“พอแล้ว!”ถังเจี้ยนหยวนระเบิดอารมณ์ที่พบเห็นได้ยากออกมาเขาไม่สามารถอดทนกับศาสตราจารย์ต่างชาติสมองทึ่ม ที่พูดพร่ำไม่หยุดคนนี้ คนคนนี้ไม่รู้จักการเข้าสังคมจริงๆ“บริวารหงเหล่ย เชิญศาสตราจารย์โรเบิร์ตออกไป ให้ค่ารักษากับเขาอย่างเพียงพอ จากนั้นก็ส่งแขก!”ถังเจี้ยนหยวนตะโกนออกคำสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ“ครับ”บริวารวัยกลางคนท่านหนึ่งเดินเข้ามามองศาสตราจารย์โรเบิร์ตด้วย และหรี่ตาลง: “ศาสตราจารย์โรเบิร์ต เชิญเถอะครับ”“พวกคุณ พวกคุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง! พวกคุณ จะปฏิบัติต่อหมอที่มีจิตใจเมตตาและซื่อสัตย์แบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปฟ้องพวกคุณ!”“ยินดีให้ไปฟ้องครับ”ถังเจี้ยนหยวนสีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงกลับเย็นชาอย่างถึงที่สุดเหมือนกับว่าเขายังเผยความเยาะหยันออกมาในคำพูดอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจต่อการฟ้องร้องที่ศาสตราจารย์พูดถึงเลยด้วยซ้ำก็ถูกนั่นแหละตระกูลถังในฐานะสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง ควบคุมโลกธุรกิจมานานขนาดนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีไม้ตายก็แค่ศาสตราจารย์ต่างประเทศคนเดียว ต่อให้เขาทุ่มแรงทั้งหมดก็ไม่สามารถฟ้องร้องชนะตระกูลถังได้ความจริงก็น่าอนาถแบบนี้แหละมองดูศาสตราจารย์โ
“ถังหว่าน อยู่ในใจของพวกคุณมีค่าแค่เจ็ดหมื่นห้าพันล้านบาทงั้นเหรอ?”“ไม่พอเหรอ?”ถังเจี้ยนหยวนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยดูท่าความชอบของหลินเฟิงใหญ่มากจริงๆ “ไม่”หลินเฟิงส่ายหน้าและยิ้มพูด:“บางทีอยู่ในสายตาของคุณ บนโลกนี้ไม่มีของที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ในสายตาของผม เงินก็คือกระดาษไร้ค่า”“ไม่ว่าคุณจะเสนอราคาเท่าไหร่ ผมก็ไม่มีทางปล่อยถังหว่านไป เพราะว่าเธออยู่ในใจของผมนั้นไม่สามารถตีค่าได้”“หลินเฟิง!”หญิงชราที่อยู่ข้างๆ โมโหแล้ว เธอชี้หน้าด่าทอหลินเฟิง:“แกมันไอ้สารเลว ให้เกียรติแล้วยังไม่รับไว้อีก!”“หลินเฟิง คุณควรจะมีสติได้แล้ว”ถังเจี้ยนหยวนพูดตวาดด้วยความโมโห:“ผมไว้หน้าคุณและให้โอกาสคุณหลายครั้งแล้ว ถ้าหากคุณยังดื้อรั้นแบบนี้ต่อไป...”“จะเป็นอย่างไร?”หลินเฟิงมองไปทางถังเจี้ยนหยวนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วยท่าทางท้าทาย“บริวารตระกูลถัง ฟังคำสั่ง จับหลินเฟิง...ฆ่าทิ้งซะ!”เห็นหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะประนีประนอม ถังเจี้ยนหยวนก็โยนความเสแสร้งของตัวเองที่มาโดยตลอดทิ้งไป เขาออกคำสั่งโดยตรง จะให้หลินเฟิงตายไปที่นี่โดยตรงในเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยวางถังหว่าน งั้นก็
แต่เมื่อมองสีหน้าสิ้นหวังของพ่อตัวเอง และท่าทางน่าสงสาร สุดท้ายเขาก็กัดฟัง ก้มหัวให้หลินเฟิงแล้วพูดว่า:“หลินเฟิง เพียงแค่คุณรักษาพ่อของผมจนหาย ผมก็จะให้คุณไปพบหลานถังหว่าน เป็นอย่างไร?!”“ผมไม่เชื่อ”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง“คุณ...”ไม่รอให้ถังเจี้ยนหยวนพูด หลินเฟิงยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดต่อไป สีหน้าของหลินเฟิงในตอนนี้เปลี่ยนไปเย็นชาแล้วหลินเฟิงพูดอย่างนิ่งเฉย:“เมื่อครู่ผมเห็นความสามารถในการตั้งตัวของตระกูลถังแล้ว การตกลงทางคำพูดที่ว่าไม่มีประโยชน์สำหรับคุณด้วยซ้ำ ในเมื่อตระกูลถังของคุณไม่มีทางรักษาคำพูด”“หรือว่าคุณยังคิดว่าคำพูดของคุณ ยังมีความน่าเชื่อถือสำหรับผมอีกงั้นเหรอ?”“งั้นคุณก็โง่เขลาจนน่ารักจริงๆ”หลินเฟิงเปิดโปงความกลบเกลื่อนของถังเจี้ยนหยวนโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่นิด นี่จึงทำให้ถังเจี้ยนหยวนโมโหจนตับจะระเบิดแต่เพื่อพ่อ เขาก็ยังทำหน้าบึ้งตึง และฝืนถามหลินเฟิง:“งั้นต้องทำอย่างไรคุณถึงจะยอมรักษาพ่อของผม?”“ผมต้องการเจอถังหว่าน ตอนนี้”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยครั้งนี้ถังเจี้ยนหยวนไม่ได้รีบร้อนที่จะพูดว่าไม่ได้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:“ถ้าหากหลังจาก
พูดจบ หลินเฟิงก็ยิ้มเยาะและเดินจากไป“เดี๋ยว...เดี๋ยวเดี๋ยว! เดี๋ยวสิ...”นายท่านล้มตัวลงบนเตียงและไถลลงบนพื้น เขาตะโกนร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด และคลานไปทางหลินเฟิง“สหายน้อยหลิน ช่วยฉันด้วยนะ! ฉันไม่อยากตาย...ฉัน ฉันไม่อยากตายอย่างน่าเวทนาแบบนั้น!”ได้ยินเสียงตะโกนเรียกที่น่าอนาถของนายท่าน หญิงชราที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจขึ้นมา จึงรีบดึงลูกชายของตัวเองไว้ และพูดอย่างร้อนรน:“โอ๊ยฉันว่านะเจี้ยนหยวน นายรับปากเขาเถอะ! ก็แค่เจอหน้ากับหว่านเอ๋อร์เองไม่ใช่เหรอ? จะอะไรกันนักหนา!”“แม่ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่แม่คิดแบบนั้นนะครับ!”ถังเจี้ยนหยวนใบหน้าอัดอั้นเหมือนกับกาน้ำร้อน เขาดิ้นรนพูดอธิบาย:“ถ้าหากให้หลินเฟิงไปเจอกับหลานถังหว่าน ไม่ต้องพูดถึงนิสัยของหลานถังหว่าน ถ้าหากเธอตัดสินใจตามหลินเฟิงไป พวกเราจะขวางไว้ได้อย่างไร?”“กว่าผมจะพูดเกลี้ยกล่อม ทำให้เธอยอมรับการจัดการของตระกูลได้ ตอนนี้ถ้าหากเธอเจอกับหลินเฟิง ถ้าหากเปลี่ยนใจจะทำอย่างไร?”“อีกอย่าง คุณชายหลงยวนตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก”“ถ้าหากให้หลินเฟิงไปพบถังหว่าน เรื่องนี้จะปิดบังคุณชายหลงยวนได้อย่างไร ให้เขารับรู้ ตระกูลหลงจะมองตระกูลถัง
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า