แต่พวกเขาก็พูดไว้ไม่ผิดสี่เทพผู้พิทักษ์นี้มีชื่อเสียงอย่างมาก หลินเฟิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้จริง ๆ เหรอ?”เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ตู้ไหวก็ตกอยู่ในในความลังเลอีกครั้งต่อให้หลินเฟิงเอาชนะเซวียผานได้แล้ว แต่มีจีอวิ๋นเจี๋ยนั่งจับตาดูอยู่ตรงนี้ เขาจะชิงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปได้อย่างไร?แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว......บนเวทีประลองในตอนนี้ สี่เทพผู้พิทักษ์เผชิญหน้าอยู่กับหลินเฟิงแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของสี่เทพผู้พิทักษ์นี้แฝงไปด้วยความเหยียดหยามนักบู๊ของเมืองจิงพวกเขายังพอรู้จักอยู่บ้าง แต่หน้าตาของหลินเฟิง และก็ชื่อหลินหว่านนี้ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนนั่นก็หมายความว่าเขาเป็นคนต่างถิ่นมาที่เมืองจิงก็ถือว่าเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสภาพของเมืองจิงนั้นเป็นอย่างไรความเป็นจริงแล้ว ต่อให้เป็นยอดฝีมือของเมืองจิง เพียงแค่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาสี่คนก็สามารถกระทืบอีกฝ่ายจนเละได้อย่างง่ายดายเห็นอีกฝ่ายอายุน้อยขนาดนี้ คิดว่าวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยากเย็นอะไร“พวกคุณสี่คนเข้ามาพร้อมกันเถอะ”เมื่อเผชิญหน้ากับการเหยียดหยามของสี่เทพผู้พิทักษ์ หลินเฟิงก็ก้าวเดินมาข้าง
ส่วนแขนของเขา ในตอนนี้กระดูกกลับแตกหัก แม้แต่ยกแขนขึ้นก็ยกขึ้นไม่ไหวแล้ว!“นี่มันอะไรกัน?!”ไม่เพียงชายหัวล้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง พี่น้องสามคนที่อยู่ข้างเขา และยังมีผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต่างถลึงตาโตทั้ง ๆ ที่แรงโจมตีทั้งหมดของชายหัวล้านใช้พลังทั้งหมดของเขาแล้ว ต่อให้เป็นกำแพงด้านหนึ่ง ภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถโจมตีจนเป็นหลุมได้แต่หมัดเมื่อครู่นี้ต่อยไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขากลับสัมผัสถึงเนื้อหนังไม่ได้ด้วยซ้ำแต่หมัดนี้กลับเหมือนว่าต่อไปบนแผ่นเหล็ก ขณะที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้ กลับยังสั่นสะเทือนจนทำให้แขนของตัวเองกระดูกหักนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วหรือว่าเขาคือยอดฝีมือแดนแปรภาพ?!เมื่อเห็นการโจมตีของชายหัวล้านประสบกับความล้มเหลวแบบนี้ กลุ่มคนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันเหลือเชื่อช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงสามารถต้านหมัดนี้เอาไว้ได้จริง ๆ อีกทั้งยังย้อนกลับมาทำให้ชายหัวล้านสั่นสะเทือนจนพิการไปครึ่งหนึ่ง“เจ้าสี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ในตอนนี้ พี่ใหญ่สุดใน
ทั้งสามคนนี้เลือดลมหมุนขึ้นหมุนลง และถอยหลังไปไม่หยุดพวกเขาเหมือนกับล้อมโจมตีคนเหล็กที่แข็งแกร่งอย่างมาก การโจมตีถูกปล่อยออกไป ไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ ด้วยซ้ำ กลับกันนั้นตัวเองก็ถูกสะเทือนจนเกิดการบาดเจ็บภายในหลินเฟิงนิ่งเฉย และยืนส่ายหน้าอยู่ตรงที่เดิม“อ่อนแอเกินไปแล้ว”“ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังจริง ๆ”ขณะพูด หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา“ถ้าหากพวกคุณมีความสามารถเพียงแค่นี้ นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด แบบนี้ยังจะเรียกว่าสี่เทพผู้พิทักษ์ ผมดูแล้ว ไม่สู้เรียกว่าหมาสี่ตัวยังจะใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกว่า”หลินเฟิงยืดแขนบิดขี้เกียจ และมีท่าทางเบื่อหน่าย“รนหาที่ตาย!”สี่ผู้พิทักษ์โมโหแล้ว นอกจากน้องสี่ที่ล้มนั่งอยู่บนพื้น ผู้พิทักษ์สามคนที่เหลือต่างมองตากัน และโผเข้าไปทางหลินเฟิงอีกครั้งครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ออมมือใด ๆ อีกแล้ว และใช้ค่ายกลการต่อสู้ของทั้งสี่คนออกมาโดยตรงแต่น่าเสียดายอย่างมากต่อให้เป็นค่ายกลต่อสู้สี่คนก็ยังไม่เข้าตาของหลินเฟิง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าในขณะนี้ค่ายกลต่อสู้สี่คนของพวกเขาเหลือเพียงแค่สามคน“ค่
แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยที่ก่อนเปิดศึกยังคงแสดงความคิดเห็นต่อหลินเฟิงไม่หยุด ตอนนี้มองดูรอยแตกขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว หนังหน้าก็กระตุกไม่หยุด ขาทั้งสองข้างก็สั่นอย่างเต็มที่ผู้ชายที่อยู่ข้างกายเขาแต่ละคนก็ยิ่งตกใจจนหน้าถอดสี สีหน้าซีดขาว ถึงขั้นที่มีสองคนคุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง“พรึ่บ”เซวียผานคุกเข่าลงสีหน้าของเขาเฉื่อยชา มองดูกำปั้นของหลินเฟิงที่อยู่บนเวทีที่เล็งมาทางเขา และร่องแตกลึกที่อยู่ใต้เท้า คนทั้งคนก็ตกอยู่ในความงุนงในสมองที่ว่างเปล่า“นี่...นี่ใช่คนเหรอ?”“เขา...เขาทำได้อย่างไร? ฉันไม่ได้กำลังดูภาพยนตร์อยู่หรอกนะ?”“มา นายหยิกฉันหน่อย ฉันดูสิว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”ลูกศิษย์ของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่โดยรอบต่างตกอยู่ในความงุนงงถูกต้องแล้วหลังจากตกตะลึงในขั้นสุด ก็จะเป็นความงุนงงไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นพลังของเทพเจ้าสินะ? จะเป็นเรื่องที่คนสามารถทำได้ได้อย่างไร?ทุกคนถูกหมัดนี้ของหลินเฟิงทำให้ตกใจจนสีหน้าซีดขาวและพี่ใหญ่ของสี่เทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ใกล้หลินเฟิงมากที่สุด ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างตกใจจนสูญเสียแววตาไปแล้ว คนทั้งคนก็ตัวอ่อนทรรุดนั่งลงบนพื้น น้ำลายไหลออกมาจากปา
หลินเฟิงเดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นมือไขว้หลังยืนขึ้น: “ถ้าหากแก๊งเลี่ยหยางของคุณยังมียอดฝีมือ งั้นก็เชิญออกมา ผมรับได้หมด”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของหลินเฟิง เซวียผานรู้ว่า วันนี้เกรงว่าสถานการณ์เลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้วแม้แต่คุณชายจีก็กลัวว่าหลินเฟิงจะพาลใส่ และก็ให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง งั้นเขายังมีอะไรจะให้พูดอีก?ดังนั้นเขาจึงหาช่องทางที่ไม่ทำให้อับอายขายหน้า และพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ในเมื่อคุณชายจีออกคำสั่ง งั้นผมเซวียผานจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ผมตกลงครับ”เขามองไปทางตู้ไหวที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาเผยความไม่ยินยอมกับความจนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศเสียงดังว่า: “นับตั้งแต่วันนี้ ฉันเซวียผานสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง”“หัวหน้าแก๊งคนถัดไป ก็จะมีตู้ไหวรับตำแหน่ง!”พูดประโยคนี้จบ เซวียผานก็ถอนหายใจ และประสานมือไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย“งั้นผมขอตัวลาครับ”เซวียผานในตอนนี้สูญเสียที่พึ่งทั้งหมดของตัวเองไปแล้วสี่เทพผู้พิทักษ์ถูกโจมตีพ่ายแพ้ แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยก็ไม่ได้อยู่ข้างเขา เขาไม่สู้ตัวเองสละตำแหน่งออกมาเอง แบบนี้ยังถือว่ามีเกียรติยศไม่อย่างนั้นรอให้คนอื่นมาช่วยรักษาหน้าตาให้เขา
“ไม่ไม่ไม่ นี่มันคำพูดอะไรกันครับ”การแสดงความยินดีของจีอวิ๋นเจี๋ยทำให้ตู้ไหวตื่นตะลึงกับการได้รับความชื่นชม เขายิ้มแหยพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับจากคุณชายจี ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางก็คงตกมาไม่ถึงผม”“ต่อไปคุณชายจีมีคำสั่งอะไร ก็เอ่ยปากได้เต็มที่”เห็นได้ชัดว่า ตู้ไหวคนนี้วางตัวเก่งอย่างมากหลังจากที่ปลอบโยนหลินเฟิงเสร็จ ก็รีบไปแสดงความจงรักภักดีของตัวเองต่อจีอวิ๋นเจี๋ย“คุณชายจีวางใจได้ ภายใต้การบัญชาของพี่ชายของผม แก๊งเลี่ยหยางจะต้องเจิรญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”น้องชายของตู้ไหวก็รีบเสนอหน้าเข้ามาเพื่อที่จะทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาจีอวิ๋นเจี๋ยยิ้มบางพยักหน้า ต่อมาในที่สุดเขาก็เผยหางจิ้งจอกของตัวเองออกมาเขามองไปทางหลินเฟิง และยิ้มพูด:“พี่หลินหว่าน อีกสักครู่คุณว่างไหม? ผมจองโต๊ะอาหารจัดเลี้ยงเอาไว้ที่โรงแรมข้าง ๆ ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติสักหน่อยไหม?”“ให้เกียรติครับ ให้เกียรติ”ในตอนนี้เอง เซวียผานที่กำลังจะจากไปด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม ดวงตาสว่างไสวขึ้น เขารีบวิ่งเข้ามาและยิ้มพูด:“ถึงแม้ผมจะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ตู้ไหวแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรายังคงม
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงก็รับปากแล้ว คิ้วของจีอวิ๋นเจี๋ยก็คลายออกช้า ๆ จากนั้นมองไปทางเซวียผานที่อยู่ข้าง ๆ และกลับรู้สึกถูกใจไอ้หมอนี่ขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วขณะแล้วแต่ไม่รู้เลยว่าในดวงตาของเซวียผานในตอนที่ก้มหน้าลงนั้น มีความชั่วร้ายเพียงน้อยนิดแวบผ่านไปในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้แล้ว เช่นนั้นก่อนที่จะจากไป เขาจะกวาดเงินก้อนใหญ่สักก้อน!”......ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกหลินเฟิงออกจากโรงบู๊เลี่ยหยางพวกเขาขับรถออกไป และเข้าสู่โรงแรมใหญ่ในเขตใต้ของเมืองตรงถนนอีกเส้นที่ห่างออกไปจากโรงบู๊ภายในห้องส่วนตัว หญิงสาวที่แต่งงานแล้วมีหน้าตาสวยงาม ดูอายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่งกำลังรินเหล้าให้หลินเฟิงและคนอื่น ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”ในตอนนี้เซวียผานไม่ได้มีความหดหู่จากการที่สูญเสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไป แต่กลับแสดงออกได้เบิกบานและดีใจอย่างผิดปกติ เขาหัวเราะเสียงดังกับตู้ไหวแล้วพูดว่า:“ตู้ไหว อันที่จริงนายไม่รู้เลยว่า ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งบ้าบออะไรตั้งนานแล้ว!”คำพูดนี้มีแต่ผีเท่านั้นที่จะเชื่อถึงแม้ตู้ไหวจะกลอกตามองบนอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสร้งถามด้วยความประหล
“ฮ่าฮ่า คุณหลินพูดอะไรกันครับ”ภายใต้การจ้องมองของคนโดยรอบ เซวียผานยิ้มบาง ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นยื่นไปที่ตรงหน้าของทุกคน และยิ้มพูด:“ดูท่าคุณหลินไม่เชื่อใจผมสินะครับ!”“พูดอะไรกันครับ”เมื่อเห็นเซวียผานดื่มเหล้าเข้าไป สายตาสงสัยของคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ หายไปบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยงก็เปลี่ยนไปครึกครื้นขึ้นมาระหว่างนั้นผู้คนชนแก้วกันไม่หยุด ส่วนน้องชายของตู้ไหวดื่มเยอะที่สุด ถึงขั้นที่เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหัวเราะไม่หยุดชายรับใช้ของจีอวิ๋นเจี๋ยถึงขั้นที่เต้นรำกันขึ้นมาระหว่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจีอวิ๋นเจี่ยอยากจะพูดคุยกับหลินเฟิงเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งหลินเฟิงจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้เขาจนปัญญาอย่างมากในที่สุดในตอนที่เหล้าขวดหนึ่งใกล้จะหมดแล้ว เซวียผานเลอออกมาและลุกขึ้นยืนเขาโซเซไปมาและยิ้มพูด: “ผมไปห้องน้ำหน่อย”“เดี๋ยวก่อน”หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายเขาลุกขึ้นยืน ใบหน้าของหลินเฟิงก็มีความมึนเมาอยู่เช่นเดียวกัน เขายิ้มพูดว่า: “ถอดกางเกงของคุณก่อนแล้วค่อยไป”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เซวียผานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็มองไปทางหลิ