แต่เมื่อมองสีหน้าสิ้นหวังของพ่อตัวเอง และท่าทางน่าสงสาร สุดท้ายเขาก็กัดฟัง ก้มหัวให้หลินเฟิงแล้วพูดว่า:“หลินเฟิง เพียงแค่คุณรักษาพ่อของผมจนหาย ผมก็จะให้คุณไปพบหลานถังหว่าน เป็นอย่างไร?!”“ผมไม่เชื่อ”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง“คุณ...”ไม่รอให้ถังเจี้ยนหยวนพูด หลินเฟิงยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดต่อไป สีหน้าของหลินเฟิงในตอนนี้เปลี่ยนไปเย็นชาแล้วหลินเฟิงพูดอย่างนิ่งเฉย:“เมื่อครู่ผมเห็นความสามารถในการตั้งตัวของตระกูลถังแล้ว การตกลงทางคำพูดที่ว่าไม่มีประโยชน์สำหรับคุณด้วยซ้ำ ในเมื่อตระกูลถังของคุณไม่มีทางรักษาคำพูด”“หรือว่าคุณยังคิดว่าคำพูดของคุณ ยังมีความน่าเชื่อถือสำหรับผมอีกงั้นเหรอ?”“งั้นคุณก็โง่เขลาจนน่ารักจริงๆ”หลินเฟิงเปิดโปงความกลบเกลื่อนของถังเจี้ยนหยวนโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่นิด นี่จึงทำให้ถังเจี้ยนหยวนโมโหจนตับจะระเบิดแต่เพื่อพ่อ เขาก็ยังทำหน้าบึ้งตึง และฝืนถามหลินเฟิง:“งั้นต้องทำอย่างไรคุณถึงจะยอมรักษาพ่อของผม?”“ผมต้องการเจอถังหว่าน ตอนนี้”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยครั้งนี้ถังเจี้ยนหยวนไม่ได้รีบร้อนที่จะพูดว่าไม่ได้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:“ถ้าหากหลังจาก
พูดจบ หลินเฟิงก็ยิ้มเยาะและเดินจากไป“เดี๋ยว...เดี๋ยวเดี๋ยว! เดี๋ยวสิ...”นายท่านล้มตัวลงบนเตียงและไถลลงบนพื้น เขาตะโกนร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด และคลานไปทางหลินเฟิง“สหายน้อยหลิน ช่วยฉันด้วยนะ! ฉันไม่อยากตาย...ฉัน ฉันไม่อยากตายอย่างน่าเวทนาแบบนั้น!”ได้ยินเสียงตะโกนเรียกที่น่าอนาถของนายท่าน หญิงชราที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจขึ้นมา จึงรีบดึงลูกชายของตัวเองไว้ และพูดอย่างร้อนรน:“โอ๊ยฉันว่านะเจี้ยนหยวน นายรับปากเขาเถอะ! ก็แค่เจอหน้ากับหว่านเอ๋อร์เองไม่ใช่เหรอ? จะอะไรกันนักหนา!”“แม่ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่แม่คิดแบบนั้นนะครับ!”ถังเจี้ยนหยวนใบหน้าอัดอั้นเหมือนกับกาน้ำร้อน เขาดิ้นรนพูดอธิบาย:“ถ้าหากให้หลินเฟิงไปเจอกับหลานถังหว่าน ไม่ต้องพูดถึงนิสัยของหลานถังหว่าน ถ้าหากเธอตัดสินใจตามหลินเฟิงไป พวกเราจะขวางไว้ได้อย่างไร?”“กว่าผมจะพูดเกลี้ยกล่อม ทำให้เธอยอมรับการจัดการของตระกูลได้ ตอนนี้ถ้าหากเธอเจอกับหลินเฟิง ถ้าหากเปลี่ยนใจจะทำอย่างไร?”“อีกอย่าง คุณชายหลงยวนตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก”“ถ้าหากให้หลินเฟิงไปพบถังหว่าน เรื่องนี้จะปิดบังคุณชายหลงยวนได้อย่างไร ให้เขารับรู้ ตระกูลหลงจะมองตระกูลถัง
