“ความหมายของคุณก็คือ?”หลินเฟิงหันข้างมองไป พอจะคาดเดาถึงความคิดของจีอวิ๋นเจี๋ยได้บ้างเล็กน้อย“สหายหลินเฟิง ผมอยากจะร่วมมือกับคุณ”“เพียงแค่คุณช่วยผมแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจีมาได้ ล้มพี่ใหญ่ของผม ไม่ว่าเงื่อนไขอะไร เงิน ผู้หญิง คุณเสนอมาได้เต็มที่”ไม่เกินความคาดคิดจีอวิ๋นเจี๋ยพูดดึงพรรคพวกออกมา ให้หลินเฟิงเข้าร่วมฝ่ายเดียวกับเขาแต่ทว่าแบบนี้หลินเฟิงก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยพูดตามตรง จีอวิ๋นเจี๋ยคนนี้ดูไม่ได้ดูชั่วร้ายอะไร ถ้าหากคบหาสมาคม ก็มีผลดีต่อเขาอยู่บ้างแต่เขามาเมืองจิงไม่ใช่เพื่อที่จะสร้างเรื่องเพิ่มมากขึ้นเขามาเพื่อที่จะทำให้รู้ชัดว่าถังหว่านพบเจอเรื่องอะไรกันแน่คิดได้ถึงตรงนี้ หลินเฟิงดวงตาก็สว่างไสว“สหายจี ผมอยากจะถามคุณหน่อย ตระกูลจีของคุณเมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลถัง หรือว่าตระกูลหลง มีสิทธิ์ชนะกี่เปอร์เซ็นต์?” “ตระกูลหลงกับตระกูลถัง?”จีอวิ๋นเจี๋ยนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าครุ่นคิดด้วยความจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง และขมวดคิ้วพูด: “ตระกูลถังเป็นตระกูลธุรกิจ ให้ความสนใจกับการติดต่อทางธุรกิจ ตระกูลจีของผมไม่กลัวตระกูลถัง”“แต่ตระกูลหลงจัดการได้ยาก
ได้ยินหลินเฟิงถามถึงอาการพ่อของเขาแบบนี้ จีอวิ๋นเจี๋ยนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขานึกถึงเข็มเงินที่หลินเฟิงทำลายผงจับมังกรของเซวียผานเมื่อวานนี้ ในใจก็สั่นไหว“พี่ชายของผมบอกว่าพ่อของผมริมฝีปากมีสีม่วง มือเท้ากระตุกและเย็นเยือก อีกทั้งสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว”“พิษเย็น?”เพียงแต่ฟังจากคำพูดแล้ว หลินเฟิงจึงคาดเดาออกได้ว่าพ่อของจีอวิ๋นเจี๋ยถูกพิษเย็นเขาครุ่นคิดเพียงเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “เรื่องความร่วมมือพวกเราค่อยคุยกันครั้งหน้า แต่เพื่อที่จะยืดโอกาสการเจรจาในครั้งหน้ากับสหายจี คุณเอายานี้ไป”“เอ๊ะ? นี่คือ...”จีอวิ๋นเจี๋ยรับยาเม็ดสีเหลืงเข้มที่หลินเฟิงยื่นมา ใบหน้าก็เผยความสงสัยออกมา“นี่คือยาหวงตี๋ล้างพิษที่ผมกลั่นออกมา ใช้โจมตีพิษเย็นโดยเฉพาะ ถ้าหากอาการที่พี่ใหญ่ของคุณบอกเล่าไม่มีผิดแม้แต่นิด งั้นพ่อของคุณน่าจะถูกคนวางยาพิเษเย็น ใช้ยาเม็ดนี้น่าจะยืดเวลาได้สองสามวัน”หลินเฟิงไม่ใส่ใจแม้แต่นิดยาหวงตี๋แก้พิษอยู่ในมือของเขาไม่นับเป็นของล้ำค่าอะไร ก่อนหน้านี้ตอนที่กลั่นยาเขาจึงถือโอกาสทำขึ้นมาหลายเม็ดหลังจากจีอวิ๋นเจี๋ยขอบคุณหลินเฟิงแล้ว ก็รีบจากไปด้วยความร้อนรน“ตู้ไหว”หล
เมื่อครู่ตู้ไหวยังคิดว่าหลินเฟิงเพียงแค่ต้องการหาข้ออ้างกำจัดเขา เขาตกใจจนรู้สึกแย่ไปหมด“ได้ครับ มีข่าวคราวแจ้งผมทุกเมื่อ”หลินเฟิงลุกขึ้นยืนและเดินจากไปตู้ไหวกลับเดินออกมาส่งที่นอกร้านเหล้าบังเอิญกับที่ หลินเฟิงได้พบเพื่อนนักเรียนหญิงสองสามคนที่อยู่ด้วยกันกับอวี๋จื่อเสวียนเมื่อครั้งที่แล้วที่นอกร้านเหล้าหนึ่งในเพื่อนนักเรียนหญิงผมสั้นคนนั้นก็อยู่ที่นี่เธอเห็นหลินเฟิง สีหน้าก็เผยความเหยียดหยามออกมาในทันทีเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ ไม่ได้เหมือนกับเธอแบบนั้น พวกเธอโบกมือทักทายหลินเฟิงในเมื่อหน้าตาของหลินเฟิงหล่อมากถึงแม้เมื่อคืนวานนี้เขาจะคุยโวจนทำให้พวกเธอรู้สึกเสียความรู้สึก แต่ไม่ว่าอย่างไรหลินเฟิงก็เป็นยอดฝีมือเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงวัยรุ่นยังชอบผู้ชายหล่อแบบนี้เป็นอย่างมาก“ไง คุณยังจำพวกเราได้ไหม?”นักเรียนหญิงคนหนึ่งเข้ามาทักทายหลินเฟิง หลินเฟิงก็ไม่ใช่คนเสียมารยาท เขาก็พยักหน้าไปทางพวกเธอ“พี่ชายสุดหล่อ คุณมาทำอะไรที่นี่? ที่นี่...เป็นถิ่นของแก๊งเลี่ยหยางไม่ใช่เหรอ?”นักเรียนหญิงที่ยืนนำหน้าดูป้ายร้านเหล้าที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิง จากนั้นก็ถามขึ้นด้
“ไม่ต้องแล้ว ผมอยู่ที่เมืองจิงเฉิงไม่นานเท่าไหร่ รถคันนี้ฝืนขับได้ ไม่ต้องไปซื้อรถคันอื่นแล้ว”หลินเฟิงมองดูกุญแจรถที่ตู้ไหวยัดมาให้ เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ในเมื่อมียานพาหนะคันหนึ่งก็มีความจำเป็นอยู่”แต่ทว่ายานพาหนะที่ฝืนขับแก้ขัดในสายตาของเขา กลับดึงดูดเสียงอุทานของกลุ่มผู้ชายที่อยู่ห่างออกไป“เชี่ย! เซมาราติ รถคันนี้เป็นของเจ้าพ่อคนไหนกัน!”“นี่เป็นถิ่นของคุณชายตู้ ก็ต้องเป็นของคุณชายตู้ไหม?”“เจ๋งไปเลย ท้องรถต่ำมากเลย!”หลังจากคำชมที่กลุ่มผู้ชายมีต่อรถมาเซราติ หลงเสี่ยวจวิ้นที่ยืนนำหน้าพวกผู้ชายก็มีสีหน้าอิจฉาเช่นกันแต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ เขาเบะปากพูด:“อีกไม่กี่วันพ่อของฉันก็จะเปลี่ยนรถแล้ว ถึงแม้จะด้อยกว่ารถคันนี้นิดหน่อย แต่ก็ด้อยกว่าไม่เยอะเท่าไหร่ อีกไม่กี่วันฉันจะขับออกมาให้พวกนายดู”“สุดยอด ไม่เสียแรงที่เป็นพี่เสี่ยวจวิ้น!”“เพียงแต่ถึงเวลาพวกเรากลัวว่าจะไม่ได้นั่งน่ะสิ คงจะเตรียมเอาไว้ให้จื่อเสวียน”“หึหึ...”ได้ยินคำเยินยอของผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ หลงเสี่ยวจวิ้นก็เกิดความภาคภูมิใจอย่างมากในทันที“แน่อยู่แล้ว...”วินาทีต่อมา หลงเซียวจวิ้นเงยหน้าขึ้น เห็นคนที่คุ้นเคยอ
ไปสับมือของหลินเฟิง ไม่ต้องพูดว่าเขามีความสามารถนี้หรือไม่ ต่อให้มีเขาก็ไม่กล้าหรอกนะ!ขณะคิด คุณชายตู้ก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อ สะบัดฝ่ามือตบไปที่บนใบหน้าของหลงเสี่ยวจวิ้นเสียงก้องดัง “เพียะ”คุณชายตู้ชี้หน้าด่าทอไปทางหลงเสี่ยวจวิ้นที่กำลังมึนงงและล้มอยู่บนพื้น:“นายรู้ไหมว่าคุณหลินเป็นใครกัน? นายที่เป็นแค่เศษสวะ ยังอยากจะต่อกลอนกับคุณหลินงั้นเหรอ?”“แกเป็นใคร นับประสาอะไรวะ?”“ต่อไปถ้าหากนายยังกล้าพูดจาไม่สุภาพเกรงใจต่อคุณหลินอีก ฉันเห็นนายกี่ครั้งก็จะตีนายเท่านั้น รีบไสหัวไปซะ!”“อย่ามาสร้างความสกปรกในสายตาของฉัน!”หลังจากด่าทอเสร็จ เขายังรู้สึกไม่สะใจ จึงถีบไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นจนล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ขากเสลดถุยไปที่ใบหน้าของเขา และหันหลังเดินกลับไปที่ร้านเหล้า“ฮะนี่มัน...”ไม่ไกลนัก เมื่อมองเห็นเสี่ยวหลงจวิ้นถูกคุณชายตู้เหยียดหยามและกระทืบ พวกผู้ชายเผยสีหน้าที่กระอักกระอ่วนออกมาอย่างมากพวกผู้หญิงก็วิพากษ์วิจารณ์และรู้สึกรังเกียจอย่างถึงที่สุด“คุณว่า...”ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นพู้กับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เสียงเบา: “มีความเป็นไปได้ไหมว่า คุณหลินคนนั้นก็คือบุคคลที่มีชื่อเสียง ค
เห็นหลินเฟิงใบหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา และนอนหนุนแขนทั้งสองข้างอยู่บนเตียงอวี๋จื่อเสวียนกลอกตามองบน จากนั้นคุกเข่าพูดเสียงที่ข้างหูของหลินเฟิง: “เฮ้ย! คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า?!”“ได้ยินแล้ว”หลินเฟิงแคะหู จากนั้นพลิกตัวหันหลังให้อวี๋จื่อเสวียนด้วยความจนปัญญา และพูดแบบขอไปที:“ได้ ฉันพอใจอย่างมาก ฝึกต่อไป พยายามเข้าสู้ ๆ”“ดังนั้น เธอออกไปได้แล้วยัง?”นี่คือห้องของฉัน”“นี่ยังเป็นบ้านของฉันนะ! คุณพูดแล้วไม่ใช่เหรอฝึกกำลังภายในออกมาได้ก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉัน?”“เธอยังด้อยอีกเยอะเลย”หลินเฟิงโบกมือ เหมือนกับกำลังไล่ยุง“นี่คุณเป็นอะไร? ทำไมถึงรังเกียจฉันแบบนี้?”อวี๋จื่อเสวียนมือเท้าเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห“ตรงไหนกัน?”หลินเฟิงพูดด้วยความกลัดกลุ้ม:“ฉันพูดหน่อย เธออย่าพูดอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้ไหม?” ถึงแม้ฉันจะไม่ใส่ใจกับชื่อเสียงนัก แต่ก็ยังต้องการศักดิ์ศรีอยู่”“ฮะ?”เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะตั้งตัวได้ จากนั้นเริ่มครุ่นคิดถึงตอนที่หลินเฟิงเดินเข้าประตูมาว่าเธอพูด ะไรเมื่อนึกขึ้นมาได้แล้วอวี๋จื่อเสวียนใบหน้าแข็งทื่อ และพูดอย่างไม่
“ช่างเถอะ”เขาส่ายหน้าอันที่จริงแล้วหลินเฟิงไม่อยากสอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอสักเท่าไหร่ ในเมื่อภายในร่างกายของเธอมีตราประทับสายบู๊อยู่ มีคนในครอบครัวกัดกันการย่างเข้าสู่ทางบู๊ของเธอคนผู้นั้น เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นอาอวี๋ หรือเป็นแม่ของอวี๋จื่อเสวียนแต่ต้านพรสวรรค์ที่โดดเด่นของอวี๋จื่อเสวียนไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะพึ่งพาตัวเองจนฝึกกำลังภายในออกมาได้ เอาชนะตราประทับบู๊ได้อันที่จริงหลินเฟิงเป็นคนที่ชื่นชอบคนที่มีพรสวรรค์“รวบรวมกำลังภายในไปที่จุดหยางฉือ ในตอนที่ปล่อยหมัดก็ปล่อยกำลังภายในออกมาโดยจุดจงจู่ กับจุดเหอกู่รวมเป็นเสี่ยวโจวเทียน(การนั่งสมาธิขั้นสูงแบบลัทธิเต๋า)”“นี่ก็คือหมัดกระตุ้นสวรรค์ หนึ่งในศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่สุด”หลินเฟิงยังพูดไม่จบ นี่คือหนึ่งในวิชาหมัดพื้นฐานที่พวกเขาเรียนรู้จากสำนักเสวียนเทียน“ออกไป!”หลินเฟิงแสดงให้อวี๋จื่อเสวียนผ่าน ๆเห็นเพียงหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป กลับมีเสียงระเบิดดังเกิดขึ้น และระเบิดแอปเปิ้ลหนึ่งลูกที่วางอยู่บนโต๊ะจนเละ“เจ๋งมากเลย!”อวี๋จื่อเสวียนมีกำลังภายใน ก็ถือว่าเป็นครึ่งของผู้เชี่ยวชาญแล้วเห็นหลินเฟิงมีฝีมือแบบนี
หลินเฟิงเหลือบมองหลานเฟย เห็นหลานเฟยพยักหน้า หลินเฟิงถึงได้เดินเข้าไปรับไว้ จากนั้นก็มองไปทางอู๋เยว่เซี๋ยด้วยความงุนงงเล็กน้อย“เอาล่ะ ในเมื่อนายรับเช็กใบนี้เอาไว้แล้ว งั้นก็แสดงว่านายรับข้อเสนอของตระกูลถังแล้ว ไปเถอะ ฉันทนอยู่ที่รังหนูแบบนี้แม้แต่นาทีเดียวต่อไปไม่ได้แล้ว”ขณะพูด อู๋เยว่เซี๋ยก็โบกมือ บอกให้หลานเฟยไปขับรถ“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นทั้งสองคนจะกลับไป หลินเฟิงก็เข้าไปขวางทางตรงหน้าของพวกเธอ จากนั้นพูดอย่างงุนงง: “เงื่อนไขของตระกูลถังอะไร? ทำไมผมไม่รู้? อีกอย่าง...”หลินเฟิงมองดูเช็กที่มีเลขศูนย์ทอดยาว และโบกไปมา: “นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอ? แม่เจ้า สมองทึ่มจริง ๆ”อู๋เยว่เซี๋ยกลอกตาพูด: “เช็กเงินห้าพันล้านบาทที่อยู่ในมือของนาย เอาเช็กใบนี้ไปแล้วก็อย่ามารบกวนถังหว่านของเราอีก”“เป็นอย่างไรบ้าง? พอใจแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดของอู๋เยว่เซี๋ย หลินเฟิงมองไปทางหลานเฟยด้วยความโมโห และถามว่า: “หลานเฟย นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ”หลานเฟยถอนหายใจอย่างจนปัญญาเธอพูดว่า: “คุณหลินเฟิง คุณหนูถังหว่านตัดสินใจที่จะแต่งงานกับคุณชายหลงยวนของตร