“ช่างเถอะ”เขาส่ายหน้าอันที่จริงแล้วหลินเฟิงไม่อยากสอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอสักเท่าไหร่ ในเมื่อภายในร่างกายของเธอมีตราประทับสายบู๊อยู่ มีคนในครอบครัวกัดกันการย่างเข้าสู่ทางบู๊ของเธอคนผู้นั้น เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นอาอวี๋ หรือเป็นแม่ของอวี๋จื่อเสวียนแต่ต้านพรสวรรค์ที่โดดเด่นของอวี๋จื่อเสวียนไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะพึ่งพาตัวเองจนฝึกกำลังภายในออกมาได้ เอาชนะตราประทับบู๊ได้อันที่จริงหลินเฟิงเป็นคนที่ชื่นชอบคนที่มีพรสวรรค์“รวบรวมกำลังภายในไปที่จุดหยางฉือ ในตอนที่ปล่อยหมัดก็ปล่อยกำลังภายในออกมาโดยจุดจงจู่ กับจุดเหอกู่รวมเป็นเสี่ยวโจวเทียน(การนั่งสมาธิขั้นสูงแบบลัทธิเต๋า)”“นี่ก็คือหมัดกระตุ้นสวรรค์ หนึ่งในศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่สุด”หลินเฟิงยังพูดไม่จบ นี่คือหนึ่งในวิชาหมัดพื้นฐานที่พวกเขาเรียนรู้จากสำนักเสวียนเทียน“ออกไป!”หลินเฟิงแสดงให้อวี๋จื่อเสวียนผ่าน ๆเห็นเพียงหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป กลับมีเสียงระเบิดดังเกิดขึ้น และระเบิดแอปเปิ้ลหนึ่งลูกที่วางอยู่บนโต๊ะจนเละ“เจ๋งมากเลย!”อวี๋จื่อเสวียนมีกำลังภายใน ก็ถือว่าเป็นครึ่งของผู้เชี่ยวชาญแล้วเห็นหลินเฟิงมีฝีมือแบบนี
หลินเฟิงเหลือบมองหลานเฟย เห็นหลานเฟยพยักหน้า หลินเฟิงถึงได้เดินเข้าไปรับไว้ จากนั้นก็มองไปทางอู๋เยว่เซี๋ยด้วยความงุนงงเล็กน้อย“เอาล่ะ ในเมื่อนายรับเช็กใบนี้เอาไว้แล้ว งั้นก็แสดงว่านายรับข้อเสนอของตระกูลถังแล้ว ไปเถอะ ฉันทนอยู่ที่รังหนูแบบนี้แม้แต่นาทีเดียวต่อไปไม่ได้แล้ว”ขณะพูด อู๋เยว่เซี๋ยก็โบกมือ บอกให้หลานเฟยไปขับรถ“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นทั้งสองคนจะกลับไป หลินเฟิงก็เข้าไปขวางทางตรงหน้าของพวกเธอ จากนั้นพูดอย่างงุนงง: “เงื่อนไขของตระกูลถังอะไร? ทำไมผมไม่รู้? อีกอย่าง...”หลินเฟิงมองดูเช็กที่มีเลขศูนย์ทอดยาว และโบกไปมา: “นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอ? แม่เจ้า สมองทึ่มจริง ๆ”อู๋เยว่เซี๋ยกลอกตาพูด: “เช็กเงินห้าพันล้านบาทที่อยู่ในมือของนาย เอาเช็กใบนี้ไปแล้วก็อย่ามารบกวนถังหว่านของเราอีก”“เป็นอย่างไรบ้าง? พอใจแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดของอู๋เยว่เซี๋ย หลินเฟิงมองไปทางหลานเฟยด้วยความโมโห และถามว่า: “หลานเฟย นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ”หลานเฟยถอนหายใจอย่างจนปัญญาเธอพูดว่า: “คุณหลินเฟิง คุณหนูถังหว่านตัดสินใจที่จะแต่งงานกับคุณชายหลงยวนของตร
เธอรู้ว่า ความสามารถของหลินเฟิงไม่ใช่ว่าเธอ และบอดี้การ์ดเหล่านี้ที่อู๋เยว่เซี๋ยพามาจะสามารถตีเสมอได้ถ้าหากทำให้หลินเฟิงโมโห งั้นพวกเธอก็จะเดือดร้อนเป็นอย่างมากหลานเฟยพูดขอร้องอย่างยากลำบาก: “คุณหลินเฟงิ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพวกเราจะสามารถตัดสินใจได้ ฉันได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า...”“นี่คือสิ่งที่คุณได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วงั้นเหรอ?!”หลินเฟิงใบหน้าโกรธเกรี้ยว จากนั้นชี้ไปที่อู๋เยว่เซี๋ยที่หน้าซีดขาว“ดีมาก! พี่หลินเฟิง กระทืบแม่มดแก่ตาบอดคนนั้นซะ!”ในตอนนี้ บนตึกด้านหลังมีเสียงร้องเชียร์ของอวี๋จื่อเสวียนดังขึ้นที่แท้เธอมองดูอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด“แกด่าใครว่าแม่มดแก่? อีสัตว์เดียรัจฉาน!”เสียงด่าของอวี๋จื่อเสวียนเหมือนกับสัมผัสโดนจุดระเบิดของอู๋เยว่เซี๋ย เธอเกลียดที่คนอื่นต่อว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเธอมากที่สุด เธอมือเท้าเอวด่าอวี๋จื่อเสวียนอย่างสาดเสียเทเสีย ตอนนี้เธอเหมือนกับผู้หญิงปากร้ายอย่างถึงที่สุด“ทุกคนใจเย็นๆ หน่อย!”หลานเฟยยืนออกมา เธอรู้ว่าวันนี้คงจะเจรจาไม่สำเร็จแล้ว เพราะเมื่อดูแบบนี้แล้ว หลินเฟิงไม่คิดที่จะยอมแพ้ด้วยซ้ำและถ้าหากว่าปล่อยให้สถานการณ์ดำเนิ
เขายังไม่ทันได้เข้าประตู ก็ถูกชาวบ้านละแวกใกล้ ๆ ดึงเอาไว้ด้วยสีหน้าที่มีลับลมคมนัยป้าข้างบ้านดึงเขาเข้าไปในมุมซอกซอย และเล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินในวันนี้ให้ฟัง“อะไรนะ? คุณบอกว่าจื่อเสวียนตั้งครรภ์ลูกของคนอื่นงั้นเหรอ?!” ข่าวนี้ทำให้อาอวี๋ตกตะลึงจนแทบจะยืนไม่มั่นคง“แถมยังเป็นลูกคนรวยด้วยนะ ขับรถมาเซราติ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร!”อาอวี๋โมโหจนปอดแทบจะระเบิดโดยเฉพาะในตอนที่เขาเห็นรถมาเซราติคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านของตัวเอง เขาก็ยิ่งโมโหจนแทบระเบิดตั้งแต่แม่ของจื่อเสวียนตายไป จื่อเสวียนก็เป็นสายใยเพียงหนึ่งเดียวของอาอวี๋ ความอ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรีหลายปีมานี้ จำทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เพื่ออะไรกัน?ไม่ใช่เพราะอยากให้จื่อเสวียนเติบโตมาอย่างราบรื่นงั้นเหรอ?ผลปรากฏว่าเธอเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ ก็ตั้งครรภ์ลูกของคนเสเพลที่ข้างนอกแล้วงั้นเหรอ?นี่ทำให้อาอวี๋ไม่สามารถยอมรับได้ความโมโหที่อดกลั้นมาหลายปีนี้เกือบจะทำให้เขาสูญเสียสติ“หือ?”แต่ในตอนที่เขาเข้ามาในลานบ้านของตัวเอง กลับพบเห็นความผิดปกติรถยนต์หงฉีคันหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ที่ข้างกำแพงอยู่แบบนั้น คุณหลินกลับยืนอ
หลินเฟิงขับรถมาเซราติที่ตู้ไหวมอบให้ไปรับลมกับอวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยก็กลับมาถึงที่ในบ้านของตัวเองแล้วเขาวิ่งกลับไปทางห้องนอนของพ่อด้วยความรีบร้อน และก็ได้เจอกับจีหาวลูกชายของจีอวิ๋นเทียนพี่ชายของตัวเองเด็กที่อายุประมาณหกขวบนั่งอยู่ที่หน้าประตู เล่นปืนฉีดน้ำอยู่กับคนรับใช้ เมื่อเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยเข้ามา เขากลับหันเป้าหมายของปืนฉีดน้ำมาที่ตนเอง และฉีดไปที่ใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยถูกฉีดจนเต็มไปด้วยน้ำ เสื้อผ้าก็เปียกชื้น จีหาวตบขาแล้วหัวเราะเสียงดัง จากนั้นชี้จีอวิ๋นเจี๋ย ใช้โคลงกาพย์กลอนพูดเยาะเย้ย:“จีอวิ๋นเจี๋ย มั่วโลกีย์ เรียกพ่อของฉันว่าปู่”“เรียกปู่เรียกได้สนิทสนมขนาดนี้ นายเรียกฉันว่าพ่อ จะได้ไหม?”“นาย!”จีอวิ๋นเจี๋ยจับผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง และมองเด็กเกเรคนนี้ด้วยความโมโหได้ยินคำพูดเยาะเย้ยที่ไม่ไว้หน้ากันจากปากของเด็กเวรคนนี้ เขาอยากจะเข้าไปตบหน้าเด็กเกเรคนนี้แรงๆ สักสองครั้งแต่เขาทำไม่ได้นี่คือลูกของพี่ชายของเขา ถ้าเขากล้าแตะต้อง งั้นเขาก็อาจจะต้องถูกพี่ชายของตัวเองกระทืบอย่างรุนแรง“หึ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”เด็กเกเรโยนปืนฉีดน้ำทิ้ง และหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งส่วนจีอวิ๋นเจี๋ยก็ลูบของเหลวที่อยู่บนใบหน้าของตัวเอง ความร้อนบางอย่าง และกลิ่นที่ยากจะบรรยายออกมาได้ลอยเข้ารูจมูกของเขาในทันทีเขามองเด็กเกเรคนนั้นที่มีสีหน้าลำพองใจด้วยท่าทีที่บ่งบอกว่านายจะทำอะไรฉันได้ เขากำหมัดของตัวเองจนเสียงดังกรอบแกร่บ“อวิ๋นเจี๋ย นายจะทำอะไร?!”“หรือว่านายยังจะลงมือต่อหลานชายของนาย ต่อหน้าคุณพ่อหรือไง?”“นายใจกล้ามากเลยนะ!”เมิ่งหย่าเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยกำหมัดแน่น จึงรีบตะโกนขึ้นเสียงดัง“ผม...ผมเปล่า”จีอวิ๋นเจี๋ยคลายกำปั้นของตัวเองออกด้วยความหงอยเหงาส่วนเด็กเกเรที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะด้วยความกำเริบเสิบสานยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นที่ยังใช้หมัดของตัวเองต่อยไปที่หัวเข่าของเขา ต่อยไปด้วยหัวเราะพูดไปด้วยว่า:“อารอง อาเปลี่ยนไปใจกล้ามากเลยนะ ทำไมเห็นพ่อของผมแล้วไม่คุกเข่าล่ะ?”“หาวเอ่อร์”จีอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วและพูดขึ้น“ทำไมเหรอพ่อ?”จีอวิ๋นเจี๋ยยังคิดว่าพี่ใหญ่ของตัวเองจะห้ามปราม แต่คิดไม่ถึงว่าจีอวิ๋นเทียนเพียงแค่ขมวดคิ้วพูดว่า:“ลูกไปแตะต้องเขาทำไม? หรือว่าไม่รังเกียจบ้
