จีอวิ๋นเจี๋ยส่ายหน้าวันนี้ข้างกายจีอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้มีผู้ชายที่ท่าทางสะดีดสะดิ้งพวกนั้นตามมาด้วย ดูแบบนี้แล้วสบายตาขึ้นเยอะนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลินเฟิงยอมนั่งอยู่ตรงนี้ถ้าหากข้างกายจีอวิ๋นเจี๋ยยังคงล้อมรอบด้วยผู้ชายเหล่านั้น หลินเฟิงไม่มีทางมาเจอเขาอย่างแน่นอนจีอวิ๋นเจี๋ยโบกมือ เพื่อให้ตู้ไหวออกไปจากนั้น เขาเผยสีหน้าจริงจังที่ไม่เคยมีมาก่อนมองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“สหายหลิน ผมมีเรื่องหนึ่งต้องการให้คุณช่วย”หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขามีลางสังหรณ์บางอย่างหรือว่าจีอวิ๋นเจี๋ยคนนี้จะถูกใจเขาแล้ว?คิดได้ถึงตรงนี้ ในใจของหลินเฟิงก็มีความแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นสีหน้าที่จริงจังขนาดนี้ของจีอวิ๋นเจี๋ย หลินเฟิงก็ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา“คุณว่ามา”“ไม่จำเป็นต้องกลัวหรอกสหายหลิน”จีอวิ๋นเจี๋ยหยุดชะงักและพูดเสียงเบา: “อันที่จริงผมจีอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้มีความรักความชอบต่อผู้ชายด้วยซ้ำ และผมก็ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นต่อคุณ”“หือ?”ได้ยินจีอวิ๋นเจี๋ยสารภาพต่อเขา หลินเฟิงก็ตกตะลึงเล็กน้อยในเมื่อไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน งั้นก่อนหน้านี้ที่เขาแสดงออกมาโดยตลอด...“ถูกต้องแล้ว สหายหลิน ที่
“นี่มันอะไรกัน?!”ไม่เพียงชายหัวล้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง พี่น้องสามคนที่อยู่ข้างเขา และยังมีผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต่างถลึงตาโตทั้ง ๆ ที่แรงโจมตีทั้งหมดของชายหัวล้านใช้พลังทั้งหมดของเขาแล้ว ต่อให้เป็นกำแพงด้านหนึ่ง ภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถโจมตีจนเป็นหลุมได้แต่หมัดเมื่อครู่นี้ต่อยไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขากลับสัมผัสถึงเนื้อหนังไม่ได้ด้วยซ้ำแต่หมัดนี้กลับเหมือนว่าต่อไปบนแผ่นเหล็ก ขณะที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้ กลับยังสั่นสะเทือนจนทำให้แขนของตัวเองกระดูกหักนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วหรือว่าเขาคือยอดฝีมือแดนแปรภาพ?!เมื่อเห็นการโจมตีของชายหัวล้านประสบกับความล้มเหลวแบบนี้ กลุ่มคนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันเหลือเชื่อช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงสามารถต้านหมัดนี้เอาไว้ได้จริง ๆ อีกทั้งยังย้อนกลับมาทำให้ชายหัวล้านสั่นสะเทือนจนพิการไปครึ่งหนึ่ง“เจ้าสี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ในตอนนี้ พี่ใหญ่สุดในเหล่าสี่เทพผู้พิทักษ์เอ่ยปากขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิงที่ยังมีสีหน้านิ่งเฉย
พวกเขาเหมือนกับล้อมโจมตีคนเหล็กที่แข็งแกร่งอย่างมาก การโจมตีถูกปล่อยออกไป ไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ ด้วยซ้ำ กลับกันนั้นตัวเองก็ถูกสะเทือนจนเกิดการบาดเจ็บภายในหลินเฟิงนิ่งเฉย และยืนส่ายหน้าอยู่ตรงที่เดิม“อ่อนแอเกินไปแล้ว”“ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังจริง ๆ”ขณะพูด หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา“ถ้าหากพวกคุณมีความสามารถเพียงแค่นี้ นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด แบบนี้ยังจะเรียกว่าสี่เทพผู้พิทักษ์ ผมดูแล้ว ไม่สู้เรียกว่าหมาสี่ตัวยังจะใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกว่า”หลินเฟิงยืดแขนบิดขี้เกียจ และมีท่าทางเบื่อหน่าย“รนหาที่ตาย!”สี่ผู้พิทักษ์โมโหแล้ว นอกจากน้องสี่ที่ล้มนั่งอยู่บนพื้น ผู้พิทักษ์สามคนที่เหลือต่างมองตากัน และโผเข้าไปทางหลินเฟิงอีกครั้งครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ออมมือใด ๆ อีกแล้ว และใช้ค่ายกลการต่อสู้ของทั้งสี่คนออกมาโดยตรงแต่น่าเสียดายอย่างมากต่อให้เป็นค่ายกลต่อสู้สี่คนก็ยังไม่เข้าตาของหลินเฟิง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าในขณะนี้ค่ายกลต่อสู้สี่คนของพวกเขาเหลือเพียงแค่สามคน“ค่ายกลสี่ฤดู!”ผู้พิทักษ์สามคนต่างคนต่างยืนอยู่ที่มุมหนึ
“ความหมายของคุณก็คือ?”หลินเฟิงหันข้างมองไป พอจะคาดเดาถึงความคิดของจีอวิ๋นเจี๋ยได้บ้างเล็กน้อย“สหายหลินเฟิง ผมอยากจะร่วมมือกับคุณ”“เพียงแค่คุณช่วยผมแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจีมาได้ ล้มพี่ใหญ่ของผม ไม่ว่าเงื่อนไขอะไร เงิน ผู้หญิง คุณเสนอมาได้เต็มที่”ไม่เกินความคาดคิดจีอวิ๋นเจี๋ยพูดดึงพรรคพวกออกมา ให้หลินเฟิงเข้าร่วมฝ่ายเดียวกับเขาแต่ทว่าแบบนี้หลินเฟิงก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยพูดตามตรง จีอวิ๋นเจี๋ยคนนี้ดูไม่ได้ดูชั่วร้ายอะไร ถ้าหากคบหาสมาคม ก็มีผลดีต่อเขาอยู่บ้างแต่เขามาเมืองจิงไม่ใช่เพื่อที่จะสร้างเรื่องเพิ่มมากขึ้นเขามาเพื่อที่จะทำให้รู้ชัดว่าถังหว่านพบเจอเรื่องอะไรกันแน่คิดได้ถึงตรงนี้ หลินเฟิงดวงตาก็สว่างไสว“สหายจี ผมอยากจะถามคุณหน่อย ตระกูลจีของคุณเมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลถัง หรือว่าตระกูลหลง มีสิทธิ์ชนะกี่เปอร์เซ็นต์?” “ตระกูลหลงกับตระกูลถัง?”จีอวิ๋นเจี๋ยนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าครุ่นคิดด้วยความจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง และขมวดคิ้วพูด: “ตระกูลถังเป็นตระกูลธุรกิจ ให้ความสนใจกับการติดต่อทางธุรกิจ ตระกูลจีของผมไม่กลัวตระกูลถัง”“แต่ตระกูลหลงจัดการได้ยาก
ได้ยินหลินเฟิงถามถึงอาการพ่อของเขาแบบนี้ จีอวิ๋นเจี๋ยนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขานึกถึงเข็มเงินที่หลินเฟิงทำลายผงจับมังกรของเซวียผานเมื่อวานนี้ ในใจก็สั่นไหว“พี่ชายของผมบอกว่าพ่อของผมริมฝีปากมีสีม่วง มือเท้ากระตุกและเย็นเยือก อีกทั้งสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว”“พิษเย็น?”เพียงแต่ฟังจากคำพูดแล้ว หลินเฟิงจึงคาดเดาออกได้ว่าพ่อของจีอวิ๋นเจี๋ยถูกพิษเย็นเขาครุ่นคิดเพียงเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “เรื่องความร่วมมือพวกเราค่อยคุยกันครั้งหน้า แต่เพื่อที่จะยืดโอกาสการเจรจาในครั้งหน้ากับสหายจี คุณเอายานี้ไป”“เอ๊ะ? นี่คือ...”จีอวิ๋นเจี๋ยรับยาเม็ดสีเหลืงเข้มที่หลินเฟิงยื่นมา ใบหน้าก็เผยความสงสัยออกมา“นี่คือยาหวงตี๋ล้างพิษที่ผมกลั่นออกมา ใช้โจมตีพิษเย็นโดยเฉพาะ ถ้าหากอาการที่พี่ใหญ่ของคุณบอกเล่าไม่มีผิดแม้แต่นิด งั้นพ่อของคุณน่าจะถูกคนวางยาพิเษเย็น ใช้ยาเม็ดนี้น่าจะยืดเวลาได้สองสามวัน”หลินเฟิงไม่ใส่ใจแม้แต่นิดยาหวงตี๋แก้พิษอยู่ในมือของเขาไม่นับเป็นของล้ำค่าอะไร ก่อนหน้านี้ตอนที่กลั่นยาเขาจึงถือโอกาสทำขึ้นมาหลายเม็ดหลังจากจีอวิ๋นเจี๋ยขอบคุณหลินเฟิงแล้ว ก็รีบจากไปด้วยความร้อนรน“ตู้ไหว”หล
เมื่อครู่ตู้ไหวยังคิดว่าหลินเฟิงเพียงแค่ต้องการหาข้ออ้างกำจัดเขา เขาตกใจจนรู้สึกแย่ไปหมด“ได้ครับ มีข่าวคราวแจ้งผมทุกเมื่อ”หลินเฟิงลุกขึ้นยืนและเดินจากไปตู้ไหวกลับเดินออกมาส่งที่นอกร้านเหล้าบังเอิญกับที่ หลินเฟิงได้พบเพื่อนนักเรียนหญิงสองสามคนที่อยู่ด้วยกันกับอวี๋จื่อเสวียนเมื่อครั้งที่แล้วที่นอกร้านเหล้าหนึ่งในเพื่อนนักเรียนหญิงผมสั้นคนนั้นก็อยู่ที่นี่เธอเห็นหลินเฟิง สีหน้าก็เผยความเหยียดหยามออกมาในทันทีเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ ไม่ได้เหมือนกับเธอแบบนั้น พวกเธอโบกมือทักทายหลินเฟิงในเมื่อหน้าตาของหลินเฟิงหล่อมากถึงแม้เมื่อคืนวานนี้เขาจะคุยโวจนทำให้พวกเธอรู้สึกเสียความรู้สึก แต่ไม่ว่าอย่างไรหลินเฟิงก็เป็นยอดฝีมือเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงวัยรุ่นยังชอบผู้ชายหล่อแบบนี้เป็นอย่างมาก“ไง คุณยังจำพวกเราได้ไหม?”นักเรียนหญิงคนหนึ่งเข้ามาทักทายหลินเฟิง หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนเสียมารยาท เขาก็พยักหน้าไปทางพวกเธอ“พี่ชายสุดหล่อ คุณมาทำอะไรที่นี่? ที่นี่...เป็นถิ่นของแก๊งเลี่ยหยางไม่ใช่เหรอ?”นักเรียนหญิงที่ยืนนำหน้าดูป้ายร้านเหล้าที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิง จากนั้นก็ถามขึ้นด้
“ไม่ต้องแล้ว ผมอยู่ที่เมืองจิงเฉิงไม่นานเท่าไหร่ รถคันนี้ฝืนขับได้ ไม่ต้องไปซื้อรถคันอื่นแล้ว”หลินเฟิงมองดูกุญแจรถที่ตู้ไหวยัดมาให้ เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ในเมื่อมียานพาหนะคันหนึ่งก็มีความจำเป็นอยู่”แต่ทว่ายานพาหนะที่ฝืนขับแก้ขัดในสายตาของเขา กลับดึงดูดเสียงอุทานของกลุ่มผู้ชายที่อยู่ห่างออกไป“เชี่ย! เซมาราติ รถคันนี้เป็นของเจ้าพ่อคนไหนกัน!”“นี่เป็นถิ่นของคุณชายตู้ ก็ต้องเป็นของคุณชายตู้ไหม?”“เจ๋งไปเลย ท้องรถต่ำมากเลย!”หลังจากคำชมที่กลุ่มผู้ชายมีต่อรถมาเซราติ หลงเสี่ยวจวิ้นที่ยืนนำหน้าพวกผู้ชายก็มีสีหน้าอิจฉาเช่นกันแต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ เขาเบะปากพูด:“อีกไม่กี่วันพ่อของฉันก็จะเปลี่ยนรถแล้ว ถึงแม้จะด้อยกว่ารถคันนี้นิดหน่อย แต่ก็ด้อยกว่าไม่เยอะเท่าไหร่ อีกไม่กี่วันฉันจะขับออกมาให้พวกนายดู”“สุดยอด ไม่เสียแรงที่เป็นพี่เสี่ยวจวิ้น!”“เพียงแต่ถึงเวลาพวกเรากลัวว่าจะไม่ได้นั่งน่ะสิ คงจะเตรียมเอาไว้ให้จื่อเสวียน”“หึหึ...”ได้ยินคำเยินยอของผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ หลงเสี่ยวจวิ้นก็เกิดความภาคภูมิใจอย่างมากในทันที“แน่อยู่แล้ว...”วินาทีต่อมา หลงเซียวจวิ้นเงยหน้าขึ้น เห็นคนที่คุ้นเคยอ
ไปสับมือของหลินเฟิง ไม่ต้องพูดว่าเขามีความสามารถนี้หรือไม่ ต่อให้มีเขาก็ไม่กล้าหรอกนะ!ขณะคิด คุณชายตู้ก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อ สะบัดฝ่ามือตบไปที่บนใบหน้าของหลงเสี่ยวจวิ้นเสียงก้องดัง “เพียะ”คุณชายตู้ชี้หน้าด่าทอไปทางหลงเสี่ยวจวิ้นที่กำลังมึนงงและล้มอยู่บนพื้น:“นายรู้ไหมว่าคุณหลินเป็นใครกัน? นายที่เป็นแค่เศษสวะ ยังอยากจะต่อกลอนกับคุณหลินงั้นเหรอ?”“แกเป็นใคร นับประสาอะไรวะ?”“ต่อไปถ้าหากนายยังกล้าพูดจาไม่สุภาพเกรงใจต่อคุณหลินอีก ฉันเห็นนายกี่ครั้งก็จะตีนายเท่านั้น รีบไสหัวไปซะ!”“อย่ามาสร้างความสกปรกในสายตาของฉัน!”หลังจากด่าทอเสร็จ เขายังรู้สึกไม่สะใจ จึงถีบไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นจนล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ขากเสลดถุยไปที่ใบหน้าของเขา และหันหลังเดินกลับไปที่ร้านเหล้า“ฮะนี่มัน...”ไม่ไกลนัก เมื่อมองเห็นเสี่ยวหลงจวิ้นถูกคุณชายตู้เหยียดหยามและกระทืบ พวกผู้ชายเผยสีหน้าที่กระอักกระอ่วนออกมาอย่างมากพวกผู้หญิงก็วิพากษ์วิจารณ์และรู้สึกรังเกียจอย่างถึงที่สุด“คุณว่า...”ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นพู้กับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เสียงเบา: “มีความเป็นไปได้ไหมว่า คุณหลินคนนั้นก็คือบุคคลที่มีชื่อเสียง ค