หลินเฟิงเดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นมือไขว้หลังยืนขึ้น: “ถ้าหากแก๊งเลี่ยหยางของคุณยังมียอดฝีมือ งั้นก็เชิญออกมา ผมรับได้หมด”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของหลินเฟิง เซวียผานรู้ว่า วันนี้เกรงว่าสถานการณ์เลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้วแม้แต่คุณชายจีก็กลัวว่าหลินเฟิงจะพาลใส่ และก็ให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง งั้นเขายังมีอะไรจะให้พูดอีก?ดังนั้นเขาจึงหาช่องทางที่ไม่ทำให้อับอายขายหน้า และพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ในเมื่อคุณชายจีออกคำสั่ง งั้นผมเซวียผานจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ผมตกลงครับ”เขามองไปทางตู้ไหวที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาเผยความไม่ยินยอมกับความจนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศเสียงดังว่า: “นับตั้งแต่วันนี้ ฉันเซวียผานสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง”“หัวหน้าแก๊งคนถัดไป ก็จะมีตู้ไหวรับตำแหน่ง!”พูดประโยคนี้จบ เซวียผานก็ถอนหายใจ และประสานมือไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย“งั้นผมขอตัวลาครับ”เซวียผานในตอนนี้สูญเสียที่พึ่งทั้งหมดของตัวเองไปแล้วสี่เทพผู้พิทักษ์ถูกโจมตีพ่ายแพ้ แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยก็ไม่ได้อยู่ข้างเขา เขาไม่สู้ตัวเองสละตำแหน่งออกมาเอง แบบนี้ยังถือว่ามีเกียรติยศไม่อย่างนั้นรอให้คนอื่นมาช่วยรักษาหน้าตาให้เขา
“ไม่ไม่ไม่ นี่มันคำพูดอะไรกันครับ”การแสดงความยินดีของจีอวิ๋นเจี๋ยทำให้ตู้ไหวตื่นตะลึงกับการได้รับความชื่นชม เขายิ้มแหยพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับจากคุณชายจี ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางก็คงตกมาไม่ถึงผม”“ต่อไปคุณชายจีมีคำสั่งอะไร ก็เอ่ยปากได้เต็มที่”เห็นได้ชัดว่า ตู้ไหวคนนี้วางตัวเก่งอย่างมากหลังจากที่ปลอบโยนหลินเฟิงเสร็จ ก็รีบไปแสดงความจงรักภักดีของตัวเองต่อจีอวิ๋นเจี๋ย“คุณชายจีวางใจได้ ภายใต้การบัญชาของพี่ชายของผม แก๊งเลี่ยหยางจะต้องเจิรญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”น้องชายของตู้ไหวก็รีบเสนอหน้าเข้ามาเพื่อที่จะทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาจีอวิ๋นเจี๋ยยิ้มบางพยักหน้า ต่อมาในที่สุดเขาก็เผยหางจิ้งจอกของตัวเองออกมาเขามองไปทางหลินเฟิง และยิ้มพูด:“พี่หลินหว่าน อีกสักครู่คุณว่างไหม? ผมจองโต๊ะอาหารจัดเลี้ยงเอาไว้ที่โรงแรมข้าง ๆ ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติสักหน่อยไหม?”“ให้เกียรติครับ ให้เกียรติ”ในตอนนี้เอง เซวียผานที่กำลังจะจากไปด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม ดวงตาสว่างไสวขึ้น เขารีบวิ่งเข้ามาและยิ้มพูด:“ถึงแม้ผมจะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ตู้ไหวแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรายังคงม
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงก็รับปากแล้ว คิ้วของจีอวิ๋นเจี๋ยก็คลายออกช้า ๆ จากนั้นมองไปทางเซวียผานที่อยู่ข้าง ๆ และกลับรู้สึกถูกใจไอ้หมอนี่ขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วขณะแล้วแต่ไม่รู้เลยว่าในดวงตาของเซวียผานในตอนที่ก้มหน้าลงนั้น มีความชั่วร้ายเพียงน้อยนิดแวบผ่านไปในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้แล้ว เช่นนั้นก่อนที่จะจากไป เขาจะกวาดเงินก้อนใหญ่สักก้อน!”......ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกหลินเฟิงออกจากโรงบู๊เลี่ยหยางพวกเขาขับรถออกไป และเข้าสู่โรงแรมใหญ่ในเขตใต้ของเมืองตรงถนนอีกเส้นที่ห่างออกไปจากโรงบู๊ภายในห้องส่วนตัว หญิงสาวที่แต่งงานแล้วมีหน้าตาสวยงาม ดูอายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่งกำลังรินเหล้าให้หลินเฟิงและคนอื่น ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”ในตอนนี้เซวียผานไม่ได้มีความหดหู่จากการที่สูญเสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไป แต่กลับแสดงออกได้เบิกบานและดีใจอย่างผิดปกติ เขาหัวเราะเสียงดังกับตู้ไหวแล้วพูดว่า:“ตู้ไหว อันที่จริงนายไม่รู้เลยว่า ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งบ้าบออะไรตั้งนานแล้ว!”คำพูดนี้มีแต่ผีเท่านั้นที่จะเชื่อถึงแม้ตู้ไหวจะกลอกตามองบนอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสร้งถามด้วยความประหล
“ฮ่าฮ่า คุณหลินพูดอะไรกันครับ”ภายใต้การจ้องมองของคนโดยรอบ เซวียผานยิ้มบาง ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นยื่นไปที่ตรงหน้าของทุกคน และยิ้มพูด:“ดูท่าคุณหลินไม่เชื่อใจผมสินะครับ!”“พูดอะไรกันครับ”เมื่อเห็นเซวียผานดื่มเหล้าเข้าไป สายตาสงสัยของคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ หายไปบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยงก็เปลี่ยนไปครึกครื้นขึ้นมาระหว่างนั้นผู้คนชนแก้วกันไม่หยุด ส่วนน้องชายของตู้ไหวดื่มเยอะที่สุด ถึงขั้นที่เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหัวเราะไม่หยุดชายรับใช้ของจีอวิ๋นเจี๋ยถึงขั้นที่เต้นรำกันขึ้นมาระหว่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจีอวิ๋นเจี่ยอยากจะพูดคุยกับหลินเฟิงเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งหลินเฟิงจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้เขาจนปัญญาอย่างมากในที่สุดในตอนที่เหล้าขวดหนึ่งใกล้จะหมดแล้ว เซวียผานเลอออกมาและลุกขึ้นยืนเขาโซเซไปมาและยิ้มพูด: “ผมไปห้องน้ำหน่อย”“เดี๋ยวก่อน”หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายเขาลุกขึ้นยืน ใบหน้าของหลินเฟิงก็มีความมึนเมาอยู่เช่นเดียวกัน เขายิ้มพูดว่า: “ถอดกางเกงของคุณก่อนแล้วค่อยไป”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เซวียผานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็มองไปทางหลิ
เซวียผานถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหน้าอกและพูดว่า: “คนที่เป็นบ้าก็คือพวกแก! แม่งเอ๊ย!”หลังจากด่าเสร็จ เขาก็ใช้นิ้วของตัวเองชี้ไปทางตู้ไหว และถามด้วยความดุดัน: “ตู้ไหว แกมันไอ้คนสารเลว ฉันเคยปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับแกบ้างไหม เคยบ้างไหม?!”“ไม่เคย”ตู้ไหวใบหน้าเย็นชา และตอบกลับด้วยความใจเย็น“งั้นทำไมแกต้องแย่งตำแหน่งของฉันด้วย? ทำไมกัน?! ทำไมแกต้องหักหลังฉันด้วย?!”เมื่อเห็นว่าเซวียผานสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตู้ไหวก็ถอนหายใจออกมา“เซวียผาน ถ้าหากคุณเป็นผม คุณจะเลือกขึ้นตำแหน่งไหม?”ได้ยินคำพูดของตู้ไหว เซวียผานก็นิ่งอึ้งไป”ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมา“ฉันก็จะทำ”“งั้นคุณก็ไม่มีคุณสิทธิ์ตำหนิผม พวกเรามีความสัมพันธ์แค่หัวหน้ากับลูกน้องภายในแก๊ง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรต่อกันมากนัก”ตู้ไหวพูดด้วยความเย็นชา:“สิ่งที่ผมทำต่อคุณ ไม่นับว่าเป็นการหักหลังอะไร”“ใช้คำพูดของคุณนำมาพูด ตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผู้ที่เหมาะสมถึงจะได้รับตำแหน่งไป!”“ถุย!”เซวียผานถุยน้ำลายแล้วพูดต่อว่าขึ้นมา: “แกเอาความเหมาะสมมาจากที่ไหน? แกเป
“แก...แกฝัน...”คำว่า “ฝันไปเถอะ” ยังไม่ได้พูดอกมา ตู้ไหวก็พบว่าร่างกายของเขาเริ่มเสียการควบคุม หน้ามืดหัวหมุน ตาลายจนเห็นดาวเหมือนกับดื่มเหล้าเข้าไปเยอะมาก โลกทั้งใบสั่นไหวอยู่ตรงหน้า“ดูท่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว”เซวียผานมองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่โซเซล้มลง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจออกมาแต่ในตอนที่สายตาของเขาหยุดลงที่ตัวของหลินเฟิง เขากลับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขาพบว่า หลินเฟิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด ถึงขั้นที่ยังมองเขาด้วยความรู้สึกสนุกสนาน“แก...นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันเห็นกับตาว่าแกดื่มเข้าไปเยอะมาก ทำไม...ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรสักนิด?”“เป็นไปไม่ได้!”เซวียผานลุกลี้ลุกลน ความสามารถของหลินเฟิงทิ้งความทรงจำที่ฝังลึกไว้ให้ขาสี่เทพผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้บัญชาของเขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้รับผลกระทบจากผงจับมังกร เช่นนั้นทุกสิ่งที่เขาทำในวันนี้ก็ไร้ประโยชน์“ฉันคนนี้พอจะเชี่ยวชาญวิชาแพทย์อยู่บ้าง ผงจับมังกรของคุณสุดยอดมากจริง ๆ แต่ผมมองเล่ห์เหลี่ยมของคุณออกตั้งนานแล้ว”ขณะพูด หลินเฟิงก็ดึงเข็มเงินเล่
“ผลัวะ!”หลินเฟิงพลิกมือจับข้อเท้าของมือสังหารสาวเอาไว้ และออกแรงกระชากมือสังหารสาวคนนี้สูญเสียการทรงตัว ล้มมาในอ้อมแขนของหลินเฟิงโดยตรง อีกทั้งบนใบหน้ายังแดงระเรื่อจากความเขินอายหลินเฟิงเห็นแบบนี้ หางตาก็กระตุกแต่ความเขินอายนี้เป็นความรู้สึกที่มือสังหารสาวเสแสร้งออกมา จู่ ๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ริมฝีปากแดงเปิดออกเล็กน้อย เธอพ่นใบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากในปากใบมีดนี้ห่อหุ้มด้วยพลังชี่แท้ พุ่งไปที่ลำคอของหลินเฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า“หึ!”หลินเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นปล่อยพลังชี่แท้ออกมาข้างนอก ทำให้ใบมีดกระเด็นออไป“ลังเลแม้แต่นิดไม่ได้จริง ๆ...”หลินเฟิงสายตาเคร่งขรึม และใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของมือสังหารสาวเอาไว้ จากนั้นจับเธอกดลงบนกำแพง“ปึง!”หลังจากที่ร่างกายของมือสังหารสาวกระแทกบนกำแพงอย่างแรง เธอก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาเพียงแต่เสียงร้องนี้ยังแฝงไปด้วยความออดอ้อนเกรงว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้ยินก็คงจะมีความลังเลกันทั้งนั้นแต่ตอนนี้หลินเฟิงไม่มีทางให้เธอทำสำเร็จอีกแล้ว เขาออกแรงที่นิ้วมือ ได้ยินแค่เสียงดังกร่อบแกรบ ลำคอของมือสังหารสาวคนนี้ถูกหลินเฟิงบีบจนแตกหักไปโดยตรง
“หึ นายคิดมากไปแล้ว”“คนที่ตายมีเพียงแค่นายคนเดียวเท่านั้น!”หลินเฟิงถือกระเป๋าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว และโยนไปข้างนอกหน้าต่างอย่างแรงในตอนที่โยนออกไป รูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับลมที่โหมกระหน่ำ เพียงชั่วพริบตาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านข้างเซวียผาน“อ่อก?”เสียงหัวเราะของเซวียผานหยุดลง เขาในตอนนี้ก็เหมือนกับเป็ดที่ถูกบีบคอ อ้าปากกว้าง และมีสีหน้าตกตะลึงเป็นไปได้อย่างไร?!ความเร็วของหมอนี่มนุษย์สามารถทำได้จริง ๆ เหรอ?“ไสหัวไป!”หลินเฟิงยกขาเตะออกไป จนทำให้เซวียผานถูกเตะกระเด็นออกไปน้ำหนักความแรงของฝ่าเท้านี้ เซวียผานกระแทกหน้าต่างของห้องส่วนตัวของโรงแรมจนแตก จากนั้นกระเด็นสูงออกไปไกลเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่“เอื้อก!”เซวียผานถูกโจมตีรุนแรงขนาดนี้ ดวงตาของเขามืดมิด เกือบจะปรับตัวกลับมาไม่ได้แต่ในตอนที่เขาฝืนความเจ็บปวดและตั้งสติกลับมาได้ เขากลับพบว่าในตอนนี้เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศที่แท้เขาก็ถูกหลินเฟิงถีบออกมาจากห้องส่วนตัวแล้ว“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”หัวสมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเซวียผานก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ขอบคุณนายนะหลินหว่าน ขอบคุณที่นายช่วยชีวิตฉันไว้!”
ชายร่างใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังจะชี้หน้าด่าทอพี่ชายของตัวเองแต่ประโยคที่เรียบง่ายของเฝิงชางในตอนนี้ ทำให้ชายร่างใหญ่มีหนวดเครานิ่งอึ้งทันที“หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊อยู่ที่จวนของเรา”“อะไร? หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊? พี่หมายถึง...”“อืม”จ้องมองสีหน้าเหลือเชื่อของน้องชายตัวเอง เฝิงชางพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก วิทยายุทธถูกทำลายจนแทบหมดไป”เฝิงชางพูดต่อ“งั้น...ชีพจรมังกร...”“ชีพจรมังกรไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว”คำพูดของเฝิงชางทำให้ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา“ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ก็มีความคิดที่เหมือนกันกับนาย”เฝิงชางพูดอย่างเรียบเฉย:“แต่ก่อนหน้านี้ เธอได้มอบชีพจรมังกรออกไปแล้ว อีกทั้งนักบู๊จำนวนร้อยกว่าคนที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาในครั้งนี้ ในกลุ่มพวกเขามีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพช่วงกลางจำนวนมาก ได้เสียชีวิตทั้งหมด”“มีเพียงแค่เธอที่ยืนหยัดลมหายใจสุดท้ายหนีออกมา”เฝิงชางสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า:“ฉันสามารถมองออกได้ว่า ชีพจรมังกรเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงของเราจะเกี่ยวข้องได้”“บา
เธอเขินอายอยู่ครู่หนึ่งประธานหลี่ถึงได้แบกหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินเฟิงที่มีสีหน้างุนงง และพูดติดๆขัดๆ ว่า:“ที่...ที่รัก ฉัน...ฉันก็อยากได้ เหมือนกับถังหว่าน คือ...ว่า...”“ฮ่าฮ่า หลี่ฮุ่ยหราน ฉันว่าแล้ว”ถังหว่านไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอกอดอก และมีสีหน้าเย้ยหยัน“อยากได้ก็พูดสิ อิดๆ ออดๆ อายุขนาดนี้แล้ว ยังเขินอายอยู่อีกเหรอ? ประธานหลี่?”“เธอไม่ต้องยุ่งเลย!”หลี่ฮุ่ยหรานหันหน้าไป ตอกกลับถังหว่านประโยคหนึ่งทว่าในตอนที่เธอหันหน้ากลับมา ก็พบว่าหลินเฟิงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้วเขาก้มหน้า สัมผัสอบอุ่นหลี่ฮุ่ยหรานลูบหน้าผากของตัวเองอย่างเหม่อลอยเธอเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเฟิงอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินจนหน้าแดง หันหลังเดินออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า:“เอาล่ะเอาล่ะ ทานข้าว ไปทานข้าวกัน!”ไล่ถังหว่านที่หัวเราะเสียงดังเข้าไปในห้อง ถังหว่านหันหน้าไปมองหลินเฟิง“กลับมาเร็วๆ หน่อยนะ”“อืม”หลินเฟิงยิ้มและพยักหน้าไม่นานนัก เสียงสตาร์ทรถก็ส่งเสียงดังอยู่ที่นอกบ้านหลี่ฮุ่ยหรานถือชามข้าวเอาไว้ มอ
สำหรับน้าจ้าวแล้วลูกสาวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อลูกชายตอนนี้อยู่ที่ต่างประเทศ ชีวิตก็มีการประกันชีวิตบั้นปลายก็ได้พบคนที่อยู่เคียงข้างน้าจ้าวกับอาอวี๋ พึงพอใจชีวิตของพวกเขาในตอนนี้อย่างมาก สิ่งเดียวที่เป็นกังวลนั่นก็คือ อวี๋จื่อเสวียนเด็กบ้าคนนี้ตอนนี้เธออยู่เมืองเจียงโจว กับอิ่นนั่วเจียได้ยินว่าช่วงนี้กำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่กับอิ่นนั่วเจียอาอวี๋ปากพูดว่าทำสิ่งที่ไม่เข้าเรื่อง แต่ความเป็นจริงหน้าตายิ้มแย้มทุกวันทุกอย่างของพวกเขาเป็นฝีมือของคนคนเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงดังนั้นหลินเฟิงในตอนนี้ พูดจากบางด้าน ได้กลายเป็นลูกชายที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาไปแล้ว“จริงด้วยหลินเฟิง ค่ำขนาดนี้แล้วนายยังจะไปไหนอีก?”อาอวี๋หยิบตะเกียบขึ้น และพูดอย่างเป็นกังวล“หึหึ ผมไปที่เมืองหนิงโจวสักหน่อย”หลินเฟิงไม่ได้บอกรายละเอียดว่าไปทำอะไร เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลหลินเฟิงกำลังจะออกจากบ้าน หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านที่หน้าตาอ่อนเพลียก็กลับมาแล้ว“ไม่ไหวแล้วสามี หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนบ้างานจริงๆ ต่อไปฉันไม่ทำงานด้วยกันกับเธอแล้ว”เมื่อถังหว่านเข้ามาก็ระบายความทุกข
ระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนที่หลินเฟิงนำพาหลี่ซื่อกรุ๊ปซุ่มตัวอยู่ระหว่างนั้นชีพจรมังกรออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ ในที่สุดเมืองเจิ้งเต๋อก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งหลักฐานที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ จำนวนนักบู๊ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงอย่างมากเพียงแต่ว่าชีพจรมังกรไม่ใช่ปัญหาที่หลินเฟิงจะให้ความสนใจในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขากังวลเล็กน้อยคือหยินหลิงถึงแม้หยินหลิงจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ความสามารถเฉพาะตัวไม่ธรรมดา อีกทั้งมีลูกน้องจำนวนมากแต่ได้ยินว่าชีพจรมังกรเปลี่ยนมือมาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้อยู่ในมือของกลุ่มพันธมิตรบู๊อีกต่อไปแล้วแบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงเกิดความเป็นกังวลเล็กน้อยขณะที่มีความกังวลแบบนี้ ในที่สุดหลินเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากอาฝูในช่วงบ่ายวันหนึ่ง นั่นก็คือพ่อของหยินหลิงที่โทรมา“คุณชายหลินเฟิง”น้ำเสียงของอาฝูเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่หลินเฟิงสังเกตได้ถึงความร้อนรนที่แฝงอยู่ในนั้นอย่างฉับไว“ว่าไงครับ”หลังจากผ่านเรื่องชีพจรมังกรไป หลินเฟิงรู้ซึ้งได้ว่าประเทศมังกรนั้นเป็นที่ที่มีคนเก่งกาจซ่อนอยู่มากมาย เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรโดยใช้อารมณ
พวกเธอทั้งแสดงท่าทางที่ดูถูกต่อหลินเสวี่ยฮุ่ย และแสดงความกังวลออกมาว่า ต่อจากนี้จะไปฝึกงานกันที่ไหนดีเรื่องพวกนี้ต่างก็ถูกหลินเฟิงได้ยินจนหมดแล้ว“อ้าว คนนี้ไม่ใช่พี่ชายของหลินเสวี่ยฮุ่ยหรอกเหรอ?”นักศึกษาสาวที่เป็นคนเริ่มก็เห็นหลินเฟิงเช่นกัน ก่อนที่เธอจะตกตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นก็เยาะเย้ยว่า : “เพื่องานของน้องสาวของตัวเอง คุณถึงกับต้องพยายามอย่างมากจริง ๆ!”“ใช่ การเอาน้องสาวของตัวเองไปให้กับชายชรา ความกล้าหาญแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะไม่มีวันเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน”การเยาะเย้ยพวกนี้ ทำให้หลินเฟิงสับสนอยู่เล็กน้อยหลังจากฟังพวกเธอพูดคุยและอธิบายอยู่นาน หลินเฟิงก็รู้ว่าพวกเธอนั้นกำลังเข้าใจผิดหลินเสวี่ยฮุ่ยสามารถที่จะเป็นผู้อำนวยการได้ ก็เพราะความสามารถของตัวเองทักษะทางการแพทย์ของเธอก็มีเพียงพอแล้วและไม่ได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยวิธีที่น่ารังเกียจใด ๆด้วยเมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง เหล่าเพื่อนร่วมชั้นของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อยหลินเฟิงก็เลยถือโอกาสดึงพวกเธอเอาไว้ และอยากจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วย เพื่อให้หลินเสวี่ยฮุ่ยได้อธิบายในเรื่องนี้แต่ทั
บริวารของตระกูลซือหม่าคนนี้ที่มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นเท่านั้นแต่หนึ่งเปอร์เซ็นนี้ ก็ถูกเด็กทั้งสองคนที่เพิ่งเรียนจบ และยังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนรักของเผิงกวงฉี่ ได้รักษาจนหาย?แถมตอนนี้ก็สามารที่จะพูดได้แล้วด้วย?หัวหน้าหนงรู้สึกเหมือนโลกของตัวเองพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เขาที่เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาหลายสิบปีโดยเปล่าประโยชน์ และก็คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะล้มเพราะเด็กผู้หญิงทั้งสองคนและเหล่าผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเขา ก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกันทั้งหมดขนาดหัวหน้าหนงก็ยังทำไม่ได้ แล้วเด็กสาวทั้งสองคนนี้ทำได้อย่างไร?หรือว่าทักษะทางการแพทย์ของเด็กสาวทั้งสองคนนั้น จะสูงกว่าของหัวหน้าหนง ผู้มีประสบการณ์มายาวนานกันนะ?“พวกคุณรู้จักคนที่ชื่อหลินเฟิงหรือเปล่า?”และในตอนนี้ บริวารโจวที่หลับตาอยู่ ก็เอ่ยถามหลินเสวี่ยฮุ่ยและโจวเสี่ยวหางขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง“หลินเฟิง?”หลินเสวี่ยฮุ่ยกับโจวเสี่ยวหางต่างมองหน้ากันและกัน“หลินเฟิงคือพี่ชายของฉัน”“หลินเฟิงคืออาจารย์ของฉัน”เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งสองสาว บริวารโจวก็แสดงสีหน้า “เป็นอย่างที่คิดเอาไว้” ออกมา ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแ
“อ๊ะ! พวกเธอมาที่นี่เพื่อมาหาหลินเสวี่ยฮุ่ย”ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า :“เดาว่าพวกเขาเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยได้เป็นผู้อำนวยการแล้ว ก็เลยอยากจะมาฝึกงานที่โรงพยาบาลเจิ้งเต๋อของพวกเรา”“เหอะ!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ หัวหน้าหนงก็มองหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างเย็นชา“เธอคิดว่าโรงพยาบาลของพวกเราเป็นอะไร?!”หัวหน้าหนงพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า :“ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่ที่จะให้เด็กผู้หญิงอย่างพวกเธอมาเลื่อนขั้นได้ ออกไปจากที่นี่ซะ!”“ใครจะอยากอยู่ที่นี่กับพวกคุณ!”สาวที่เป็นคนเริ่มจ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มเยาะอย่างดูถูกแล้วหันหลังเดินจากไป“รอเดี๋ยว...”หลินเสวี่ยฮุ่ยทีเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จ จึงรู้สึกอ่อนเพลียมาก ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยจะมีแรงพูดสักเท่าไหร่“ฉันกำลังคุยผู้อำนวยการหลิน”“แค่มีเธออยู่ที่นี่แค่คนเดียว ฉันก็ลำบากมากพอแล้ว!”“โปรดเข้าใจด้วยว่า ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่สถานทีที่เผิงกวงฉี่จะเอาผู้หญิงมาซ่อนได้!”ในขณะที่พูดอยู่ หัวหน้าหนงก็ชี้ไปที่บริวารของตระกูลซือหม่าที่นั่งอยู่บนรถก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า :“ดูสิ่งที่เธอทำสิ!”“เธ
“ฟู่”ในที่สุด หลังจากการช่วยเหลือมามากกว่าสี่ชั่วโมง หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องผ่าตัดโดยที่มือเปื้อนเลือดอยู่“เสวี่ยฮุ่ย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”โจวเสี่ยวหางนำผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ ในขณะที่หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ส่ายหน้า“น่าเสียดาย....”“ใช่ น่าเสียดาย....”โจวเสี่ยวหางจ้องมองตามสายตาของหลินเสวี่ยฮุ่ย ก่อนจะมองไปทางชายที่ถูกเย็บแผลเรียบร้อยแล้วอยู่บนเตียงผ่าตัดพร้อมกับส่ายหน้า“ดีแล้ว เสวี่ยฮุ่ย เธอทำดีที่สุดแล้ว”“ฉันรู้”หลินเสวี่ยฮุ่ยถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยไม่นานหลังจากนั้น บริวารของตระกูลซือหม่าที่อยู่บนเตียงผ่าตัด ก็ถูกวางลงบนรถเข็น และพาออกไปจากห้องผ่าตัด“อุ๊บ หึ น่าหัวเราะจะตายแล้ว พวกคุณรีบมาดูสีหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นสิ ดูเหมือนว่าจะเสียใจอย่างมากเลยนะ.....”“หึ เด้กสาวทั้งสอง ฉันก็บอกแล้วว่าพวกเธอแค่แกล้งทำ ตอนนี้บริวารของตระกูลซือหม่าตายอยู่บนเตียงผ่าตัดของเธอ คราวนี้คนของตระกูลซือหม่าจะโกรธแล้ว”“ถึงยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราแค่ดูอย่างสนุกสนานก็พอแล้ว”เมื่อได้ยินการสนทนาอันยุ่งวุ่นวายของเหล่าแพทย์ที่อยู่โดยรอบ หลินเสวี
เมื่อรู้ว่าคนรักตัวน้อยของเขารักษาบริวารของตัวเอง งั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยเกรงว่าอาจจะต้องตายเร็วขึ้นอีกนี่ก็คือหลุมพรางที่หัวหน้าหนงวางไว้สำหรับล่อลวงหลินเสวี่ยฮุ่ย ไม่ว่าเธอจะกล้ารับหรือไม่ เธอก็จะต้องโชคร้ายอยู่ดีส่วนหลินเสวี่ยฮุ่ยจะสามารถช่วยชีวิตบริวารคนนี้ได้หรือเปล่า?เดิมทีความเป็นไปได้นี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหัวหน้าหนงยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนหน้าที่หลินเสวี่ยฮุ่ยจะมา ตัวเองได้ทำการตรวจร่างกายบริวารของตระกูลซือหม่าทั้งหมดแล้วทั่วทั้งร่างมีร่องรอยกระดูกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แขนข้างหนึ่งหัก และอวัยวะภายในก็มีเลือดออกเยอะมาก แม้แต่ตัวเลขบนเครื่องช่วยหายใจก็ยังแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแม้แต่คนที่มีประสบการณ์เยอะอย่างหัวหน้าหนงการต้องเผชิญหน้ากับเรื่องร้ายแรงแบบนี้ บาดแผลมันก็ไม่ต่างไปกว่าการถูกรถไฟชนกระแทกเขารู้สึกว่า บริวารของตระกูลซือหม่าไม่อาจจะจะช่วยชีวิตได้แล้วต่อไปก็ถึงเวลาที่จะต้องหาคนโชคร้ายมาเป็นแพะรับบาปแทนแล้วเขาก็ใช้โอกาสนี้ เลือกผู้อำนวยการหลินที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่ถึงวัน“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิเศษขนาดไหน การช่วยชีวิตผู้ป่วยก็ต้องสำคัญเป็นอันด