“ไม่ต้องแล้ว ผมอยู่ที่เมืองจิงเฉิงไม่นานเท่าไหร่ รถคันนี้ฝืนขับได้ ไม่ต้องไปซื้อรถคันอื่นแล้ว”หลินเฟิงมองดูกุญแจรถที่ตู้ไหวยัดมาให้ เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ในเมื่อมียานพาหนะคันหนึ่งก็มีความจำเป็นอยู่”แต่ทว่ายานพาหนะที่ฝืนขับแก้ขัดในสายตาของเขา กลับดึงดูดเสียงอุทานของกลุ่มผู้ชายที่อยู่ห่างออกไป“เชี่ย! เซมาราติ รถคันนี้เป็นของเจ้าพ่อคนไหนกัน!”“นี่เป็นถิ่นของคุณชายตู้ ก็ต้องเป็นของคุณชายตู้ไหม?”“เจ๋งไปเลย ท้องรถต่ำมากเลย!”หลังจากคำชมที่กลุ่มผู้ชายมีต่อรถมาเซราติ หลงเสี่ยวจวิ้นที่ยืนนำหน้าพวกผู้ชายก็มีสีหน้าอิจฉาเช่นกันแต่ปากกลับไม่ยอมแพ้ เขาเบะปากพูด:“อีกไม่กี่วันพ่อของฉันก็จะเปลี่ยนรถแล้ว ถึงแม้จะด้อยกว่ารถคันนี้นิดหน่อย แต่ก็ด้อยกว่าไม่เยอะเท่าไหร่ อีกไม่กี่วันฉันจะขับออกมาให้พวกนายดู”“สุดยอด ไม่เสียแรงที่เป็นพี่เสี่ยวจวิ้น!”“เพียงแต่ถึงเวลาพวกเรากลัวว่าจะไม่ได้นั่งน่ะสิ คงจะเตรียมเอาไว้ให้จื่อเสวียน”“หึหึ...”ได้ยินคำเยินยอของผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ หลงเสี่ยวจวิ้นก็เกิดความภาคภูมิใจอย่างมากในทันที“แน่อยู่แล้ว...”วินาทีต่อมา หลงเซียวจวิ้นเงยหน้าขึ้น เห็นคนที่คุ้นเคยอ
ไปสับมือของหลินเฟิง ไม่ต้องพูดว่าเขามีความสามารถนี้หรือไม่ ต่อให้มีเขาก็ไม่กล้าหรอกนะ!ขณะคิด คุณชายตู้ก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อ สะบัดฝ่ามือตบไปที่บนใบหน้าของหลงเสี่ยวจวิ้นเสียงก้องดัง “เพียะ”คุณชายตู้ชี้หน้าด่าทอไปทางหลงเสี่ยวจวิ้นที่กำลังมึนงงและล้มอยู่บนพื้น:“นายรู้ไหมว่าคุณหลินเป็นใครกัน? นายที่เป็นแค่เศษสวะ ยังอยากจะต่อกลอนกับคุณหลินงั้นเหรอ?”“แกเป็นใคร นับประสาอะไรวะ?”“ต่อไปถ้าหากนายยังกล้าพูดจาไม่สุภาพเกรงใจต่อคุณหลินอีก ฉันเห็นนายกี่ครั้งก็จะตีนายเท่านั้น รีบไสหัวไปซะ!”“อย่ามาสร้างความสกปรกในสายตาของฉัน!”หลังจากด่าทอเสร็จ เขายังรู้สึกไม่สะใจ จึงถีบไปที่หลงเสี่ยวจวิ้นจนล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ขากเสลดถุยไปที่ใบหน้าของเขา และหันหลังเดินกลับไปที่ร้านเหล้า“ฮะนี่มัน...”ไม่ไกลนัก เมื่อมองเห็นเสี่ยวหลงจวิ้นถูกคุณชายตู้เหยียดหยามและกระทืบ พวกผู้ชายเผยสีหน้าที่กระอักกระอ่วนออกมาอย่างมากพวกผู้หญิงก็วิพากษ์วิจารณ์และรู้สึกรังเกียจอย่างถึงที่สุด“คุณว่า...”ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นพู้กับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เสียงเบา: “มีความเป็นไปได้ไหมว่า คุณหลินคนนั้นก็คือบุคคลที่มีชื่อเสียง ค
เห็นหลินเฟิงใบหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา และนอนหนุนแขนทั้งสองข้างอยู่บนเตียงอวี๋จื่อเสวียนกลอกตามองบน จากนั้นคุกเข่าพูดเสียงที่ข้างหูของหลินเฟิง: “เฮ้ย! คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า?!”“ได้ยินแล้ว”หลินเฟิงแคะหู จากนั้นพลิกตัวหันหลังให้อวี๋จื่อเสวียนด้วยความจนปัญญา และพูดแบบขอไปที:“ได้ ฉันพอใจอย่างมาก ฝึกต่อไป พยายามเข้าสู้ ๆ”“ดังนั้น เธอออกไปได้แล้วยัง?”นี่คือห้องของฉัน”“นี่ยังเป็นบ้านของฉันนะ! คุณพูดแล้วไม่ใช่เหรอฝึกกำลังภายในออกมาได้ก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉัน?”“เธอยังด้อยอีกเยอะเลย”หลินเฟิงโบกมือ เหมือนกับกำลังไล่ยุง“นี่คุณเป็นอะไร? ทำไมถึงรังเกียจฉันแบบนี้?”อวี๋จื่อเสวียนมือเท้าเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห“ตรงไหนกัน?”หลินเฟิงพูดด้วยความกลัดกลุ้ม:“ฉันพูดหน่อย เธออย่าพูดอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดได้ไหม?” ถึงแม้ฉันจะไม่ใส่ใจกับชื่อเสียงนัก แต่ก็ยังต้องการศักดิ์ศรีอยู่”“ฮะ?”เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะตั้งตัวได้ จากนั้นเริ่มครุ่นคิดถึงตอนที่หลินเฟิงเดินเข้าประตูมาว่าเธอพูด ะไรเมื่อนึกขึ้นมาได้แล้วอวี๋จื่อเสวียนใบหน้าแข็งทื่อ และพูดอย่างไม่
“ช่างเถอะ”เขาส่ายหน้าอันที่จริงแล้วหลินเฟิงไม่อยากสอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอสักเท่าไหร่ ในเมื่อภายในร่างกายของเธอมีตราประทับสายบู๊อยู่ มีคนในครอบครัวกัดกันการย่างเข้าสู่ทางบู๊ของเธอคนผู้นั้น เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นอาอวี๋ หรือเป็นแม่ของอวี๋จื่อเสวียนแต่ต้านพรสวรรค์ที่โดดเด่นของอวี๋จื่อเสวียนไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะพึ่งพาตัวเองจนฝึกกำลังภายในออกมาได้ เอาชนะตราประทับบู๊ได้อันที่จริงหลินเฟิงเป็นคนที่ชื่นชอบคนที่มีพรสวรรค์“รวบรวมกำลังภายในไปที่จุดหยางฉือ ในตอนที่ปล่อยหมัดก็ปล่อยกำลังภายในออกมาโดยจุดจงจู่ กับจุดเหอกู่รวมเป็นเสี่ยวโจวเทียน(การนั่งสมาธิขั้นสูงแบบลัทธิเต๋า)”“นี่ก็คือหมัดกระตุ้นสวรรค์ หนึ่งในศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่สุด”หลินเฟิงยังพูดไม่จบ นี่คือหนึ่งในวิชาหมัดพื้นฐานที่พวกเขาเรียนรู้จากสำนักเสวียนเทียน“ออกไป!”หลินเฟิงแสดงให้อวี๋จื่อเสวียนผ่าน ๆเห็นเพียงหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป กลับมีเสียงระเบิดดังเกิดขึ้น และระเบิดแอปเปิ้ลหนึ่งลูกที่วางอยู่บนโต๊ะจนเละ“เจ๋งมากเลย!”อวี๋จื่อเสวียนมีกำลังภายใน ก็ถือว่าเป็นครึ่งของผู้เชี่ยวชาญแล้วเห็นหลินเฟิงมีฝีมือแบบนี
หลินเฟิงเหลือบมองหลานเฟย เห็นหลานเฟยพยักหน้า หลินเฟิงถึงได้เดินเข้าไปรับไว้ จากนั้นก็มองไปทางอู๋เยว่เซี๋ยด้วยความงุนงงเล็กน้อย“เอาล่ะ ในเมื่อนายรับเช็กใบนี้เอาไว้แล้ว งั้นก็แสดงว่านายรับข้อเสนอของตระกูลถังแล้ว ไปเถอะ ฉันทนอยู่ที่รังหนูแบบนี้แม้แต่นาทีเดียวต่อไปไม่ได้แล้ว”ขณะพูด อู๋เยว่เซี๋ยก็โบกมือ บอกให้หลานเฟยไปขับรถ“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นทั้งสองคนจะกลับไป หลินเฟิงก็เข้าไปขวางทางตรงหน้าของพวกเธอ จากนั้นพูดอย่างงุนงง: “เงื่อนไขของตระกูลถังอะไร? ทำไมผมไม่รู้? อีกอย่าง...”หลินเฟิงมองดูเช็กที่มีเลขศูนย์ทอดยาว และโบกไปมา: “นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอ? แม่เจ้า สมองทึ่มจริง ๆ”อู๋เยว่เซี๋ยกลอกตาพูด: “เช็กเงินห้าพันล้านบาทที่อยู่ในมือของนาย เอาเช็กใบนี้ไปแล้วก็อย่ามารบกวนถังหว่านของเราอีก”“เป็นอย่างไรบ้าง? พอใจแล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดของอู๋เยว่เซี๋ย หลินเฟิงมองไปทางหลานเฟยด้วยความโมโห และถามว่า: “หลานเฟย นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”“เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ”หลานเฟยถอนหายใจอย่างจนปัญญาเธอพูดว่า: “คุณหลินเฟิง คุณหนูถังหว่านตัดสินใจที่จะแต่งงานกับคุณชายหลงยวนของตร
เธอรู้ว่า ความสามารถของหลินเฟิงไม่ใช่ว่าเธอ และบอดี้การ์ดเหล่านี้ที่อู๋เยว่เซี๋ยพามาจะสามารถตีเสมอได้ถ้าหากทำให้หลินเฟิงโมโห งั้นพวกเธอก็จะเดือดร้อนเป็นอย่างมากหลานเฟยพูดขอร้องอย่างยากลำบาก: “คุณหลินเฟงิ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพวกเราจะสามารถตัดสินใจได้ ฉันได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่า...”“นี่คือสิ่งที่คุณได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วงั้นเหรอ?!”หลินเฟิงใบหน้าโกรธเกรี้ยว จากนั้นชี้ไปที่อู๋เยว่เซี๋ยที่หน้าซีดขาว“ดีมาก! พี่หลินเฟิง กระทืบแม่มดแก่ตาบอดคนนั้นซะ!”ในตอนนี้ บนตึกด้านหลังมีเสียงร้องเชียร์ของอวี๋จื่อเสวียนดังขึ้นที่แท้เธอมองดูอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด“แกด่าใครว่าแม่มดแก่? อีสัตว์เดียรัจฉาน!”เสียงด่าของอวี๋จื่อเสวียนเหมือนกับสัมผัสโดนจุดระเบิดของอู๋เยว่เซี๋ย เธอเกลียดที่คนอื่นต่อว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเธอมากที่สุด เธอมือเท้าเอวด่าอวี๋จื่อเสวียนอย่างสาดเสียเทเสีย ตอนนี้เธอเหมือนกับผู้หญิงปากร้ายอย่างถึงที่สุด“ทุกคนใจเย็นๆ หน่อย!”หลานเฟยยืนออกมา เธอรู้ว่าวันนี้คงจะเจรจาไม่สำเร็จแล้ว เพราะเมื่อดูแบบนี้แล้ว หลินเฟิงไม่คิดที่จะยอมแพ้ด้วยซ้ำและถ้าหากว่าปล่อยให้สถานการณ์ดำเนิ
