แชร์

ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ
ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ
ผู้แต่ง: นลพรรณ

บทที่ 1

ผู้เขียน: นลพรรณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-20 18:02:24

‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’

ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา 

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา

“เป็นอะไร?”

เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ

“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”

“ใช่” 

เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ 

“ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”

บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพียงรับรู้ แต่ไม่เคยเห็น เพราะเธอไม่เคยได้สิทธิ์เหยียบย่างเข้าไป

กุลนิภาไม่ว่าอะไรหรอก เธอไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากชนกันต์ เธอสมัครใจที่อยู่ในส่วนของเธอ...แต่คำพูดของเขาเมื่อสักครู่ มันสะกิดหัวใจของเธอจนรู้สึกเจ็บแปลบ เพราะเธอสัมผัสถึงความนัยในคำพูดนั้นได้

“คุณจะออกไปหาคุณไอซ์ใช่ไหมคะ”

ยกมือขึ้นมาปิดปากไม่ทัน เธอหลุดปากถามไปแล้ว รู้ดีว่าคำถามนี้มันจะทำให้ชนกันต์ไม่พอใจ ซึ่งสีหน้าของเขาก็บอกอย่างชัดเจนว่าเธอคิดไม่ผิด

“ฉัน ขะ...”

คำพูดหยุดลงเมื่อนิ้วแข็งแรงจับปลายคางมน ชนกันต์ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ เพราะเขาเพียงแค่ไล้เบาๆ แต่สายตาของเขาที่จ้องมองมาทำให้เธอต้องกลืนคำขอโทษลงไปในลำคอเสีย

“อย่าลืมตัวบ่อยสิว่าคุณอยู่กับผมในฐานะอะไร”

“ฉันรู้ ฉันไม่ลืม”

เธออยู่กับชนกันต์เพื่อชดใช้เงินแปดแสนสี่หมื่นบาทที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอตามเงินก้อนนั้นคืนมาให้เขาไม่ได้ แถมเธอยังไม่มีปัญญาหาเงินมาชดใช้ เพราะเธอไม่มีเงินเก็บ อีกทั้งเธอไม่มีทรัพย์สินที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้สักชิ้น...เธอมีแต่ตัวจริงๆ

ความรู้สึกไร้ค่ากำลังโจมตีเข้ามา หัวใจของกุลนิภาเหน็บหนาวจนต้องยกสองมือขึ้นมาลูบแขนเพื่อปลุกปลอบตัวเอง 

“เมื่อกี้คุณพูดถึงคุณไอซ์ เพราะคุณหึงผม”

“ไม่ใช่”

“โกหก!”

เกลียดเหลือเกิน เกลียดเสียงหัวเราะในลำคอเหมือนเขากำลังสนุก เสียงหัวเราะที่บอกให้รู้ว่าเขารู้ทันและมั่นใจว่าเธอเป็นอย่างที่เขาพูด

“ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ แต่คุณต้องจัดการตัวเองให้เป็น...หยุดนึกถึงคุณไอซ์ คุณจะได้ไม่เผลอพูดถึงเธออีก เพราะคุณไอซ์ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณควรพูดถึง คุณไอซ์กับคุณอยู่คนละระดับกัน ผมรู้ว่าผมพูดแรงไป แต่มันเป็นความจริงที่สุดแล้ว”

เสียงห้าวทุ้มดังเรียบเรื่อย เหมือนเขากำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ใบหน้าของกุลนิภาชาหนึบและร้อนผ่าวในคราวเดียวกัน ซึ่งเธอก็บ้าพอที่จะยืนมองเขาแต่งตัวจนเสร็จเพื่อออกไปหาผู้หญิงคนนั้น

เสียงประตูห้องชุดถูกเปิดออกและปิดลง ชนกันต์เดินออกไปแล้ว หากกุลนิภายังยืนอยู่ที่เดิม เธอยืนอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีพร้อมกับถ้อยคำที่เคยทิ่มแทงหัวใจดังซ้ำอยู่ในหัว

‘ห้ามรักผม ถ้าไม่อยากเจ็บ ผมเตือนด้วยความหวังดี ผมเกลียดน้ำตาและความอ่อนแอของผู้หญิง จำไว้ว่าเรากำลังเล่นตามกติกา เมื่อคุณเอาเงินของผมไปและไม่มีปัญญาหามาใช้คืน คุณจึงมีสองทางเลือก...คือติดคุกหรือชดใช้ทางอื่นให้ผมจนคุ้ม ซึ่งคุณตัดสินใจเลือกทางของคุณแล้ว...ผมไม่เคยบังคับ’

หัวใจบีบรัดอย่างรุนแรงจนต้องยกกำปั้นมาทาบบริเวณหน้าอกด้านซ้ายเอาไว้ เพราะเธอกลัวว่ามันจะแตกสลายลง

 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 2

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 3

    ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา... “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย” เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 4

    กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 5

    ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสตินั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่รถพอร์เชอคันสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 6

    ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด “ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 7

    อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 8

    “เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-25
  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 9

    โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26

บทล่าสุด

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 36

    “ถ้าคุณแต่งงาน คุณจะมีลูกไหมคะ”กุลนิภาถามขึ้นมาหลังจากสงครามรักบนเตียงนอนของยามเช้าจบลง ซึ่งเธอซุกซบอยู่บนอกเขามาสักพักแล้ว“ถามทำไม หรือคุณรู้อะไรมา”รู้อะไร?...กุลนิภาระแวงว่าชนกันต์จะรู้เรื่องลูกในท้อง ในขณะที่เขากลับนึกถึงผู้หญิงอีกคน“ฉันแค่อยากรู้ความคิดของคุณ แต่ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร”“ถ้าคนที่ผมแต่งงานด้วยเขาไม่อยากมีลูก ผมก็ไม่มีปัญหา ผมแต่งงานกับใครก็เพราะผมอยากอยู่กับคนคนนั้น ส่วนลูก...ผมยังนึกภาพตัวเองมีลูกไม่ออก บางทีผมอาจไม่ได้รักเด็กขนาดที่จะมีลูกเอง ผมคงไม่พร้อมที่จะทุ่มเทให้ลูกของผมเหมือนอย่างที่พ่อแม่เคยให้กับผม”น่าอิจฉาจัง...ความรู้สึกนี้โฉบเข้ามาในหัวของกุลนิภาชนกันต์มีพ่อแม่ที่รักเขามาก จนเขากลัวว่าตัวเองอาจไม่สามารถทุ่มเทและรักลูกได้เหมือนอย่างที่พ่อแม่ของเขาเคยเป็น...ในขณะที่เธอไม่กล้าคิดถึงแม่ของตัวเอง ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อว่าแม่ไม่รักเธอ เธอยังคิดเสมอว่าแม่คงมีเหตุผลที่เธอไม่รู้และไม่เข้าใจ แต่นั่นแหละ การกระทำของแม่ส

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 35

    “อือ...”เสียงห้าวทุ้มดังอยู่ข้างหู กุลนิภารู้ว่าเป็นเสียงของชนกันต์ เธอจำได้ดี แต่ตอนนี้เธออยากหลับ ไม่อยากตื่นขึ้นมารับสายของเขาแล้ว อยากบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน แต่เธอทำได้แค่บอกเสียงอือออในลำคอ...เขาคงเข้าใจ เพราะเธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเขาหากเมื่อจะพาตัวเองเข้าสู่นิทรารมย์อีกหน กุลนิภากลับรู้สึกถึงรอยสัมผัสบริเวณแก้ม ริมฝีปาก แม้กระทั่งซอกคอ จนเธอต้องพลิกกายหนี“ผมจะไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลับมา”“อืม...”ในความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น กุลนิภาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป นึกแปลกใจว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์กับชนกันต์ แต่ทำไมมันถึงคล้ายกับเขามาอยู่ใกล้เธอ หากนั่นแหละ เธอไม่คิดจะหาคำตอบ เธอปล่อยความสงสัยไว้ตรงนี้ เพราะตอนนี้เธอต้องการหลับกุลนิภารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นและสากระคายที่กำลังตวัดไล้อยู่ตรงยอดอก มือบางคว้าหมับเจ้าสิ่งนั้นไว้หวังจะให้มันหยุด เพราะเธอรู้สึกถึงความซ่านสยิวมที่โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง“ห

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 34

    ทั้งผลไม้รสเปรี้ยวทั้งยาลมและยาหอมยังไม่อาจช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะของชนกันต์ได้ มันทรมาน เขาอยากกอดกายบางและซุกใบหน้ากับอกอวบของเธอแล้วหลับไปจนถึงตอนเช้า แต่สิ่งที่คว้าได้นั้นมีแต่หมอนข้างชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งกลางเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เขายกมือขึ้นมาเสยผมลวกๆ เมื่อหันซ้ายแลขวาไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ ไม่มีสิ่งใดแทนเธอได้ ความรู้สึกหงุดหงิดก็พุ่งขึ้นสูง มือหนาคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วโทร.ไปหาเธออย่างไวกุลนิภากำลังเคลิ้มหลับ เธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ เธอหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอทั้งที่พอจะรู้ว่าใครโทร.มาในเวลานี้“คุณนอนหรือยัง”“ฉันกำลังจะหลับค่ะ”กุลนิภาตอบ คิดว่าชนกันต์คงมีธุระสำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โทร.มาหาเธอในเวลาใกล้ดึกเช่นนี้ เธอจึงรอฟังเขาพูดด้วยใจจดจ่อ ทว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นกลับเป็นเสียงบ่นที่บอกให้รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดเหลือทน...แต่เขาหงุดหงิดอะไร เธอก็ยังจับใจความไม่ได้“ผมนอนไม่หลับ ผมเวียนหัวจะตายอยู่แล้ว ผมเป็นอะ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 33

    กุลนิภาไม่ทันได้วางโทรศัพท์ลง เสียงของสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวถอนหายใจ...ไม่ว่าอย่างไรชนกันต์ก็ยังเป็นชนกันต์คนเดิม เขาไม่มีวันยอมจบเรื่องง่ายๆเธอกดรับสายทันที ไม่มีอาการรีรอเหมือนคราวก่อน“ถ้าคุณกลัวจะติดไข้จากฉัน ฉันยืนยันได้เลยว่าฉันไม่ได้ป่วย ฉันไม่ได้เป็นโรคร้าย ไม่มีเชื้อโรคจากตัวฉันที่จะทำให้คุณป่วยตายอย่างแน่นอน ส่วนการที่คุณเวียนหัวคลื่นไส้ คุณต้องไปหาคำตอบจากหมอเอาเอง ฉันให้คำตอบคุณไม่ได้ เพราะอาการของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน”กุลนิภาพูดรัวม้วนเดียวจบ โดยไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้พูด ตัวเธอเองก็แทบไม่ได้หายใจ...หากนึกทึ่งตัวเองเสียด้วยซ้ำที่กล้าเถียงเขาได้ถึงขนาดนี้หญิงสาวตั้งสติรออีกฝ่ายโต้ตอบกลับมา แต่เขายังเงียบ...มันเงียบเสียจนเธอรู้สึกแปลกใจ เพราะตามปกติชนกันต์ไม่เคยยอมแพ้เธอ เมื่อต่อปากต่อคำกันคราใด เขาพร้อมจะสวมวิญญาณเด็กสามขวบงัดทุกวิถีทางมาสู้กับเธอทุกทีมือบางดึงโทรศัพท์มือถือออกมามองหน้าจอ พลันต้องเบิกตากว้าง เพราะมันเป็นเบอร์โทร.ของคนที่เธอไม่รู้จัก ซึ่ง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 32

    อาการแพ้ท้องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ทำให้กุลนิภานอนซมอยู่บนเตียง เมื่อร่างกายอ่อนแอจนถึงที่สุด เธอก็นึกถึงชนกันต์ แต่ความคิดนั้นกลับกลายเป็นความกลัวในเวลาถัดมา...เธอกลัวเขาจะมาพรากลูกไปจากเธอเมื่อสายเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา มันเป็นเบอร์ที่เธอไม่รู้จัก กุลนิภากำลังจะตัดสายทิ้ง เพราะเธอไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร หากฉุกคิดถึงคนที่เธอเพิ่งให้เบอร์โทร.ไปได้ เมื่อกดรับสาย เธอจึงรู้ว่ามันเป็นสายจากพี่ชายต่างมารดาของเธอจริงๆ“อิงอิงใช่ไหมครับ พี่นิคเองนะครับ”“พี่นิค...”เธอพยายามทำน้ำเสียงให้สดใส แต่พูดออกมาแค่คำเดียว เสียงของเธอก็ขาดหาย แถมมันยังแผ่วเครืออีกด้วย“อิงอิงเป็นยังไงบ้าง เราท้องอยู่ใช่ไหม”คำถามที่สองทำให้กุลนิภานิ่งงัน แม้เตรียมใจไว้แล้วว่าอคินรู้เรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่เขาทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัว“ใช่ค่ะ อิงกำลังท้อง แต่อิงไม่อยากให้ใครรู้”เมื่อมาถึงขั้นนี้ กุลนิภาจึงบอกอคินไปตรงๆ เธอ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 31

    ประตูห้องชุดถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง เมื่อกุลนิภาเข้ามาข้างใน เธอรับรู้ได้ทันทีว่าไม่มีใครอยู่...แม้รู้อยู่แล้วว่าชนกันต์ไม่อยู่ที่นี่ แต่อีกใจเธอยังลุ้นว่าเขาอาจกลับมาเซอร์ไพรส์เธอ เธออาจเห็นเขานั่งรออยู่บนโซฟายาวตัวนี้หญิงสาววางกระเป๋าสะพายลง แล้วหย่อนกายนั่งบนโซฟาเพื่อพักให้หายเหนื่อย มือบางลูบหน้าท้อง ไล้วนเบาๆ ด้วยอยากสื่อไปถึงลูกน้อยที่นอนซุกตัวอยู่ในท้อง“พ่อของหนูไม่อยู่ที่ห้อง เขากลับไปที่บ้านราชเวคิน บ้านหลังนั้นมีคนอยู่หลายคน...ช่วงนี้พ่อต้องกลับไปช่วยพี่ชายของเขาเลี้ยงหลาน”พี่ชายของเขาและหลานชายของเขา...หากนับไปก็เป็นญาติสนิทของลูกในท้องของเธอ“แม่รู้ว่าถ้าหนูได้อยู่กับพวกเขา พวกเขาจะเลี้ยงดูหนูเป็นอย่างดี แต่อีกใจหนึ่งแม่ก็กลัว...แม่เลยไม่กล้าปล่อยให้หนูไป แม่กลัวว่าสิ่งที่แม่เคยเจอในวัยเด็กมันจะย้อนกลับมาหนู ถ้าเป็นอย่างนั้น แม่คงทำใจไม่ได้”ถ้าหากชนกันต์รู้เรื่องลูก รับรองเลยว่าเขาจะต้องแย่งลูกไปเลี้ยงดูเอง เขามีความพร้อมมากกว่าเธอหลาย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 30

    คุณตั้งครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์แล้วค่ะ ระยะนี้อาการอ่อนเพลียจะลดลง แต่อาการวิงเวียนศีรษะยังมีอีกสักพัก คุณอาจมีอาการปวดหัว พยายามพักผ่อนให้เพียงพอและทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ถ้าเราไม่เครียดก็จะลดอาการพวกนี้ลงได้ค่ะ”แพทย์หญิงท่าทางใจดีบอกด้วยเสียงนุ่มนวล แม้อาการหลายอย่างบ่งบอกอย่างชัดเจน รวมถึงผลตรวจจากชุดทดสอบการตั้งครรภ์บอกว่าเธอท้อง แต่เมื่อฟังคำยืนยันจากคุณหมอซ้ำอีกที กุลนิภาก็เกิดอาการใจสั่นและมือเย็นขึ้นมา“ระยะนี้หมออยากให้คุณสังเกตตัวเองอย่างใกล้ชิด เพราะช่วงนี้ปากมดลูกมีความเปราะบาง การมีเพศสัมพันธ์ตามปกติก็อาจจะทำให้มีเลือดออกเล็กน้อยได้ มันไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเลือดออกมากและมีอาการปวดท้องก็ต้องรีบมาพบหมอ”“ค่ะ...ได้ค่ะ”คุณหมอพูดอีกหลายคำ กุลนิภาพยายามตั้งใจฟัง แต่ยอมรับว่าหลายช่วงหลายตอนเธอเกิดอาการหูอื้อตาลาย กระทั่งขั้นตอนการพบหมอเสร็จสิ้นลง เธอจึงเดินออกมาจากห้องตรวจด้วยอาการใจลอย รู้สึกใจหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม ได้แต่พยายามประคองตัวเองเอาไว้กุลนิภารับใบนัดมาพบหมอครั้งต่อไป นั่นก็คืออีกสี่สัปดาห

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 29

    เช้าวันใหม่ กุลนิภาตื่นขึ้นมาด้วยอาการศีรษะหนักอึ้ง เพราะเมื่อคืนกว่าเธอจะนอนหลับก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม เธอเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวเพื่อเตรียมไปโรงพยาบาลเธอทำทุกอย่างเหมือนหุ่นยนต์ เธอออกคำสั่งให้ตัวเองลุกขึ้นมาทำ...แม้แต่การเดินไปตามถนนในซอยเพื่อตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างจากคอนโดมิเนียมเกือบห้าร้อยเมตร...ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวในยามสาย แต่เธอก็เดินไปถึงทั้งที่ไม่เคยเดินในเส้นทางนี้มาก่อน ซึ่งมันทำให้เธอเหนื่อยหอบอยู่เหมือนกันกุลนิภาไม่คิดจะทรมานตัวเอง เธอไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่เธอแค่ลองใช้ชีวิตในอีกรูปแบบ เพราะอีกไม่นานเธออาจต้องเผชิญกับมันโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเป็นโรงพยาบาลที่กุลนิภาเลือกมาฝากครรภ์ เธอมีเหตุผลสองข้อ นั่นคือที่แห่งนี้พลุกพล่านด้วยคนไข้ที่มาใช้บริการ เธอจึงหวังว่าตัวเองคงไม่บังเอิญเจอคนรู้จัก ส่วนอีกข้อนั้นคือเธอมีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย ตอนนี้เธอแทบไม่มีเงินติดตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีเงินสดแค่ไม่กี่พันบาท ส่วนเงินในบัญชีนั้นแทบไม่เหลือแล้วหญิงสาวผิว

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 28

    อรรพีไม่มีข่าวเสียหาย ถึงแม้เธอได้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้วก็ตาม การพูดจาและวางตัวของเธอก็ดูดี ท่าทางฉลาดเฉลียวทันคนสมเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ช่างถูกใจนางจริงๆ...แต่ติดนิดเดียวตรงที่อรรพีเคยให้สัมภาษณ์ถึงทัศนคติการมีชีวิตคู่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เธอก็อยากจะแต่งงาน แต่เธอไม่ต้องการมีลูก เพราะเธอเชื่อว่าเพียงแค่คนสองคนที่รักและเข้าใจกันก็สามารถสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องมีโซ่ทองคล้องใจ“สรุปว่าถ้าเจ้ากันต์กับหนูไอซ์ตกลงเป็นแฟนกัน คุณก็ให้การ์ดผ่านพวกเขาเลยใช่ไหม”“รดาต้องให้ผ่านอยู่แล้วค่ะ สำหรับเรื่องพวกนี้ รดาตามใจลูกทุกคน ขอแค่เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่มีเรื่องเสียหายมาให้ครอบครัวเราต้องพลอยอับอายไปด้วยก็พอ เพราะรดาอยากได้ผู้หญิงที่รักลูกของเราจริงๆ มาเป็นลูกสะใภ้”คุณเนตรรู้ว่าคุณอมลรดากลัวผู้หญิงอีกจำพวกที่อาจเข้ามาพัวพันและทำให้ชนกันต์ต้องเสื่อมเสีย เขาจึงปิดเรื่องที่ลูกชายพาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้ไปที่บริษัท แถมยังให้เจ้าหล่อนเข้าไปนั่งรออยู่ในห้องทำงานส่วนตัว...รับรองเลยว่าถ้าหากคุณอมลรดารู้เรื่องนี้ นางจะต้

DMCA.com Protection Status