มู่ซุ่นไม่ได้สนใจจำนวนเงินของตั๋วเงิน รับไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณองค์ชายหก!”เห็นมู่ซุ่นเก็บตั๋วเงินของเขาแล้ว ในใจหยุนเจิงตัดสินใจแล้วเห็นได้ชัดว่ามู่ซุ่นคิดจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาคนดังอย่างมู่ซุ่นที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิ ไม่ใช่จะรับตั๋วเงินจากใครก็ได้บางคนมอบเงินหมื่นตำลึงเงินให้เขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องรับมู่ซุ่นรับตั๋วเงินของเขา ก็เป็นการแสดงออกท่าทีอย่างหนึ่งสุดท้ายแล้ว!ความสามารถต่างหากที่เป็นเส้นทางแห่งอ๋อง!“หัวหน้าขันทีมู่เกรงใจไปแล้ว”หยุนเจิงตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าว “อีกอย่าง รบกวนหัวหน้าขันทีมู่ไปบอกเสด็จพ่อ ข้าทางนี้ได้รับข่าว ชนเผ่าโม่ซีอาจเคลื่อนทัพโจมตีต้าเฉียนเราหลังฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วง ขอเสด็จพ่อทำการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า”“องค์ชายทราบเรื่องนี้ด้วย?” มู่ซุ่นถามด้วยความประหลาดใจด้วย?คราวนี้เปลี่ยนเป็นหยุนเจิงที่ประหลาดใจแล้ว “หรือเสด็จพ่อได้รับข่าวนี้แล้ว?”มู่ซุ่นพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ดึงหยุนเจิงไปด้านข้าง กระซิบเอ่ย “ฝ่าบาทได้รายงานลับมาจากตะวันตกเฉียงเหนือ ชนเผ่าโม่ซีช่วงนี้ไปมาหาสู่ใกล้ชิด”“ครั้งนี้อุทกภัยทางตอนใต้ค่อนข้างร้ายแร
เมืองจักรพรรดิจักรพรรดิเหวินเรียกพบเซียวว่านโฉว เซวียเช่อและสวีสือฝู่มาในห้องส่วนพระองค์ระยะนี้จักรพรรดิเหวินทรงอารมณ์ไม่ดีนักอุทกภัยทางตอนใต้ ความเคลื่อนไหวผิดปกติที่ชนเผ่าโม่ซี กลายเป็นหินก้อนยักษ์ที่กดทับกลางพระทัยของจักรพรรดิเหวินเรื่องอุทกภัยทางตอนใต้ เขามอบให้รัชทายาทหยุนลี่ไปจัดการแล้วสวีสือฝู่เป็นเสนาบดีกรมคลัง ให้หยุนลี่ไปจัดการเรื่องนี้ เหมาะสมที่สุดแต่ว่า ความเคลื่อนไหวผิดปกติของชนเผ่าโม่ซี กลับทำให้จักรพรรดิเหวินได้รับแรงกดดัน“หากชนเผ่าโม่ซีร่วมมือกันส่งทหาร พวกเจ้าคิดว่า จะมีกำลังทหารเท่าใด?”จักรพรรดิถามทั้งสามคนเซียวว่านโฉวคิดไปคิดมา ตอบกลับ “กระหม่อมคิดว่า เกรงว่าจะมีอย่างน้อยสามแสนคน ถึงขั้นอาจมีถึงสี่ห้าแสนคน!”ชนเผ่าโม่ซี ไม่ได้เป็นแคว้นเดียว แต่เป็นชนเผ่าใหญ่น้อยสิบกว่าชนเผ่าแต่ว่า ชนเผ่าโม่ซีมีต้นกำเนิดจากบรรพบุรุษเดียวกัน อีกทั้งชนเผ่าล้วนเป็นชนเผ่าใช้แรงงานทาสระหว่างชนเผ่าต่างๆ เกิดความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน หลายครั้งก็ยังกลายเป็นพันธมิตรกันหกปีก่อน ชนเผ่าโม่ซีสามารถส่งทหารมาได้สองแสนคนหลายปีมานี้ ภายใต้การควบคุมของซีเชียงและฮุ๋ยกู่ชนเผ่าที่
จักรพรรดิเหวินครุ่นคิด จากนั้นก็ตรัสถามสวีสือฝู่ “หากใช้กำลังทหารกับชนเผ่าโม่ซี เงินและเสบียงของราชสำนักตอนนี้ สามารถให้กับกองทัพสองแสนคนทางตะวันตกเฉียงเหนือยื้อกับชนเผ่าโม่ซีได้นานเพียงใด?”สวีสือฝู่ครุ่นคิด ตอบ “ประมาณแปดเดือน”ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ รวบรวมเสบียงอาหารจากคลังทางตอนใต้ขนส่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเสบียงกองทัพ ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเสบียงอาหารของคลังทางตอนใต้ ล้วนต้องใช้บรรเทาอุทกภัย!ทุกเทสมณฑลทางตอนใต้ไม่ยื่นมือขอเสบียงอาหารจากราชสำนักก็นับว่าดีแล้ว!ปัญหาสำคัญคือ ราชสำนักยังต้องเตรียมรับมือกับโรคห่าระบาดเป็นวงกว้างอุทกภัยบวกกับการระบาดของโรคห่าเป็นวงกว้าง เพียงพอที่จะทำให้พลังชี่ของต้าเฉียนบาดเจ็บหนัด“ปีนี้สามารถจัดเก็บภาษีมาได้เท่าใด?” จักรพรรดิเหวินตรัสถามอีกครั้งสวีสือฝู่ “เกรงว่าไม่ถึงครึ่งของปีที่แล้ว…”เก็บภาษีเสบียงหน้าร้อน ความจริงเริ่มทยอยเข้าคลังแล้วภาษีเสบียงในหน้าร้อนมีจำนวนจำกัดมากส่วนใหญ่ของภาษีเสบียง บ้วนเป็นช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วงเซียวว่านโฉวขมวดคิ้วแน่น ถามด้วยความหงุดหงิด “เหตุใดจึงมีเพียงเท่านี้?”“ท่านคิดว่ามีมากเพียงใด
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