เขายังไม่ทันได้เข้าประตู ก็ถูกชาวบ้านละแวกใกล้ ๆ ดึงเอาไว้ด้วยสีหน้าที่มีลับลมคมนัยป้าข้างบ้านดึงเขาเข้าไปในมุมซอกซอย และเล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินในวันนี้ให้ฟัง“อะไรนะ? คุณบอกว่าจื่อเสวียนตั้งครรภ์ลูกของคนอื่นงั้นเหรอ?!” ข่าวนี้ทำให้อาอวี๋ตกตะลึงจนแทบจะยืนไม่มั่นคง“แถมยังเป็นลูกคนรวยด้วยนะ ขับรถมาเซราติ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร!”อาอวี๋โมโหจนปอดแทบจะระเบิดโดยเฉพาะในตอนที่เขาเห็นรถมาเซราติคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านของตัวเอง เขาก็ยิ่งโมโหจนแทบระเบิดตั้งแต่แม่ของจื่อเสวียนตายไป จื่อเสวียนก็เป็นสายใยเพียงหนึ่งเดียวของอาอวี๋ ความอ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรีหลายปีมานี้ จำทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เพื่ออะไรกัน?ไม่ใช่เพราะอยากให้จื่อเสวียนเติบโตมาอย่างราบรื่นงั้นเหรอ?ผลปรากฏว่าเธอเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ ก็ตั้งครรภ์ลูกของคนเสเพลที่ข้างนอกแล้วงั้นเหรอ?นี่ทำให้อาอวี๋ไม่สามารถยอมรับได้ความโมโหที่อดกลั้นมาหลายปีนี้เกือบจะทำให้เขาสูญเสียสติ“หือ?”แต่ในตอนที่เขาเข้ามาในลานบ้านของตัวเอง กลับพบเห็นความผิดปกติรถยนต์หงฉีคันหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ที่ข้างกำแพงอยู่แบบนั้น คุณหลินกลับยืนอ
หลินเฟิงขับรถมาเซราติที่ตู้ไหวมอบให้ไปรับลมกับอวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้จีอวิ๋นเจี๋ยก็กลับมาถึงที่ในบ้านของตัวเองแล้วเขาวิ่งกลับไปทางห้องนอนของพ่อด้วยความรีบร้อน และก็ได้เจอกับจีหาวลูกชายของจีอวิ๋นเทียนพี่ชายของตัวเองเด็กที่อายุประมาณหกขวบนั่งอยู่ที่หน้าประตู เล่นปืนฉีดน้ำอยู่กับคนรับใช้ เมื่อเห็นจีอวิ๋นเจี๋ยเข้ามา เขากลับหันเป้าหมายของปืนฉีดน้ำมาที่ตนเอง และฉีดไปที่ใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยโดยตรง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ยถูกฉีดจนเต็มไปด้วยน้ำ เสื้อผ้าก็เปียกชื้น จีหาวตบขาแล้วหัวเราะเสียงดัง จากนั้นชี้จีอวิ๋นเจี๋ย ใช้โคลงกาพย์กลอนพูดเยาะเย้ย:“จีอวิ๋นเจี๋ย มั่วโลกีย์ เรียกพ่อของฉันว่าปู่”“เรียกปู่เรียกได้สนิทสนมขนาดนี้ นายเรียกฉันว่าพ่อ จะได้ไหม?”“นาย!”จีอวิ๋นเจี๋ยจับผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง และมองเด็กเกเรคนนี้ด้วยความโมโหได้ยินคำพูดเยาะเย้ยที่ไม่ไว้หน้ากันจากปากของเด็กเวรคนนี้ เขาอยากจะเข้าไปตบหน้าเด็กเกเรคนนี้แรงๆ สักสองครั้งแต่เขาทำไม่ได้นี่คือลูกของพี่ชายของเขา ถ้าเขากล้าแตะต้อง งั้นเขาก็อาจจะต้องถูกพี่ชายของตัวเองกระทืบอย่างรุนแรง“หึ”
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน