จีอวิ๋นเทียนคิดไม่ถึงว่าจีอวิ๋นเจี๋ยจะมีด้านนี้ด้วยเขาเผยแรงสังหารออกมาทั่วทั้งตัวทันที“อวิ๋นเจี๋ย นายพูดกับพี่ชายของนายยังไงกันน่ะ?!”เมิ่งหย่าแม่เลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ก็สีหน้าเย็นชาลง“แกกล้าด่าพ่อฉันอย่างนั้นเหรอ ไอ้ตุ๊ด แกรนหาที่ตาย!”จีหาวที่อยู่ข้างๆ ด่าทอเสียงดัง และโผเข้าไปเตะต่อยจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“พอแล้ว!”จีอวิ๋นเจี๋ยดึงคอเสื้อของจีหาวเอาไว้ จากนั้นตบใบหน้าของเขาแรงๆ หนึ่งครั้ง ตบจนจีหาวริมฝีปากมีเลือดพุ่งออกมา จนตื่นตกใจร้องไห้เสียงดัง“พ่อ ช่วยผม ช่วยผมด้วย...”“จีอวิ๋นเจี๋ย ฉันสั่งให้แกรีบปล่อยลูกชายฉันซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกตายแน่!”จีอวิ๋นเทียนตะโกนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“จีอวิ๋นเจี๋ย นายจะก่อกบฏเหรอ?!”เมิ่งหย่าพูดกรีดร้องอยู่ที่ด้านข้าง“แม่ง ฉันหมดความอดทนกับพวกแกมานานแล้ว อารอง อาก็เห็นแล้ว! ใครกันแน่ที่ไม่อยากให้พ่อของผมมีชีวิต!”จีว่านหลัวสายตาเคร่งขรึมจากนั้น เขาดึงจีหาวมาจากในมือของจีอวิ๋นเจี๋ย และตบหน้าเด็กเกเรคนนี้สองครั้งจนเสียงดัง “เพียะเพียะ”ลงมือหนักไป จึงทำให้เด็กหมดสติโดยตรง“อารอง!”เมื่อเห็นจีว่านหลัวลงมือแบบนี้ จีอวิ๋นเทียนก็รู้สึกสงสาร
......หลินเฟิงขับรถมาเซราติ พาอวี๋จื่อเสวียวนรอบนอกเมืองในตอนที่เขาจะย้อนกลับไปที่ชุมชนกลางเมือง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจีอวิ๋นเจี๋ย“สหายหลิน ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยเหลือ”ในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยรับรู้ถึงความน่ากลัวของหลินเฟิงแล้วยาที่เขาเอาออกมาอย่างง่ายดาย กลับเป็นยาแพทย์โบราณของประเทศหลงที่แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็ยังเลื่อมใสอย่างมาก คิดว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่เขาเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอนดังนั้นในโทรศัพท์ จีอวิ๋นเจี๋ยวางท่าทางของตัวเองให้ต่ำมากที่สุด“ที่แท้ก็คุณชายจีอวิ๋นเจี๋ยนี่เอง มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”“หรือว่าทางด้านพ่อของคุณเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น? ยาที่ผมให้คุณไปไม่ได้ผลงั้นเหรอ?”ทางด้านหลินเฟิงคุยโทรศัพท์ อวี๋จื่อเสวียนถามด้วยความประหลาดใจอยู่ข้างๆ: “จีอวิ๋นเจี๋ย? หรือว่าจะเป็นคุณชายรองของตระกูลจีเมืองจิง จีอวิ๋นเจี๋ยที่ชอบผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ?”ขณะพูด อวี๋จื่อเสวียนก็เบะปากของตัวเองและขยับตัวไปชิดด้านข้างๆ ด้วยใบหน้ารังเกียจ เหมือนกับตั้งใจแยกระยะห่างกับหลินเฟิงที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองอวี๋จื่อเสวียนพูดเสียงเบา: “ถึงว่าคุณชอบพูดว่าไม่ชอ