“พิษร้ายระดับนี้ไม่ใช่ว่าทั่วไปจะสามารถหามาได้”จีอวิ๋นเทียนส่งสายตาสงสัยของตัวเองไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย แล้วพูดอย่างเย็นชาดุดัน: “พ่อของผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมา มีชื่อเสียงด้านการผูกมิตร ไม่มีใครที่จะมีโอกาสวางยาพ่อของผมได้”“มีเพียงจีอวิ๋นเจี๋ย”จีอวิ๋นเจี๋ยพูดอย่างเด็ดขาด:“เมื่อวานพ่อของผมเป็นเพราะเรื่องความสงบในแก๊ง อยู่ด้วยกันตามลำพังกับอวิ๋นเจี๋ยชั่วโมงกว่าๆ ผมคิดว่า อวิ๋นเจี๋ยต้องวางยาในเวลานั้น!” “นายมีหลักฐานไหม?”จีว่านหลัวเหลือบตามองลูกชายคนโตของพี่ชายเขาไม่ใช่คนโง่ในหมู่ตระกูลจี คนที่ทะเยอทะยานมากที่สุดก็คือจีอวิ๋นเทียนลูกชายคนโตของพี่ชายกลับกันนั้นเป็นจีอวิ๋นเจี๋ย ปกติทำตามความคิดเห็นของคนอื่นมาโดยตลอด ไม่กล้าล่วงเกินไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่รู้สึกว่าจีอวิ๋นเจี๋ยจะทำเรื่องแบบนี้ได้กลับกันนั้นน่าจีอวิ๋นเทียนน่าสงสัยมากที่สุด“ผม…ผมไม่ได้วางยาทำร้ายคุณพ่อ ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”“พี่ พี่อย่าใส่ความคนดีนะ”จีอวิ๋นเจี๋ยฝืนพูดโต้กลับ“หึ? นายยังกล้าเถียงอีกเหรอ?”จีอวิ๋นเทียนเผยสีหน้าโมโหออกมา เหมือนว่าวินาทีต่อมาจะลงมือสั่งสอนจีอวิ๋นเจี๋ย“ไอ้ตุ๊ด ยังก
“เรื่องสำคัญในตอนนี้ ก็คือหาคนมาช่วยพ่อของนายก่อน ฉันได้ส่งคนไปเชิญหมอเทวดาเลี่ยวของเมืองจิงแล้ว อีกเดี๋ยวเขาคงจะมาถึงแล้ว”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของอารองของตัวเอง จีอวิ๋นเทียนถึงได้สะบัดคอเสื้อของน้องชายตัวเองอย่างแรง และตะโกนเสียงต่ำ: “ถือว่านายโชคดีไป!”จีอวิ๋นเจี๋ยโซซัดโซเซไปหลายก้าว ในใจกลับรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมาก“วางใจเถอะ ยังไงซะพี่ใหญ่ของฉันก็เป็นยอดฝีมือแดนแปรภาพ”“เพียงแค่เขาฟื้นคืนสติกลับมา ใครเป็นคนวางยา และโดนยาพิษได้อย่างไร ฉันคิดว่า เขารู้ดียิ่งกว่าใคร”พูดถึงตรงนี้ จีว่านหลัวก็กวาดสายตาไปมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และพูดอย่างเย็นชา:“ถ้าหากคนที่วางยาเป็นหนึ่งในพวกคุณ ฉันจีว่านหลัวไม่มีทางออมมือเด็ดขาด ลอบฆ่าผู้นำตระกูล มีความผิดมหันต์ จะใช้กฎประจำบ้านโดยตรง!”ได้ยินคำพูดของจีว่านหลัว เมิ่งหย่านิ้วมือสั่นเทา เผยสีหน้าที่ผิดปกติออกมาเล็กน้อยและแอบเหลือบมองจีอวิ๋นเทียนส่วนจีอวิ๋นเทียนกลับแอบพยักหน้าให้กับเธอ บอกให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องนี้ไม่มีทางมีช่องโหว่อย่างแน่นอนในเมื่อนายท่านถูกพิษอะไร ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาต้นน้ำค้างแข็งเฉียนหยวนชื่อนี้เหมือนกับช
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี
หลินเฟิงตามกลุ่มคนตระกูลเฝิงมาที่ตึกเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังตรงสวนหลังบ้าน ยังไม่ได้เข้าประตู หลินเฟิงก็เห็นหมอเทวดาเลี่ยวที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งติดตามมาเขาไม่ได้เข้าไปทักทาย แต่ยืนอยู่นอกกลุ่มคนเพราะว่าผู้คุ้มกันของตระกูลเฝิงสองคนจับตาดูเขาอยู่ตลอดพวกเขาสองคนอนุญาตให้หลินเฟิงรออยู่ตรงนี้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเมื่อเฝิงอวี้อู่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงและอำนาจมากที่สุดในตระกูลเฝิงพวกเขาได้ยินมานานแล้วว่า สภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของคุณชายเฝิงอวี้อู่ในตอนนี้ เป็นฝีมือของหลินเฟิงถึงแม้หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนวางยา และหลินเฟิงก็ชี้แจงแล้วว่า เขาไม่ใช่คนชั่วช้าต่ำทรามที่ใช้แผนลวงทำร้ายคนอื่นแต่ความโมโหแบบนี้ยังคงมีอยู่และยิ่งเป็นคนชั้นล่างของตระกูลเฝิง ผลกระทบแบบนี้ก็ยิ่งมีมากดังนั้นเหล่าผู้คุ้มกันตระกูลเฝิง จึงยังคงมีท่าทางไม่เป็นมิตรต่อหลินเฟิงเป็นอย่างมากถึงขั้นที่มีลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงจำนวนมากขยับเข้ามา อยากจะประลองฝีมือกับหลินเฟิง ลองดูว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ หรือไม่ถ้าหากไม่ได้ผู้คุ้มกันตระกูลเฝิงขวางไว้ ตรงนี้คงเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้นตั้งนานแล
“ง่ายมาก”หลินเฟิงยืดอก พูดด้วยความมั่นใจว่า:“ผมช่วยแก้พิษให้เฝิงอวี้อู่ ส่วนคุณ บอกเบาะแสะของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊กับผม เป็นยังไง?”“พรวด”คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงเพิ่งพูดแบบนี้จบ เฝิงหลีที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะออกมาเขามองไปทางหลินเฟิงด้วยความเยาะหยันและพูดว่า:“คุณหลินคนนี้ คุณคงไม่ได้คิดว่าพวกเราโง่เหมือนกับคุณหรอกนะ? ใครจะเชื่อคำพูดไร้สาระของคุณได้?”“ผมได้พูดกำชับหลายครั้งแล้วว่า ยาโลหิตปลิดชีพเป็นยาพิษพิเศษของสำนักร้อยพิษ ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเราแก้พิษก็ไม่มีทางแก้ได้”“ส่วนคุณพูดจาโอ้อวดอยู่ตรงนี้ ไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าลิ้นบ้างเหรอ?”เผชิญหน้ากับการเยาะหยันของเฝิงหลี หลินเฟิงไม่ได้รู้สึกโกรธเพียงแค่ส่ายหน้าช้าๆ พูดว่า:“ผู้นำตระกูลเฝิง ผมมองออกถึงความลำบากใจของคุณ”“ไม่สู้เอาแบบนี้ คุณพาผมไปพบเฝิงอวี้อู่ตอนนี้ รักษาหายไม่หาย ก็คิดบัญชีกับผมได้”“ถ้าหากรักษาหาย คุณก็บอกเบาะแสของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊กับผม แต่ถ้าหากรักษาไม่หาย...ผมก็จะติดเชื้อพิษ และก็จะต้องตายเพราะคำพูดโอ้อวดของผม”“เป็นยังไง?”ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองของหลินเฟิง เฝิงชางนิ่งอึ้งเล็กน้อย
“ขู่นายนี่แหละ จะทำไม?”เฝิงเอ้อก็ไม่เสแสร้งแล้ว เขาชักดาบสะท้อนแสงเล่มใหญ่ออกมาจากด้านหลัง ฟันไปบนโต๊ะเสียงดังปึง จ้องมองหลินเฟิงด้วยความดุดันและพูดอย่างโมโหว่า:“วันนี้ถ้านายพูดไม่ชัดเจน นายก็อย่าได้คิดจะออกจากตระกูลเฝิงเลย!”“พรวด...”ในตอนที่บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนไปตึงเครียดเฝิงหลีที่อยู่ข้างๆ กลับหลุดหัวเราะออกมากระทันหัน“นายหัวเราะอะไร?!”เฝิงเอ้อไม่พอใจอย่างมากเป้าหมายที่เขาข่มขู่หลินเฟิงแบบนี้ ก็เพราะไม่อยากให้ไอ้หมอนี่สมหัวงถ้าหากสามารถได้รับวิธีการรักษาอวี้อู่จากตัวหลินเฟิง งั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ออกไปแล้วเมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มพันธมิตรบู๊แล้วและก็ไม่ต้องทิ้งจุดอ่อนเอาไว้แต่ทว่าแม้แต่เรื่องที่แม้แต่เฝิงเอ้อยังสามารถคิดได้ เฝิงหลีจะคิดไม่ได้ได้อย่างไร?เขากวาดตามองหลินเฟิงด้วยความเหยียดหยาม และก็มองไปทางเฝิงเอ้ออีกครั้ง:“ฉันว่านะพี่รอง ฉันเคยพูดไว้แล้ว พิษที่อวี้อู่โดนคือยาโลหิตปลิดชีพ พิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก”“บนโลกนี้แล้ว นอกจากผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ ก็ไม่มีใครสามารถแก้พิษนี้ได้แล้ว”“ไอ้ห
“ที่คุณหลินพูดถึง ไม่ทราบว่ารับการไหว้วานมาจากใคร? ตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ทำไม?”ตอบกลับด้วยคำถามง่ายๆเตะบอลกลับมาที่เท้าของหลินเฟิงใหม่อีกครั้ง“ได้รับการไหว้วานจากพ่อของผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ สำหรับเรื่องที่ตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ทำไมนั้น...”หลินเฟิงหยุดชะงัก ในหัวครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และยิ้มบางพูดว่า:“ตอนเด็กผมเคยมีหมั้นหมายกับผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่มาตามหาในวันนี้ เพื่อให้การหมั้นหมายเสร็จสมบูรณ์”“หือ?”เฝิงชางนิ่งอึ้งเล็กน้อยผู้นำของกลุ่มพันธมิตรบู๊มีหมั้นหมายแล้วงั้นเหรอ? ภายในกลุ่มพันธมิตรบู๊ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่พูดจาซี้ซั้วหรอกนะ?เฝิงชางหรี่ตาลง ในใจครุ่นคิดไม่หยุดส่วนทางด้านหลินเฟิงเขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล หาสถานะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพื่อที่จะให้เขาตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรไม่อย่างนั้นคุณจะเข้ายุ่งเรื่องภายในของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้อย่างไร?ในตอนนี้เอง หลินเฟิงก็มีข้ออ้างแล้วหยินหลิงเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรของพวกคุณ เป็นเรื่องภายในของกลุ่มพันธมิตรบู๊ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ฉันตามหาคู่หมั้นของตัวเอง มีปัญหาไ
ตอนที่หลินเฟิงขับรถมาถึงที่จวนตระกูลเฝิงเมืองหนิงโจวก็ดึกแล้วภายใต้การนำทางของคนรับใช้ เขามองดูคฤหาสน์สไตล์โบราณของตระกูลเฝิง ในใจกลับเกิดความแปลกใหม่เล็กน้อยตระกูลเฝิงนี้เป็นตระกูลบู๊โบราณจริงๆ ด้วยแม้แต่การตกแต่งคฤหาสน์ก็ยังเป็นสไตล์โบราณ ศาลาและอาคาร ถึงขั้นยังสามารถมองเห็นภูเขาน้ำพุปลอม และบ่อปลาใต้ทางเดินได้ด้วย มีน่าสนใจอยู่นิดหน่อยหลินเฟิงถูกคนรับใช้ของตระกูลเฝิงจัดแจงอยู่ที่ห้องรับแขกแถมยังเสิร์ฟชาให้กับเขาแก้วหนึ่งการต้อนรับอย่างสมเกียรติแบบนี้หลินเฟิงคิดไม่ถึง เดิมคิดว่าตระกูลเฝิงจะมาคิดบัญชีกับเขาโดยตรงไม่นานนัก หลินเฟิงก็ได้เห็นกับคนคุ้นเคยเห็นเพียงแค่เฝิงไฉ่เซวียนที่สวมชุดฝึกวิชาที่รัดรูปเดินเข้ามา แวบแรกที่เขาเห็นหลินเฟิงก็นิ่งอึ้งครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกตะลึงว่า:“คุณจริงๆ ด้วย คุณ...คุณมาที่ตระกูลเฝิงของฉันได้ยังไง?”“หรือว่า...”เธอสีหน้าซีดเซียว ยังคิดว่าหลินเฟิงมาคิดบัญชีกับตระกูลเฝิงของเธอในเมื่อจากมุมมองของเธอหลินเฟิงถูกคนของตระกูลเฝิงไปก่อความวุ่นวายที่บริษัทอย่างไม่มีเหตุผลก่อน หลังจากนั้นถูกตระกูลเฝิงกับตระกูลสยงใส่ความ จากนั้นก็ถูกบังคั
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเฝิงเอ้อน้องชายคนรองแสดงความคิดเห็นที่ไม่ดีต่อเขาขนาดนี้อีกทั้งเมื่อเฝิงหลีควบคุมอำนาจทั้งตระกูลเฝิงก็จะตกไปอยู่ในอ้อมกอดของสำนักร้อยพิษโดยสิ้นเชิงตกไปเป็นหนูทดลองของสำนักร้อยพิษดังนั้นต่อให้ครั้งนี้เฝิงหลียินยอม สีหน้าของเฝิงชางยังคงไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่นิด“พี่ใหญ่ ไม่สู้พวกเรารับปากดีไหม?”เฝิงเอ้อมองไปทางพี่ใหญ่ของตัวเองและพูดอย่างร้อนใจ:“เพียงแค่ไม่เป็นหมาให้สำนักร้อยพิษ ให้พวกเขารักษาอวี้อู่หายก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”“ไร้เดียงสา”เฝิงชางเหลือบมองเฝิงเอ้อน้องรองของตัวเอง และส่ายหน้าพูดว่า:“นายคิดจริงๆ เหรอว่าเฝิงหลีมาช่วยพวกเรา?”เขาหัวเราะเยาะพูดอีกว่า:“ถ้าหากพวกเรามอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ออกไปให้สำนักร้อยพิษตอนนี้ นายคิดดูสิ ถ้าหากทางด้านกลุ่มพันธมิตรบู๊รู้เรื่องนี้ ต่อไปสถานการณ์ของพวกเราตระกูลเฝิงจะเป็นยังไง?”“อ๊ะ!”เฝิงเอ้อตบหน้าขาของตัวเอง และมองไปทางเฝิงหลีด้วยความโมโหอย่างมาก:“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนชั่วอย่างแกไม่ได้หวังดี!”“ไม่ไม่ไม่”เฝิงหลีส่ายหน้ายิ้มพูดว่า:“พี่ใหญ่ ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษเคยบอกไว้แล้ว”“อันที่จริ
“อวี้อู่เป็นถึงอันดับสองของลำดับสวรรค์นะ!”ชายร่างใหญ่ร้อนใจจนหัวปั่น:“พี่ใหญ่ นี่คือลูกชายของพี่นะ!”“พี่คิดดูให้ดี ถ้าหากต่อไปอวี้อู่เติบโตขึ้นมา ตระกูลเฝิงของเราอย่าว่าแต่จะกลายเป็นตระกูลร่ำรวยของหัวตงเลย แม้แต่เข้าสู่เมืองจิงก็ไม่ใช่ปัญหาเลย!”“ฉันรู้”เฝิงชางถอนหายใจออกมา“แต่ตอนนี้นอกจากสำนักร้อยพิษ ยังมีใครที่สามารถช่วยอวี้อู่ได้อีก?”“ถ้าหากพวกเรายอมรับเงื่อนไขของสำนักร้อยพิษ เช่นนั้นการฝึกวิทยายุทธและการต่อสู้หลายชั่วคนนับร้อยปีของพวกเราตระกูลเฝิง ก็จะมลายหายไป”เฝิงชางจ้องมองน้องชายของตัวเองอย่างเย็นชาและพูดว่า:“ถึงเวลา สำนักร้อยพิษก็จะควบคุมตระกูลเฝิงของเราอย่างสิ้นเชิง แบบนี้ยังไม่เหมือนกับกลุ่มพันธมิตรบู๊”“กลุ่มพันธมิตรบู๊เป็นเพียงแค่องค์กรที่หละหลวง แต่สำนักร้อยพิษ...คนตระกูลเฝิงของเราก็จะตกไปเป็นหนูทดลองของสำนักร้อยพิษโดยสิ้นเชิง!”“เพื่ออวี้อู่คนเดียว เสียสละคนตระกูลเฝิงจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าหากนายเป็นผู้นำตระกูล นายสามารถทำการตัดสินใจแบบนี้ได้งั้นเหรอ?”“พี่ใหญ่ พี่พูดมีเหตุผลจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่า...”ชายร่างใหญ่อยากจะย้อนแย้ง แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะย้อน
ชายร่างใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังจะชี้หน้าด่าทอพี่ชายของตัวเองแต่ประโยคที่เรียบง่ายของเฝิงชางในตอนนี้ ทำให้ชายร่างใหญ่มีหนวดเครานิ่งอึ้งทันที“หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊อยู่ที่จวนของเรา”“อะไร? หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊? พี่หมายถึง...”“อืม”จ้องมองสีหน้าเหลือเชื่อของน้องชายตัวเอง เฝิงชางพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก วิทยายุทธถูกทำลายจนแทบหมดไป”เฝิงชางพูดต่อ“งั้น...ชีพจรมังกร...”“ชีพจรมังกรไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว”คำพูดของเฝิงชางทำให้ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา“ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ก็มีความคิดที่เหมือนกันกับนาย”เฝิงชางพูดอย่างเรียบเฉย:“แต่ก่อนหน้านี้ เธอได้มอบชีพจรมังกรออกไปแล้ว อีกทั้งนักบู๊จำนวนร้อยกว่าคนที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาในครั้งนี้ ในกลุ่มพวกเขามีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพช่วงกลางจำนวนมาก ได้เสียชีวิตทั้งหมด”“มีเพียงแค่เธอที่ยืนหยัดลมหายใจสุดท้ายหนีออกมา”เฝิงชางสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า:“ฉันสามารถมองออกได้ว่า ชีพจรมังกรเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงของเราจะเกี่ยวข้องได้”“บา