เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลินเฟิงก็รับปากแล้ว คิ้วของจีอวิ๋นเจี๋ยก็คลายออกช้า ๆ จากนั้นมองไปทางเซวียผานที่อยู่ข้าง ๆ และกลับรู้สึกถูกใจไอ้หมอนี่ขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วขณะแล้วแต่ไม่รู้เลยว่าในดวงตาของเซวียผานในตอนที่ก้มหน้าลงนั้น มีความชั่วร้ายเพียงน้อยนิดแวบผ่านไปในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้แล้ว เช่นนั้นก่อนที่จะจากไป เขาจะกวาดเงินก้อนใหญ่สักก้อน!”......ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกหลินเฟิงออกจากโรงบู๊เลี่ยหยางพวกเขาขับรถออกไป และเข้าสู่โรงแรมใหญ่ในเขตใต้ของเมืองตรงถนนอีกเส้นที่ห่างออกไปจากโรงบู๊ภายในห้องส่วนตัว หญิงสาวที่แต่งงานแล้วมีหน้าตาสวยงาม ดูอายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่งกำลังรินเหล้าให้หลินเฟิงและคนอื่น ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”ในตอนนี้เซวียผานไม่ได้มีความหดหู่จากการที่สูญเสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไป แต่กลับแสดงออกได้เบิกบานและดีใจอย่างผิดปกติ เขาหัวเราะเสียงดังกับตู้ไหวแล้วพูดว่า:“ตู้ไหว อันที่จริงนายไม่รู้เลยว่า ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งบ้าบออะไรตั้งนานแล้ว!”คำพูดนี้มีแต่ผีเท่านั้นที่จะเชื่อถึงแม้ตู้ไหวจะกลอกตามองบนอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสร้งถามด้วยความประหล
“ฮ่าฮ่า คุณหลินพูดอะไรกันครับ”ภายใต้การจ้องมองของคนโดยรอบ เซวียผานยิ้มบาง ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นยื่นไปที่ตรงหน้าของทุกคน และยิ้มพูด:“ดูท่าคุณหลินไม่เชื่อใจผมสินะครับ!”“พูดอะไรกันครับ”เมื่อเห็นเซวียผานดื่มเหล้าเข้าไป สายตาสงสัยของคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ หายไปบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยงก็เปลี่ยนไปครึกครื้นขึ้นมาระหว่างนั้นผู้คนชนแก้วกันไม่หยุด ส่วนน้องชายของตู้ไหวดื่มเยอะที่สุด ถึงขั้นที่เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหัวเราะไม่หยุดชายรับใช้ของจีอวิ๋นเจี๋ยถึงขั้นที่เต้นรำกันขึ้นมาระหว่างนั้นเห็นได้ชัดว่าจีอวิ๋นเจี่ยอยากจะพูดคุยกับหลินเฟิงเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งหลินเฟิงจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงทำให้เขาจนปัญญาอย่างมากในที่สุดในตอนที่เหล้าขวดหนึ่งใกล้จะหมดแล้ว เซวียผานเลอออกมาและลุกขึ้นยืนเขาโซเซไปมาและยิ้มพูด: “ผมไปห้องน้ำหน่อย”“เดี๋ยวก่อน”หลินเฟิงที่อยู่ข้างกายเขาลุกขึ้นยืน ใบหน้าของหลินเฟิงก็มีความมึนเมาอยู่เช่นเดียวกัน เขายิ้มพูดว่า: “ถอดกางเกงของคุณก่อนแล้วค่อยไป”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เซวียผานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็มองไปทางหลิ
เซวียผานถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหน้าอกและพูดว่า: “คนที่เป็นบ้าก็คือพวกแก! แม่งเอ๊ย!”หลังจากด่าเสร็จ เขาก็ใช้นิ้วของตัวเองชี้ไปทางตู้ไหว และถามด้วยความดุดัน: “ตู้ไหว แกมันไอ้คนสารเลว ฉันเคยปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับแกบ้างไหม เคยบ้างไหม?!”“ไม่เคย”ตู้ไหวใบหน้าเย็นชา และตอบกลับด้วยความใจเย็น“งั้นทำไมแกต้องแย่งตำแหน่งของฉันด้วย? ทำไมกัน?! ทำไมแกต้องหักหลังฉันด้วย?!”เมื่อเห็นว่าเซวียผานสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตู้ไหวก็ถอนหายใจออกมา“เซวียผาน ถ้าหากคุณเป็นผม คุณจะเลือกขึ้นตำแหน่งไหม?”ได้ยินคำพูดของตู้ไหว เซวียผานก็นิ่งอึ้งไป”ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้ถอนหายใจออกมา“ฉันก็จะทำ”“งั้นคุณก็ไม่มีคุณสิทธิ์ตำหนิผม พวกเรามีความสัมพันธ์แค่หัวหน้ากับลูกน้องภายในแก๊ง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรต่อกันมากนัก”ตู้ไหวพูดด้วยความเย็นชา:“สิ่งที่ผมทำต่อคุณ ไม่นับว่าเป็นการหักหลังอะไร”“ใช้คำพูดของคุณนำมาพูด ตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผู้ที่เหมาะสมถึงจะได้รับตำแหน่งไป!”“ถุย!”เซวียผานถุยน้ำลายแล้วพูดต่อว่าขึ้นมา: “แกเอาความเหมาะสมมาจากที่ไหน? แกเป
“แก...แกฝัน...”คำว่า “ฝันไปเถอะ” ยังไม่ได้พูดอกมา ตู้ไหวก็พบว่าร่างกายของเขาเริ่มเสียการควบคุม หน้ามืดหัวหมุน ตาลายจนเห็นดาวเหมือนกับดื่มเหล้าเข้าไปเยอะมาก โลกทั้งใบสั่นไหวอยู่ตรงหน้า“ดูท่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว”เซวียผานมองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่โซเซล้มลง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจออกมาแต่ในตอนที่สายตาของเขาหยุดลงที่ตัวของหลินเฟิง เขากลับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขาพบว่า หลินเฟิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรสักนิด ถึงขั้นที่ยังมองเขาด้วยความรู้สึกสนุกสนาน“แก...นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันเห็นกับตาว่าแกดื่มเข้าไปเยอะมาก ทำไม...ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรสักนิด?”“เป็นไปไม่ได้!”เซวียผานลุกลี้ลุกลน ความสามารถของหลินเฟิงทิ้งความทรงจำที่ฝังลึกไว้ให้ขาสี่เทพผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้บัญชาของเขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้รับผลกระทบจากผงจับมังกร เช่นนั้นทุกสิ่งที่เขาทำในวันนี้ก็ไร้ประโยชน์“ฉันคนนี้พอจะเชี่ยวชาญวิชาแพทย์อยู่บ้าง ผงจับมังกรของคุณสุดยอดมากจริง ๆ แต่ผมมองเล่ห์เหลี่ยมของคุณออกตั้งนานแล้ว”ขณะพูด หลินเฟิงก็ดึงเข็มเงินเล่
“ผลัวะ!”หลินเฟิงพลิกมือจับข้อเท้าของมือสังหารสาวเอาไว้ และออกแรงกระชากมือสังหารสาวคนนี้สูญเสียการทรงตัว ล้มมาในอ้อมแขนของหลินเฟิงโดยตรง อีกทั้งบนใบหน้ายังแดงระเรื่อจากความเขินอายหลินเฟิงเห็นแบบนี้ หางตาก็กระตุกแต่ความเขินอายนี้เป็นความรู้สึกที่มือสังหารสาวเสแสร้งออกมา จู่ ๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ริมฝีปากแดงเปิดออกเล็กน้อย เธอพ่นใบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากในปากใบมีดนี้ห่อหุ้มด้วยพลังชี่แท้ พุ่งไปที่ลำคอของหลินเฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า“หึ!”หลินเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นปล่อยพลังชี่แท้ออกมาข้างนอก ทำให้ใบมีดกระเด็นออไป“ลังเลแม้แต่นิดไม่ได้จริง ๆ...”หลินเฟิงสายตาเคร่งขรึม และใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของมือสังหารสาวเอาไว้ จากนั้นจับเธอกดลงบนกำแพง“ปึง!”หลังจากที่ร่างกายของมือสังหารสาวกระแทกบนกำแพงอย่างแรง เธอก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาเพียงแต่เสียงร้องนี้ยังแฝงไปด้วยความออดอ้อนเกรงว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้ยินก็คงจะมีความลังเลกันทั้งนั้นแต่ตอนนี้หลินเฟิงไม่มีทางให้เธอทำสำเร็จอีกแล้ว เขาออกแรงที่นิ้วมือ ได้ยินแค่เสียงดังกร่อบแกรบ ลำคอของมือสังหารสาวคนนี้ถูกหลินเฟิงบีบจนแตกหักไปโดยตรง
“หึ นายคิดมากไปแล้ว”“คนที่ตายมีเพียงแค่นายคนเดียวเท่านั้น!”หลินเฟิงถือกระเป๋าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว และโยนไปข้างนอกหน้าต่างอย่างแรงในตอนที่โยนออกไป รูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับลมที่โหมกระหน่ำ เพียงชั่วพริบตาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านข้างเซวียผาน“อ่อก?”เสียงหัวเราะของเซวียผานหยุดลง เขาในตอนนี้ก็เหมือนกับเป็ดที่ถูกบีบคอ อ้าปากกว้าง และมีสีหน้าตกตะลึงเป็นไปได้อย่างไร?!ความเร็วของหมอนี่มนุษย์สามารถทำได้จริง ๆ เหรอ?“ไสหัวไป!”หลินเฟิงยกขาเตะออกไป จนทำให้เซวียผานถูกเตะกระเด็นออกไปน้ำหนักความแรงของฝ่าเท้านี้ เซวียผานกระแทกหน้าต่างของห้องส่วนตัวของโรงแรมจนแตก จากนั้นกระเด็นสูงออกไปไกลเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่“เอื้อก!”เซวียผานถูกโจมตีรุนแรงขนาดนี้ ดวงตาของเขามืดมิด เกือบจะปรับตัวกลับมาไม่ได้แต่ในตอนที่เขาฝืนความเจ็บปวดและตั้งสติกลับมาได้ เขากลับพบว่าในตอนนี้เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศที่แท้เขาก็ถูกหลินเฟิงถีบออกมาจากห้องส่วนตัวแล้ว“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”หัวสมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเซวียผานก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ขอบคุณนายนะหลินหว่าน ขอบคุณที่นายช่วยชีวิตฉันไว้!”
จีอวิ๋นเจี๋ยส่ายหน้าวันนี้ข้างกายจีอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้มีผู้ชายที่ท่าทางสะดีดสะดิ้งพวกนั้นตามมาด้วย ดูแบบนี้แล้วสบายตาขึ้นเยอะนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลินเฟิงยอมนั่งอยู่ตรงนี้ถ้าหากข้างกายจีอวิ๋นเจี๋ยยังคงล้อมรอบด้วยผู้ชายเหล่านั้น หลินเฟิงไม่มีทางมาเจอเขาอย่างแน่นอนจีอวิ๋นเจี๋ยโบกมือ เพื่อให้ตู้ไหวออกไปจากนั้น เขาเผยสีหน้าจริงจังที่ไม่เคยมีมาก่อนมองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“สหายหลิน ผมมีเรื่องหนึ่งต้องการให้คุณช่วย”หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขามีลางสังหรณ์บางอย่างหรือว่าจีอวิ๋นเจี๋ยคนนี้จะถูกใจเขาแล้ว?คิดได้ถึงตรงนี้ ในใจของหลินเฟิงก็มีความแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นสีหน้าที่จริงจังขนาดนี้ของจีอวิ๋นเจี๋ย หลินเฟิงก็ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา“คุณว่ามา”“ไม่จำเป็นต้องกลัวหรอกสหายหลิน”จีอวิ๋นเจี๋ยหยุดชะงักและพูดเสียงเบา: “อันที่จริงผมจีอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้มีความรักความชอบต่อผู้ชายด้วยซ้ำ และผมก็ไม่ได้มีความคิดแบบนั้นต่อคุณ”“หือ?”ได้ยินจีอวิ๋นเจี๋ยสารภาพต่อเขา หลินเฟิงก็ตกตะลึงเล็กน้อยในเมื่อไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน งั้นก่อนหน้านี้ที่เขาแสดงออกมาโดยตลอด...“ถูกต้องแล้ว สหายหลิน ที่
“นี่มันอะไรกัน?!”ไม่เพียงชายหัวล้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง พี่น้องสามคนที่อยู่ข้างเขา และยังมีผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต่างถลึงตาโตทั้ง ๆ ที่แรงโจมตีทั้งหมดของชายหัวล้านใช้พลังทั้งหมดของเขาแล้ว ต่อให้เป็นกำแพงด้านหนึ่ง ภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถโจมตีจนเป็นหลุมได้แต่หมัดเมื่อครู่นี้ต่อยไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขากลับสัมผัสถึงเนื้อหนังไม่ได้ด้วยซ้ำแต่หมัดนี้กลับเหมือนว่าต่อไปบนแผ่นเหล็ก ขณะที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้ กลับยังสั่นสะเทือนจนทำให้แขนของตัวเองกระดูกหักนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วหรือว่าเขาคือยอดฝีมือแดนแปรภาพ?!เมื่อเห็นการโจมตีของชายหัวล้านประสบกับความล้มเหลวแบบนี้ กลุ่มคนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันเหลือเชื่อช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงสามารถต้านหมัดนี้เอาไว้ได้จริง ๆ อีกทั้งยังย้อนกลับมาทำให้ชายหัวล้านสั่นสะเทือนจนพิการไปครึ่งหนึ่ง“เจ้าสี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ในตอนนี้ พี่ใหญ่สุดในเหล่าสี่เทพผู้พิทักษ์เอ่ยปากขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิงที่ยังมีสีหน้านิ่งเฉย