ปากไม่พูด แต่ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างมากอวี๋จื่อเสวียนถึงแม้จะมีความคิดต่อต้าน แต่ในตอนที่เห็นพ่อตกอยู่ในอันตราย เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่สนสิ่งใด ๆกลับกันนั้น อาอวี๋ก็เป็นแบบนี้ดังนั้นหลินเฟิงถึงได้กล้าชี้ขาดว่า อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เป็นเด็กเกเรอะไร เพียงแต่แค่มีความคิดต่อต้านก็เท่านั้นในวัยนี้เป็นเรื่องปกติ“อ่อใช่คุณหลินเฟิง คุณดูสิครับผมมัวแต่พูดคุยกับคุณ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ผมเตรียมห้องไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว”ขณะพูด อาอวี๋ก็พาหลินเฟิงเดินขึ้นไปชั้นบนห้องของหลินเฟิงอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านภายในห้องถึงแม้จะตกแต่งไม่หรูหรา แต่สะอาดสะอ้าน สิ่งของที่ต้องใช้ก็มีครบครันหมด“ไม่ทราบว่าคุณหลินพอใจไหมครับ?”อาอวี๋ถามอย่างเป็นกังวล“ไม่เลว วางใจเถอะ ผมไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น”การตอบกลับของหลินเฟิงทำให้อาอวี๋“ขอบคุณครับอาอวี๋”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ผมกับลูกสาวของผมคงจะซวยแล้ว”อาอวี๋โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูห้องกลางดึกหลินเฟิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงบนเตียง มองดูพระจันทร์ตรงหน้าต่างหลังคา
เวลาดึกขนาดนี้แอบย่องเข้ามาในห้องของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แถมยังนั่งลงบนเตียงโดยไม่สนใจใยดีตัวเองมาส่งให้ถึงที่ ในฐานะผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะทั่วไป จะไม่คิดซี้ซั้วได้อย่างไร“เอาเป็นว่าขอโทษที่มารบกวนคุณดึกขนาดนี้แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนปรับสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเธอมองไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างจริงจัง:“คุณชื่อหลินเฟิงใช่ไหม? ที่ฉันมาหาคุณดึกขนาดนี้ อันที่จริงเพราะมีเรื่องจะขอร้อง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อย เขาโบกมือพูด: “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?”“วันนี้ฉันเห็นคุณต่อสู้เก่งมาก คุณบอกฉันได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร? คุณมีพลังพิเศษบางอย่างเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนสายตาเผยความแปลกประหลาดออกมา“พลังพิเศษบ้าบออะไรกัน...”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “ฉันเป็นนักบู๊ นักบู๊ที่ฝึกฝนกำลังภายในและศิลปะการต่อสู้”“ความสามารถของฉันแข็งแกร่งมากพอ อย่าว่าแต่เรื่องในวันนี้ ต่อให้มีคนมากขึ้นอีกหลายร้อยคนฉันก็ไม่แพ้”“ชิ...”อวี๋จื่อเสวียนเบะปาก คิดแค่ว่าหลินเฟิงกำลังคุยโวโอ้อวด เธอพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อถือ: “คุณนี่ขี้โม้จริง ๆ เลยนะ! คุณช่วยเก็บอาการนิสัยแย่ ๆ ของตัวเ
“ฮะ?”อวี๋จื่อเสวียนเกาศีรษะ จากนั้นก็ถามหลินเฟิงว่า: “งั้นคุณช่วยฉันดูหน่อยสิ ถ้าหากฉันเป็นสุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศล่ะ?”“อาจจะไม่เยอะมาก”หลินเฟิงส่ายหน้าพูดว่า: “ยื่นมือออกมา”“อ่อ”อวี๋จื่อเสวียนยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย“ฟังให้ดีนะ ฉันจะปล่อยพลังชี่แท้เข้าสู่ร่างกายของเธอ ถ้าหากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของพลังชี่แท้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอมีใบผ่านในการเข้าสู่ทางบู๊ ไม่อย่างนั้น ความพยายามทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์”หลินเฟิงพูดด้วยความจริงจัง“เดี๋ยวก่อน คำพูดนี้ของนายทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ คุณคงไม่ได้อยากจะเอาเปรียบฉันหรอกนะ?”อวี๋จื่อเสวียนดึงมือกลับทันที และมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าระแวงนี่จึงทำให้สีหน้าของหลินเฟิงแข็งทื่อทันที“เธอไม่อยากเรียนก็ช่างเถอะ”หลินเฟิงก็กลัดกลุ้มใจ ในหัวของเด็กคนนี้หุนหันพลันแล่นคิดแต่เรื่องอะไรน่ะ ดึก ๆ ดื่น ๆ เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับยัยเด็กคนนี้หรอก“เอ่อ...”เห็นสีหน้าจนใจของหลินเฟิง ความสงสัยในสายตาของอวี๋จื่อเสวียนก็ค่อย ๆ หายไป เธอยื่นมือออกมาช้า ๆ แล้วพูดว่า: “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันล้อเล่น”“ตาลุงอย่างคุณ ทำไมถึงทนต่อการล้อ
ตราประทับบู๊นี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถโยกย้ายได้อย่งง่ายดายเพียงแต่ตราประทับนี้ไม่ใช่ของไม่ดีอะไรหลังจากหลินเฟิงตรวจสอบดูก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเพียงแค่ตราประทับป้องกันเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียว อาจจะทำให้คนที่มีตราประทับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในภายในจุดตันเถียนได้เพราะว่าเมื่อกำลังภายในปรากฏภายในตัวของเธอ ตราประทับนี้ก็จะทำงาน จากนั้นจะสลายพลังชี่แท้ในทันทีดูท่าเส้นทางนักบู๊ของอวี๋จื่อเสวียนยังไม่เริ่มต้นก็เดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าตราประทับบู๊นี้ เธอไม่มีทางกลายเป็นนักบู๊ได้แต่ว่าจุดสำคัญอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสร้างตราประทับภายในร่างกายคนได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากแท้จริงแล้วอวี๋จื่อเสวียนมีคุณค่าขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ยอดฝีมือแดนแปรภาพเปลืองแรงสร้างตราประทับให้กับเธอ?อีกทั้งตราประทับนี้ยังไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะส่งผลย้อนกลับไปที่เจ้าของ อันตรายอย่างมากหรือว่าเบื้องหลังอวี๋จื่อเสวียนมียอดฝีมืออยู่?และผู้มีฝีมือสูงส่งคนนี้อย่า
หลินเฟิงไม่มีคำพูดที่ไร้สาระใด ๆ“โรงบู๊เลี่ยหยางในเขตเมืองใต้”“รอผม”“อ่อใช่ ท่านหลิน”ในตอนที่หลินเฟิงจะวางสายโทรศัพท์ ตู้ไหวลังเลแล้วพูดว่า: “หัวหน้าแก๊งดูไม่พอใจอย่างมาก คุณจะต้องระวังตัวด้วยนะครับ”“อืม ผมทราบแล้ว”หลินเฟิงล้างหน้าแปรงฟันผ่าน ๆ และออกไปข้างนอก จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ที่ข้างทาง บอกสถานที่กับโชเฟอร์หัวหน้าแก๊งของแก๊งเลี่ยหยางจะยอมแพ้ ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่ตัวเองพยายามมาหลายปีง่าย ๆ ได้อย่างไร?หลินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจอยู่แล้ววันนี้เช้าสายโทรศัพท์ที่ตู้ไหวโทรมา ความเป็นจริงก็คืองานต้อนรับสังหารแขกยิ่งไม่ต้องพูดว่าสถานที่ก็คือโรงบู๊แห่งหนึ่งแค่มองชื่อก็รู้แล้วว่าโรงบู๊นี้จะต้องเป็นหนึ่งในกองทัพของแก๊งเลี่ยหยางอย่างแน่นอนสิบนาทีต่อมา หลินเฟิงก็มาถึงโรงบู๊เลี่ยหยางตู้ไหวที่ขอบตาดำคล้ำแสยะยิ้ม พาคนเข้ามาต้อนรับ“ท่านหลิน คุณจะต้องระวังให้มากนะครับ หัวหน้าแก๊งไม่เพียงเรียกสี่เทพผู้พิทักษ์ใหญ่มา ถึงขั้นที่ยังเรียกผู้แข็งแกร่งแทบทุกคนของแก๊งเลี่ยหยางของพวกผมมาด้วย”หลินเฟิงมองดูตู้ไหวด้วยสีหน้าจริงจัง และหลุดขำเสียงแหบออกมา“ดูท่ารองหัวหน้าตู้อยากจะเลื่
“หึหึ...”เซวียผานเหลือบมองหลินเฟิง จากนั้นแสยะยิ้มพูดว่า: “ตัวเลือกหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง มีสิทธิ์ให้คนอกคนหนึ่งมาชี้โบ๊ชี้เบ๊ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“เห็นว่าฉันเซวียผานเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ? เลือกใครมาก็ได้ตามใจชอบก็จะสามารถจัดการได้?”“ตู้ไหว นายอยากเป็นหัวหน้าแก๊งก็ได้! ฉันไม่มีอะไรจะพูด!”เซวียผานจ้องมองหลินเฟิง และพูดด้วยความน่าหวาดกลัว: “แต่นายน่าจะเตรียมตัวรับกับผลที่ไม่สามารถแย่งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปจากฉันเอาไว้แล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดข่มขู่ของเซวียผานแบบนี้ ตู้ไหวหนังหน้ากระตุกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นหลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้า ก็เดินเข้าไปพูดด้วยความมั่นใจ: “เตรียมตัวไว้แน่นอนอยู่แล้ว!”“แต่นายเซวียผาน ก็ควรเตรียมตัวกับจุดจบของนายหลังจากที่เสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปแล้วว่าเป็นแบบไหน!“ฮ่าฮ่าฮ่า...เรื่องนั้นไม่รบกวนให้นายเป็นกังวลแล้ว!”เซวียผานพูดยิ้มเยาะ: “เพราะว่าวันนี้ นายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!”สี่เทพผู้พิทักษ์ก็คือที่มาความมั่นใจของเซวียผานสี่คนนี้คือยอดฝีมือที่แก๊งเลี่ยหยางของพวกเขาทุ่มเทแรงใจอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่ละคนเป็นยอดฝีมือเซียนเทียน วิชากังฟูทั้งตัวสา
หลินเฟิงมองไปทางตู้ไหว และแปลกใจว่าทำไมสีหน้าของเขาถึงเป็นแบบนี้ส่วนตู้ไหวก็ขยับไปข้างหูของหลินเฟิงและพูดเสียงเบา: “ท่านหลิน มีบางเรื่องที่คุณน่าจะไม่รู้ จีอวิ๋นเจี๋ยเป็นคนของตระกูลจีแห่งเมืองจิง เป็นคุณชายรองของสายเลือดโดยตรงของตระกูลจี และก็เป็นคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเซวียผาน!”“ตระกูลจี เก่งมากเหรอ?”เมื่อได้ยินว่าหลินเฟิงถามออกมาแบบนี้ ตู้ไหวก็เผยสายตาที่จนปัญญาออกมาในทันที และพูดว่า:“ตระกูลจีอยู่รองจากแค่สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง เป็นเพราะการเสื่อมลงของตระกูลหลิน ช่วงนี้ตระกูลจีกำลังพยายามที่จะแทนที่ตำแหน่งของตระกูลหลิน”“อ่อ...ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงลูบคาง และเผยสีหน้าเข้าใจออกมาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นว่า ในตอนนี้เซวียผานพาขนขยับเข้าไปใกล้ ๆ ตั้งนานแล้ว และยิ้มพูด: “หึหึ คิดไม่ถึงว่าคุณชายจีจะมาด้วยตัวเอง เซวียผานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”ขณะพูด เขาเหลือบตามองใบหน้าของตู้ไหวเมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของตู้ไหว เขาก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมามีจีอวิ๋นเจี๋ยเฝ้าดูอยู่ ใครจะกล้าให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง?“หึหึ ผมเพียงแค่ได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้ ไม่มีอะไรทำ
เซวียผานเจ้าแผนการสั่งให้ลูกน้องไปเอาเก้าอี้มาสองสามตัวเพื่อให้จีอวิ๋นเจี๋ยและคนอื่น ๆ นั่งลงมีจีอวิ๋นเจี๋ยอยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าให้เขาที่เป็นหัวหน้าแก๊งสละตำแหน่งการมาถึงของจีอวิ๋นเจี๋ย ทำให้สภาพจิตใจของเซวียผานเกิดการเปลี่ยนแปลงเซวียผานเปลี่ยนไปกำเริบเสิบสานขึ้นมาเขาอยากจะแสดงฝีมือต่อหน้าจีอวิ๋นเจี๋ยสักหน่อยเซวียผานพูดด้วยสีหน้าลำพองใจ:“ในเมื่อพ่อหนุ่มคนนี้มีความกล้าขนาดนี้ เช่นนั้นคนของแก๊งเลี่ยหยางของฉันที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นพยานได้”“ถ้าหากหมอนี่สามารถเอาชนะสี่เทพผู้พิทักษ์ใต้บัญชาของเราได้ งั้นฉันเซวียผานก็จะสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งของฉันให้ตู้ไหว”ได้ยินคำพูดของเซวียผาน คนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่รอบ ๆ พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง“หึ”หลินเฟิงรับกับเสียงเยาะหยันและทอดถอนใจที่อยู่รอบ ๆ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีประลองของโรงฝึกบู๊ช้า ๆ และบิดคอของตัวเองไปมา“พวกคุณสี่คนขึ้นไปเถอะ จำเอาไว้นะ จะต้องสู้อย่างน่าเกรงขามต่อหน้าคุณชายจี!”“ถ้าหากแพ้ ก็อย่าโทษที่ผมโกรธจนไม่ยอมรับความสัมพันธ์!”ก่อนที่จะขึ้นเวที เซวียผานพูดสั่งสี่เทพผู้พิทักษ์“ครับ!”ชายหัวล้านที่ร่างกาย