“ไม่ต้องแล้ว ผมอยู่ที่เมืองจิงเฉิงไม่นานเท่าไหร่ รถคันนี้ฝืนขับได้ ไม่ต้องไปซื้อรถคันอื่นแล้ว”หลินเฟิงมองดูกุญแจรถที่ตู้ไหวยัดมาให้ เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ในเมื่อมียานพาหนะคันหนึ่งก็มีความจำเป็นอยู่”แต่ทว่ายานพาหนะที่ฝืนขับแก้ขัดในสายตาของเขา กลับดึงดูดเสียงอุทานของกลุ่มผู้ชายที่อยู่ห่างออกไป“เชี่ย! เซมาราติ รถคันนี้เป็นของเจ้าพ่อคนไหนกัน!”“นี่เป็นถิ่นของคุณชายตู้ ก็ต้องเป็นของคุณชายตู้ไหม?”“เจ๋งไปเลย ท้องรถต่ำมากเลย!”หลังจากคำชมที่กลุ่มผู้ชายมีต่อรถมาเซราติ หลงเสี่ยวจวิ้นที่ยืนนำหน้าพวกผู้ชายก็มีสีหน้าอิจฉาเช่นกันแต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ เขาเบะปากพูด:“อีกไม่กี่วันพ่อของฉันก็จะเปลี่ยนรถแล้ว ถึงแม้จะด้อยกว่ารถคันนี้นิดหน่อย แต่ก็ด้อยกว่าไม่เยอะเท่าไหร่ อีกไม่กี่วันฉันจะขับออกมาให้พวกนายดู”“สุดยอด ไม่เสียแรงที่เป็นพี่เสี่ยวจวิ้น!”“เพียงแต่ถึงเวลาพวกเรากลัวว่าจะไม่ได้นั่งน่ะสิ คงจะเตรียมเอาไว้ให้จื่อเสวียน”“หึหึ...”ได้ยินคำเยินยอของผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ หลงเสี่ยวจวิ้นก็เกิดความภาคภูมิใจอย่างมากในทันที“แน่อยู่แล้ว...”วินาทีต่อมา หลงเซียวจวิ้นเงยหน้าขึ้น เห็นคนที่คุ้นเคยอ
ไปสับมือของหลินเฟิง ไม่ต้องพูดว่าเขามีความสามารถนี้หรือไม่ ต่อให้มีเขาก็ไม่กล้าหรอกนะ!ขณะคิด คุณชายตู้ก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อ สะบัดฝ่ามือตบไปที่บนใบหน้าของหลงเสี่ยวจวิ้นเสียงก้องดัง “เพียะ”คุณชายตู้ชี้หน้าด่าทอไปทางหลงเสี่ยวจวิ้นที่กำลังมึนงงและล้มอยู่บนพื้น:“นายรู้ไหมว่าคุณหลินเป็นใครกัน? นายที่เป็นแค่เศษสวะ ยังอยากจะต่อกลอนกับคุณหลินงั้นเหรอ?”“แกเป็นใคร นับประสาอะไรวะ?”“ต่อไปถ้าหากนายยังกล้าพูดจาไม่สุภาพเกรงใจต่อคุณหลินอีก ฉันเห็นนายกี่ครั้งก็จะตีนายเท่านั้น รีบไสหัวไปซะ!”“อย่ามาสร้างความสกปรกในสายตาของฉัน!”หลังจากด่าทอเสร็จ เขายังรู้สึกไม่สะใจ จึงถีบไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นจนล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ขากเสลดถุยไปที่ใบหน้าของเขา และหันหลังเดินกลับไปที่ร้านเหล้า“ฮะนี่มัน...”ไม่ไกลนัก เมื่อมองเห็นเสี่ยวหลงจวิ้นถูกคุณชายตู้เหยียดหยามและกระทืบ พวกผู้ชายเผยสีหน้าที่กระอักกระอ่วนออกมาอย่างมากพวกผู้หญิงก็วิพากษ์วิจารณ์และรู้สึกรังเกียจอย่างถึงที่สุด“คุณว่า...”ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นพู้กับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เสียงเบา: “มีความเป็นไปได้ไหมว่า คุณหลินคนนั้นก็คือบุคคลที่มีชื่อเสียง ค
เห็นหลินเฟิงใบหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา และนอนหนุนแขนทั้งสองข้างอยู่บนเตียงอวี๋จื่อเสวียนกลอกตามองบน จากนั้นคุกเข่าพูดเสียงที่ข้างหูของหลินเฟิง: “เฮ้ย! คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า?!”“ได้ยินแล้ว”หลินเฟิงแคะหู จากนั้นพลิกตัวหันหลังให้อวี๋จื่อเสวียนด้วยความจนปัญญา และพูดแบบขอไปที:“ได้ ฉันพอใจอย่างมาก ฝึกต่อไป พยายามเข้าสู้ ๆ”“ดังนั้น เธอออกไปได้แล้วยัง?”นี่คือห้องของฉัน”“นี่ยังเป็นบ้านของฉันนะ! คุณพูดแล้วไม่ใช่เหรอฝึกกำลังภายในออกมาได้ก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉัน?”“เธอยังด้อยอีกเยอะเลย”หลินเฟิงโบกมือ เหมือนกับกำลังไล่ยุง“นี่คุณเป็นอะไร? ทำไมถึงรังเกียจฉันแบบนี้?”อวี๋จื่อเสวียนมือเท้าเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห“ตรงไหนกัน?”หลินเฟิงพูดด้วยความกลัดกลุ้ม:“ฉันพูดหน่อย เธออย่าพูดอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้ไหม?” ถึงแม้ฉันจะไม่ใส่ใจกับชื่อเสียงนัก แต่ก็ยังต้องการศักดิ์ศรีอยู่”“ฮะ?”เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะตั้งตัวได้ จากนั้นเริ่มครุ่นคิดถึงตอนที่หลินเฟิงเดินเข้าประตูมาว่าเธอพูด ะไรเมื่อนึกขึ้นมาได้แล้วอวี๋จื่อเสวียนใบหน้าแข็งทื่อ และพูดอย่างไม่
“ช่างเถอะ”เขาส่ายหน้าอันที่จริงแล้วหลินเฟิงไม่อยากสอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอสักเท่าไหร่ ในเมื่อภายในร่างกายของเธอมีตราประทับสายบู๊อยู่ มีคนในครอบครัวกัดกันการย่างเข้าสู่ทางบู๊ของเธอคนผู้นั้น เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นอาอวี๋ หรือเป็นแม่ของอวี๋จื่อเสวียนแต่ต้านพรสวรรค์ที่โดดเด่นของอวี๋จื่อเสวียนไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะพึ่งพาตัวเองจนฝึกกำลังภายในออกมาได้ เอาชนะตราประทับบู๊ได้อันที่จริงหลินเฟิงเป็นคนที่ชื่นชอบคนที่มีพรสวรรค์“รวบรวมกำลังภายในไปที่จุดหยางฉือ ในตอนที่ปล่อยหมัดก็ปล่อยกำลังภายในออกมาโดยจุดจงจู่ กับจุดเหอกู่รวมเป็นเสี่ยวโจวเทียน(การนั่งสมาธิขั้นสูงแบบลัทธิเต๋า)”“นี่ก็คือหมัดกระตุ้นสวรรค์ หนึ่งในศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่สุด”หลินเฟิงยังพูดไม่จบ นี่คือหนึ่งในวิชาหมัดพื้นฐานที่พวกเขาเรียนรู้จากสำนักเสวียนเทียน“ออกไป!”หลินเฟิงแสดงให้อวี๋จื่อเสวียนผ่าน ๆเห็นเพียงหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป กลับมีเสียงระเบิดดังเกิดขึ้น และระเบิดแอปเปิ้ลหนึ่งลูกที่วางอยู่บนโต๊ะจนเละ“เจ๋งมากเลย!”อวี๋จื่อเสวียนมีกำลังภายใน ก็ถือว่าเป็นครึ่งของผู้เชี่ยวชาญแล้วเห็นหลินเฟิงมีฝีมือแบบนี
หลินเฟิงเหลือบมองหลานเฟย เห็นหลานเฟยพยักหน้า หลินเฟิงถึงได้เดินเข้าไปรับไว้ จากนั้นก็มองไปทางอู๋เยว่เซี๋ยด้วยความงุนงงเล็กน้อย“เอาล่ะ ในเมื่อนายรับเช็กใบนี้เอาไว้แล้ว งั้นก็แสดงว่านายรับข้อเสนอของตระกูลถังแล้ว ไปเถอะ ฉันทนอยู่ที่รังหนูแบบนี้แม้แต่นาทีเดียวต่อไปไม่ได้แล้ว”ขณะพูด อู๋เยว่เซี๋ยก็โบกมือ บอกให้หลานเฟยไปขับรถ“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นทั้งสองคนจะกลับไป หลินเฟิงก็เข้าไปขวางทางตรงหน้าของพวกเธอ จากนั้นพูดอย่างงุนงง: “เงื่อนไขของตระกูลถังอะไร? ทำไมผมไม่รู้? อีกอย่าง...”หลินเฟิงมองดูเช็กที่มีเลขศูนย์ทอดยาว และโบกไปมา: “นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอ? แม่เจ้า สมองทึ่มจริง ๆ”อู๋เยว่เซี๋ยกลอกตาพูด: “เช็กเงินห้าพันล้านบาทที่อยู่ในมือของนาย เอาเช็กใบนี้ไปแล้วก็อย่ามารบกวนถังหว่านของเราอีก”“เป็นอย่างไรบ้าง? พอใจแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดของอู๋เยว่เซี๋ย หลินเฟิงมองไปทางหลานเฟยด้วยความโมโห และถามว่า: “หลานเฟย นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ”หลานเฟยถอนหายใจอย่างจนปัญญาเธอพูดว่า: “คุณหลินเฟิง คุณหนูถังหว่านตัดสินใจที่จะแต่งงานกับคุณชายหลงยวนของตร
เธอรู้ว่า ความสามารถของหลินเฟิงไม่ใช่ว่าเธอ และบอดี้การ์ดเหล่านี้ที่อู๋เยว่เซี๋ยพามาจะสามารถตีเสมอได้ถ้าหากทำให้หลินเฟิงโมโห งั้นพวกเธอก็จะเดือดร้อนเป็นอย่างมากหลานเฟยพูดขอร้องอย่างยากลำบาก: “คุณหลินเฟงิ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพวกเราจะสามารถตัดสินใจได้ ฉันได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า...”“นี่คือสิ่งที่คุณได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วงั้นเหรอ?!”หลินเฟิงใบหน้าโกรธเกรี้ยว จากนั้นชี้ไปที่อู๋เยว่เซี๋ยที่หน้าซีดขาว“ดีมาก! พี่หลินเฟิง กระทืบแม่มดแก่ตาบอดคนนั้นซะ!”ในตอนนี้ บนตึกด้านหลังมีเสียงร้องเชียร์ของอวี๋จื่อเสวียนดังขึ้นที่แท้เธอมองดูอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด“แกด่าใครว่าแม่มดแก่? อีสัตว์เดียรัจฉาน!”เสียงด่าของอวี๋จื่อเสวียนเหมือนกับสัมผัสโดนจุดระเบิดของอู๋เยว่เซี๋ย เธอเกลียดที่คนอื่นต่อว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเธอมากที่สุด เธอมือเท้าเอวด่าอวี๋จื่อเสวียนอย่างสาดเสียเทเสีย ตอนนี้เธอเหมือนกับผู้หญิงปากร้ายอย่างถึงที่สุด“ทุกคนใจเย็นๆ หน่อย!”หลานเฟยยืนออกมา เธอรู้ว่าวันนี้คงจะเจรจาไม่สำเร็จแล้ว เพราะเมื่อดูแบบนี้แล้ว หลินเฟิงไม่คิดที่จะยอมแพ้ด้วยซ้ำและถ้าหากว่าปล่อยให้สถานการณ์ดำเนิ
เขายังไม่ทันได้เข้าประตู ก็ถูกชาวบ้านละแวกใกล้ ๆ ดึงเอาไว้ด้วยสีหน้าที่มีลับลมคมนัยป้าข้างบ้านดึงเขาเข้าไปในมุมซอกซอย และเล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินในวันนี้ให้ฟัง“อะไรนะ? คุณบอกว่าจื่อเสวียนตั้งครรภ์ลูกของคนอื่นงั้นเหรอ?!” ข่าวนี้ทำให้อาอวี๋ตกตะลึงจนแทบจะยืนไม่มั่นคง“แถมยังเป็นลูกคนรวยด้วยนะ ขับรถมาเซราติ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร!”อาอวี๋โมโหจนปอดแทบจะระเบิดโดยเฉพาะในตอนที่เขาเห็นรถมาเซราติคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านของตัวเอง เขาก็ยิ่งโมโหจนแทบระเบิดตั้งแต่แม่ของจื่อเสวียนตายไป จื่อเสวียนก็เป็นสายใยเพียงหนึ่งเดียวของอาอวี๋ ความอ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรีหลายปีมานี้ จำทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เพื่ออะไรกัน?ไม่ใช่เพราะอยากให้จื่อเสวียนเติบโตมาอย่างราบรื่นงั้นเหรอ?ผลปรากฏว่าเธอเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ ก็ตั้งครรภ์ลูกของคนเสเพลที่ข้างนอกแล้วงั้นเหรอ?นี่ทำให้อาอวี๋ไม่สามารถยอมรับได้ความโมโหที่อดกลั้นมาหลายปีนี้เกือบจะทำให้เขาสูญเสียสติ“หือ?”แต่ในตอนที่เขาเข้ามาในลานบ้านของตัวเอง กลับพบเห็นความผิดปกติรถยนต์หงฉีคันหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ที่ข้างกำแพงอยู่แบบนั้น คุณหลินกลับยืนอ
หลินเฟิงขับรถมาเซราติที่ตู้ไหวมอบให้ไปรับลมกับอวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยก็กลับมาถึงที่ในบ้านของตัวเองแล้วเขาวิ่งกลับไปทางห้องนอนของพ่อด้วยความรีบร้อน และก็ได้เจอกับจีหาวลูกชายของจีอวิ๋นเทียนพี่ชายของตัวเองเด็กที่อายุประมาณหกขวบนั่งอยู่ที่หน้าประตู เล่นปืนฉีดน้ำอยู่กับคนรับใช้ เมื่อเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยเข้ามา เขากลับหันเป้าหมายของปืนฉีดน้ำมาที่ตนเอง และฉีดไปที่ใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยถูกฉีดจนเต็มไปด้วยน้ำ เสื้อผ้าก็เปียกชื้น จีหาวตบขาแล้วหัวเราะเสียงดัง จากนั้นชี้จีอวิ๋นเจี๋ย ใช้โคลงกาพย์กลอนพูดเยาะเย้ย:“จีอวิ๋นเจี๋ย มั่วโลกีย์ เรียกพ่อของฉันว่าปู่”“เรียกปู่เรียกได้สนิทสนมขนาดนี้ นายเรียกฉันว่าพ่อ จะได้ไหม?”“นาย!”จีอวิ๋นเจี๋ยจับผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง และมองเด็กเกเรคนนี้ด้วยความโมโหได้ยินคำพูดเยาะเย้ยที่ไม่ไว้หน้ากันจากปากของเด็กเวรคนนี้ เขาอยากจะเข้าไปตบหน้าเด็กเกเรคนนี้แรงๆ สักสองครั้งแต่เขาทำไม่ได้นี่คือลูกของพี่ชายของเขา ถ้าเขากล้าแตะต้อง งั้นเขาก็อาจจะต้องถูกพี่ชายของตัวเองกระทืบอย่างรุนแรง“หึ”