ภายใต้การอธิบายของเมี่ยวอิน ทำให้หยุนเจิงเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างพวกเขาออกจากเมืองจักรพรรดิในวันแรก ส่วนฮูหยินเสิ่นพวกเขาออกเดินทางในเช้าวันที่สามเดิมทีพวกนางคิดจะมาพร้อมกับฮูหยินเสิ่น แต่ทว่าฮูหยินเสิ่นบอกให้พวกนางนำไปก่อน จะได้ไปพบกับหยุนเจิงพวกเขาเร็วกว่าแล้วแจ้งข่าวที่พวกเขาออกจากเมืองจักรพรรดิได้สำเร็จแก่หยุนเจิงเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลหยุนเจิงพวกเขาเดินทางก่อนสองวัน ทว่าพวกเขามีสัมภาระ แม้จะเดินทางเร็วกว่า แต่ก็ไม่เร็วไปกว่าเท่าไรนักในทางกลับกันเมี่ยวอินและหมิงเย่ว์ขี่ม้าคนละตัวพวกเขาเดินทางออกจากอู่หยางในวันแรก เมี่ยวอินและหมิงเย่ว์ก็ตามมาถึงในวันที่สองแล้วทั้งสองได้ยินเรื่องที่พวกเราปราบโจรจึงได้ตัดสินใจเดินทางอีกทางหนึ่งมาถึงหุบเขาไป๋ฮวาก่อนหยุนเจิงพวกเขาก่อนเดิมทีพวกนางคิดจะทำให้หยุนเจิงพวกเขาประหลาดใจแต่ทว่าสุดท้าย พวกเขามาถึงหุบเขาไป๋ฮวาก็ถูกโจรกลุ่มเล็กที่อาศัยอยู่ที่นี่หมายตาเข้าโจรพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนางสองคนอยู่แล้ว พวกมันถูกโจมตีจนส่งเสียงร้องปู่ร้องย่าเวลานั้นเอง เมี่ยวอินถึงได้มีความคิดจะลองใจหยุนเจิงขึ้นมาแต่ทว่าเดิมทีนางเพียงแค่คิด
“นี่น่ะหรือ?”หยุนเจิงผิดหวังอย่างมากถือศีลกินเจสำรวมตนไปจะมีประโยชน์ใด!ไม่สู้กินเสพให้เต็มไปที่ไปเลยดีกว่า!“เจ้ายังคิดจะใช้จดหมายฉบับเดียวทำให้เขาเสียตำแหน่งองค์รัชทยาท?”เมี่ยวอินมองหยุนเจิงอย่างหมดคำพูดใจเขาดำจริงๆหยุนลี่ถูกเขาลอบกัดจนถูกกักตนถือศีลกินเจสำรวมตนที่ตำหนักตงกง เขายังไม่รู้จักพอใจ?เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังอย่างสับสนมึนงง ขมวดคิ้วกล่าว “พวกเจ้ากำลังพูดสิ่งใดกัน?”“เจ้าไม่ได้บอกนางเรื่องจดหมายฉบับนั้น?”เมี่ยวอินถามหยุนเจิงด้วยความประหลาดใจ“บอกแล้วสิ!”หยุนเจิงยักไหล่ “แต่นางนึกว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นข้าแอบคัดลอกบทกวีของพี่สะใภ้นาง ไม่ได้คิดสิ่งใดมาก”“ห๊า?”เมี่ยวอินตกใจ จากนั้นก็มองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกนางไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนไร้เดียงสาเกินไปหรือว่าโง่เขลาเกินไปกันแน่นางนึกว่าสามีของนางผู้นี้เป็นตะเกียงประหยัดน้ำมันหรือ?ด้วยการอธิบายจากเมี่ยวอิน เสิ่นลั่วเยี่ยนในที่สุดก็เข้าใจอำนาจของจดหมายฉบับนั้นแล้วเวลานี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่รู้จะควรชมหยุนเจิงว่าฉลาด หรือว่าจะบอกว่าเขาร้ายกาจดีแล้วแค่จดหมายฉบับเดียว เขากลับสร้
หยุนจริงไม่คิดปกปิด เขาบอกสถานะตัวตนของเมี่ยวอินและหมิงเย่ว์กับเสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อรู้ว่าทั้งสองมีแผนลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิเหวิน เสิ่นลั่วเยี่ยนตกตะลึง“เจ้าไม่กลัวว่าพวกนางจะลอบสังหารเสด็จพ่อไม่สำเร็จแล้วจะเปลี่ยนมาลอบสังหารเจ้าแทน?”ทันใดนั้นเสิ่นลั่วเยี่ยนก็กังวลขึ้นมา“ข้าก็ยังอยู่สบายดีไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “วางใจเถอะ! พวกนางไม่เพียงจะไม่ลอบสังหารข้า ยังจะช่วยคุ้มครอบความปลอดภัยข้าด้วย! พวกนางยังชี้นำให้ข้าก่อกบฏ!”“ห๊า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบิ่งตาโตด้วยความอึ้ง ในสมองเต็มไปด้วยความสับสนนางไม่สามารถเข้าใจความคิดของหยุนเจิงได้จริงๆและไม่รู้ว่าหยุนเจิงไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดเก็บคนที่มีความแค้นคิดทำลายราชวงศ์ไว้ข้างกาย เขาล้วนไม่กังวลใจสักนิดหรือ?“เอาล่ะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “พูดเรื่องของเจ้าดีกว่า!”“ข้า?”เสิ่นลั่วเยี่ยนชะงักเล็กน้อย ขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าข้าประมาทเกินไป ต่อไปข้าจะระวังให้มาก”เรื่องนี้ ไม่ว่านางจะแก้ตัวอย่างไรก็ไร้ประโยชน์นางถูกจับเป็นเชลยแล้ว!นี่เป็นความจริง!นางเป็นพระชายาข
เสิ่นลั่วเยี่ยนสะอึกเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็ไม่พูดจาแล้วเหตุผลนี่ก็เป็นเหตุผลเช่นกันแต่คำถามคือ สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ล้วนเป็นไปดั่งใจเจ้านึกเสียที่ไหน?“ไม่เพียงแค่เจ้า ข้าเองก็จะพยายามสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้!”หยุนเจิงเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เจ้าคือพระชายาอ๋อง หากเจ้าล้วนถูกจับเป็นเฉลยแล้ว นั่นก็แปลว่าพวกเราแพ้อย่างราบคราบแล้ว! ถึงเวลานั้นจริง เกรงว่าข้าคงตายอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจ จากนั้นก็ยิ้มเยาะตัวเองใช่แล้ว!หากถึงเวลานั้นจริง สิทธิ์ในการตัดสินใจเกรงว่าคงไม่อยู่ในมือพวกเขาแล้วเมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจเสิ่นลั่วเยี่ยนก็รู้สึกผ่อนคลายหน่อยแล้ว“ไม่ว่าเช่นไร วันนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้า”เสิ่นลั่วเยี่ยนเงยหน้าขึ้น “เมี่ยวอินพูดได้ถูกต้อง หากเลือกแต่งกับองค์ชายองค์อื่น เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไป และก็ไม่มีผู้ใดยอมเข้าไป!”หยุนเจิงยิ้มมุมปาก เอ่ยหยอกเย้า “เจ้าขอบคุณข้าเช่นนี้หรือ?”“หรือต้องให้ข้าคุกเข่าก้มหัวขอบคุณหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องเขาด้วยความโมโห“ไม่ต้องหรอก”หยุนเจิงหัวเราะ โอบเอวของเสิ่นลั่วเ
สองวันถัดไป พวกเขาตั้งที่พักชั่วคราวที่หุบเขาไป๋ฮวาคิดเสียว่าเป็นการทดลองการพักแรมในป่าล่วงหน้าเดิมทีถ้ำภูเขาแห่งนั้นก็กลายเป็น “จวนอ๋อง” ของหยุนเจิงแล้วมีเรื่องที่หยุนเจิงสละชีพเพื่อช่วยชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นลั่วเยี่ยนและหยุนเจิงพัฒนาไม่น้อยลูบไล้จับมือ โอบเอว ล้วนไม่ใช่ปัญหาแล้วแต่ว่า ทุกครั้งที่หยุนเจิงคิดจะก้าวเข้าไปอีกขั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ผลักมือที่อยู่ไม่สุขของเขาออกไป ทำให้หยุนเจิงรู้สึกหดหู่เล็กน้อยฉวยโอกาสตอนที่กำลังรอพวกเสิ่นฮูหยินที่หุบเขาไป๋ฮวา ทุกคนเองก็หยุดพักผ่อนเช่นกันระหว่างนั้น เยี่ยจื่อพาคนไปยังหลินผิงเฉิง เติมเสบียงไม่น้อยตั๋วเงินในมือของพวกเขา ได้ทำการแลกเปลี่ยนจำนวนมากที่เมืองหลินผิงตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอให้พวกเสิ่นฮูหยินมาถึงก็สามารถออกเดินทางได้อีกครั้งวันถัดมา พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของพวกเสิ่นฮูหยินตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเช่นไร พวกเขารอตั้งแต่เช้าจนกระทั่งบ่าย กลับไม่เห็นวี่แววของพวกเสิ่นฮูหยิน“ไม่ถูกต้อง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนขมวดคิ้ว “ตามหลักแล้ว ถึงเช่นไรวันนี้พวกท่านแม่ก็ควรมาถึงได้แล้วกระมั้ง?”นับรวมวันนี้ ความจริงพวกเ
”คือ...”โจวมี่เองก็ไม่รู้จะอธิบายกับหยุนเจิงว่าโรคไข้หนาวคือโรคใด ทำได้เพียงพรรณนาอาการของโรคไข้หนาวให้หยุนเจิงฟังที่เรียกว่าไข้หนาว ก็คือมีอาการเป็นไข้เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวเป็นระยะ เหงื่อออกจำนวนมาก ทำให้ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้นี่เป็นโรคร้ายแรงประมาทเพียงเล็กน้อย ชีวิตก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้แล้วโดยเฉพาะ เสิ่นเนี่ยนฉือเพิ่งอายุไม่ถึงเจ็ดขวบ ยิ่งอันตรายเมื่อได้ฟังคำอธิบายของโจวมี่ หยุนเจิงพลันชะงักในใจมิน่าเล่าเสิ่นลั่วเยี่ยนเมื่อครู่จึงมาเขาด้วยสายตาเช่นนั้น!ไข้หนาวนี่นึกไม่ถึงว่าจะร้ายแรงเช่นนี้?เสิ่นลั่วเยี่ยนร้อนใจมาก สั่งโจวมี่ด้วยใจที่สับสนยุ่งเหยิง “ไปแจ้งให้หมอที่ติดตามมากับพวกเรา บอกให้พวกเขาไปกับข้า!”หมอที่ติดตามพวกเขาล้วนเป็นหมอที่วังเชิญมาฝีมือแพทย์บางทีอาจจะดีหน่อยพาพวกเขาไปตรวจ ไม่แน่อาจช่วยได้เสิ่นเนี่ยนฉือเป็นองค์หญิงน้อยของจวนเสิ่น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของพี่ใหญ่!นางไม่มีทางยอมให้เกิดสิ่งใดขึ้นกับเสิ่นเนี่ยนฉือ“ขอรับ!”โจวมี่ไม่กล้าชักช้า รีบไปทำตามคำสั่งหยุนเจิงคิดจะปลอบใจเสิ่นลั่วเยี่ยน ทว่าไม่รู้จะปลอบเช่นไรมารดาเขาสิ!คนด
ในที่สุด หยุนเจิงก็เจอต้นโกฐจุฬาลัมพาเมื่อรู้ว่าเสิ่นเนี่ยนฉือป่วยหนักกะทันหัน เมี่ยวอินก็เสนอตัวขอตามไปดูด้วย“เจ้าจะอยากไปดูเรื่องครื้นเครงอะไรล่ะ”ตอนนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนรู้สึกกังวลมาก จนใครหน้าไหนมาพูดด้วยก็ชักสีหน้าใส่เมี่ยวอินเข้าใจอารมณ์ของนาง แต่ไม่สนใจท่าทีของนาง ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ข้ารู้ทักษะทางการแพทย์ แถมยังมีทักษะทางการแพทย์ดีกว่าพวกหมอส่วนใหญ่นั่นอีก”“เจ้ารู้ทักษะทางการแพทย์ด้วยงั้นหรือ”หยุนเจิงรู้สึกประหลาดใจนี่คือสิ่งที่เขาไม่คาดคิด!“เจ้ายังเข้าใจทักษะทางการแพทย์ได้ ทำไมข้าจะเข้าใจบ้างไม่ได้”เมี่ยวอินเลิกคิ้วยิ้มๆ “อาจารย์ของข้ามีความสนใจที่หลากหลาย และทักษะทางการแพทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น”เอาเถอะ!การมีอาจารย์ที่ดีเป็นเรื่องดีจริงๆ!หยุนเจิงแอบถอนหายใจในใจ เขาไม่ร่ำรี้ร่ำไรอีก ออกเดินทางไปกับทุกคนทันทีลั่วอันยังอยู่ในเขตสุยโจว ห่างจากหุบเขาไป๋ฮวามากกว่าหนึ่งร้อยลี้พวกเขาห่วงพะวงสถานการณ์ของเสิ่นเนี่ยนฉือ เร่งรุดเดินทางมาอย่างรวดเร็วตลอดเมื่อท้องฟ้าเพิ่งมืดลง พวกเขาก็มาถึงลั่วอันแล้วภายใต้การนำของหม่าซาน พวกเขามาถึงอารามร้างที่ตระกูลเสิ่นทุกคน
“เรื่องนี้...ข้าไม่รู้...”ใบหน้าของเว่ยซวงเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของหยุนเจิงอย่างไรหยุนเจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามทันทีว่า “เช่นนั้นก่อนที่นางจะไข้ขึ้น พวกท่านเคยอยู่ในสถานที่ที่มียุงเยอะหรือไม่”“อืม”ฮูหยินเสิ่นเข้ามาตอบแทนนาง กล่าวทั้งที่ยังร้องไห้ว่า “เมื่อคืนก่อนเราอยู่ไกลจากตัวเมือง ข้าเห็นว่าทุกคนเหนื่อยแล้ว จึงให้ทุกคนหาสถานที่พักค้างคืนชั่วคราวในป่า...”นั่นน่าจะเป็นเพราถูกยุงกัดทำให้เป็นไข้มาลาเรีย!หยุนเจิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว เขารีบเรียกคนรับใช้ของจวนเสิ่นทันที ยื่นโกศจุฬาลัมพาในมือให้คนรับใช้ แล้วสั่งว่า “รีบหาอะไรมาบดให้ละเอียด แช่น้ำ แล้วห่อด้วยผ้าขาวบางสะอาด บีบน้ำออก...”“องค์ชาย เจ้าจะใช้สิ่งนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของเนี่ยนฉือ?” ฮูหยินเสิ่นมีปฎิกิริยาโต้ตอบทันที “อื้ม!”หยุนเจิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าอ่านเจอยาสมุนไพรพื้นบ้านจากตำราโบราณเล่มนั้น...”หยุนเจิงนำตำราโบราณสารพัดนึกออกมาอีกครั้งเมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธจัด “ตำราโบราณของเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สารพัด! ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพิษหรือไม่ ถ้าเกิด...”“ไม่มีพิษ!”หยุนเจิงกล่าวด้วยค
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่