คิดปกปิด เขาบอกสถานะตัวตนของเมี่ยวอินและหมิงเย่ว์กับเสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อรู้ว่าทั้งสองมีแผนลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิเหวิน เสิ่นลั่วเยี่ยนตกตะลึง“เจ้าไม่กลัวว่าพวกนางจะลอบสังหารเสด็จพ่อไม่สำเร็จแล้วจะเปลี่ยนมาลอบสังหารเจ้าแทน?”ทันใดนั้นเสิ่นลั่วเยี่ยนก็กังวลขึ้นมา“ข้าก็ยังอยู่สบายดีไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “วางใจเถอะ! พวกนางไม่เพียงจะไม่ลอบสังหารข้า ยังจะช่วยคุ้มครอบความปลอดภัยข้าด้วย! พวกนางยังชี้นำให้ข้าก่อกบฏ!”“ห๊า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบิ่งตาโตด้วยความอึ้ง ในสมองเต็มไปด้วยความสับสนนางไม่สามารถเข้าใจความคิดของหยุนเจิงได้จริงๆและไม่รู้ว่าหยุนเจิงไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดเก็บคนที่มีความแค้นคิดทำลายราชวงศ์ไว้ข้างกาย เขาล้วนไม่กังวลใจสักนิดหรือ?“เอาล่ะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “พูดเรื่องของเจ้าดีกว่า!”“ข้า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนชะงักเล็กน้อย ขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าข้าประมาทเกินไป ต่อไปข้าจะระวังให้มาก”เรื่องนี้ ไม่ว่านางจะแก้ตัวอย่างไรก็ไร้ประโยชน์นางถูกจับเป็นเชลยแล้ว!นี่เป็นความจริง!นางเป็นพระชายาข
เสิ่นลั่วเยี่ยนสะอึกเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็ไม่พูดจาแล้วเหตุผลนี่ก็เป็นเหตุผลเช่นกันแต่คำถามคือ สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ล้วนเป็นไปดั่งใจเจ้านึกเสียที่ไหน?“ไม่เพียงแค่เจ้า ข้าเองก็จะพยายามสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้!”หยุนเจิงเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เจ้าคือพระชายาอ๋อง หากเจ้าล้วนถูกจับเป็นเฉลยแล้ว นั่นก็แปลว่าพวกเราแพ้อย่างราบคราบแล้ว! ถึงเวลานั้นจริง เกรงว่าข้าคงตายอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจ จากนั้นก็ยิ้มเยาะตัวเองใช่แล้ว!หากถึงเวลานั้นจริง สิทธิ์ในการตัดสินใจเกรงว่าคงไม่อยู่ในมือพวกเขาแล้วเมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจเสิ่นลั่วเยี่ยนก็รู้สึกผ่อนคลายหน่อยแล้ว“ไม่ว่าเช่นไร วันนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้า”เสิ่นลั่วเยี่ยนเงยหน้าขึ้น “เมี่ยวอินพูดได้ถูกต้อง หากเลือกแต่งกับองค์ชายองค์อื่น เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไป และก็ไม่มีผู้ใดยอมเข้าไป!”หยุนเจิงยิ้มมุมปาก เอ่ยหยอกเย้า “เจ้าขอบคุณข้าเช่นนี้หรือ?”“หรือต้องให้ข้าคุกเข่าก้มหัวขอบคุณหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องเขาด้วยความโมโห“ไม่ต้องหรอก”หยุนเจิงหัวเราะ โอบเอวของเสิ่นลั่วเ
สองวันถัดไป พวกเขาตั้งที่พักชั่วคราวที่หุบเขาไป๋ฮวาคิดเสียว่าเป็นการทดลองการพักแรมในป่าล่วงหน้าเดิมทีถ้ำภูเขาแห่งนั้นก็กลายเป็น “จวนอ๋อง” ของหยุนเจิงแล้วมีเรื่องที่หยุนเจิงสละชีพเพื่อช่วยชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นลั่วเยี่ยนและหยุนเจิงพัฒนาไม่น้อยลูบไล้จับมือ โอบเอว ล้วนไม่ใช่ปัญหาแล้วแต่ว่า ทุกครั้งที่หยุนเจิงคิดจะก้าวเข้าไปอีกขั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ผลักมือที่อยู่ไม่สุขของเขาออกไป ทำให้หยุนเจิงรู้สึกหดหู่เล็กน้อยฉวยโอกาสตอนที่กำลังรอพวกเสิ่นฮูหยินที่หุบเขาไป๋ฮวา ทุกคนเองก็หยุดพักผ่อนเช่นกันระหว่างนั้น เยี่ยจื่อพาคนไปยังหลินผิงเฉิง เติมเสบียงไม่น้อยตั๋วเงินในมือของพวกเขา ได้ทำการแลกเปลี่ยนจำนวนมากที่เมืองหลินผิงตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอให้พวกเสิ่นฮูหยินมาถึงก็สามารถออกเดินทางได้อีกครั้งวันถัดมา พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของพวกเสิ่นฮูหยินตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเช่นไร พวกเขารอตั้งแต่เช้าจนกระทั่งบ่าย กลับไม่เห็นวี่แววของพวกเสิ่นฮูหยิน“ไม่ถูกต้อง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “ตามหลักแล้ว ถึงเช่นไรวันนี้พวกท่านแม่ก็ควรมาถึงได้แล้วกระมั้ง?”นับรวมวันนี้ ความจริงพวกเ
”คือ...”โจวมี่เองก็ไม่รู้จะอธิบายกับหยุนเจิงว่าโรคไข้หนาวคือโรคใด ทำได้เพียงพรรณนาอาการของโรคไข้หนาวให้หยุนเจิงฟังที่เรียกว่าไข้หนาว ก็คือมีอาการเป็นไข้เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวเป็นระยะ เหงื่อออกจำนวนมาก ทำให้ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้นี่เป็นโรคร้ายแรงประมาทเพียงเล็กน้อย ชีวิตก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้แล้วโดยเฉพาะ เสิ่นเนี่ยนฉือเพิ่งอายุไม่ถึงเจ็ดขวบ ยิ่งอันตรายเมื่อได้ฟังคำอธิบายของโจวมี่ หยุนเจิงพลันชะงักในใจมิน่าเล่าเสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อครู่จึงมาเขาด้วยสายตาเช่นนั้น!ไข้หนาวนี่นึกไม่ถึงว่าจะร้ายแรงเช่นนี้?เสิ่นลั่วเยี่ยนร้อนใจมาก สั่งโจวมี่ด้วยใจที่สับสนยุ่งเหยิง “ไปแจ้งให้หมอที่ติดตามมากับพวกเรา บอกให้พวกเขาไปกับข้า!”หมอที่ติดตามพวกเขาล้วนเป็นหมอที่วังเชิญมาฝีมือแพทย์บางทีอาจจะดีหน่อยพาพวกเขาไปตรวจ ไม่แน่อาจช่วยได้เสิ่นเนี่ยนฉือเป็นองค์หญิงน้อยของจวนเสิ่น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของพี่ใหญ่!นางไม่มีทางยอมให้เกิดสิ่งใดขึ้นกับเสิ่นเนี่ยนฉือ“ขอรับ!”โจวมี่ไม่กล้าชักช้า รีบไปทำตามคำสั่งหยุนเจิงคิดจะปลอบใจเสิ่นลั่วเยี่ยน ทว่าไม่รู้จะปลอบเช่นไรมารดาเขาสิ!คนด
ในที่สุด หยุนเจิงก็เจอต้นโกฐจุฬาลัมพาเมื่อรู้ว่าเสิ่นเนี่ยนฉือป่วยหนักกะทันหัน เมี่ยวอินก็เสนอตัวขอตามไปดูด้วย“เจ้าจะอยากไปดูเรื่องครื้นเครงอะไรล่ะ”ตอนนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนรู้สึกกังวลมาก จนใครหน้าไหนมาพูดด้วยก็ชักสีหน้าใส่เมี่ยวอินเข้าใจอารมณ์ของนาง แต่ไม่สนใจท่าทีของนาง ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ข้ารู้ทักษะทางการแพทย์ แถมยังมีทักษะทางการแพทย์ดีกว่าพวกหมอส่วนใหญ่นั่นอีก”“เจ้ารู้ทักษะทางการแพทย์ด้วยงั้นหรือ”หยุนเจิงรู้สึกประหลาดใจนี่คือสิ่งที่เขาไม่คาดคิด!“เจ้ายังเข้าใจทักษะทางการแพทย์ได้ ทำไมข้าจะเข้าใจบ้างไม่ได้”เมี่ยวอินเลิกคิ้วยิ้มๆ “อาจารย์ของข้ามีความสนใจที่หลากหลาย และทักษะทางการแพทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น”เอาเถอะ!การมีอาจารย์ที่ดีเป็นเรื่องดีจริงๆ!หยุนเจิงแอบถอนหายใจในใจ เขาไม่ร่ำรี้ร่ำไรอีก ออกเดินทางไปกับทุกคนทันทีลั่วอันยังอยู่ในเขตสุยโจว ห่างจากหุบเขาไป๋ฮวามากกว่าหนึ่งร้อยลี้พวกเขาห่วงพะวงสถานการณ์ของเสิ่นเนี่ยนฉือ เร่งรุดเดินทางมาอย่างรวดเร็วตลอดเมื่อท้องฟ้าเพิ่งมืดลง พวกเขาก็มาถึงลั่วอันแล้วภายใต้การนำของหม่าซาน พวกเขามาถึงอารามร้างที่ตระกูลเสิ่นทุกคน
“เรื่องนี้...ข้าไม่รู้...”ใบหน้าของเว่ยซวงเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของหยุนเจิงอย่างไรหยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามทันทีว่า “เช่นนั้นก่อนที่นางจะไข้ขึ้น พวกท่านเคยอยู่ในสถานที่ที่มียุงเยอะหรือไม่”“อืม”ฮูหยินเสิ่นเข้ามาตอบแทนนาง กล่าวทั้งที่ยังร้องไห้ว่า “เมื่อคืนก่อนเราอยู่ไกลจากตัวเมือง ข้าเห็นว่าทุกคนเหนื่อยแล้ว จึงให้ทุกคนหาสถานที่พักค้างคืนชั่วคราวในป่า...”นั่นน่าจะเป็นเพราถูกยุงกัดทำให้เป็นไข้มาลาเรีย!หยุนเจิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว เขารีบเรียกคนรับใช้ของจวนเสิ่นทันที ยื่นโกศจุฬาลัมพาในมือให้คนรับใช้ แล้วสั่งว่า “รีบหาอะไรมาบดให้ละเอียด แช่น้ำ แล้วห่อด้วยผ้าขาวบางสะอาด บีบน้ำออก...”“องค์ชาย เจ้าจะใช้สิ่งนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของเนี่ยนฉือ?” ฮูหยินเสิ่นมีปฎิกิริยาโต้ตอบทันที “อื้ม!”หยุนเจิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าอ่านเจอยาสมุนไพรพื้นบ้านจากตำราโบราณเล่มนั้น...”หยุนเจิงนำตำราโบราณสารพัดนึกออกมาอีกครั้งเมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธจัด “ตำราโบราณของเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สารพัด! ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพิษหรือไม่ ถ้าเกิด...”“ไม่มีพิษ!”หยุนเจิงกล่าวด้วยค
หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ในจวนเสิ่นก็แช่โกศจุฬาลัมพา บดแล้วคั้นน้ำออกมา ได้น้ำสีเขียวเข้มข้นมาชามใหญ่คนรับใช้นำน้ำสมุนไพรสีเขียวมาอย่างระมัดระวัง ยังหันจมูกไปอีกด้านโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่าของสิ่งนี้กลิ่นไม่ค่อยน่าอภิรมย์นัก ฮูหยินเสิ่นหยิบน้ำสมุนไพรมาวางที่ปลายจมูก แล้วขมวดคิ้วทันทีกลิ่นนี้ เหม็นจริงๆทั้งฉุนทั้งเหม็น“สิ่งนี้...สามารถใช้เป็นยาได้จริงหรือ”ฮูหยินเสิ่นในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยสิ่งที่มีกลิ่นเหม็นเช่นนี้ สามารถใช้เป็นยาได้จริงหรือ“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้ายืนยัน “ข้าไม่รับประกันว่าสิ่งนี้จะรักษาเนี่ยนฉือได้แน่นอนหรือไม่ แต่ข้ารับประกันได้ว่าสิ่งนี้ไม่มีพิษแน่นอน!”เมื่อพูดเช่นนั้น หยุนเจิงก็เอื้อมมือไปหยิบชามในมือของฮูหยินเสิ่นพูดจนปากเปื่อยปากแฉะ ไม่สู้ดื่มยืนยันไปเลย“ไปซะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนผลักหยุนเจิงออกไป “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็หยิบชามจากมือมารดา ระงับความรู้สึกคลื่นไส้ และนำน้ำสมุนไพรเข้าปากของตัวเองขณะที่ฮูหยินเสิ่นกำลังจะห้าม เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ดื่ม ‘อึกๆ’ ไปสองคำแล้วเมื่อเห็นการกระทำของเสิ่นล