หลินเฟิงเดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นมือไขว้หลังยืนขึ้น: “ถ้าหากแก๊งเลี่ยหยางของคุณยังมียอดฝีมือ งั้นก็เชิญออกมา ผมรับได้หมด”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของหลินเฟิง เซวียผานรู้ว่า วันนี้เกรงว่าสถานการณ์เลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้วแม้แต่คุณชายจีก็กลัวว่าหลินเฟิงจะพาลใส่ และก็ให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง งั้นเขายังมีอะไรจะให้พูดอีก?ดังนั้นเขาจึงหาช่องทางที่ไม่ทำให้อับอายขายหน้า และพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ในเมื่อคุณชายจีออกคำสั่ง งั้นผมเซวียผานจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ผมตกลงครับ”เขามองไปทางตู้ไหวที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาเผยความไม่ยินยอมกับความจนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศเสียงดังว่า: “นับตั้งแต่วันนี้ ฉันเซวียผานสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง”“หัวหน้าแก๊งคนถัดไป ก็จะมีตู้ไหวรับตำแหน่ง!”พูดประโยคนี้จบ เซวียผานก็ถอนหายใจ และประสานมือไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย“งั้นผมขอตัวลาครับ”เซวียผานในตอนนี้สูญเสียที่พึ่งทั้งหมดของตัวเองไปแล้วสี่เทพผู้พิทักษ์ถูกโจมตีพ่ายแพ้ แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยก็ไม่ได้อยู่ข้างเขา เขาไม่สู้ตัวเองสละตำแหน่งออกมาเอง แบบนี้ยังถือว่ามีเกียรติยศไม่อย่างนั้นรอให้คนอื่นมาช่วยรักษาหน้าตาให้เขา
“ไม่ไม่ไม่ นี่มันคำพูดอะไรกันครับ”การแสดงความยินดีของจีอวิ๋นเจี๋ยทำให้ตู้ไหวตื่นตะลึงกับการได้รับความชื่นชม เขายิ้มแหยพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับจากคุณชายจี ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางก็คงตกมาไม่ถึงผม”“ต่อไปคุณชายจีมีคำสั่งอะไร ก็เอ่ยปากได้เต็มที่”เห็นได้ชัดว่า ตู้ไหวคนนี้วางตัวเก่งอย่างมากหลังจากที่ปลอบโยนหลินเฟิงเสร็จ ก็รีบไปแสดงความจงรักภักดีของตัวเองต่อจีอวิ๋นเจี๋ย“คุณชายจีวางใจได้ ภายใต้การบัญชาของพี่ชายของผม แก๊งเลี่ยหยางจะต้องเจิรญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”น้องชายของตู้ไหวก็รีบเสนอหน้าเข้ามาเพื่อที่จะทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาจีอวิ๋นเจี๋ยยิ้มบางพยักหน้า ต่อมาในที่สุดเขาก็เผยหางจิ้งจอกของตัวเองออกมาเขามองไปทางหลินเฟิง และยิ้มพูด:“พี่หลินหว่าน อีกสักครู่คุณว่างไหม? ผมจองโต๊ะอาหารจัดเลี้ยงเอาไว้ที่โรงแรมข้าง ๆ ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติสักหน่อยไหม?”“ให้เกียรติครับ ให้เกียรติ”ในตอนนี้เอง เซวียผานที่กำลังจะจากไปด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม ดวงตาสว่างไสวขึ้น เขารีบวิ่งเข้ามาและยิ้มพูด:“ถึงแม้ผมจะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ตู้ไหวแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรายังคงม
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงก็รับปากแล้ว คิ้วของจีอวิ๋นเจี๋ยก็คลายออกช้า ๆ จากนั้นมองไปทางเซวียผานที่อยู่ข้าง ๆ และกลับรู้สึกถูกใจไอ้หมอนี่ขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วขณะแล้วแต่ไม่รู้เลยว่าในดวงตาของเซวียผานในตอนที่ก้มหน้าลงนั้น มีความชั่วร้ายเพียงน้อยนิดแวบผ่านไปในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้แล้ว เช่นนั้นก่อนที่จะจากไป เขาจะกวาดเงินก้อนใหญ่สักก้อน!”......ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกหลินเฟิงออกจากโรงบู๊เลี่ยหยางพวกเขาขับรถออกไป และเข้าสู่โรงแรมใหญ่ในเขตใต้ของเมืองตรงถนนอีกเส้นที่ห่างออกไปจากโรงบู๊ภายในห้องส่วนตัว หญิงสาวที่แต่งงานแล้วมีหน้าตาสวยงาม ดูอายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่งกำลังรินเหล้าให้หลินเฟิงและคนอื่น ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”ในตอนนี้เซวียผานไม่ได้มีความหดหู่จากการที่สูญเสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไป แต่กลับแสดงออกได้เบิกบานและดีใจอย่างผิดปกติ เขาหัวเราะเสียงดังกับตู้ไหวแล้วพูดว่า:“ตู้ไหว อันที่จริงนายไม่รู้เลยว่า ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งบ้าบออะไรตั้งนานแล้ว!”คำพูดนี้มีแต่ผีเท่านั้นที่จะเชื่อถึงแม้ตู้ไหวจะกลอกตามองบนอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสร้งถามด้วยความประหล
“ฮ่าฮ่า คุณหลินพูดอะไรกันครับ”ภายใต้การจ้องมองของคนโดยรอบ เซวียผานยิ้มบาง ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นยื่นไปที่ตรงหน้าของทุกคน และยิ้มพูด:“ดูท่าคุณหลินไม่เชื่อใจผมสินะครับ!”“พูดอะไรกันครับ”เมื่อเห็นเซวียผานดื่มเหล้าเข้าไป สายตาสงสัยของคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ หายไปบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยงก็เปลี่ยนไปครึกครื้นขึ้นมาระหว่างนั้นผู้คนชนแก้วกันไม่หยุด ส่วนน้องชายของตู้ไหวดื่มเยอะที่สุด ถึงขั้นที่เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหัวเราะไม่หยุดชายรับใช้ของจีอวิ๋นเจี๋ยถึงขั้นที่เต้นรำกันขึ้นมาระหว่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจีอวิ๋นเจี่ยอยากจะพูดคุยกับหลินเฟิงเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งหลินเฟิงจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้เขาจนปัญญาอย่างมากในที่สุดในตอนที่เหล้าขวดหนึ่งใกล้จะหมดแล้ว เซวียผานเลอออกมาและลุกขึ้นยืนเขาโซเซไปมาและยิ้มพูด: “ผมไปห้องน้ำหน่อย”“เดี๋ยวก่อน”หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายเขาลุกขึ้นยืน ใบหน้าของหลินเฟิงก็มีความมึนเมาอยู่เช่นเดียวกัน เขายิ้มพูดว่า: “ถอดกางเกงของคุณก่อนแล้วค่อยไป”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เซวียผานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็มองไปทางหลิ
เซวียผานถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหน้าอกและพูดว่า: “คนที่เป็นบ้าก็คือพวกแก! แม่งเอ๊ย!”หลังจากด่าเสร็จ เขาก็ใช้นิ้วของตัวเองชี้ไปทางตู้ไหว และถามด้วยความดุดัน: “ตู้ไหว แกมันไอ้คนสารเลว ฉันเคยปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับแกบ้างไหม เคยบ้างไหม?!”“ไม่เคย”ตู้ไหวใบหน้าเย็นชา และตอบกลับด้วยความใจเย็น“งั้นทำไมแกต้องแย่งตำแหน่งของฉันด้วย? ทำไมกัน?! ทำไมแกต้องหักหลังฉันด้วย?!”เมื่อเห็นว่าเซวียผานสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตู้ไหวก็ถอนหายใจออกมา“เซวียผาน ถ้าหากคุณเป็นผม คุณจะเลือกขึ้นตำแหน่งไหม?”ได้ยินคำพูดของตู้ไหว เซวียผานก็นิ่งอึ้งไป”ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมา“ฉันก็จะทำ”“งั้นคุณก็ไม่มีคุณสิทธิ์ตำหนิผม พวกเรามีความสัมพันธ์แค่หัวหน้ากับลูกน้องภายในแก๊ง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรต่อกันมากนัก”ตู้ไหวพูดด้วยความเย็นชา:“สิ่งที่ผมทำต่อคุณ ไม่นับว่าเป็นการหักหลังอะไร”“ใช้คำพูดของคุณนำมาพูด ตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผู้ที่เหมาะสมถึงจะได้รับตำแหน่งไป!”“ถุย!”เซวียผานถุยน้ำลายแล้วพูดต่อว่าขึ้นมา: “แกเอาความเหมาะสมมาจากที่ไหน? แกเป
“แก...แกฝัน...”คำว่า “ฝันไปเถอะ” ยังไม่ได้พูดอกมา ตู้ไหวก็พบว่าร่างกายของเขาเริ่มเสียการควบคุม หน้ามืดหัวหมุน ตาลายจนเห็นดาวเหมือนกับดื่มเหล้าเข้าไปเยอะมาก โลกทั้งใบสั่นไหวอยู่ตรงหน้า“ดูท่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว”เซวียผานมองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่โซเซล้มลง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจออกมาแต่ในตอนที่สายตาของเขาหยุดลงที่ตัวของหลินเฟิง เขากลับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขาพบว่า หลินเฟิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด ถึงขั้นที่ยังมองเขาด้วยความรู้สึกสนุกสนาน“แก...นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันเห็นกับตาว่าแกดื่มเข้าไปเยอะมาก ทำไม...ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรสักนิด?”“เป็นไปไม่ได้!”เซวียผานลุกลี้ลุกลน ความสามารถของหลินเฟิงทิ้งความทรงจำที่ฝังลึกไว้ให้ขาสี่เทพผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้บัญชาของเขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้รับผลกระทบจากผงจับมังกร เช่นนั้นทุกสิ่งที่เขาทำในวันนี้ก็ไร้ประโยชน์“ฉันคนนี้พอจะเชี่ยวชาญวิชาแพทย์อยู่บ้าง ผงจับมังกรของคุณสุดยอดมากจริง ๆ แต่ผมมองเล่ห์เหลี่ยมของคุณออกตั้งนานแล้ว”ขณะพูด หลินเฟิงก็ดึงเข็มเงินเล่
“ผลัวะ!”หลินเฟิงพลิกมือจับข้อเท้าของมือสังหารสาวเอาไว้ และออกแรงกระชากมือสังหารสาวคนนี้สูญเสียการทรงตัว ล้มมาในอ้อมแขนของหลินเฟิงโดยตรง อีกทั้งบนใบหน้ายังแดงระเรื่อจากความเขินอายหลินเฟิงเห็นแบบนี้ หางตาก็กระตุกแต่ความเขินอายนี้เป็นความรู้สึกที่มือสังหารสาวเสแสร้งออกมา จู่ ๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ริมฝีปากแดงเปิดออกเล็กน้อย เธอพ่นใบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากในปากใบมีดนี้ห่อหุ้มด้วยพลังชี่แท้ พุ่งไปที่ลำคอของหลินเฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า“หึ!”หลินเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นปล่อยพลังชี่แท้ออกมาข้างนอก ทำให้ใบมีดกระเด็นออไป“ลังเลแม้แต่นิดไม่ได้จริง ๆ...”หลินเฟิงสายตาเคร่งขรึม และใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของมือสังหารสาวเอาไว้ จากนั้นจับเธอกดลงบนกำแพง“ปึง!”หลังจากที่ร่างกายของมือสังหารสาวกระแทกบนกำแพงอย่างแรง เธอก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาเพียงแต่เสียงร้องนี้ยังแฝงไปด้วยความออดอ้อนเกรงว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้ยินก็คงจะมีความลังเลกันทั้งนั้นแต่ตอนนี้หลินเฟิงไม่มีทางให้เธอทำสำเร็จอีกแล้ว เขาออกแรงที่นิ้วมือ ได้ยินแค่เสียงดังกร่อบแกรบ ลำคอของมือสังหารสาวคนนี้ถูกหลินเฟิงบีบจนแตกหักไปโดยตรง
“หึ นายคิดมากไปแล้ว”“คนที่ตายมีเพียงแค่นายคนเดียวเท่านั้น!”หลินเฟิงถือกระเป๋าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว และโยนไปข้างนอกหน้าต่างอย่างแรงในตอนที่โยนออกไป รูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับลมที่โหมกระหน่ำ เพียงชั่วพริบตาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านข้างเซวียผาน“อ่อก?”เสียงหัวเราะของเซวียผานหยุดลง เขาในตอนนี้ก็เหมือนกับเป็ดที่ถูกบีบคอ อ้าปากกว้าง และมีสีหน้าตกตะลึงเป็นไปได้อย่างไร?!ความเร็วของหมอนี่มนุษย์สามารถทำได้จริง ๆ เหรอ?“ไสหัวไป!”หลินเฟิงยกขาเตะออกไป จนทำให้เซวียผานถูกเตะกระเด็นออกไปน้ำหนักความแรงของฝ่าเท้านี้ เซวียผานกระแทกหน้าต่างของห้องส่วนตัวของโรงแรมจนแตก จากนั้นกระเด็นสูงออกไปไกลเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่“เอื้อก!”เซวียผานถูกโจมตีรุนแรงขนาดนี้ ดวงตาของเขามืดมิด เกือบจะปรับตัวกลับมาไม่ได้แต่ในตอนที่เขาฝืนความเจ็บปวดและตั้งสติกลับมาได้ เขากลับพบว่าในตอนนี้เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศที่แท้เขาก็ถูกหลินเฟิงถีบออกมาจากห้องส่วนตัวแล้ว“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”หัวสมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเซวียผานก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ขอบคุณนายนะหลินหว่าน ขอบคุณที่นายช่วยชีวิตฉันไว้!”
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