หากไม่ใช่การกระทำชุดนี้ของเจียเหยา การต่อสู้ของพวกเขาครั้งนี้ ยึดอาวุธจากข้าศึกที่รบแพ้ก็จะได้มากขึ้นข้อเสียของเจียเหยา น่าจะเป็นเรื่องทักษะการรบทุกสิ่งที่เขาเรียนมา ล้วนเป็นทักษะการรบที่ตกผลึกมากจากเหล่าบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนเมื่อหลายพันปีก่อนส่วนทุกสิ่งที่เจียเหยาเรียน ย่อมไม่ได้กว้างขวางเท่าใดหากเจียเหยาได้เรียนสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าจะเอาชนะเจียเหยาได้ทั้งครั้งแล้วครั้งเล่าเห้อ!คนอย่างเจียเหยา หากสามารฝึกอบรมอยู่ข้างกายเขา ในอนาคตต้องเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถที่สุดไม่ว่าจะการปกครองภายในหรือการทหาร!น่าเสียดาย!เจียเหยาก้มหน้าอยู่นานมาก จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เอ่ยเสียงดัง “เจียเหยาขอโทษทุกคน!”“ต่อจากนี้ไป ทุกคนก็ใช้ชีวิตอยู่ที่ต้าเฉียอย่างสบายใจเถอะ!”“วันหน้าหากมีโอกาส เจียเหยาจะไปเยี่ยมเยียนทุกคน!”“ชาตินี้ที่ติดค้างทุกคนไว้ เจียเหยามีเพียงต้องใช้คืนชาติหน้าแล้ว…”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา กลุ่มคนร้องไห้สะอึกสะอื้อออกมากะทันหันไม่นาน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนี้แค่กระจายออกไปทุกคนคุกเข่าอยู่กับพื้น เสียงร้องไห้สะอื้นดังไปทั่วเมื่อได้ยินเสียง
กลางคืน เจียเหยากับหยุนเจิงและเมี่ยวอินนั่งด้วยกันหยุนเจิงเรียกคนเตรียมอาหารหลายจานและสุราสองสามไห นับว่าเป็นการพิธีส่งเจียเหยา“นี่นับว่าเป็นสุรามงคลของพวกเราหรือ?”เจียเหยาช้อนตามองหยุนเจิง สีหน้าเต็มไปด้วยการถากถางตัวเอง“หากเจ้าคิดเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”หยุนเจิงยกไหสุราขึ้นมาอย่างขอไปที รินสุราให้พวกนางและตัวเองหนึ่งถ้วยเขายังไม่ทันวางไหสุราลง เจียเหายาก็กระดกสุราจางกงเมามายหมดรวดเดียว“ปัง!”เจียเหยาวางถ้วยสุราลง เห็นได้ชัดว่ารอให้หยุนเจิงรินสุราให้นาง“เจ้ารินเอาเอง!”หยุนเจิงไหนเลยจะมีแก่ใจปรนนิบัตินาง!ให้เกียรตินางเล็กน้อย นางก็คิดจะได้ใจแล้วเจียเหยาไม่พูดจา สองมือยื่นไป หยิบถ้วยเหล้าของหยุนเจิงและเมี่ยวอินมาท่ามกลางสายตามึนงงของหยุนเจิงและเมี่ยวอิน เจียเหยาราวกับดื่มน้ำ กระดกถ้วยสุราของทั้งสองคนรวดเดียวหมดไม่เหลือสักหยด จากนั้นก็หยิบไหสุรา รินเติมถ้วยสุราให้ทั้งสามคน“เจ้าอยากดื่มจนเมา?”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสงสัย “ดูเหมือนเจ้าดื่มไม่เมากระมัง?”“ใช่แล้ว! ดื่มไม่เมา”เจียเหยาใบหน้าโศกเศร้า กล่าวถากถางตัวเอง “ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ แม้แต่คิดจะดื่มจนเ
จัดการเรื่องเหยี่ยวขาวได้แล้ว เขาสามารถไปสร้างรหัสลับได้แล้วต้องให้ผู้ฝึกเหยี่ยวเหล่านั้นสอนทักษะให้คนของพวกเขาฝึกฝน ทั้งยังต้องจัดตั้งกองทหารรับผิดชอบส่งข่าวและถอนรหัสโดยเฉพาะต่อไปหากต้องส่งข้อมูล ก็จะสะดวกขึ้นมา“แล้วแต่เถอะ!”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง จากนั้นก็กล่าว “ด้านเสบียงอาหาร ข้าหวังว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนได้มากขึ้น! เสบียงอาหารแค่สามแสนตั้น สำหรับพวกเราแล้ว มันน้อยมาก”ต่อไปภายในสองสามปี เป่ยหวนยังคงขาดแคลนอาหารคนขาดแคลนอาหารของเป่ยหวน จะเป็นจำนวนที่เยอะจนน่ากลัวเสบียงอาหารสามแสนตั้น ไม่ต่างอันใดกับน้ำน้อยแพ้ไฟหยุนเจิงครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นก็ยิ้มถาม “เงินทองของพวกเจ้าเยอะหรือไม่?”เงินทองหรือ?เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความตกใจเงินทองของเป่ยหวนมีไม่มากแต่ว่า เทียบกับนำม้าศึกแลกเสบียงอาหารแล้ว เจียเหยายินดีนำเงินทองซื้อเสบียงอาหารมากกว่า!ไม่มีกิน มีเงินทองอยู่ในมือ นอกจากดูแล้ว ยังสามารถทำสิ่งใดได้อีก?“เจ้ายินดีให้พวกเราใช้เงินทองซื้อเสบียง?”นัยน์ตาเจียเหยาในที่สุดก็มีราศรี มองหยุนเจิงด้วยความตื่นเต้น กลัวหยุนเจิงปฏิเสธเรื่องนี้
กลางวันของวันที่สอง พวกเจียเหยาพกเสบียงอาหารจำนวนน้อยออกจากชายแดนกู้ไปสุดท้ายหยุนเจิงก็ไม่ได้ส่งเจียเหยาทว่า ตอนที่เจียเหนาเดินทางออกไปค่อนข้างไกลแล้ว นางกลับหันไปมองหอคอยของชายแดนกู้โดยไม่รู้ตัวบนหอคอย ยังสามารถเห็นเงาของคนผู้หนึ่งได้แม้เงานั้นจะเลือนราง แต่เจียเหยามั่นใจ นั่นคือหยุนเจิงหยุนเจิงมองร่างไปที่อยู่ไกลๆ เงียบๆ ภายในใจถอนใจด้วยความจนใจ“คนเหล่านั้นของพวกเรา ส่งออกไปแล้วหรือยัง?”หยุนเจิงหันหน้าถามเมี่ยวอิน“ส่งออกไปแล้ว”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ถาม “เจ้าคิดว่าเจียเหยาจะทรยศ?”“ไม่รู้”หยุนเจิงหันหน้ามองทิศทางที่พวกเจียเหยาจากไป “ข้าหวังว่าเจียเหยาจะฉลาดพอ แต่ก็ต้องระวังพลังแห่งความเกลียดชังด้วย!”สำหรับเจียเหยา หยุนเจิงไม่ไว้ใจอุบายของผู้หญิงคนนี้มากมายเกินไปเป่ยหวนตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องยอมจำนนทันทีที่เป่ยหวนพักฟื้นกลับมา ไม่แน่ว่านางอาจเล่นลูกไม้ใดอีกแต่หวังว่า เจียเหยาจะคิดได้จริงๆ!เขาไม่หวังว่าสักวันต้องฆ่าเจียเหยาด้วยมือตัวเองเมี่ยวอินนิ่งเงียบ เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใดนางเองก็ไม่หวังให้หยุนเจิงฆ่าเจียเหยาด้วยมือเขาในสักวันแต่น่
คำแนะนำอย่างจริงใจของเยี่ยเจื่อหากประชากรซั่วเป่ยเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก พวกเขาไม่มีทางจัดซื้อเสบียงอาหารอย่างเพียงพอภายในด่าน ซั่วเป่ยช้าเร็วก็จะประสบปัญหาขาดแคลนอาหารระหว่างสนทนา เยี่ยจื่อนำจดหมายที่จางซูส่งคนกลับมามอบให้หยุนเจิงในจดหมายจางซูบอกว่า ตอนนี้ พ่อค้าธัญพืชบางรายเริ่มผลักดันราคาธัญพืชให้สูงขึ้นแล้วราคาของอาหารทั้งหมดล้วนสูงขึ้นไม่น้อยเพิ่มราคาอย่างน้อยหนึ่งส่วน มากสุดสามส่วนตอนนี้ ราชสำนักได้เริ่มปราบปรามพ่อค้าที่โก่งราคาธีญพืชแล้ว แต่ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะได้ผลเพียงใดสิ่งที่จางซูคิดคือ ไม่ต้องสนใจว่าราคาขึ้นมาน้อยเพียงใด พยายามซื้อเสบียงอาหารมาเก็บกักตุนเอาไว้ เตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินมิฉะนั้น ต่อให้ภายภาคหน้าเงินพวกเขามีเงินมากมายจนใช้ไม่หมด แต่ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมีเสบียงอาหารให้ซื้อหยุนเจิงวางจดหมายของจางซู ครุ่นคิดเงียบๆตอนนี้ซื้อเสบียงอาหารเข้ามามาก ก็จำเป็นต้องง่ายเงินจำนวนมากแต่ซั่วเป่ยก็ไม่อาจทำได้ถึงขั้นซื้อให้ตนเองจนเพียงพออีกทั้ง หลังฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ ซั่วเป่ยอาจเกิดการทำศึกอีกรอบพวกเขาจำเป็นต้องกักตุนอาหารจำนวนมาก!มิฉะนั้น
หยุนเจิงพักอยู่ที่ติ้งเป่ยเพียงแค่หนึ่งคืน จากนั้นก็รีบร้อนพาคนไปยังด่านเป่ยลู่ทำความเข้าใจว่ากองรักษาเมืองฟู่โจวคิดทำสิ่งใดเขาไม่อยากเปิดศึกกับราชสำนัก ไม่ใช่ไม่กล้าเปิดศึกกับราชสำนักพวกหยุนเจิงเพิ่งมาถึงหม่าอี้ ด้านหน้าก็พบกับคนที่มาส่งรายงานที่ติ้งเป่ย“รายงานท่านอ๋อง ทูตของราชสำนักวันนี้ตอนเช้ามาถึงด่านเป่ยลู่แล้ว ตอนนี้กำลังไปยังติ้งเป่ย!”ราชสำนักส่งคนมาถ่ายทอดราชโองการอีกแล้ว?หยุนเจิงแอบใจเต้น จากนั้นก็สั่งเกาเหอ “เจ้ารีบพาคนไป ให้ทูตของราชสำนักประกาศราชโองการที่หม่าอี้!” “ขอรับ!”เกาเหอรับคำสั่ง พาองครักษ์สองสามคนจากไปทันทีเที่ยงของวันที่สอง ทูตของราชสำนักมาถึงหม่าอี้คนที่มาถ่ายทอดราชโองการ ยังคงเป็นคนที่หยุนเจิงคุ้นเคย มู่ซุ่นมู่ซุ่นมาด้วยความเร่งรีบ หลังทักทายสองสามประโยค มู่ซุ่นเปิดประกาศราชโองการเนื้อหาของราชโองการง่ายมากจักรพรรดิเหวินตอบรับคำขอของหยุนเจิง โยกย้ายเรือรบสามลำของทหารเรือมาให้กองทหารมณฑลทางเหนือขณะเดียวกัน ก็แต่งตั้งเมี่ยวอินเป็นพระชายารองของหยุนเจิงประกาศราชโองการจบ มู่ซุ่นยิ้มหัวเราะบอกกับหยุนเจิง “ฝ่าบาทโปรดปรานองค์ชายมากขึ้นอีกแล
มู่ซุ่นไม่ได้สนใจจำนวนเงินของตั๋วเงิน รับไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณองค์ชายหก!”เห็นมู่ซุ่นเก็บตั๋วเงินของเขาแล้ว ในใจหยุนเจิงตัดสินใจแล้วเห็นได้ชัดว่ามู่ซุ่นคิดจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาคนดังอย่างมู่ซุ่นที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิ ไม่ใช่จะรับตั๋วเงินจากใครก็ได้บางคนมอบเงินหมื่นตำลึงเงินให้เขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องรับมู่ซุ่นรับตั๋วเงินของเขา ก็เป็นการแสดงออกท่าทีอย่างหนึ่งสุดท้ายแล้ว!ความสามารถต่างหากที่เป็นเส้นทางแห่งอ๋อง!“หัวหน้าขันทีมู่เกรงใจไปแล้ว”หยุนเจิงตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าว “อีกอย่าง รบกวนหัวหน้าขันทีมู่ไปบอกเสด็จพ่อ ข้าทางนี้ได้รับข่าว ชนเผ่าโม่ซีอาจเคลื่อนทัพโจมตีต้าเฉียนเราหลังฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วง ขอเสด็จพ่อทำการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า”“องค์ชายทราบเรื่องนี้ด้วย?” มู่ซุ่นถามด้วยความประหลาดใจด้วย?คราวนี้เปลี่ยนเป็นหยุนเจิงที่ประหลาดใจแล้ว “หรือเสด็จพ่อได้รับข่าวนี้แล้ว?”มู่ซุ่นพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ดึงหยุนเจิงไปด้านข้าง กระซิบเอ่ย “ฝ่าบาทได้รายงานลับมาจากตะวันตกเฉียงเหนือ ชนเผ่าโม่ซีช่วงนี้ไปมาหาสู่ใกล้ชิด”“ครั้งนี้อุทกภัยทางตอนใต้ค่อนข้างร้ายแร
เมืองจักรพรรดิจักรพรรดิเหวินเรียกพบเซียวว่านโฉว เซวียเช่อและสวีสือฝู่มาในห้องส่วนพระองค์ระยะนี้จักรพรรดิเหวินทรงอารมณ์ไม่ดีนักอุทกภัยทางตอนใต้ ความเคลื่อนไหวผิดปกติที่ชนเผ่าโม่ซี กลายเป็นหินก้อนยักษ์ที่กดทับกลางพระทัยของจักรพรรดิเหวินเรื่องอุทกภัยทางตอนใต้ เขามอบให้รัชทายาทหยุนลี่ไปจัดการแล้วสวีสือฝู่เป็นเสนาบดีกรมคลัง ให้หยุนลี่ไปจัดการเรื่องนี้ เหมาะสมที่สุดแต่ว่า ความเคลื่อนไหวผิดปกติของชนเผ่าโม่ซี กลับทำให้จักรพรรดิเหวินได้รับแรงกดดัน“หากชนเผ่าโม่ซีร่วมมือกันส่งทหาร พวกเจ้าคิดว่า จะมีกำลังทหารเท่าใด?”จักรพรรดิถามทั้งสามคนเซียวว่านโฉวคิดไปคิดมา ตอบกลับ “กระหม่อมคิดว่า เกรงว่าจะมีอย่างน้อยสามแสนคน ถึงขั้นอาจมีถึงสี่ห้าแสนคน!”ชนเผ่าโม่ซี ไม่ได้เป็นแคว้นเดียว แต่เป็นชนเผ่าใหญ่น้อยสิบกว่าชนเผ่าแต่ว่า ชนเผ่าโม่ซีมีต้นกำเนิดจากบรรพบุรุษเดียวกัน อีกทั้งชนเผ่าล้วนเป็นชนเผ่าใช้แรงงานทาสระหว่างชนเผ่าต่างๆ เกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน หลายครั้งก็ยังกลายเป็นพันธมิตรกันหกปีก่อน ชนเผ่าโม่ซีสามารถส่งทหารมาได้สองแสนคนหลายปีมานี้ ภายใต้การควบคุมของซีเชียงและฮุ๋ยกู่ชนเผ่าที่
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่