“ทำไม? อวิ๋นเทียน?”จีว่านหลัวมองไปทางจีอวิ๋นเทียน และพูดอย่างเย็นชา:“หรือว่าชีวิตพ่อของนายไม่ถึงห้าร้อยล้านบาท? หรือว่านายไม่หวังอยากให้พ่อของนายถูกช่วยชีวิตเอาไว้ด้วยซ้ำ?!”“เปล่า....เปล่านะครับ”จีอวิ๋นเทียนเช็ดเหงื่อบนศีรษะภายใต้สายตาเย็นชาของจีว่านหลัว และยิ้มอย่างสดใสพูดว่า:“ผมจะไม่อยากให้คุณพ่อร่างกายแข็งแรงได้อย่างไร เพียงแต่ผมกลัวว่าหมอเร่ร่อนไม่เพียงไม่มีวิธีรักษาคุณพ่อ แถมยังทำให้คุณพ่ออาการหนักขึ้น”“หือ”ในตอนนี้ โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของจีว่านหลัวก็มีเสียงอขงหลินเฟิงดังขึ้นมาอีก“ดูท่าพวกคุณไม่ได้อยากให้ผมลงมือสินะ”ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว”“เดี๋ยวก่อนครับ!”ในตอนที่หลินเฟิงจะตัดสายโทรศัพท์ จีว่านหลัวรีบยิ้มพูด: “ได้ได้ได้ ห้าร้อยล้านบาทก็ห้าร้อยล้านบาท อวิ๋นเทียนรับปากแล้วครับ”“พูด!”จีว่านหลัวมองไปทางจีอวิ๋นเทียน ในสายตาเต็มไปด้วยแรงสังหารที่มากมาย“ได้...ห้าร้อยล้านก็ห้าร้อยล้าน”จีอวิ๋นเทียนกำหมัดแน่น ในใจกลับสาปแช่งจีอวิ๋นหลัวไม่หยุดถ้าหากไม่ใช่อารองของเขาคนนี้สร้างความวุ่นวาย เขาคงจะกำจัดจีอวิ๋นเจี๋ยไปนานแล้ว และกลายเป็นผู้สื
โดยเฉพาะในตอนที่เห็นอวี๋จื่อเสวียน เด็กสาวที่มองไปรอบๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของทุกคนก็แย่ยิ่งกว่าเดิม“สหายหลิน ยินดีต้อนรับครับ”จีอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้มีความสงสัยใดๆ และเข้าไปต้อนรับโดยตรงในตอนที่เข้ามาต้อนรับ จีอวิ๋นเจี๋ยยังขยับเข้าไปพูดเสียงเบาที่ข้างหูของหลินเฟิง: “สหายหลิน คำแนะนำของคุณก่อนหน้านี้ผมรับปากแล้ว ขอร้องคุณช่วยพ่อของผมด้วยนะครับ”“อืม”หลินเฟิงเผยรอยยิ้มให้จีอวิ๋นเจี๋ยบอกให้เขาวางใจได้ และตบไหล่ของเขาอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้ก็ฉีกยิ้มด้วยความกระอักกระอ่วนหลินเฟิงแค่มองก็รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาเหลือบตามองเธอในทันที“ฮ่าฮ่า ท่านนี้ก็คือสหายหลินที่อวิ๋นเจี๋ยพูดถึงใช่ไหมครับ? ไม่ทราบว่าสหายน้อยท่านนี้ชื่ออะไรครับ?”จีว่านหลัวเดินเข้ามา และหัวเราะเสียงดังทักทายหลินเฟิงพยักหน้า พูดด้วยท่าทางที่ไม่ได้แสดงตัวต่ำต้อยและไม่ได้แสดงตัวโอหัง: “หลินเฟิงครับ”“หลินเฟิง?”จีว่านหลัวแอบครุ่นคิด และพบว่าตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ยังปิดบังเอาไว้ได้อย่างดีมากในตอนที่หลินเฟิงจะเดินเข้
งั้นก็ถูกต้องแล้วในเมื่อคนที่สวะอย่างจีอวิ๋นเจี๋ยรู้จักจะเก่งกาจยิ่งกว่าหมอเทวดาเลี่ยวได้อย่างไรอีกทั้งยังอายุน้อยขนาดนี้ ถ้าหากเขาเก่งกาจขนาดนั้นอย่างที่พูด จะเป็นไปได้อย่างไรที่จนถึงตอนนี้แล้วยังไร้ชื่อเสียงอยู่อีก?”จีอวิ๋นเทียนมองดูแผ่นหลังของหลินเฟิงแล้วยิ้มเยาะสี่พันล้านบาทนี่เรียกว่าใจคนไม่รู้จักพอไม่รู้จักเจียมตัวถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้ยั่วยุเขา อย่างมากจีอวิ๋นเจี๋ยก็แค่สั่งคนให้กระทืบคนต้มตุ๋นคนนี้แล้วโยนออกไปแต่ในสายโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ ท่าทางกำเริบเสิบสานของไอ้หมอนี่ทำให้จีอวิ๋นเทียนโมโหอย่างถึงที่สุดยั่วโมโหตะโกนจี เขายังจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างนั้นเหรอ?บนใบหน้าของจีอวิ๋นเทียนเผยความเคร่งขรึมออกมาผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนของตระกูลจีก็มาร่วมตัวกันอยู่ในห้องนอนของจีว่านจ่างหลินเฟิงเดินเข้ามาแล้วมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพูดว่า: “นี่คือต้นน้ำค้างแข็งเฉียนหยวน ยาพิษขั้นรุนแรงที่มาจากสำนักร้อยพิษ”“ต่อให้เป็นยาหวงตี๋ล้างพิษก็ไม่สามารถทำให้พิษหายไปได้ อย่างมากก็แค่ยื้อเวลาช่วงหนึ่ง”เห็นหลินเฟิงเพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่ายาพิษที่จีว่านจ่างโดนนั้นคืออะไรนี่จึ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิธีการควบคุมพลังชี่แท้ที่ช่ำชองถึงขนาดนี้ นี่ไม่มีทางที่เป็นดินแดนที่นักบู๊แดนแปรภาพทั่วไปจะสามารถแตะถึงได้“ขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน?”จีว่านหลัวรู้สึกตกตะลึงกับการคาดเดาในหัวใจของตัวเองภายใต้ความตกตะลึง ในใจก็เกิดความหวังขึ้นมาไม่แน่เขาอาจจะสามารถช่วยชีวิตพี่ชายของตัวเองได้จริงๆ“ไอ้หมอนี่...”ในตอนที่จีอวิ๋นเทียนเห็นหลินเฟิงปล่อยเข็มออกไป ดวงตาของเขาก็หดตัวลง ไอ้หมอนี่เป็นนักบู๊ขั้นเซียนเทียนงั้นเหรอ?!หรือว่าเขามีวิธีรักษาจีว่านจ่างให้หายได้จริงๆ?คิดได้ถึงตรงนี้ ในใจของจีอวิ๋นเทียนก็เกิดความกระวนกระวายขึ้นมา“นั่นมัน...เข็มดอกเหมยห้าวิญญาณ?!”หมอเทวดาเลี่ยวในตอนนี้ไม่มีความสงสัยต่อหลินเฟิงอีกต่อไปคนนอกดูความครึกครื้น คนสายเดียวกันดูช่องทางในตอนที่เขาเห็นการลงเข็มและฝีมือของหลินเฟิง ใบหน้าก็ขาวโพลนในทันที และในใจก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาเพราะว่าเมื่อครู่นี้ท่าทางที่เขามีต่อวัยรุ่นคนนี้ไม่ดีเท่าไหร่นักเดิมทีเขายังอยากถามถึงผู้อาวุโส หรือว่าที่มาของยาหวงตี๋ล้างพิษจากหลินเฟิง แต่ตอนนี้ดูแล้ว...เมื่อครู่เกรงว่าเขาคงจะพูดจริงสินะ!ยาหวงตี๋
จีอวิ๋นเทียนจับคอเสื้อของจีอวิ๋นเจี๋ยเอาไว้ ในตอนที่กำลังจะลงมือ จีว่านหลัวที่อยู่ข้างๆ กลับอุทานออกมา“เดี๋ยวนะ พวกคุณรีบดูสิ!”ทุกคนมองไปตามทางที่จีว่านหลัวชี้ไป น้ำเดือดที่ถูกสาดไปบนใบหน้าของจีว่านจ่างเมื่อครู่นี้กลายเป็นเศษน้ำแข็งสีดำทั้งหมด และไหลตกลงบนพื้น“ฮะ? นี่มัน...”จีอวิ๋นเทียนนิ่งอึ้งจีอวิ๋นเจี๋ยกลับดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของพี่ชายตัวเอง จากนั้นยิ้มเยาะพูดว่า: “พี่ใหญ่ ผมดูแล้วเป็นพี่ต่างหากที่เป็นคนที่ไม่อยากให้พ่อร่างกายฟื้นฟูมากที่สุดสินะ?!“แก...”“อวิ๋นเจี๋ย อย่าพูดจาซี้ซั้ว!”เมิ่งหย่าเดินออกมา และพูดสนับสนุน: “พี่ใหญ่ของนายเป็นห่วงร่างกายของพ่อ จะไม่อยากให้พ่อหายได้อย่างไรกัน?”“ถูกต้อง!”จีอวิ๋นเทียนฝืนพยักหน้าเมื่อเห็นว่าทำทุกสิ่งเสร็จเรียบร้อย หลินเฟิงก็ถอนหายใจเบาๆ และวางจีว่านจ่างลง ปล่อยให้เขานอนบนเตียงในตอนนี้สีหน้าของจีว่านจ่างดีขึ้นแล้วไม่เหมือนกับเมื่อครู่นี้ที่หน้าสีม่วงช้ำ แค่มองก็รู้ว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน ตอนนี้กลับมีสีแดงระเรื่อแล้วแต่ยังคงอยู่อยู่ในอาการหมดสติอยู่“เอาล่ะ งานของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว”หลินเฟิงรับผ้าขนหนูจากคนรั
“ผมเพียงแค่ขอร้องคุณหลินถ่ายทอดความรู้ให้นิดหน่อย เลี่ยวจื้อหมิงจะเทิดทูนให้คุณหลินเป็นอาจารย์ของตระกูลเลี่ยวของผมไปตลอดชีวิต”“ตระกูลเลี่ยว?”หลินเฟิงรู้สึกหวั่นไหวจีอวิ๋นเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาพูด:“สหายหลิน ตระกูลเลี่ยวอยู่ที่เมืองจิงก็นับว่าเป็นตระกูลร่ำรวย และเป็นหมอทุกรุ่น อีกทั้งมีศูนย์การแพทย์กับโรงพยาบาลของตระกูลจี เป็นตระกูลการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจิง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง...”หลินเฟิงลูบคางของตัวเอง ในใจกลับมีความคิดเล็กๆ ของตัวเองถ้าหากจะต่อกลอนกับตระกูลหลงและตระกูลถัง หลินเฟิงเพียงคนเดียว เกรงว่ากำลังจะไม่เพียงพอ และทำได้ไม่สำเร็จต่อให้บวกกับจีอวิ๋นเจี๋ยของตระกูลจีก็พูดได้ยากและตระกูลจี...ตระกูลการแพทย์ของเมืองจิง ดูท่าว่าอยู่ที่เมืองจิงมีตำแหน่งค่อนข้างสูง ถ้าหากมีโอกาส หลินเฟิงก็สามารถคบหาได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงพยักหน้าพูดว่า: “เห็นแก่ที่คุณจริงใจขนาดนี้ คุณทิ้งที่อยู่เอาไว้แล้วกัน วันหน้าผมมีเวลา จะไปเยี่ยมเยือนเอง”“ดีมากเลยครับ!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หมอเทวดาเลี่ยวดีใจจนหนวนเคราสั่นเทา จากนั้นรีบล้วงนามบัตรของตัวเอง ยื่นให้หลินเฟิ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน