แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยที่ก่อนเปิดศึกยังคงแสดงความคิดเห็นต่อหลินเฟิงไม่หยุด ตอนนี้มองดูรอยแตกขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว หนังหน้าก็กระตุกไม่หยุด ขาทั้งสองข้างก็สั่นอย่างเต็มที่ผู้ชายที่อยู่ข้างกายเขาแต่ละคนก็ยิ่งตกใจจนหน้าถอดสี สีหน้าซีดขาว ถึงขั้นที่มีสองคนคุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง“พรึ่บ”เซวียผานคุกเข่าลงสีหน้าของเขาเฉื่อยชา มองดูกำปั้นของหลินเฟิงที่อยู่บนเวทีที่เล็งมาทางเขา และร่องแตกลึกที่อยู่ใต้เท้า คนทั้งคนก็ตกอยู่ในความงุนงในสมองที่ว่างเปล่า“นี่...นี่ใช่คนเหรอ?”“เขา...เขาทำได้อย่างไร? ฉันไม่ได้กำลังดูภาพยนตร์อยู่หรอกนะ?”“มา นายหยิกฉันหน่อย ฉันดูสิว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”ลูกศิษย์ของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่โดยรอบต่างตกอยู่ในความงุนงงถูกต้องแล้วหลังจากตกตะลึงในขั้นสุด ก็จะเป็นความงุนงงไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นพลังของเทพเจ้าสินะ? จะเป็นเรื่องที่คนสามารถทำได้ได้อย่างไร?ทุกคนถูกหมัดนี้ของหลินเฟิงทำให้ตกใจจนสีหน้าซีดขาวและพี่ใหญ่ของสี่เทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ใกล้หลินเฟิงมากที่สุด ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างตกใจจนสูญเสียแววตาไปแล้ว คนทั้งคนก็ตัวอ่อนทรรุดนั่งลงบนพื้น น้ำลายไหลออกมาจากปา
หลินเฟิงเดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นมือไขว้หลังยืนขึ้น: “ถ้าหากแก๊งเลี่ยหยางของคุณยังมียอดฝีมือ งั้นก็เชิญออกมา ผมรับได้หมด”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของหลินเฟิง เซวียผานรู้ว่า วันนี้เกรงว่าสถานการณ์เลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้วแม้แต่คุณชายจีก็กลัวว่าหลินเฟิงจะพาลใส่ และก็ให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง งั้นเขายังมีอะไรจะให้พูดอีก?ดังนั้นเขาจึงหาช่องทางที่ไม่ทำให้อับอายขายหน้า และพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ในเมื่อคุณชายจีออกคำสั่ง งั้นผมเซวียผานจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ผมตกลงครับ”เขามองไปทางตู้ไหวที่อยู่ข้างกาย ในดวงตาเผยความไม่ยินยอมกับความจนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศเสียงดังว่า: “นับตั้งแต่วันนี้ ฉันเซวียผานสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง”“หัวหน้าแก๊งคนถัดไป ก็จะมีตู้ไหวรับตำแหน่ง!”พูดประโยคนี้จบ เซวียผานก็ถอนหายใจ และประสานมือไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย“งั้นผมขอตัวลาครับ”เซวียผานในตอนนี้สูญเสียที่พึ่งทั้งหมดของตัวเองไปแล้วสี่เทพผู้พิทักษ์ถูกโจมตีพ่ายแพ้ แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยก็ไม่ได้อยู่ข้างเขา เขาไม่สู้ตัวเองสละตำแหน่งออกมาเอง แบบนี้ยังถือว่ามีเกียรติยศไม่อย่างนั้นรอให้คนอื่นมาช่วยรักษาหน้าตาให้เขา
“ไม่ไม่ไม่ นี่มันคำพูดอะไรกันครับ”การแสดงความยินดีของจีอวิ๋นเจี๋ยทำให้ตู้ไหวตื่นตะลึงกับการได้รับความชื่นชม เขายิ้มแหยพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่ได้รับการยอมรับจากคุณชายจี ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางก็คงตกมาไม่ถึงผม”“ต่อไปคุณชายจีมีคำสั่งอะไร ก็เอ่ยปากได้เต็มที่”เห็นได้ชัดว่า ตู้ไหวคนนี้วางตัวเก่งอย่างมากหลังจากที่ปลอบโยนหลินเฟิงเสร็จ ก็รีบไปแสดงความจงรักภักดีของตัวเองต่อจีอวิ๋นเจี๋ย“คุณชายจีวางใจได้ ภายใต้การบัญชาของพี่ชายของผม แก๊งเลี่ยหยางจะต้องเจิรญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”น้องชายของตู้ไหวก็รีบเสนอหน้าเข้ามาเพื่อที่จะทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาจีอวิ๋นเจี๋ยยิ้มบางพยักหน้า ต่อมาในที่สุดเขาก็เผยหางจิ้งจอกของตัวเองออกมาเขามองไปทางหลินเฟิง และยิ้มพูด:“พี่หลินหว่าน อีกสักครู่คุณว่างไหม? ผมจองโต๊ะอาหารจัดเลี้ยงเอาไว้ที่โรงแรมข้าง ๆ ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติสักหน่อยไหม?”“ให้เกียรติครับ ให้เกียรติ”ในตอนนี้เอง เซวียผานที่กำลังจะจากไปด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม ดวงตาสว่างไสวขึ้น เขารีบวิ่งเข้ามาและยิ้มพูด:“ถึงแม้ผมจะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ตู้ไหวแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรายังคงม
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงก็รับปากแล้ว คิ้วของจีอวิ๋นเจี๋ยก็คลายออกช้า ๆ จากนั้นมองไปทางเซวียผานที่อยู่ข้าง ๆ และกลับรู้สึกถูกใจไอ้หมอนี่ขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วขณะแล้วแต่ไม่รู้เลยว่าในดวงตาของเซวียผานในตอนที่ก้มหน้าลงนั้น มีความชั่วร้ายเพียงน้อยนิดแวบผ่านไปในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้แล้ว เช่นนั้นก่อนที่จะจากไป เขาจะกวาดเงินก้อนใหญ่สักก้อน!”......ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกหลินเฟิงออกจากโรงบู๊เลี่ยหยางพวกเขาขับรถออกไป และเข้าสู่โรงแรมใหญ่ในเขตใต้ของเมืองตรงถนนอีกเส้นที่ห่างออกไปจากโรงบู๊ภายในห้องส่วนตัว หญิงสาวที่แต่งงานแล้วมีหน้าตาสวยงาม ดูอายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่งกำลังรินเหล้าให้หลินเฟิงและคนอื่น ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”ในตอนนี้เซวียผานไม่ได้มีความหดหู่จากการที่สูญเสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไป แต่กลับแสดงออกได้เบิกบานและดีใจอย่างผิดปกติ เขาหัวเราะเสียงดังกับตู้ไหวแล้วพูดว่า:“ตู้ไหว อันที่จริงนายไม่รู้เลยว่า ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งบ้าบออะไรตั้งนานแล้ว!”คำพูดนี้มีแต่ผีเท่านั้นที่จะเชื่อถึงแม้ตู้ไหวจะกลอกตามองบนอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสร้งถามด้วยความประหล
“ฮ่าฮ่า คุณหลินพูดอะไรกันครับ”ภายใต้การจ้องมองของคนโดยรอบ เซวียผานยิ้มบาง ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นยื่นไปที่ตรงหน้าของทุกคน และยิ้มพูด:“ดูท่าคุณหลินไม่เชื่อใจผมสินะครับ!”“พูดอะไรกันครับ”เมื่อเห็นเซวียผานดื่มเหล้าเข้าไป สายตาสงสัยของคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ หายไปบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยงก็เปลี่ยนไปครึกครื้นขึ้นมาระหว่างนั้นผู้คนชนแก้วกันไม่หยุด ส่วนน้องชายของตู้ไหวดื่มเยอะที่สุด ถึงขั้นที่เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหัวเราะไม่หยุดชายรับใช้ของจีอวิ๋นเจี๋ยถึงขั้นที่เต้นรำกันขึ้นมาระหว่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจีอวิ๋นเจี่ยอยากจะพูดคุยกับหลินเฟิงเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งหลินเฟิงจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้เขาจนปัญญาอย่างมากในที่สุดในตอนที่เหล้าขวดหนึ่งใกล้จะหมดแล้ว เซวียผานเลอออกมาและลุกขึ้นยืนเขาโซเซไปมาและยิ้มพูด: “ผมไปห้องน้ำหน่อย”“เดี๋ยวก่อน”หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายเขาลุกขึ้นยืน ใบหน้าของหลินเฟิงก็มีความมึนเมาอยู่เช่นเดียวกัน เขายิ้มพูดว่า: “ถอดกางเกงของคุณก่อนแล้วค่อยไป”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เซวียผานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็มองไปทางหลิ
เซวียผานถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหน้าอกและพูดว่า: “คนที่เป็นบ้าก็คือพวกแก! แม่งเอ๊ย!”หลังจากด่าเสร็จ เขาก็ใช้นิ้วของตัวเองชี้ไปทางตู้ไหว และถามด้วยความดุดัน: “ตู้ไหว แกมันไอ้คนสารเลว ฉันเคยปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับแกบ้างไหม เคยบ้างไหม?!”“ไม่เคย”ตู้ไหวใบหน้าเย็นชา และตอบกลับด้วยความใจเย็น“งั้นทำไมแกต้องแย่งตำแหน่งของฉันด้วย? ทำไมกัน?! ทำไมแกต้องหักหลังฉันด้วย?!”เมื่อเห็นว่าเซวียผานสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตู้ไหวก็ถอนหายใจออกมา“เซวียผาน ถ้าหากคุณเป็นผม คุณจะเลือกขึ้นตำแหน่งไหม?”ได้ยินคำพูดของตู้ไหว เซวียผานก็นิ่งอึ้งไป”ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมา“ฉันก็จะทำ”“งั้นคุณก็ไม่มีคุณสิทธิ์ตำหนิผม พวกเรามีความสัมพันธ์แค่หัวหน้ากับลูกน้องภายในแก๊ง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรต่อกันมากนัก”ตู้ไหวพูดด้วยความเย็นชา:“สิ่งที่ผมทำต่อคุณ ไม่นับว่าเป็นการหักหลังอะไร”“ใช้คำพูดของคุณนำมาพูด ตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผู้ที่เหมาะสมถึงจะได้รับตำแหน่งไป!”“ถุย!”เซวียผานถุยน้ำลายแล้วพูดต่อว่าขึ้นมา: “แกเอาความเหมาะสมมาจากที่ไหน? แกเป
“แก...แกฝัน...”คำว่า “ฝันไปเถอะ” ยังไม่ได้พูดอกมา ตู้ไหวก็พบว่าร่างกายของเขาเริ่มเสียการควบคุม หน้ามืดหัวหมุน ตาลายจนเห็นดาวเหมือนกับดื่มเหล้าเข้าไปเยอะมาก โลกทั้งใบสั่นไหวอยู่ตรงหน้า“ดูท่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว”เซวียผานมองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่โซเซล้มลง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจออกมาแต่ในตอนที่สายตาของเขาหยุดลงที่ตัวของหลินเฟิง เขากลับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขาพบว่า หลินเฟิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด ถึงขั้นที่ยังมองเขาด้วยความรู้สึกสนุกสนาน“แก...นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันเห็นกับตาว่าแกดื่มเข้าไปเยอะมาก ทำไม...ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรสักนิด?”“เป็นไปไม่ได้!”เซวียผานลุกลี้ลุกลน ความสามารถของหลินเฟิงทิ้งความทรงจำที่ฝังลึกไว้ให้ขาสี่เทพผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้บัญชาของเขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้รับผลกระทบจากผงจับมังกร เช่นนั้นทุกสิ่งที่เขาทำในวันนี้ก็ไร้ประโยชน์“ฉันคนนี้พอจะเชี่ยวชาญวิชาแพทย์อยู่บ้าง ผงจับมังกรของคุณสุดยอดมากจริง ๆ แต่ผมมองเล่ห์เหลี่ยมของคุณออกตั้งนานแล้ว”ขณะพูด หลินเฟิงก็ดึงเข็มเงินเล่
“ผลัวะ!”หลินเฟิงพลิกมือจับข้อเท้าของมือสังหารสาวเอาไว้ และออกแรงกระชากมือสังหารสาวคนนี้สูญเสียการทรงตัว ล้มมาในอ้อมแขนของหลินเฟิงโดยตรง อีกทั้งบนใบหน้ายังแดงระเรื่อจากความเขินอายหลินเฟิงเห็นแบบนี้ หางตาก็กระตุกแต่ความเขินอายนี้เป็นความรู้สึกที่มือสังหารสาวเสแสร้งออกมา จู่ ๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ริมฝีปากแดงเปิดออกเล็กน้อย เธอพ่นใบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากในปากใบมีดนี้ห่อหุ้มด้วยพลังชี่แท้ พุ่งไปที่ลำคอของหลินเฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า“หึ!”หลินเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นปล่อยพลังชี่แท้ออกมาข้างนอก ทำให้ใบมีดกระเด็นออไป“ลังเลแม้แต่นิดไม่ได้จริง ๆ...”หลินเฟิงสายตาเคร่งขรึม และใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของมือสังหารสาวเอาไว้ จากนั้นจับเธอกดลงบนกำแพง“ปึง!”หลังจากที่ร่างกายของมือสังหารสาวกระแทกบนกำแพงอย่างแรง เธอก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาเพียงแต่เสียงร้องนี้ยังแฝงไปด้วยความออดอ้อนเกรงว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้ยินก็คงจะมีความลังเลกันทั้งนั้นแต่ตอนนี้หลินเฟิงไม่มีทางให้เธอทำสำเร็จอีกแล้ว เขาออกแรงที่นิ้วมือ ได้ยินแค่เสียงดังกร่อบแกรบ ลำคอของมือสังหารสาวคนนี้ถูกหลินเฟิงบีบจนแตกหักไปโดยตรง