สาวสวยคนนี้ก็คือถังหว่านนั่นเองเธอมองเห็นหลินเฟิง จึงกระโดดเข้าใส่โดยไม่พูดพร่ำหลังจากสบตากันหลายวินาที เธอใช้ท่าทางเร่าร้อนที่ทำให้คนหวาดกลัว ขยับริมฝากของตัวเองเข้าไปอย่างแรงสัมผัสที่ชุ่มชื้นทำให้หลินเฟิงไม่สามารถถอนตัวออกได้“แค่กแค่ก...”ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองคนถึงได้แยกออกจากกันเพราะเสียงกระแอมของคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ“ป้าจ้าว ป้าไออะไรกัน น่าเบื่อที่สุด!”ริมฝีปากแยก ถังหว่านก็เหลือบตามองคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตำหนิ“ไม่ใช่ค่ะคุณหนูถังหว่าน คือว่า...”คนรับใช้ที่ถูกเรียกว่าป้าจ้าวส่งสายตาไปที่ด้านข้างไม่หยุดถังหว่านหันหน้ามองไป ถึงได้เห็นหลงยวน ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างป้าจ้าวตอนนี้สีหน้าอึมครึมของหลงยวนเหมือนกับจะมีน้ำฝนหยดลงมาอย่าว่าแต่ท่าทางอบอุ่นที่โถมตัวเข้าไปหาโดยตรง ดูเพียงแค่เรื่องที่ถูกคนรับใช้เตือน ถึงได้สังเกตเห็นตัวเอง ก็รู้ว่าถังหว่านไม่ได้ใส่ใจเขาเลยด้วยซ้ำ“ถังหว่าน ผมต้องเตือนคุณสักหน่อย อีกสามวัน ก็คือวันแต่งงานของพวกเราแล้ว”หลงยวนพูดเหน็บแนมแบบนี้ประโยคหนึ่ง“หึ ใครจะแต่งงานกับคุณล่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว! ฉันจะไป
สำหรับจุดนี้ ถังหว่านมีสิทธิ์พูดมากที่สุดแน่นอนว่า หลินเฟิงดึงดูดถังหว่าน ไม่เพียงแค่หน้าตาของเขาวิธีการจัดการ ท่าทาง กลอุบายของหลินเฟิง ต่างก็ทำให้ถังหว่านหลงใหลอย่างสุดซึ้งถ้าหากถังหว่านไม่ได้เจอหลินเฟิง เช่นนั้นเธออาจจะฟังการจัดแจงของตระกูล และแต่งงานกับหลงยวนจริงๆ ก็ได้แต่ตอนนี้มีหลินเฟิงแล้ว เธอจึงไม่ได้รู้สึกชอบหลงยวนในเมื่อเทียบกับหลินเฟิง หลงยวนก็แค่หนุ่มที่พึ่งพาตระกูลถึงจะสามารถปีนไต่ขึ้นจนถึงสถานะในตอนนี้ได้ส่วนหลินเฟิง พึ่งพาแค่ตัวเองสร้างท้องฟ้าที่กว้างขวางออกมาได้ถ้าหากให้เวลาระยะหนึ่ง ความสำเร็จของหลินเฟิงจะต้องแซงหน้าหลงยวนไปถนนแถวหนึ่งอย่างแน่นอนสำหรับจุดนี้ ถังหว่านเชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัย“ฉันถังหว่านไม่เคยเชื่อโชคชะตาบ้าบออะไรมาก่อน ชีวิตของฉันฉันควบคุมเอง”ถังหว่านสีหน้าจริงจัง และมองไปทางหลงยวนแล้วพูดว่า:“คุณชายหลงยวน วันนี้ฉันบอกกับคุณอย่างเป็นทางการนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณ ฉันชอบหลินเฟิง รักหลินเฟิง ทั้งชีวิตจะแต่งงานแค่กับหลินเฟิงเท่านั้น”“การแต่งงานเกี่ยวดองกันของตระกูลหลงกับตระกูลถังงั้นเหรอ หึ ไปตายซะเถอะ!”“แม่เจ้า แม่คุณทูลหัวถัง
“ถังหว่าน”หลงยวนเห็นเรื่องราวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นส่วนเกิน จึงขึ้นรถไปทันทีเขากดหน้าต่างรถลง และพูดอย่างนิ่งเฉย“คุณเลือกรับการปกป้อง และรักษาความปลอดภัยจากตระกูลหลงของพวกเราต่อไป”“หรือให้อีกาแห่งเมืองหนานไห่กวาดล้างตระกูลถังของพวกคุณจนหมด เรื่องนี้ คุณพิจารณาเอาเอง”“ผมไม่เกลี้ยกล่อมคุณอีกแล้ว”“อีกสามวัน งานประจำปีของตระกูลถัง ตระกูลหลงของผมจะส่งคนมาแต่งงานกับคุณ ถ้าหากคุณไม่ยอม งั้นก็แสดงว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของตระกูลถังของคุณกับตระกูลหลงของผมตัดขาดกันแล้ว”“ต่อไป พวกคุณก็ช่วยเหลือตัวเองแล้วกัน”พูดจบ หลงยวนก็พิงตัวบนเบาะ และสั่งคนขับรถให้เคลื่อนรถออกไปเหลือเพียงแค่ถังหว่านที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอันที่จริงถังหว่านไม่ได้โง่ถึงขั้นที่เธอฉลาดกว่าผู้หญิงส่วนมากด้วยซ้ำในฐานะผู้หญิงแกร่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองเจียงโจว สมองของเธอไม่มีทางง่ายดายขนาดนั้นหรอกอันที่จริงเพียงแค่แวบแรกเมื่อครู่นี้ ก็เห็นหลินเฟิงกับหลงยวนที่อยู่ในรถแล้วที่เธอทำสนิทสนมกับหลินเฟิงแบบนี้ และมีท่าทางเย็นชาต่อหลงยวน นี่เป็นแผนการของเธอที่เกิดข
“อ่อใช่”ถังหว่านเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอขมวดคิ้วมองไปทางหลินเฟิงและพูดว่า: “ที่รัก คุณอยากพบฉัน หรือว่าอาใหญ่ของฉันให้คุณมาพบฉันทั้งแบบนี้เหรอ? นี่ไม่เหมือนกับนิสัยของเขานะ”“อย่าพูดถึงเลย”หลินเฟิงกำลังจะรับปากกับถังหว่านว่า เขาจะจัดการเรื่องของอีกาแห่งเมืองหนานไห่ ก็เห็นถังหว่านเปลี่ยนเรื่องสนทนาเขาก็ทำได้นำประสบการณ์ที่น่าลำบากในการมาพบเธอ เล่าให้ถังหว่านฟังเพิ่งจะพูดได้ครึ่งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ถังหว่านโมโหอย่างมากถังหว่านกระทืบเท้าอย่างแรง และพูดด้วยความโมโห:“ฉันบอกกับคุณอาไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามทำให้คุณโมโห และก็ห้ามใช้คนในครอบครัวข่มขู่คุณ แต่เขาทำไมถึงไม่ฟังเลยนะ?”“อาสามของฉันก็จริงๆ เลย มีที่ไหนกันที่เชิญคนมารักษาแล้วใช้วิธีแบบนี้?!”“หึ เรื่องที่น่าสนใจอยู่ข้างหลัง”หลินเฟิงส่ายหน้า และนำเรื่องที่เขารักษาให้นายท่าน เรื่องเดิมพัน และยังมีเรื่องของศาสตราจารย์โรเบิร์ตเล่าออกมาให้ถังหว่านจนหมดเปลือกถังหว่านหนังหน้ากระตุกโมโหจนเกือบจะด่าคำหยาบออกมาในทันที“ดูท่าอาใหญ่ของฉันไม่ใส่ใจความเป็นความตายของคุณปู่ของฉันด้วยซ้ำสินะ!”ถังหว่านพูดด้วยความโมโห
“งั้นที่รัก คุณเตรียมจะกลับไปเมื่อไหร่?”ถังหว่านมองหลินเฟิงอย่างทำใจไม่ได้“ผมยังไม่กลับไปก่อนชั่วคราว”หลินเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า:“อาการป่วยของคุณปู่คุณยังต้องให้ผมรักษาอีก ต้องใช้เวลาประมาณสามวัน ผมก็สามารถนำตัวหนอนทั้งหมดออกมาจากในร่างกายของเขาได้”“ต่อไปก็ช่วยคุณจัดการเรื่องของคุณ”“เรื่องของฉัน”ถังหว่านรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน“ถูกต้อง”หลินเฟิงพยักหน้าและยิ้มพูด: “คุณบอกว่าตระกูลถังของพวกคุณถูกทำร้ายจากอีกาแห่งเมืองหนานไห่ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อผมมาแล้ว เช่นนั้นจะมองดูคุณได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้อยู่แล้ว”“อีกาแห่งเมืองหนานไห่อะไรนั่น ผมจะกำจัดความวุ่นวายนี้ไปซะ”“ต่อไปก็กลับเจียงโจวกับผมได้ไหม?”ได้ยินหลินเฟิงยื่นมือออกมา และขอร้องด้วยความจริงใจ ถังหว่านเหม่อลอย และวางมือลงบนฝ่ามือที่อบอุ่นของหลินเฟิงแต่ไม่นานนักเธอก็ตั้งตัวกลับมาได้ และก้มหน้าหลบสายตาของหลินเฟิง เพื่อเช็ดน้ำตา และฝืนยิ้มพูดว่า:“ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณเก่งมาก เรื่องมากมายก็สามารถทำได้สำเร็จ ถึงขั้นที่ทำเรื่องที่แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถจินตนาการได้”“แต่ว่าอีกาแห่งเมืองหนานไห่...”ถังหว่านส่ายหน้าแล
แต่ภายในตระกูลถัง ท่าทางที่คนอื่นมีต่อหลินเฟิงไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้นแล้วนอกจากถังหว่าน แทบทุกคนที่เห็นหลินเฟิง ต่างก็มีสีหน้าเหมือนท้องผูกชายหนุ่มคนนี้ไล่ ก็ไล่ไม่ไปด่า ก็ด่าไม่ได้ตี พวกเขายังหวังให้หลินเฟิงรักษาอาการให้นายท่านอยู่อีกดังนั้นพวกเขาทำได้แค่ใส่ร้ายป้ายสีหลินเฟิงลับหลัง ถึงขั้นที่นำโรคที่นายท่านติดเชื้อเมื่อครึ่งปีก่อน คาดเดาไปบนหัวของหลินเฟิงแต่หลินเฟิงไม่ใส่ใจด้วยซ้ำเพราะวันนี้เป็นวันที่สามที่เขารักษาอาการให้นายท่านตระกูลถังแล้ววันสุดท้ายและก็เป็นวันที่ทั้งตระกูลถังเริ่มงานประจำปีตั้งแต่เช้าตรู่รถหรูแต่ละคันขับจากข้างนอกเข้ามาในตระกูลถังชายหญิงแต่ละกลุ่มที่แต่งตัวสง่างาม บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเดี่ยว เดินเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างองอาจผึ่งผายไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลถังที่กลับมาต้นตระกูล หรือจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลถังแต่ละพื้นที่ต่างแสดงออกถึงความร่ำรวยของตระกูลถัง ที่เป็นตระกูลพ่อค้าหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวยแห่งเมืองจิงขนาดของตระกูลถัง ไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้นเพียงเท่าที่หลินเฟิงเห็นอยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอนตรงกลางคฤหาสน์ตระกูลถังส่วนภายในโถงเลี้ยงขนา
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี