หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ในจวนเสิ่นก็แช่โกศจุฬาลัมพา บดแล้วคั้นน้ำออกมา ได้น้ำสีเขียวเข้มข้นมาชามใหญ่คนรับใช้นำน้ำสมุนไพรสีเขียวมาอย่างระมัดระวัง ยังหันจมูกไปอีกด้านโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่าของสิ่งนี้กลิ่นไม่ค่อยน่าอภิรมย์นัก ฮูหยินเสิ่นหยิบน้ำสมุนไพรมาวางที่ปลายจมูก แล้วขมวดคิ้วทันทีกลิ่นนี้ เหม็นจริงๆทั้งฉุนทั้งเหม็น“สิ่งนี้...สามารถใช้เป็นยาได้จริงหรือ”ฮูหยินเสิ่นในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยสิ่งที่มีกลิ่นเหม็นเช่นนี้ สามารถใช้เป็นยาได้จริงหรือ“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้ายืนยัน “ข้าไม่รับประกันว่าสิ่งนี้จะรักษาเนี่ยนฉือได้แน่นอนหรือไม่ แต่ข้ารับประกันได้ว่าสิ่งนี้ไม่มีพิษแน่นอน!”เมื่อพูดเช่นนั้น หยุนเจิงก็เอื้อมมือไปหยิบชามในมือของฮูหยินเสิ่นพูดจนปากเปื่อยปากแฉะ ไม่สู้ดื่มยืนยันไปเลย“ไปซะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนผลักหยุนเจิงออกไป “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็หยิบชามจากมือมารดา ระงับความรู้สึกคลื่นไส้ และนำน้ำสมุนไพรเข้าปากของตัวเองขณะที่ฮูหยินเสิ่นกำลังจะห้าม เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ดื่ม ‘อึกๆ’ ไปสองคำแล้วเมื่อเห็นการกระทำของเสิ่นล
ไข้ลดลงแล้ว?หยุนเจิงรู้สึกดีใจ รีบวิ่งเข้าไปในอารามร้างทันทีเขารีบวิ่ง ไม่ได้ระวังตัว จู่ๆ ก็สะดุดเถาวัลย์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้“องค์ชาย!”เมื่อเห็นหยุนเจิงสะดุด คนรับใช้ของจวนเสิ่นก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองเขา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงโบกมือ ยืนขึ้นอย่างฝืนทนต่อความเจ็บปวดให้ตายเถอะ นิ้วหัวแม่มือบนฝ่ามือกระแทกเข้ากับหินคมๆ จนชิ้นเนื้อหลุด!“องค์ชาย มือของท่านมีเลือดออก!”คนรับใช้พูดด้วยความตื่นตระหนก “ข้าน้อยจะช่วยพันผ้าพันแผลให้นะเจ้าคะ!”“ไม่ต้องสนใจ รอฆ่าเชื้อก่อนค่อยว่ากัน”หยุนเจิงโบกมือแล้วเดินเข้าไปในอารามร้างอย่างรวดเร็วฆ่าเชื้อ?คนรับใช้มองดูแผ่นหลังของหยุนเจิงด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วถามคนรับใช้ที่ถือโกฐจุฬาลัมพาว่า “ฆ่าเชื้อคืออะไร”“ข้าจะรู้ได้อย่างไร!”คนอื่นๆ ส่ายหัว กล่าวด้วยความชื่นชมว่า “องค์ชายเทพจริงๆ โรคที่คนหลายคนหมดปัญญารักษา เขากลับรักษาให้หายได้ด้วยน้ำสมุนไพรเพียงเล็กน้อย...”“อื้มๆ”คนรับใช้ที่ถือคบเพลิงพยักหน้า เอ่ยเตือนว่า “เจ้าต้องถือไม้โกศจุฬาลัมพา...เหม็นๆ พวกนี้ไว้ให้ดี สิ่งนี้เป็นของล้ำค่า มีค่ามากกว่าทองคำด้วยซ้ำ!”นี่คือยาสมุน
“เจ้านี่สุดยอดจริงๆ!”“ชะตากรรมที่ผูกมัดเจ้าสองคนไว้ด้วยกันด้วยโซ่เหล็ก ก็สามารถถูกเจ้าตัดขาดได้...”ในขณะที่พันแผลบนมือของหยุนเจิง เมี่ยวอินก็ล้อเลียนหยุนเจิงอย่างอดไม่ได้ใช่สิ!เสิ่นลั่วเยี่ยนหวังดีจะช่วยดูดเลือดจากบาดแผลให้เขา เพื่อจะช่วยให้เลือดหยุดเร็วๆ แต่เขากลับดี พอเอ่ยปากก็หาว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นสุนัขทันทีก็เป็นแบบนี้ สมควรแล้วที่เสิ่นลั่วเยี่ยนใจร้ายกับเขา“ข้ามันปากเสียพอใจหรือยัง”หยุนเจิงเหลือบมองเสิ่นลั่วเยี่ยนที่ยังคงบึ้งตึง และในขณะที่แอบยิ้มอย่างขมขื่น ก็พูดกับเมี่ยวอินว่า “วิธีการฆ่าเชื้อของเจ้าแบบนี้ใช้ไม่ได้ ประเดี๋ยวเราต้องเอาสุรามากลั่นใหม่อีก วันหน้าหากมีสงครามขึ้น ของสิ่งนี้ไม่รู้จะช่วยชีวิตได้อีกกี่คน...”วันนี้เพราะเขาได้รับบาดเจ็บ จู่ๆ ก็ฉุกใจคิดได้ว่าแอลกอฮอล์นี้เป็นยาฆ่าเชื้อประเด็นก็คือ แอลกอฮอล์หาได้ง่ายมาก ไม่ต้องคำนวณวิทยาศาสตร์อะไรทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายคงค่อนข้างสูงอย่างแน่นอนท้ายที่สุดแล้ว ปริมาณแอลกอฮอล์ของสุราในต้าเฉียนนั้นไม่สูงมาก โดยทั่วไปราคาไม่ถูกสุราห้าจินใช่ว่าจะสามารถผลิตแอลกอฮอล์หนึ่งจินที่ตรงตามมาตรฐานทางการแพท
ระหว่างที่พูด เมี่ยวอินยังแลบลิ้นที่อ่อนนุ่มออกมาเลียริมฝีปากของตัวเอง และยังใช้นิ้วมือที่ขาวเผือดของนางลูบหลังฝ่ามือของหยุนเจิงเบาๆเมื่อเห็นท่าทางของเมี่ยวอินที่เต็มไปด้วยการยั่วยวน เลือดร้อนในร่างกายของหยุนเจิงก็พลุ่งพล่านไม่หยุดให้ตายเถอะ!แม่นางยั่วสวาทคนนี้!อยากจะจับนางประหารชีวิตให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!อยากเป็นสัตว์ร้ายเสียจริง!ใครก็ได้ รีบมาเก็บแม่นางยั่วสวาทคนนี้หน่อยสิ!เลือดข้าจะไหลหมดตัวแล้ว!“เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลังเถอะนะ!”หยุนเจิงยิ้มแห้งๆ และพูดตัดบทในทันที “ท่านอาจารย์ของเจ้าสอนอะไรเจ้าบ้าง?”“มากทีเดียวเพคะ”เมี่ยวอินยิ้มหวานหยาดเยิ้ม และพูดด้วยหน้าตาที่งดงาม “ท่านอาจารย์ของข้ายังเคยสอนศิลปะการร่วมรักด้วยนะเพคะ!”ให้ตายเถอะ?จริงหรือหลอกเนี่ย?แม่นางยั่วสวาทคนนี้!“จะว่าไปแล้ว อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกัน?”หยุนเจิงถามประเด็นสำคัญในทันทีหากผู้ชายคนหนึ่งสอนศิลปะการร่วมรักกับนาง แบบนั้นก็คงไม่เหมาะสม!“วางใจได้เพคะ ท่านอาจารย์ของข้าเป็นผู้หญิง!”เมี่ยวอินลูบที่หลังมือของหยุนเจิงเบาๆ “ร่างกายของหม่อมฉันยังคงบริสุทธิ์
หลังจากพักผ่อนหนึ่งคืน เสิ่นเนี่ยนฉือแทบไม่มีอาการน่าเป็นห่วงร่างกายของเจ้าหนูน้อยยังคงอ่อนแรงอยู่ แต่มีชีวิตชีวามากขึ้นแล้วเมื่อเห็นว่าอาการของเจ้าหนูน้อยค่อยๆ ฟื้นฟู ทุกคนต่างก็โล่งใจ และรีบเดินทางไปยังหุบเขาไป๋ฮวาหยุนเจิงได้รับบาดเจ็บที่มือ จึงไม่ได้ขี่ม้าอีกแล้ว และนอนอยู่ในรถม้าฮูหยินเสิ่นยังจงใจให้เสิ่นลั่วเยี่ยนเข้าไปในรถม้า เพื่อให้นางอยู่เป็นเพื่อนหยุนเจิง“ยังโกรธอยู่หรือ?”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนที่กำลังโกรธจัดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“หม่อมฉันจะกล้าโกรธองค์ชายได้อย่างไรเพคะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ท่านอ๋องกลายเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตของเนี่ยนฉือแล้ว คนทั้งครอบครัวของข้าต่างก็ยืนอยู่ข้างท่านอ๋อง หากหม่อมฉันยังกล้าโมโหท่านอ๋อง ท่านแม่และพี่สะใภ้อีกสองคนคงไม่ปล่อยข้าไปแน่!”“ดูท่าทางของเจ้าสิ ยังกล้าพูดว่าไม่โกรธอีก”หยุนเจิงย้ายตัวเองไปนั่งประกบเสิ่นลั่วเยี่ยน “เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น เจ้าขี้น้อยใจขนาดนี้เลยหรือ?”“ไปให้ห่างจากข้า!”เสิ่นลั่วเยี่ยนผลักหยุนเจิงออกด้วยโฉมหน้าเดิมของนาง “อย่าเอาโรคหมาบ้าของข้าไปแพร่กระจายใ
แม้นางจะดุ แต่คำพูดของนางไม่มีความอาฆาตมาดร้ายเลยแม้แต่น้อยและยังดูเหมือนกำลังหยอกล้อเล็กน้อย“เอาล่ะ ไม่ต้องวุ่นวายหรอก แค่แผลเล็กๆ เท่านั้น”หยุนเจิงยิ้มและพูดอย่างไม่แยแส “เจ้าให้ข้ากอดเยอะๆ ข้าก็จะอารมณ์ดี แผลก็จะหายเร็วขึ้นด้วย”“ถุย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพ่นน้ำลายออกมาเบาๆ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ “หน้าไม่อายก็พูดมาตรงๆ จำเป็นต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดด้วยหรือเพคะ?”“ข้ากอดพระชายาของตัวเอง เหตุใดจึงพูดว่าหน้าไม่อายเล่า?”หยุนเจิงหัวเราะร่า มองเสิ่นลั่วเยี่ยนที่โกรธจนกัดฟันแน่นเสิ่นลั่วเยี่ยนทำทีขัดขืนเล็กน้อย และปล่อยให้เขากอดตัวเองตามใจชอบเมื่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เปิดปากถามว่า “ท่านเคยตำหนิข้าบ้างหรือไม่?”“หา?”หยุนเจิงทำหน้าแปลกใจ เขาสับสนเล็กน้อยกับคำพูดที่โพล่งออกมาอย่างกะทันหันของนางเสิ่นลั่วเยี่ยนก้มหน้าพูดว่า “ข้านิสัยไม่ดี รังแกท่านตลอดเวลา และยังชักสีหน้าใส่ท่านอยู่เสมอ อย่างเรื่องเมื่อคืนนี้ ท่านมีน้ำใจทำยามารักษาเนี่ยนฉือ ข้ายังไม่เชื่อท่าน และยังดุท่านด้วย...”“โอ้ นี่เจ้าเริ่มสำนึกผิดแล้วหรือ?” หยุนเจิงพูดหยอก“ข้ากำลังพู
เมื่อฟ้ามืด ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหุบเขาไป๋ฮวาเมื่อเห็นว่าเสิ่นเนี่ยนฉือไม่เป็นอะไรแล้ว เยี่ยจื่อที่รออยู่ที่หุบเขาไป๋ฮวาก็รู้สึกสบายใจเพื่อให้ถึงหุบเขาไป๋ฮวาโดยไว ทุกคนไม่ได้พักระหว่างทางเลยหลังจากกินเสบียงกรังอย่างง่ายๆ ทุกคนก็สร้างกระโจมสำหรับพักผ่อนเสิ่นลั่วเยี่ยนกระวนกระวายใจอยู่บ้าง พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ จึงออกไปหาเยี่ยจื่อ และดึงเยี่ยจื่อไปยังมุมที่ไม่มีคนเพื่อพูดคุยคลายความกังวลใจเมื่อคุยไปเรื่อยๆ ทั้งสองก็คุยถึงเรื่องของหยุนเจิง“พี่สะใภ้พูดถูก หยุนเจิงเป็นพวกหื่นกาม!”เมื่อพูดถึงหยุนเจิง ท่าทางของเสิ่นลั่วเยี่ยนก็โกรธจัดขึ้นมาอีกครั้งเยี่ยจื่อได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที “เขาทำอะไรเจ้าอีกล่ะ?”“เขา...”ใบหน้างามของเสิ่นลั่วเยี่ยนร้อนผ่าว อยากจะพูดแต่ก็เขินอายเยี่ยจื่อเห็นดังนั้นก็ยิ่งแปลกใจ จึงไล่ถามอีกครั้งเมื่อเยี่ยจื่อซักไซ้ถามครั้งแล้วครั้งเล่า เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงเล่าเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นบนรถม้าให้เยี่ยจื่อฟังอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ“ฮ่าๆ...”เมื่อได้ฟังเสิ่นลั่วเยี่ยน เยี่ยจื่อก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินเ
เสิ่นลั่วเยี่ยนพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ รู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า“เจ้าไม่เพียงละเลยต่อบางสิ่งเท่านั้น!”เยี่ยจื่อพูดด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม “หยุนเจิงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี เจ้าไม่เคยมองเห็นเลย! เจ้าลองคิดดูนะ เจ้าเข้าใจผิดเขาก็ดี ดุใส่เขาก็ดี เขาเคยคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าหรือไม่?”“คือว่า...”เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่นคิดและส่ายหน้าเบาๆจริงด้วย หยุนเจิงไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเหล่านั้นเลยเมื่อก่อนนางคิดว่าหยุนเจิงกลัวโดนต่อย เมื่อครุ่นคิดในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น“เจ้าเด็กโง่เอ๊ย!”เยี่ยจื่อลูบที่มือของเสิ่นลั่วเยี่ยนอีกครั้ง และพูดเสียงเบาว่า “เจ้าคิดว่าเมี่ยวอินต้องการตามเขาไปที่ซั่วเป่ยเพื่อช่วยเขาก่อกบฏงั้นหรือ? หากเจ้าเป็นเมี่ยวอิน และหากไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อหยุนเจิง เจ้าคิดว่าเจ้าจะติดตามเขาไปที่ซั่วเป่ยหรือไม่?”“หา?”เสิ่นลั่วเยี่ยนร้องตกใจ และเบิกตาโพลงอย่างซื่อๆ และมองเยี่ยจื่ออย่างไม่เชื่อว่า “พี่กำลังจะบอกว่า เมี่ยวอินมีใจให้หยุนเจิงงั้นหรือ?”“อย่างน้อยก็ต้องมีบ้าง”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ และพูดอย่างจริงจังว่า “พี่สะใภ้เล่าเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่