สำหรับจุดนี้ ถังหว่านมีสิทธิ์พูดมากที่สุดแน่นอนว่า หลินเฟิงดึงดูดถังหว่าน ไม่เพียงแค่หน้าตาของเขาวิธีการจัดการ ท่าทาง กลอุบายของหลินเฟิง ต่างก็ทำให้ถังหว่านหลงใหลอย่างสุดซึ้งถ้าหากถังหว่านไม่ได้เจอหลินเฟิง เช่นนั้นเธออาจจะฟังการจัดแจงของตระกูล และแต่งงานกับหลงยวนจริงๆ ก็ได้แต่ตอนนี้มีหลินเฟิงแล้ว เธอจึงไม่ได้รู้สึกชอบหลงยวนในเมื่อเทียบกับหลินเฟิง หลงยวนก็แค่หนุ่มที่พึ่งพาตระกูลถึงจะสามารถปีนไต่ขึ้นจนถึงสถานะในตอนนี้ได้ส่วนหลินเฟิง พึ่งพาแค่ตัวเองสร้างท้องฟ้าที่กว้างขวางออกมาได้ถ้าหากให้เวลาระยะหนึ่ง ความสำเร็จของหลินเฟิงจะต้องแซงหน้าหลงยวนไปถนนแถวหนึ่งอย่างแน่นอนสำหรับจุดนี้ ถังหว่านเชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัย“ฉันถังหว่านไม่เคยเชื่อโชคชะตาบ้าบออะไรมาก่อน ชีวิตของฉันฉันควบคุมเอง”ถังหว่านสีหน้าจริงจัง และมองไปทางหลงยวนแล้วพูดว่า:“คุณชายหลงยวน วันนี้ฉันบอกกับคุณอย่างเป็นทางการนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณ ฉันชอบหลินเฟิง รักหลินเฟิง ทั้งชีวิตจะแต่งงานแค่กับหลินเฟิงเท่านั้น”“การแต่งงานเกี่ยวดองกันของตระกูลหลงกับตระกูลถังงั้นเหรอ หึ ไปตายซะเถอะ!”“แม่เจ้า แม่คุณทูลหัวถัง
“ถังหว่าน”หลงยวนเห็นเรื่องราวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นส่วนเกิน จึงขึ้นรถไปทันทีเขากดหน้าต่างรถลง และพูดอย่างนิ่งเฉย“คุณเลือกรับการปกป้อง และรักษาความปลอดภัยจากตระกูลหลงของพวกเราต่อไป”“หรือให้อีกาแห่งเมืองหนานไห่กวาดล้างตระกูลถังของพวกคุณจนหมด เรื่องนี้ คุณพิจารณาเอาเอง”“ผมไม่เกลี้ยกล่อมคุณอีกแล้ว”“อีกสามวัน งานประจำปีของตระกูลถัง ตระกูลหลงของผมจะส่งคนมาแต่งงานกับคุณ ถ้าหากคุณไม่ยอม งั้นก็แสดงว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของตระกูลถังของคุณกับตระกูลหลงของผมตัดขาดกันแล้ว”“ต่อไป พวกคุณก็ช่วยเหลือตัวเองแล้วกัน”พูดจบ หลงยวนก็พิงตัวบนเบาะ และสั่งคนขับรถให้เคลื่อนรถออกไปเหลือเพียงแค่ถังหว่านที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอันที่จริงถังหว่านไม่ได้โง่ถึงขั้นที่เธอฉลาดกว่าผู้หญิงส่วนมากด้วยซ้ำในฐานะผู้หญิงแกร่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองเจียงโจว สมองของเธอไม่มีทางง่ายดายขนาดนั้นหรอกอันที่จริงเพียงแค่แวบแรกเมื่อครู่นี้ ก็เห็นหลินเฟิงกับหลงยวนที่อยู่ในรถแล้วที่เธอทำสนิทสนมกับหลินเฟิงแบบนี้ และมีท่าทางเย็นชาต่อหลงยวน นี่เป็นแผนการของเธอที่เกิดข
“อ่อใช่”ถังหว่านเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอขมวดคิ้วมองไปทางหลินเฟิงและพูดว่า: “ที่รัก คุณอยากพบฉัน หรือว่าอาใหญ่ของฉันให้คุณมาพบฉันทั้งแบบนี้เหรอ? นี่ไม่เหมือนกับนิสัยของเขานะ”“อย่าพูดถึงเลย”หลินเฟิงกำลังจะรับปากกับถังหว่านว่า เขาจะจัดการเรื่องของอีกาแห่งเมืองหนานไห่ ก็เห็นถังหว่านเปลี่ยนเรื่องสนทนาเขาก็ทำได้นำประสบการณ์ที่น่าลำบากในการมาพบเธอ เล่าให้ถังหว่านฟังเพิ่งจะพูดได้ครึ่งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ถังหว่านโมโหอย่างมากถังหว่านกระทืบเท้าอย่างแรง และพูดด้วยความโมโห:“ฉันบอกกับคุณอาไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามทำให้คุณโมโห และก็ห้ามใช้คนในครอบครัวข่มขู่คุณ แต่เขาทำไมถึงไม่ฟังเลยนะ?”“อาสามของฉันก็จริงๆ เลย มีที่ไหนกันที่เชิญคนมารักษาแล้วใช้วิธีแบบนี้?!”“หึ เรื่องที่น่าสนใจอยู่ข้างหลัง”หลินเฟิงส่ายหน้า และนำเรื่องที่เขารักษาให้นายท่าน เรื่องเดิมพัน และยังมีเรื่องของศาสตราจารย์โรเบิร์ตเล่าออกมาให้ถังหว่านจนหมดเปลือกถังหว่านหนังหน้ากระตุกโมโหจนเกือบจะด่าคำหยาบออกมาในทันที“ดูท่าอาใหญ่ของฉันไม่ใส่ใจความเป็นความตายของคุณปู่ของฉันด้วยซ้ำสินะ!”ถังหว่านพูดด้วยความโมโห
“งั้นที่รัก คุณเตรียมจะกลับไปเมื่อไหร่?”ถังหว่านมองหลินเฟิงอย่างทำใจไม่ได้“ผมยังไม่กลับไปก่อนชั่วคราว”หลินเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า:“อาการป่วยของคุณปู่คุณยังต้องให้ผมรักษาอีก ต้องใช้เวลาประมาณสามวัน ผมก็สามารถนำตัวหนอนทั้งหมดออกมาจากในร่างกายของเขาได้”“ต่อไปก็ช่วยคุณจัดการเรื่องของคุณ”“เรื่องของฉัน”ถังหว่านรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน“ถูกต้อง”หลินเฟิงพยักหน้าและยิ้มพูด: “คุณบอกว่าตระกูลถังของพวกคุณถูกทำร้ายจากอีกาแห่งเมืองหนานไห่ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อผมมาแล้ว เช่นนั้นจะมองดูคุณได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้อยู่แล้ว”“อีกาแห่งเมืองหนานไห่อะไรนั่น ผมจะกำจัดความวุ่นวายนี้ไปซะ”“ต่อไปก็กลับเจียงโจวกับผมได้ไหม?”ได้ยินหลินเฟิงยื่นมือออกมา และขอร้องด้วยความจริงใจ ถังหว่านเหม่อลอย และวางมือลงบนฝ่ามือที่อบอุ่นของหลินเฟิงแต่ไม่นานนักเธอก็ตั้งตัวกลับมาได้ และก้มหน้าหลบสายตาของหลินเฟิง เพื่อเช็ดน้ำตา และฝืนยิ้มพูดว่า:“ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณเก่งมาก เรื่องมากมายก็สามารถทำได้สำเร็จ ถึงขั้นที่ทำเรื่องที่แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถจินตนาการได้”“แต่ว่าอีกาแห่งเมืองหนานไห่...”ถังหว่านส่ายหน้าแล
แต่ภายในตระกูลถัง ท่าทางที่คนอื่นมีต่อหลินเฟิงไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้นแล้วนอกจากถังหว่าน แทบทุกคนที่เห็นหลินเฟิง ต่างก็มีสีหน้าเหมือนท้องผูกชายหนุ่มคนนี้ไล่ ก็ไล่ไม่ไปด่า ก็ด่าไม่ได้ตี พวกเขายังหวังให้หลินเฟิงรักษาอาการให้นายท่านอยู่อีกดังนั้นพวกเขาทำได้แค่ใส่ร้ายป้ายสีหลินเฟิงลับหลัง ถึงขั้นที่นำโรคที่นายท่านติดเชื้อเมื่อครึ่งปีก่อน คาดเดาไปบนหัวของหลินเฟิงแต่หลินเฟิงไม่ใส่ใจด้วยซ้ำเพราะวันนี้เป็นวันที่สามที่เขารักษาอาการให้นายท่านตระกูลถังแล้ววันสุดท้ายและก็เป็นวันที่ทั้งตระกูลถังเริ่มงานประจำปีตั้งแต่เช้าตรู่รถหรูแต่ละคันขับจากข้างนอกเข้ามาในตระกูลถังชายหญิงแต่ละกลุ่มที่แต่งตัวสง่างาม บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเดี่ยว เดินเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างองอาจผึ่งผายไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลถังที่กลับมาต้นตระกูล หรือจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลถังแต่ละพื้นที่ต่างแสดงออกถึงความร่ำรวยของตระกูลถัง ที่เป็นตระกูลพ่อค้าหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยแห่งเมืองจิงขนาดของตระกูลถัง ไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้นเพียงเท่าที่หลินเฟิงเห็นอยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอนตรงกลางคฤหาสน์ตระกูลถังส่วนภายในโถงเลี้ยงขนา
หลังจากเสียงกระทบของแก้วทรงสูงที่ไพเราะดังขึ้น หลินเฟิงก็จิบไวน์ในแก้วหนึ่งอึกในตอนที่ไวน์ไหลลงคอ หลินเฟิงกลับเหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง“ไวน์นี่...”หลินเฟิงเหลือบมองของเหลวสีแดงที่อยู่ในมือ และขมวดคิ้วแน่น“ทำไม? ไวน์นี้คือไวน์เบอร์กันดีโรมาเนกงติระดับพิเศษ โด่งดังและล้ำค่าถึงที่สุด แต่ละปีผลิตไม่ถึง 400 ลัง หนึ่งใน 200 ลังถูกนำมาจัดงานประจำปีในครั้งนี้”หลงยวนตั้งใจอธิบายยกหนึ่ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเข้าใจในฉับพลันและพูดว่า:“ขออภัยด้วยสหายหลินเฟิง ผมจำได้ว่า คนบ้านนอกแบบคุณเกรงว่าไม่เคยดื่มเหล้าที่โด่งดังและล้ำค่าแบบนี้มาก่อนสินะครับ จึงลิ้มรสชาติโดดเด่นเป็นพิเศษที่อยู่ในนั้นไม่ได้”คำเยาะหยันของหลงยวนทำให้อู๋เยว่เซี๋ยที่อยู่ข้างๆ ปิดปากหัวเราะลูกหลานตระกูลถังคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปทางหลินเฟิง และขมวดคิ้วขึ้นมาเขาเป็นใครกัน?ทำไมถึงไม่เคยพบเห็นที่ในตระกูลมาก่อน?บนตัวส่งบรรยากาศที่ไม่เข้ากันกับความสง่างามของสถานที่แห่งนี้ นี่ทำให้ลูกหลานตระกูลถังเกิดความสงสัยต่อหลินเฟิงอย่างอดไม่ได้“หึหึ ไวน์นี้...มีความพิเศษอยู่จริงๆ ผมไม่สามารถเพลิดเพลินกับมันได้ ดูท่ามีเพ
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องรองกลับมาแล้วเหรอ? ดีดีดี ดีมากเลย!”ตอนนี้ ร่างที่คุ้นเคยคู่หนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องโถงจัดเลี้ยงหลินเฟิงมองไป พบว่านั่นก็คือน้องรองของถังเจี้ยนหยวน ก็คือถังว่านหลี่ พ่อของถังหว่านคนที่ติดตามอยู่ข้างกายถังว่านหลี่ ก็คือหลินเสวี่ยเยี่ยนแม่ของถังหว่านดูท่างานเลี้ยงประจำปีของตระกูลถัง ต่อให้พวกเขาที่อยู่ไกลถึงเจียงโจว ก็ต้องมาเข้าร่วมด้วยถังเจี้ยนหยวนเข้าไปต้อนรับด้วยตัวเอง แต่จากนั้นเขาก็มีสีหน้าแข็งทื่อ“เอ๊ะ? อวิ๋นเหลยกับอวิ๋นเฟิงล่ะ? พวกเขาทำไมถึงไม่กลับมาด้วย?”ถังเจี้ยนหยวนกวาดตามองไปรอบๆ และไม่พบเงาของถังอวิ๋นเหลยกับถังอวิ๋นเฟง“พวกเขา...”ถังว่านหลี่สีหน้าเก้กัง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีหลินเสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ทุบหลังของสามีตัวเองเบาๆ เห็นได้ชัดว่าจะให้เขาออกหน้า“แฮ่มแฮ่ม”ถังว่านหลี่กระแอมสองครั้ง จากนั้นก็ล้วงใบรายงานคนเสียชีวิตออกมาจากในกระเป๋า ยื่นออกไปให้ถังเจี้ยนหยวน และพูดอย่างจนปัญญา:“พี่ใหญ่ อวิ๋นเหลยเขาสมคบกับศัตรูของตระกูลถัง ปล้นชิงยาบำรุงสตรีที่หว่านเอ๋อร์ทุ่มเทกำลังมหาศาลศึกษาและทำการผลิตออกมา ดังนั้น...แฮ่มแฮ่ม ในการต่อสู้ที่วุ่นว
ในที่สุดถังเจี้ยนหยวนก็คืนสู่สภาพความสุขุมในฐานะผู้นำตระกูลถัง เขาจ้องมองไปที่ถังว่านหลี่ ลูกหลานของตระกูลถัง จะตายไปทั้งที่ไม่มีสาเหตุชัดเจนแบบนี้ไม่ได้“ ใช่ พี่รอง ลูกชายของผมก็จะตายไปทั้งที่ไม่รู้สาเหตุชัดเจนไม่ได้หรอก ผมอยากรู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้ตาย”ถังเจิ้งเฉินก็ระงับความโมโหของตัวเองเอาไว้เช่นกัน“ที่ฉันสามารถมาพบพี่ใหญ่กับน้องสามได้ เป็นเพราะว่าได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว”ถังว่านหลี่หยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเอกสารพวกนี้ทั้งหมดเป็นหลักฐานเกี่ยวกับการทำชั่วของถังอวิ๋นเหลยกับถังอวิ๋นเฟิง และ ยังมีรูปถ่ายอีกด้วย“เอ้ย เอ้ยเอ้ยเอ้ย”ในเวลานี้หลินเสวี่ยเยี่ยนก็เห็นหลินเฟิงที่นั่งอย่างสบายไร้กังวลอยู่ตรงมุมหนึ่งเธอสะกิดเข้าที่เอวถังว่านหลี่ ให้ถังว่านหลี่ได้เห็นถังว่านหลี่หันกลับไป แล้วเขาก็มองเห็นหลินเฟิงที่บังเอิญจ้องมองมาที่เขาอยู่พอดีหลินเฟิงยืนขึ้น ก่อนจะค่อย ๆเดินไปที่ด้านหน้าของถังว่านหลี่และหลินเสวี่ยเยี่ยนท่ามกลางฝูงชน“ สวัสดีครับ อาถัง คุณน้า พวกเราเจอหน้ากันอีกแล้ว”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับทักทายทั้งสองคนแต่ทว่าถังว่านหลี่และภรรยาต่างก็แสด
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน