หลินเฟิงมองไปทางตู้ไหว และแปลกใจว่าทำไมสีหน้าของเขาถึงเป็นแบบนี้ส่วนตู้ไหวก็ขยับไปข้างหูของหลินเฟิงและพูดเสียงเบา: “ท่านหลิน มีบางเรื่องที่คุณน่าจะไม่รู้ จีอวิ๋นเจี๋ยเป็นคนของตระกูลจีแห่งเมืองจิง เป็นคุณชายรองของสายเลือดโดยตรงของตระกูลจี และก็เป็นคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเซวียผาน!”“ตระกูลจี เก่งมากเหรอ?”เมื่อได้ยินว่าหลินเฟิงถามออกมาแบบนี้ ตู้ไหวก็เผยสายตาที่จนปัญญาออกมาในทันที และพูดว่า:“ตระกูลจีอยู่รองจากแค่สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง เป็นเพราะการเสื่อมลงของตระกูลหลิน ช่วงนี้ตระกูลจีกำลังพยายามที่จะแทนที่ตำแหน่งของตระกูลหลิน”“อ่อ...ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงลูบคาง และเผยสีหน้าเข้าใจออกมาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นว่า ในตอนนี้เซวียผานพาขนขยับเข้าไปใกล้ ๆ ตั้งนานแล้ว และยิ้มพูด: “หึหึ คิดไม่ถึงว่าคุณชายจีจะมาด้วยตัวเอง เซวียผานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”ขณะพูด เขาเหลือบตามองใบหน้าของตู้ไหวเมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของตู้ไหว เขาก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมามีจีอวิ๋นเจี๋ยเฝ้าดูอยู่ ใครจะกล้าให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง?“หึหึ ผมเพียงแค่ได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้ ไม่มีอะไรทำ
เซวียผานเจ้าแผนการสั่งให้ลูกน้องไปเอาเก้าอี้มาสองสามตัวเพื่อให้จีอวิ๋นเจี๋ยและคนอื่น ๆ นั่งลงมีจีอวิ๋นเจี๋ยอยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าให้เขาที่เป็นหัวหน้าแก๊งสละตำแหน่งการมาถึงของจีอวิ๋นเจี๋ย ทำให้สภาพจิตใจของเซวียผานเกิดการเปลี่ยนแปลงเซวียผานเปลี่ยนไปกำเริบเสิบสานขึ้นมาเขาอยากจะแสดงฝีมือต่อหน้าจีอวิ๋นเจี๋ยสักหน่อยเซวียผานพูดด้วยสีหน้าลำพองใจ:“ในเมื่อพ่อหนุ่มคนนี้มีความกล้าขนาดนี้ เช่นนั้นคนของแก๊งเลี่ยหยางของฉันที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นพยานได้”“ถ้าหากหมอนี่สามารถเอาชนะสี่เทพผู้พิทักษ์ใต้บัญชาของเราได้ งั้นฉันเซวียผานก็จะสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งของฉันให้ตู้ไหว”ได้ยินคำพูดของเซวียผาน คนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่รอบ ๆ พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง“หึ”หลินเฟิงรับกับเสียงเยาะหยันและทอดถอนใจที่อยู่รอบ ๆ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีประลองของโรงฝึกบู๊ช้า ๆ และบิดคอของตัวเองไปมา“พวกคุณสี่คนขึ้นไปเถอะ จำเอาไว้นะ จะต้องสู้อย่างน่าเกรงขามต่อหน้าคุณชายจี!”“ถ้าหากแพ้ ก็อย่าโทษที่ผมโกรธจนไม่ยอมรับความสัมพันธ์!”ก่อนที่จะขึ้นเวที เซวียผานพูดสั่งสี่เทพผู้พิทักษ์“ครับ!”ชายหัวล้านที่ร่างกาย
แต่พวกเขาก็พูดไว้ไม่ผิดสี่เทพผู้พิทักษ์นี้มีชื่อเสียงอย่างมาก หลินเฟิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้จริง ๆ เหรอ?”เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ตู้ไหวก็ตกอยู่ในในความลังเลอีกครั้งต่อให้หลินเฟิงเอาชนะเซวียผานได้แล้ว แต่มีจีอวิ๋นเจี๋ยนั่งจับตาดูอยู่ตรงนี้ เขาจะชิงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปได้อย่างไร?แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว......บนเวทีประลองในตอนนี้ สี่เทพผู้พิทักษ์เผชิญหน้าอยู่กับหลินเฟิงแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของสี่เทพผู้พิทักษ์นี้แฝงไปด้วยความเหยียดหยามนักบู๊ของเมืองจิงพวกเขายังพอรู้จักอยู่บ้าง แต่หน้าตาของหลินเฟิง และก็ชื่อหลินหว่านนี้ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนนั่นก็หมายความว่าเขาเป็นคนต่างถิ่นมาที่เมืองจิงก็ถือว่าเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสภาพของเมืองจิงนั้นเป็นอย่างไรความเป็นจริงแล้ว ต่อให้เป็นยอดฝีมือของเมืองจิง เพียงแค่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาสี่คนก็สามารถกระทืบอีกฝ่ายจนเละได้อย่างง่ายดายเห็นอีกฝ่ายอายุน้อยขนาดนี้ คิดว่าวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยากเย็นอะไร“พวกคุณสี่คนเข้ามาพร้อมกันเถอะ”เมื่อเผชิญหน้ากับการเหยียดหยามของสี่เทพผู้พิทักษ์ หลินเฟิงก็ก้าวเดินมาข้าง
ส่วนแขนของเขา ในตอนนี้กระดูกกลับแตกหัก แม้แต่ยกแขนขึ้นก็ยกขึ้นไม่ไหวแล้ว!“นี่มันอะไรกัน?!”ไม่เพียงชายหัวล้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง พี่น้องสามคนที่อยู่ข้างเขา และยังมีผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต่างถลึงตาโตทั้ง ๆ ที่แรงโจมตีทั้งหมดของชายหัวล้านใช้พลังทั้งหมดของเขาแล้ว ต่อให้เป็นกำแพงด้านหนึ่ง ภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถโจมตีจนเป็นหลุมได้แต่หมัดเมื่อครู่นี้ต่อยไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขากลับสัมผัสถึงเนื้อหนังไม่ได้ด้วยซ้ำแต่หมัดนี้กลับเหมือนว่าต่อไปบนแผ่นเหล็ก ขณะที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้ กลับยังสั่นสะเทือนจนทำให้แขนของตัวเองกระดูกหักนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วหรือว่าเขาคือยอดฝีมือแดนแปรภาพ?!เมื่อเห็นการโจมตีของชายหัวล้านประสบกับความล้มเหลวแบบนี้ กลุ่มคนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันเหลือเชื่อช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงสามารถต้านหมัดนี้เอาไว้ได้จริง ๆ อีกทั้งยังย้อนกลับมาทำให้ชายหัวล้านสั่นสะเทือนจนพิการไปครึ่งหนึ่ง“เจ้าสี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ในตอนนี้ พี่ใหญ่สุดใน
ทั้งสามคนนี้เลือดลมหมุนขึ้นหมุนลง และถอยหลังไปไม่หยุดพวกเขาเหมือนกับล้อมโจมตีคนเหล็กที่แข็งแกร่งอย่างมาก การโจมตีถูกปล่อยออกไป ไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ ด้วยซ้ำ กลับกันนั้นตัวเองก็ถูกสะเทือนจนเกิดการบาดเจ็บภายในหลินเฟิงนิ่งเฉย และยืนส่ายหน้าอยู่ตรงที่เดิม“อ่อนแอเกินไปแล้ว”“ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังจริง ๆ”ขณะพูด หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา“ถ้าหากพวกคุณมีความสามารถเพียงแค่นี้ นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด แบบนี้ยังจะเรียกว่าสี่เทพผู้พิทักษ์ ผมดูแล้ว ไม่สู้เรียกว่าหมาสี่ตัวยังจะใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกว่า”หลินเฟิงยืดแขนบิดขี้เกียจ และมีท่าทางเบื่อหน่าย“รนหาที่ตาย!”สี่ผู้พิทักษ์โมโหแล้ว นอกจากน้องสี่ที่ล้มนั่งอยู่บนพื้น ผู้พิทักษ์สามคนที่เหลือต่างมองตากัน และโผเข้าไปทางหลินเฟิงอีกครั้งครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ออมมือใด ๆ อีกแล้ว และใช้ค่ายกลการต่อสู้ของทั้งสี่คนออกมาโดยตรงแต่น่าเสียดายอย่างมากต่อให้เป็นค่ายกลต่อสู้สี่คนก็ยังไม่เข้าตาของหลินเฟิง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าในขณะนี้ค่ายกลต่อสู้สี่คนของพวกเขาเหลือเพียงแค่สามคน“ค่
แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยที่ก่อนเปิดศึกยังคงแสดงความคิดเห็นต่อหลินเฟิงไม่หยุด ตอนนี้มองดูรอยแตกขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว หนังหน้าก็กระตุกไม่หยุด ขาทั้งสองข้างก็สั่นอย่างเต็มที่ผู้ชายที่อยู่ข้างกายเขาแต่ละคนก็ยิ่งตกใจจนหน้าถอดสี สีหน้าซีดขาว ถึงขั้นที่มีสองคนคุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง“พรึ่บ”เซวียผานคุกเข่าลงสีหน้าของเขาเฉื่อยชา มองดูกำปั้นของหลินเฟิงที่อยู่บนเวทีที่เล็งมาทางเขา และร่องแตกลึกที่อยู่ใต้เท้า คนทั้งคนก็ตกอยู่ในความงุนงในสมองที่ว่างเปล่า“นี่...นี่ใช่คนเหรอ?”“เขา...เขาทำได้อย่างไร? ฉันไม่ได้กำลังดูภาพยนตร์อยู่หรอกนะ?”“มา นายหยิกฉันหน่อย ฉันดูสิว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”ลูกศิษย์ของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่โดยรอบต่างตกอยู่ในความงุนงงถูกต้องแล้วหลังจากตกตะลึงในขั้นสุด ก็จะเป็นความงุนงงไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นพลังของเทพเจ้าสินะ? จะเป็นเรื่องที่คนสามารถทำได้ได้อย่างไร?ทุกคนถูกหมัดนี้ของหลินเฟิงทำให้ตกใจจนสีหน้าซีดขาวและพี่ใหญ่ของสี่เทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ใกล้หลินเฟิงมากที่สุด ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างตกใจจนสูญเสียแววตาไปแล้ว คนทั้งคนก็ตัวอ่อนทรรุดนั่งลงบนพื้น น้ำลายไหลออกมาจากปา
หลินเฟิงเดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นมือไขว้หลังยืนขึ้น: “ถ้าหากแก๊งเลี่ยหยางของคุณยังมียอดฝีมือ งั้นก็เชิญออกมา ผมรับได้หมด”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของหลินเฟิง เซวียผานรู้ว่า วันนี้เกรงว่าสถานการณ์เลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้วแม้แต่คุณชายจีก็กลัวว่าหลินเฟิงจะพาลใส่ และก็ให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง งั้นเขายังมีอะไรจะให้พูดอีก?ดังนั้นเขาจึงหาช่องทางที่ไม่ทำให้อับอายขายหน้า และพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ในเมื่อคุณชายจีออกคำสั่ง งั้นผมเซวียผานจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ผมตกลงครับ”เขามองไปทางตู้ไหวที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาเผยความไม่ยินยอมกับความจนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศเสียงดังว่า: “นับตั้งแต่วันนี้ ฉันเซวียผานสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง”“หัวหน้าแก๊งคนถัดไป ก็จะมีตู้ไหวรับตำแหน่ง!”พูดประโยคนี้จบ เซวียผานก็ถอนหายใจ และประสานมือไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย“งั้นผมขอตัวลาครับ”เซวียผานในตอนนี้สูญเสียที่พึ่งทั้งหมดของตัวเองไปแล้วสี่เทพผู้พิทักษ์ถูกโจมตีพ่ายแพ้ แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยก็ไม่ได้อยู่ข้างเขา เขาไม่สู้ตัวเองสละตำแหน่งออกมาเอง แบบนี้ยังถือว่ามีเกียรติยศไม่อย่างนั้นรอให้คนอื่นมาช่วยรักษาหน้าตาให้เขา
“ไม่ไม่ไม่ นี่มันคำพูดอะไรกันครับ”การแสดงความยินดีของจีอวิ๋นเจี๋ยทำให้ตู้ไหวตื่นตะลึงกับการได้รับความชื่นชม เขายิ้มแหยพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับจากคุณชายจี ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางก็คงตกมาไม่ถึงผม”“ต่อไปคุณชายจีมีคำสั่งอะไร ก็เอ่ยปากได้เต็มที่”เห็นได้ชัดว่า ตู้ไหวคนนี้วางตัวเก่งอย่างมากหลังจากที่ปลอบโยนหลินเฟิงเสร็จ ก็รีบไปแสดงความจงรักภักดีของตัวเองต่อจีอวิ๋นเจี๋ย“คุณชายจีวางใจได้ ภายใต้การบัญชาของพี่ชายของผม แก๊งเลี่ยหยางจะต้องเจิรญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”น้องชายของตู้ไหวก็รีบเสนอหน้าเข้ามาเพื่อที่จะทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาจีอวิ๋นเจี๋ยยิ้มบางพยักหน้า ต่อมาในที่สุดเขาก็เผยหางจิ้งจอกของตัวเองออกมาเขามองไปทางหลินเฟิง และยิ้มพูด:“พี่หลินหว่าน อีกสักครู่คุณว่างไหม? ผมจองโต๊ะอาหารจัดเลี้ยงเอาไว้ที่โรงแรมข้าง ๆ ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติสักหน่อยไหม?”“ให้เกียรติครับ ให้เกียรติ”ในตอนนี้เอง เซวียผานที่กำลังจะจากไปด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม ดวงตาสว่างไสวขึ้น เขารีบวิ่งเข้ามาและยิ้มพูด:“ถึงแม้ผมจะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ตู้ไหวแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรายังคงม
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