“เรื่องสำคัญในตอนนี้ ก็คือหาคนมาช่วยพ่อของนายก่อน ฉันได้ส่งคนไปเชิญหมอเทวดาเลี่ยวของเมืองจิงแล้ว อีกเดี๋ยวเขาคงจะมาถึงแล้ว”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของอารองของตัวเอง จีอวิ๋นเทียนถึงได้สะบัดคอเสื้อของน้องชายตัวเองอย่างแรง และตะโกนเสียงต่ำ: “ถือว่านายโชคดีไป!”จีอวิ๋นเจี๋ยโซซัดโซเซไปหลายก้าว ในใจกลับรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมาก“วางใจเถอะ ยังไงซะพี่ใหญ่ของฉันก็เป็นยอดฝีมือแดนแปรภาพ”“เพียงแค่เขาฟื้นคืนสติกลับมา ใครเป็นคนวางยา และโดนยาพิษได้อย่างไร ฉันคิดว่า เขารู้ดียิ่งกว่าใคร”พูดถึงตรงนี้ จีว่านหลัวก็กวาดสายตาไปมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และพูดอย่างเย็นชา:“ถ้าหากคนที่วางยาเป็นหนึ่งในพวกคุณ ฉันจีว่านหลัวไม่มีทางออมมือเด็ดขาด ลอบฆ่าผู้นำตระกูล มีความผิดมหันต์ จะใช้กฎประจำบ้านโดยตรง!”ได้ยินคำพูดของจีว่านหลัว เมิ่งหย่านิ้วมือสั่นเทา เผยสีหน้าที่ผิดปกติออกมาเล็กน้อยและแอบเหลือบมองจีอวิ๋นเทียนส่วนจีอวิ๋นเทียนกลับแอบพยักหน้าให้กับเธอ บอกให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องนี้ไม่มีทางมีช่องโหว่อย่างแน่นอนในเมื่อนายท่านถูกพิษอะไร ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาต้นน้ำค้างแข็งเฉียนหยวนชื่อนี้เหมือนกับช
“หือ? จีอวิ๋นเจี๋ย นายจะทำอะไร?!”จีอวิ๋นเทียนเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยเดินไปทางพ่อของตัวเอง จากนั้นหยิบยาเม็ดสีเหลืองเข้มออกมาจากในกระเป๋าหน้าอก เขาจึงตะโกนขึ้นเสียงดังไม่รอให้จีอวิ๋นเจี๋ยตั้งตัวได้ จีอวิ๋นเทียนก็เข้าไปปัดยาที่อยู่นมือของจีอวิ๋นเจี๋ยออกและเหยียบจนแหลกละเอียด“หือ? เกิดอะไรขึ้น?”เหตุการณ์ทางด้านของจีอวิ๋นเทียนดึงดูดความสนใจของจีว่านหลัวกับหมอเทวดาเลี่ยว“อารอง เมื่อครู่ไอ้หมอนี่จะให้คุณพ่อทานยาพิษอะไรไม่รู้ โชคดีที่ผมจับได้ และทำลายไปแล้ว”จีอวิ๋นเทียนชี้ยาสีเหลืองเข้มที่ถูกเหยียบจนเป็นผงที่ใต้เท้า“นี่ไม่ใช่ยาพิษอะไร นี่คือ...นี่คือยาที่สหายหลินให้ผมมา บอกว่ามีฤทธิ์พิเศษต่อพิษเย็น สามารถรักษาชีวิตให้คุณพ่อได้ระยะหนึ่ง!”ถึงแม้จีอวิ๋นเจี๋ยจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่เพื่อที่จะหลุดพ้นจากการต้องสงสัย จึงพูดอธิบายเสียงดัง“สหายหลิน? สหายหลินบ้าบออะไร?!”เมิ่งหย่าที่อยู่ข้างๆ พูดตะโกนขึ้น: “ฉันดูแล้วเป็นเพราะนายคิดว่าหมอเทวดาอยู่ที่นี่ กลัวว่าพ่อของนายจะถูกคุณเลี่ยวช่วยชีวิต อยากจะถือโอกาสวางยาพิษจนพ่อของนายตายไป!”“อวิ๋นเจี๋ย นายใจร้ายมากจริงๆ!”“ผมเปล่านะ!”จีอวิ๋นเจี๋ยหา
หมอเทวดาจุ๊ปากพูดด้วยความประหลาดใจ:“วิธีการกลั่นยาแบบนี้น่าจะไร้ผู้สืบทอดไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นที่นี่ สวรรค์ไม่ได้กลั่นแกล้งวิชาแพทย์ดั้งเดิมของตระกูลหลงจริงๆ ด้วย!”“วิชาแพทย์ดั้งเดิม?”จีอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้างๆ มีความเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัดหมอเทวดาเลี่ยวเห็นอยู่กับตา เขาจึงส่งเสียงไม่พอใจและพูดว่า: “คุณชายจีอวิ๋นเทียน คุณอย่ามองว่าตอนนี้การแพทย์ต่างประเทศกับวิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกรของเราเหมือนจะทัดเทียมกัน ไม่แบ่งสูงต่ำ”“นั่นเป็นเพราะวิชาแพทย์ดั้งเดิมมากมายของประเทศมังกรสูญเสียการสืบทอดไปแล้ว”“ถ้าหากไม่ได้สูญเสียการสืบทอด การแพทย์ต่างประเทศ เกรงว่าต่อให้ขี่ม้าก็ตามไม่ทันวิชาแพทย์ดั้งเดิมของประเทศมังกร!”“ไม่ หมอเทวดาเลี่ยว ผมแค่ประหลาดใจเล็กน้อยใจ”จีอวิ๋นเทียนพูดเสียงเคร่งขรึม: “เมื่อครู่คุณพูดถึงยาพิษที่พ่อผมโดนได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ พึ่งพาแค่ยาเม็ดเล็กๆ จะสามารถกลับมามีชีวิตได้จริงๆ งั้นเหรอครับ?”“ถูกต้องแล้ว!”หมอเทวดาเลี่ยวยืนยันอย่างถึงที่สุดเขาเห็นตระกูลจีเรียกคนรับใช้มา และเก็บรวบรวมยาที่ถูกจีอวิ๋นเทียนเหยียบจนเละด้วยความระมัดระวัง
จีอวิ๋นเทียนคิดไม่ถึงว่าจีอวิ๋นเจี๋ยจะมีด้านนี้ด้วยเขาเผยแรงสังหารออกมาทั่วทั้งตัวทันที“อวิ๋นเจี๋ย นายพูดกับพี่ชายของนายยังไงกันน่ะ?!”เมิ่งหย่าแม่เลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ก็สีหน้าเย็นชาลง“แกกล้าด่าพ่อฉันอย่างนั้นเหรอ ไอ้ตุ๊ด แกรนหาที่ตาย!”จีหาวที่อยู่ข้างๆ ด่าทอเสียงดัง และโผเข้าไปเตะต่อยจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“พอแล้ว!”จีอวิ๋นเจี๋ยดึงคอเสื้อของจีหาวเอาไว้ จากนั้นตบใบหน้าของเขาแรงๆ หนึ่งครั้ง ตบจนจีหาวริมฝีปากมีเลือดพุ่งออกมา จนตื่นตกใจร้องไห้เสียงดัง“พ่อ ช่วยผม ช่วยผมด้วย...”“จีอวิ๋นเจี๋ย ฉันสั่งให้แกรีบปล่อยลูกชายฉันซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกตายแน่!”จีอวิ๋นเทียนตะโกนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“จีอวิ๋นเจี๋ย นายจะก่อกบฏเหรอ?!”เมิ่งหย่าพูดกรีดร้องอยู่ที่ด้านข้าง“แม่ง ฉันหมดความอดทนกับพวกแกมานานแล้ว อารอง อาก็เห็นแล้ว! ใครกันแน่ที่ไม่อยากให้พ่อของผมมีชีวิต!”จีว่านหลัวสายตาเคร่งขรึมจากนั้น เขาดึงจีหาวมาจากในมือของจีอวิ๋นเจี๋ย และตบหน้าเด็กเกเรคนนี้สองครั้งจนเสียงดัง “เพียะเพียะ”ลงมือหนักไป จึงทำให้เด็กหมดสติโดยตรง“อารอง!”เมื่อเห็นจีว่านหลัวลงมือแบบนี้ จีอวิ๋นเทียนก็รู้สึกสงสาร
......หลินเฟิงขับรถมาเซราติ พาอวี๋จื่อเสวียวนรอบนอกเมืองในตอนที่เขาจะย้อนกลับไปที่ชุมชนกลางเมือง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจีอวิ๋นเจี๋ย“สหายหลิน ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยเหลือ”ในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยรับรู้ถึงความน่ากลัวของหลินเฟิงแล้วยาที่เขาเอาออกมาอย่างง่ายดาย กลับเป็นยาแพทย์โบราณของประเทศหลงที่แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็ยังเลื่อมใสอย่างมาก คิดว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่เขาเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอนดังนั้นในโทรศัพท์ จีอวิ๋นเจี๋ยวางท่าทางของตัวเองให้ต่ำมากที่สุด“ที่แท้ก็คุณชายจีอวิ๋นเจี๋ยนี่เอง มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”“หรือว่าทางด้านพ่อของคุณเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น? ยาที่ผมให้คุณไปไม่ได้ผลงั้นเหรอ?”ทางด้านหลินเฟิงคุยโทรศัพท์ อวี๋จื่อเสวียนถามด้วยความประหลาดใจอยู่ข้างๆ: “จีอวิ๋นเจี๋ย? หรือว่าจะเป็นคุณชายรองของตระกูลจีเมืองจิง จีอวิ๋นเจี๋ยที่ชอบผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ?”ขณะพูด อวี๋จื่อเสวียนก็เบะปากของตัวเองและขยับตัวไปชิดด้านข้างๆ ด้วยใบหน้ารังเกียจ เหมือนกับตั้งใจแยกระยะห่างกับหลินเฟิงที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองอวี๋จื่อเสวียนพูดเสียงเบา: “ถึงว่าคุณชอบพูดว่าไม่ชอ
“ทำไม? อวิ๋นเทียน?”จีว่านหลัวมองไปทางจีอวิ๋นเทียน และพูดอย่างเย็นชา:“หรือว่าชีวิตพ่อของนายไม่ถึงห้าร้อยล้านบาท? หรือว่านายไม่หวังอยากให้พ่อของนายถูกช่วยชีวิตเอาไว้ด้วยซ้ำ?!”“เปล่า....เปล่านะครับ”จีอวิ๋นเทียนเช็ดเหงื่อบนศีรษะภายใต้สายตาเย็นชาของจีว่านหลัว และยิ้มอย่างสดใสพูดว่า:“ผมจะไม่อยากให้คุณพ่อร่างกายแข็งแรงได้อย่างไร เพียงแต่ผมกลัวว่าหมอเร่ร่อนไม่เพียงไม่มีวิธีรักษาคุณพ่อ แถมยังทำให้คุณพ่ออาการหนักขึ้น”“หือ”ในตอนนี้ โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของจีว่านหลัวก็มีเสียงอขงหลินเฟิงดังขึ้นมาอีก“ดูท่าพวกคุณไม่ได้อยากให้ผมลงมือสินะ”ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว”“เดี๋ยวก่อนครับ!”ในตอนที่หลินเฟิงจะตัดสายโทรศัพท์ จีว่านหลัวรีบยิ้มพูด: “ได้ได้ได้ ห้าร้อยล้านบาทก็ห้าร้อยล้านบาท อวิ๋นเทียนรับปากแล้วครับ”“พูด!”จีว่านหลัวมองไปทางจีอวิ๋นเทียน ในสายตาเต็มไปด้วยแรงสังหารที่มากมาย“ได้...ห้าร้อยล้านก็ห้าร้อยล้าน”จีอวิ๋นเทียนกำหมัดแน่น ในใจกลับสาปแช่งจีอวิ๋นหลัวไม่หยุดถ้าหากไม่ใช่อารองของเขาคนนี้สร้างความวุ่นวาย เขาคงจะกำจัดจีอวิ๋นเจี๋ยไปนานแล้ว และกลายเป็นผู้สื
โดยเฉพาะในตอนที่เห็นอวี๋จื่อเสวียน เด็กสาวที่มองไปรอบๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของทุกคนก็แย่ยิ่งกว่าเดิม“สหายหลิน ยินดีต้อนรับครับ”จีอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้มีความสงสัยใดๆ และเข้าไปต้อนรับโดยตรงในตอนที่เข้ามาต้อนรับ จีอวิ๋นเจี๋ยยังขยับเข้าไปพูดเสียงเบาที่ข้างหูของหลินเฟิง: “สหายหลิน คำแนะนำของคุณก่อนหน้านี้ผมรับปากแล้ว ขอร้องคุณช่วยพ่อของผมด้วยนะครับ”“อืม”หลินเฟิงเผยรอยยิ้มให้จีอวิ๋นเจี๋ยบอกให้เขาวางใจได้ และตบไหล่ของเขาอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้ก็ฉีกยิ้มด้วยความกระอักกระอ่วนหลินเฟิงแค่มองก็รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาเหลือบตามองเธอในทันที“ฮ่าฮ่า ท่านนี้ก็คือสหายหลินที่อวิ๋นเจี๋ยพูดถึงใช่ไหมครับ? ไม่ทราบว่าสหายน้อยท่านนี้ชื่ออะไรครับ?”จีว่านหลัวเดินเข้ามา และหัวเราะเสียงดังทักทายหลินเฟิงพยักหน้า พูดด้วยท่าทางที่ไม่ได้แสดงตัวต่ำต้อยและไม่ได้แสดงตัวโอหัง: “หลินเฟิงครับ”“หลินเฟิง?”จีว่านหลัวแอบครุ่นคิด และพบว่าตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ยังปิดบังเอาไว้ได้อย่างดีมากในตอนที่หลินเฟิงจะเดินเข้
งั้นก็ถูกต้องแล้วในเมื่อคนที่สวะอย่างจีอวิ๋นเจี๋ยรู้จักจะเก่งกาจยิ่งกว่าหมอเทวดาเลี่ยวได้อย่างไรอีกทั้งยังอายุน้อยขนาดนี้ ถ้าหากเขาเก่งกาจขนาดนั้นอย่างที่พูด จะเป็นไปได้อย่างไรที่จนถึงตอนนี้แล้วยังไร้ชื่อเสียงอยู่อีก?”จีอวิ๋นเทียนมองดูแผ่นหลังของหลินเฟิงแล้วยิ้มเยาะสี่พันล้านบาทนี่เรียกว่าใจคนไม่รู้จักพอไม่รู้จักเจียมตัวถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้ยั่วยุเขา อย่างมากจีอวิ๋นเจี๋ยก็แค่สั่งคนให้กระทืบคนต้มตุ๋นคนนี้แล้วโยนออกไปแต่ในสายโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ ท่าทางกำเริบเสิบสานของไอ้หมอนี่ทำให้จีอวิ๋นเทียนโมโหอย่างถึงที่สุดยั่วโมโหตะโกนจี เขายังจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างนั้นเหรอ?บนใบหน้าของจีอวิ๋นเทียนเผยความเคร่งขรึมออกมาผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนของตระกูลจีก็มาร่วมตัวกันอยู่ในห้องนอนของจีว่านจ่างหลินเฟิงเดินเข้ามาแล้วมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพูดว่า: “นี่คือต้นน้ำค้างแข็งเฉียนหยวน ยาพิษขั้นรุนแรงที่มาจากสำนักร้อยพิษ”“ต่อให้เป็นยาหวงตี๋ล้างพิษก็ไม่สามารถทำให้พิษหายไปได้ อย่างมากก็แค่ยื้อเวลาช่วงหนึ่ง”เห็นหลินเฟิงเพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่ายาพิษที่จีว่านจ่างโดนนั้นคืออะไรนี่จึ
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว
ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมของจางเต๋อหลิน สมาชิกผู้อาวุโสในสายวิชาชีพแพทย์จะมาปรากฏตัวแล้วทำไมผู้ว่าเจียงโจวถึงมาด้วย?เมื่อเห็นผู้ว่าเจียงโจวเดินออกมาจากด้านหลังเวทีโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่านักศึกษา เหล่านักศึกษาที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แต่ก็ยังปรบมือกับอย่างกระตือรือร้นด้วยรูปแบบของผู้จบการศึกษารุ่นนี้ มันเกินความจริงไปหรือเปล่า?“หรือว่านักศึกษาเจียงปินจะเชิญมา?”ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ ๆพูดขึ้นมาท่ามกลางเหล่านักศึกษาทันใดนั้น เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เจียงปินที่รู้สึกสับสนอยู่ไม่ต่างกัน“อ่ะ? อ่อ....อ่อ ใช่ นักศึกษาทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้อง ไม่ต้อง หึหึ....”เจียงปินรีบยื่นมือออกไปปลอบใจนักศึกษาคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยอมรับแล้ว“ซี้ด...”นักศึกษาหลาย ๆคนต่างก็สูดอากาศเย็น ที่เจียงปินเชิญจางเต๋อหลินมาได้มันก็น่าเหลือเชื่อคราวนี้ผู้ว่าของเจียงโจวก็ยังได้รับเชิญมาอีกด้วย มันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปงั้นเหรอเบื้องหลังของเจียงปินจริ
“หึหึ พิธีรับปริญญาของปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆเลยนะ”“เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้เดินทางมาโดยเฉพาะ ดังนั้นก็เลยเชิญแขกผู้มีเกียรติที่สำคัญมากมากมายมามอบใบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนของพวกเราในรุ่นนี้”“ที่มา ก็มีเชิญ....”“ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว ผู้อาวุโสจางเต๋อหลิน!”ขณะที่หัวหน้าโจวยื่นมือออกไปเรียนเชิญ จางเต๋อหลินก็เดินเข้ามาจากประตูด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและโบกมือทักทายเหล่านักเรียนที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นรอยยิ้มของจางเต๋อหลิน รอยยิ้มที่พึงพอใจของเจียงปินก็แข็งทื่อทันทีเพราะในความประทับใจของเขา ผู้อาวุโสจางเต๋อหลินมักจะมีใบหน้าที่เขร่งครึมและจริงจังอย่างมาก ทั้งยังระวังภาพลักษณ์อีกด้วยทำไมถึงยิ้มได้กว้างขนาดนั้นล่ะ?แต่เหล่านักเรียนคนอื่น ๆไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยแล้วพากันปรบมือกันอย่างกระตือรือร้น บางคนถึงขนาดปรบมือจนหน้าของตัวเองแดงต้องรู้ว่า นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเจียงโจว!ผู้อาวุโสอย่างเขามามอบใบประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาด้วยตัวเอง ให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า?หากพูดออกไป เกรงว่าก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
เพียงเพราะแค่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจียงโจวโด่งดังอย่างมากถึงได้ถ่อมตัวมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวอีกทั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยยังได้ยินมาว่า เจียงปินเหมือนจะแอบฝากตัวเป็นศิษย์ของจางเต๋อหลินด้วยได้ไหว้เจ้าสำนักของสำนักไป๋เกาเป็นอาจารย์ ไม่ธรรมดาเลยจากคำพูดของเขาเมื่อครู่สามารถดูออกได้ว่า เรื่องที่เขาไหว้จางเต๋อหลินเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเลยดูท่าจะมีความเป็นไปได้สูงเจียงปินคนนี้ อนาคตก้าวไกลอย่างมากแต่สิ่งที่ทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยปวดหัวก็คือ เธอในฐานะดาวคณะของคณะแพทยศาสตร์ เจียงปินคนนี้เพิ่งกลับมาก็ตามตอแยเธอแน่นอนว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รู้สึกรังเกียจเจียงปินเจียงปินเป็นคนที่สุภาพกับคนอื่น เป็นคนที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงขึ้นที่โจวเสี่ยวหางก็จับคู่พวกเขาสองคนอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่า โจวเสี่ยวหางคิดว่า เจียงปินคนนี้เหมาะสมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยมากกว่าหลินเฟิงแต่ทุกครั้งเจียงปินอยู่ต่อหน้าเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยมักจะชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับหลินเฟิงจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงตัดสินใจไม่ได้ชั่วคราวจึงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท