หลินเฟิงขับรถมาเซราติที่ตู้ไหวมอบให้ไปรับลมกับอวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยก็กลับมาถึงที่ในบ้านของตัวเองแล้วเขาวิ่งกลับไปทางห้องนอนของพ่อด้วยความรีบร้อน และก็ได้เจอกับจีหาวลูกชายของจีอวิ๋นเทียนพี่ชายของตัวเองเด็กที่อายุประมาณหกขวบนั่งอยู่ที่หน้าประตู เล่นปืนฉีดน้ำอยู่กับคนรับใช้ เมื่อเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยเข้ามา เขากลับหันเป้าหมายของปืนฉีดน้ำมาที่ตนเอง และฉีดไปที่ใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยถูกฉีดจนเต็มไปด้วยน้ำ เสื้อผ้าก็เปียกชื้น จีหาวตบขาแล้วหัวเราะเสียงดัง จากนั้นชี้จีอวิ๋นเจี๋ย ใช้โคลงกาพย์กลอนพูดเยาะเย้ย:“จีอวิ๋นเจี๋ย มั่วโลกีย์ เรียกพ่อของฉันว่าปู่”“เรียกปู่เรียกได้สนิทสนมขนาดนี้ นายเรียกฉันว่าพ่อ จะได้ไหม?”“นาย!”จีอวิ๋นเจี๋ยจับผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง และมองเด็กเกเรคนนี้ด้วยความโมโหได้ยินคำพูดเยาะเย้ยที่ไม่ไว้หน้ากันจากปากของเด็กเวรคนนี้ เขาอยากจะเข้าไปตบหน้าเด็กเกเรคนนี้แรงๆ สักสองครั้งแต่เขาทำไม่ได้นี่คือลูกของพี่ชายของเขา ถ้าเขากล้าแตะต้อง งั้นเขาก็อาจจะต้องถูกพี่ชายของตัวเองกระทืบอย่างรุนแรง“หึ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”เด็กเกเรโยนปืนฉีดน้ำทิ้ง และหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งส่วนจีอวิ๋นเจี๋ยก็ลูบของเหลวที่อยู่บนใบหน้าของตัวเอง ความร้อนบางอย่าง และกลิ่นที่ยากจะบรรยายออกมาได้ลอยเข้ารูจมูกของเขาในทันทีเขามองเด็กเกเรคนนั้นที่มีสีหน้าลำพองใจด้วยท่าทีที่บ่งบอกว่านายจะทำอะไรฉันได้ เขากำหมัดของตัวเองจนเสียงดังกรอบแกร่บ“อวิ๋นเจี๋ย นายจะทำอะไร?!”“หรือว่านายยังจะลงมือต่อหลานชายของนาย ต่อหน้าคุณพ่อหรือไง?”“นายใจกล้ามากเลยนะ!”เมิ่งหย่าเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยกำหมัดแน่น จึงรีบตะโกนขึ้นเสียงดัง“ผม...ผมเปล่า”จีอวิ๋นเจี๋ยคลายกำปั้นของตัวเองออกด้วยความหงอยเหงาส่วนเด็กเกเรที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะด้วยความกำเริบเสิบสานยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นที่ยังใช้หมัดของตัวเองต่อยไปที่หัวเข่าของเขา ต่อยไปด้วยหัวเราะพูดไปด้วยว่า:“อารอง อาเปลี่ยนไปใจกล้ามากเลยนะ ทำไมเห็นพ่อของผมแล้วไม่คุกเข่าล่ะ?”“หาวเอ่อร์”จีอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วและพูดขึ้น“ทำไมเหรอพ่อ?”จีอวิ๋นเจี๋ยยังคิดว่าพี่ใหญ่ของตัวเองจะห้ามปราม แต่คิดไม่ถึงว่าจีอวิ๋นเทียนเพียงแค่ขมวดคิ้วพูดว่า:“ลูกไปแตะต้องเขาทำไม? หรือว่าไม่รังเกียจบ้
“พิษร้ายระดับนี้ไม่ใช่ว่าทั่วไปจะสามารถหามาได้”จีอวิ๋นเทียนส่งสายตาสงสัยของตัวเองไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย แล้วพูดอย่างเย็นชาดุดัน: “พ่อของผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมา มีชื่อเสียงด้านการผูกมิตร ไม่มีใครที่จะมีโอกาสวางยาพ่อของผมได้”“มีเพียงจีอวิ๋นเจี๋ย”จีอวิ๋นเจี๋ยพูดอย่างเด็ดขาด:“เมื่อวานพ่อของผมเป็นเพราะเรื่องความสงบในแก๊ง อยู่ด้วยกันตามลำพังกับอวิ๋นเจี๋ยชั่วโมงกว่าๆ ผมคิดว่า อวิ๋นเจี๋ยต้องวางยาในเวลานั้น!” “นายมีหลักฐานไหม?”จีว่านหลัวเหลือบตามองลูกชายคนโตของพี่ชายเขาไม่ใช่คนโง่ในหมู่ตระกูลจี คนที่ทะเยอทะยานมากที่สุดก็คือจีอวิ๋นเทียนลูกชายคนโตของพี่ชายกลับกันนั้นเป็นจีอวิ๋นเจี๋ย ปกติทำตามความคิดเห็นของคนอื่นมาโดยตลอด ไม่กล้าล่วงเกินไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่รู้สึกว่าจีอวิ๋นเจี๋ยจะทำเรื่องแบบนี้ได้กลับกันนั้นน่าจีอวิ๋นเทียนน่าสงสัยมากที่สุด“ผม…ผมไม่ได้วางยาทำร้ายคุณพ่อ ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”“พี่ พี่อย่าใส่ความคนดีนะ”จีอวิ๋นเจี๋ยฝืนพูดโต้กลับ“หึ? นายยังกล้าเถียงอีกเหรอ?”จีอวิ๋นเทียนเผยสีหน้าโมโหออกมา เหมือนว่าวินาทีต่อมาจะลงมือสั่งสอนจีอวิ๋นเจี๋ย“ไอ้ตุ๊ด ยังก
“เรื่องสำคัญในตอนนี้ ก็คือหาคนมาช่วยพ่อของนายก่อน ฉันได้ส่งคนไปเชิญหมอเทวดาเลี่ยวของเมืองจิงแล้ว อีกเดี๋ยวเขาคงจะมาถึงแล้ว”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของอารองของตัวเอง จีอวิ๋นเทียนถึงได้สะบัดคอเสื้อของน้องชายตัวเองอย่างแรง และตะโกนเสียงต่ำ: “ถือว่านายโชคดีไป!”จีอวิ๋นเจี๋ยโซซัดโซเซไปหลายก้าว ในใจกลับรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมาก“วางใจเถอะ ยังไงซะพี่ใหญ่ของฉันก็เป็นยอดฝีมือแดนแปรภาพ”“เพียงแค่เขาฟื้นคืนสติกลับมา ใครเป็นคนวางยา และโดนยาพิษได้อย่างไร ฉันคิดว่า เขารู้ดียิ่งกว่าใคร”พูดถึงตรงนี้ จีว่านหลัวก็กวาดสายตาไปมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และพูดอย่างเย็นชา:“ถ้าหากคนที่วางยาเป็นหนึ่งในพวกคุณ ฉันจีว่านหลัวไม่มีทางออมมือเด็ดขาด ลอบฆ่าผู้นำตระกูล มีความผิดมหันต์ จะใช้กฎประจำบ้านโดยตรง!”ได้ยินคำพูดของจีว่านหลัว เมิ่งหย่านิ้วมือสั่นเทา เผยสีหน้าที่ผิดปกติออกมาเล็กน้อยและแอบเหลือบมองจีอวิ๋นเทียนส่วนจีอวิ๋นเทียนกลับแอบพยักหน้าให้กับเธอ บอกให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องนี้ไม่มีทางมีช่องโหว่อย่างแน่นอนในเมื่อนายท่านถูกพิษอะไร ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาต้นน้ำค้างแข็งเฉียนหยวนชื่อนี้เหมือนกับช
“หือ? จีอวิ๋นเจี๋ย นายจะทำอะไร?!”จีอวิ๋นเทียนเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยเดินไปทางพ่อของตัวเอง จากนั้นหยิบยาเม็ดสีเหลืองเข้มออกมาจากในกระเป๋าหน้าอก เขาจึงตะโกนขึ้นเสียงดังไม่รอให้จีอวิ๋นเจี๋ยตั้งตัวได้ จีอวิ๋นเทียนก็เข้าไปปัดยาที่อยู่นมือของจีอวิ๋นเจี๋ยออกและเหยียบจนแหลกละเอียด“หือ? เกิดอะไรขึ้น?”เหตุการณ์ทางด้านของจีอวิ๋นเทียนดึงดูดความสนใจของจีว่านหลัวกับหมอเทวดาเลี่ยว“อารอง เมื่อครู่ไอ้หมอนี่จะให้คุณพ่อทานยาพิษอะไรไม่รู้ โชคดีที่ผมจับได้ และทำลายไปแล้ว”จีอวิ๋นเทียนชี้ยาสีเหลืองเข้มที่ถูกเหยียบจนเป็นผงที่ใต้เท้า“นี่ไม่ใช่ยาพิษอะไร นี่คือ...นี่คือยาที่สหายหลินให้ผมมา บอกว่ามีฤทธิ์พิเศษต่อพิษเย็น สามารถรักษาชีวิตให้คุณพ่อได้ระยะหนึ่ง!”ถึงแม้จีอวิ๋นเจี๋ยจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่เพื่อที่จะหลุดพ้นจากการต้องสงสัย จึงพูดอธิบายเสียงดัง“สหายหลิน? สหายหลินบ้าบออะไร?!”เมิ่งหย่าที่อยู่ข้างๆ พูดตะโกนขึ้น: “ฉันดูแล้วเป็นเพราะนายคิดว่าหมอเทวดาอยู่ที่นี่ กลัวว่าพ่อของนายจะถูกคุณเลี่ยวช่วยชีวิต อยากจะถือโอกาสวางยาพิษจนพ่อของนายตายไป!”“อวิ๋นเจี๋ย นายใจร้ายมากจริงๆ!”“ผมเปล่านะ!”จีอวิ๋นเจี๋ยหา
หมอเทวดาจุ๊ปากพูดด้วยความประหลาดใจ:“วิธีการกลั่นยาแบบนี้น่าจะไร้ผู้สืบทอดไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นที่นี่ สวรรค์ไม่ได้กลั่นแกล้งวิชาแพทย์ดั้งเดิมของตระกูลหลงจริงๆ ด้วย!”“วิชาแพทย์ดั้งเดิม?”จีอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้างๆ มีความเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัดหมอเทวดาเลี่ยวเห็นอยู่กับตา เขาจึงส่งเสียงไม่พอใจและพูดว่า: “คุณชายจีอวิ๋นเทียน คุณอย่ามองว่าตอนนี้การแพทย์ต่างประเทศกับวิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกรของเราเหมือนจะทัดเทียมกัน ไม่แบ่งสูงต่ำ”“นั่นเป็นเพราะวิชาแพทย์ดั้งเดิมมากมายของประเทศมังกรสูญเสียการสืบทอดไปแล้ว”“ถ้าหากไม่ได้สูญเสียการสืบทอด การแพทย์ต่างประเทศ เกรงว่าต่อให้ขี่ม้าก็ตามไม่ทันวิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกร!”“ไม่ หมอเทวดาเลี่ยว ผมแค่ประหลาดใจเล็กน้อยใจ”จีอวิ๋นเทียนพูดเสียงเคร่งขรึม: “เมื่อครู่คุณพูดถึงยาพิษที่พ่อผมโดนได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ พึ่งพาแค่ยาเม็ดเล็กๆ จะสามารถกลับมามีชีวิตได้จริงๆ งั้นเหรอครับ?”“ถูกต้องแล้ว!”หมอเทวดาเลี่ยวยืนยันอย่างถึงที่สุดเขาเห็นตระกูลจีเรียกคนรับใช้มา และเก็บรวบรวมยาที่ถูกจีอวิ๋นเทียนเหยียบจนเละด้วยความระมัดระวัง
จีอวิ๋นเทียนคิดไม่ถึงว่าจีอวิ๋นเจี๋ยจะมีด้านนี้ด้วยเขาเผยแรงสังหารออกมาทั่วทั้งตัวทันที“อวิ๋นเจี๋ย นายพูดกับพี่ชายของนายยังไงกันน่ะ?!”เมิ่งหย่าแม่เลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ก็สีหน้าเย็นชาลง“แกกล้าด่าพ่อฉันอย่างนั้นเหรอ ไอ้ตุ๊ด แกรนหาที่ตาย!”จีหาวที่อยู่ข้างๆ ด่าทอเสียงดัง และโผเข้าไปเตะต่อยจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“พอแล้ว!”จีอวิ๋นเจี๋ยดึงคอเสื้อของจีหาวเอาไว้ จากนั้นตบใบหน้าของเขาแรงๆ หนึ่งครั้ง ตบจนจีหาวริมฝีปากมีเลือดพุ่งออกมา จนตื่นตกใจร้องไห้เสียงดัง“พ่อ ช่วยผม ช่วยผมด้วย...”“จีอวิ๋นเจี๋ย ฉันสั่งให้แกรีบปล่อยลูกชายฉันซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกตายแน่!”จีอวิ๋นเทียนตะโกนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“จีอวิ๋นเจี๋ย นายจะก่อกบฏเหรอ?!”เมิ่งหย่าพูดกรีดร้องอยู่ที่ด้านข้าง“แม่ง ฉันหมดความอดทนกับพวกแกมานานแล้ว อารอง อาก็เห็นแล้ว! ใครกันแน่ที่ไม่อยากให้พ่อของผมมีชีวิต!”จีว่านหลัวสายตาเคร่งขรึมจากนั้น เขาดึงจีหาวมาจากในมือของจีอวิ๋นเจี๋ย และตบหน้าเด็กเกเรคนนี้สองครั้งจนเสียงดัง “เพียะเพียะ”ลงมือหนักไป จึงทำให้เด็กหมดสติโดยตรง“อารอง!”เมื่อเห็นจีว่านหลัวลงมือแบบนี้ จีอวิ๋นเทียนก็รู้สึกสงสาร
......หลินเฟิงขับรถมาเซราติ พาอวี๋จื่อเสวียวนรอบนอกเมืองในตอนที่เขาจะย้อนกลับไปที่ชุมชนกลางเมือง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจีอวิ๋นเจี๋ย“สหายหลิน ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยเหลือ”ในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยรับรู้ถึงความน่ากลัวของหลินเฟิงแล้วยาที่เขาเอาออกมาอย่างง่ายดาย กลับเป็นยาแพทย์โบราณของประเทศหลงที่แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็ยังเลื่อมใสอย่างมาก คิดว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่เขาเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอนดังนั้นในโทรศัพท์ จีอวิ๋นเจี๋ยวางท่าทางของตัวเองให้ต่ำมากที่สุด“ที่แท้ก็คุณชายจีอวิ๋นเจี๋ยนี่เอง มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”“หรือว่าทางด้านพ่อของคุณเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น? ยาที่ผมให้คุณไปไม่ได้ผลงั้นเหรอ?”ทางด้านหลินเฟิงคุยโทรศัพท์ อวี๋จื่อเสวียนถามด้วยความประหลาดใจอยู่ข้างๆ: “จีอวิ๋นเจี๋ย? หรือว่าจะเป็นคุณชายรองของตระกูลจีเมืองจิง จีอวิ๋นเจี๋ยที่ชอบผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ?”ขณะพูด อวี๋จื่อเสวียนก็เบะปากของตัวเองและขยับตัวไปชิดด้านข้างๆ ด้วยใบหน้ารังเกียจ เหมือนกับตั้งใจแยกระยะห่างกับหลินเฟิงที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองอวี๋จื่อเสวียนพูดเสียงเบา: “ถึงว่าคุณชอบพูดว่าไม่ชอ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน