ตราประทับบู๊นี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถโยกย้ายได้อย่งง่ายดายเพียงแต่ตราประทับนี้ไม่ใช่ของไม่ดีอะไรหลังจากหลินเฟิงตรวจสอบดูก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเพียงแค่ตราประทับป้องกันเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียว อาจจะทำให้คนที่มีตราประทับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในภายในจุดตันเถียนได้เพราะว่าเมื่อกำลังภายในปรากฏภายในตัวของเธอ ตราประทับนี้ก็จะทำงาน จากนั้นจะสลายพลังชี่แท้ในทันทีดูท่าเส้นทางนักบู๊ของอวี๋จื่อเสวียนยังไม่เริ่มต้นก็เดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าตราประทับบู๊นี้ เธอไม่มีทางกลายเป็นนักบู๊ได้แต่ว่าจุดสำคัญอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสร้างตราประทับภายในร่างกายคนได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากแท้จริงแล้วอวี๋จื่อเสวียนมีคุณค่าขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ยอดฝีมือแดนแปรภาพเปลืองแรงสร้างตราประทับให้กับเธอ?อีกทั้งตราประทับนี้ยังไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะส่งผลย้อนกลับไปที่เจ้าของ อันตรายอย่างมากหรือว่าเบื้องหลังอวี๋จื่อเสวียนมียอดฝีมืออยู่?และผู้มีฝีมือสูงส่งคนนี้อย่า
หลินเฟิงไม่มีคำพูดที่ไร้สาระใด ๆ“โรงบู๊เลี่ยหยางในเขตเมืองใต้”“รอผม”“อ่อใช่ ท่านหลิน”ในตอนที่หลินเฟิงจะวางสายโทรศัพท์ ตู้ไหวลังเลแล้วพูดว่า: “หัวหน้าแก๊งดูไม่พอใจอย่างมาก คุณจะต้องระวังตัวด้วยนะครับ”“อืม ผมทราบแล้ว”หลินเฟิงล้างหน้าแปรงฟันผ่าน ๆ และออกไปข้างนอก จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ที่ข้างทาง บอกสถานที่กับโชเฟอร์หัวหน้าแก๊งของแก๊งเลี่ยหยางจะยอมแพ้ ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่ตัวเองพยายามมาหลายปีง่าย ๆ ได้อย่างไร?หลินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจอยู่แล้ววันนี้เช้าสายโทรศัพท์ที่ตู้ไหวโทรมา ความเป็นจริงก็คืองานต้อนรับสังหารแขกยิ่งไม่ต้องพูดว่าสถานที่ก็คือโรงบู๊แห่งหนึ่งแค่มองชื่อก็รู้แล้วว่าโรงบู๊นี้จะต้องเป็นหนึ่งในกองทัพของแก๊งเลี่ยหยางอย่างแน่นอนสิบนาทีต่อมา หลินเฟิงก็มาถึงโรงบู๊เลี่ยหยางตู้ไหวที่ขอบตาดำคล้ำแสยะยิ้ม พาคนเข้ามาต้อนรับ“ท่านหลิน คุณจะต้องระวังให้มากนะครับ หัวหน้าแก๊งไม่เพียงเรียกสี่เทพผู้พิทักษ์ใหญ่มา ถึงขั้นที่ยังเรียกผู้แข็งแกร่งแทบทุกคนของแก๊งเลี่ยหยางของพวกผมมาด้วย”หลินเฟิงมองดูตู้ไหวด้วยสีหน้าจริงจัง และหลุดขำเสียงแหบออกมา“ดูท่ารองหัวหน้าตู้อยากจะเลื่
“หึหึ...”เซวียผานเหลือบมองหลินเฟิง จากนั้นแสยะยิ้มพูดว่า: “ตัวเลือกหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง มีสิทธิ์ให้คนอกคนหนึ่งมาชี้โบ๊ชี้เบ๊ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“เห็นว่าฉันเซวียผานเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ? เลือกใครมาก็ได้ตามใจชอบก็จะสามารถจัดการได้?”“ตู้ไหว นายอยากเป็นหัวหน้าแก๊งก็ได้! ฉันไม่มีอะไรจะพูด!”เซวียผานจ้องมองหลินเฟิง และพูดด้วยความน่าหวาดกลัว: “แต่นายน่าจะเตรียมตัวรับกับผลที่ไม่สามารถแย่งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปจากฉันเอาไว้แล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดข่มขู่ของเซวียผานแบบนี้ ตู้ไหวหนังหน้ากระตุกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นหลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้า ก็เดินเข้าไปพูดด้วยความมั่นใจ: “เตรียมตัวไว้แน่นอนอยู่แล้ว!”“แต่นายเซวียผาน ก็ควรเตรียมตัวกับจุดจบของนายหลังจากที่เสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปแล้วว่าเป็นแบบไหน!“ฮ่าฮ่าฮ่า...เรื่องนั้นไม่รบกวนให้นายเป็นกังวลแล้ว!”เซวียผานพูดยิ้มเยาะ: “เพราะว่าวันนี้ นายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!”สี่เทพผู้พิทักษ์ก็คือที่มาความมั่นใจของเซวียผานสี่คนนี้คือยอดฝีมือที่แก๊งเลี่ยหยางของพวกเขาทุ่มเทแรงใจอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่ละคนเป็นยอดฝีมือเซียนเทียน วิชากังฟูทั้งตัวสา
หลินเฟิงมองไปทางตู้ไหว และแปลกใจว่าทำไมสีหน้าของเขาถึงเป็นแบบนี้ส่วนตู้ไหวก็ขยับไปข้างหูของหลินเฟิงและพูดเสียงเบา: “ท่านหลิน มีบางเรื่องที่คุณน่าจะไม่รู้ จีอวิ๋นเจี๋ยเป็นคนของตระกูลจีแห่งเมืองจิง เป็นคุณชายรองของสายเลือดโดยตรงของตระกูลจี และก็เป็นคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเซวียผาน!”“ตระกูลจี เก่งมากเหรอ?”เมื่อได้ยินว่าหลินเฟิงถามออกมาแบบนี้ ตู้ไหวก็เผยสายตาที่จนปัญญาออกมาในทันที และพูดว่า:“ตระกูลจีอยู่รองจากแค่สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง เป็นเพราะการเสื่อมลงของตระกูลหลิน ช่วงนี้ตระกูลจีกำลังพยายามที่จะแทนที่ตำแหน่งของตระกูลหลิน”“อ่อ...ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงลูบคาง และเผยสีหน้าเข้าใจออกมาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นว่า ในตอนนี้เซวียผานพาขนขยับเข้าไปใกล้ ๆ ตั้งนานแล้ว และยิ้มพูด: “หึหึ คิดไม่ถึงว่าคุณชายจีจะมาด้วยตัวเอง เซวียผานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”ขณะพูด เขาเหลือบตามองใบหน้าของตู้ไหวเมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของตู้ไหว เขาก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมามีจีอวิ๋นเจี๋ยเฝ้าดูอยู่ ใครจะกล้าให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง?“หึหึ ผมเพียงแค่ได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้ ไม่มีอะไรทำ
เซวียผานเจ้าแผนการสั่งให้ลูกน้องไปเอาเก้าอี้มาสองสามตัวเพื่อให้จีอวิ๋นเจี๋ยและคนอื่น ๆ นั่งลงมีจีอวิ๋นเจี๋ยอยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าให้เขาที่เป็นหัวหน้าแก๊งสละตำแหน่งการมาถึงของจีอวิ๋นเจี๋ย ทำให้สภาพจิตใจของเซวียผานเกิดการเปลี่ยนแปลงเซวียผานเปลี่ยนไปกำเริบเสิบสานขึ้นมาเขาอยากจะแสดงฝีมือต่อหน้าจีอวิ๋นเจี๋ยสักหน่อยเซวียผานพูดด้วยสีหน้าลำพองใจ:“ในเมื่อพ่อหนุ่มคนนี้มีความกล้าขนาดนี้ เช่นนั้นคนของแก๊งเลี่ยหยางของฉันที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นพยานได้”“ถ้าหากหมอนี่สามารถเอาชนะสี่เทพผู้พิทักษ์ใต้บัญชาของเราได้ งั้นฉันเซวียผานก็จะสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งของฉันให้ตู้ไหว”ได้ยินคำพูดของเซวียผาน คนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่รอบ ๆ พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง“หึ”หลินเฟิงรับกับเสียงเยาะหยันและทอดถอนใจที่อยู่รอบ ๆ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีประลองของโรงฝึกบู๊ช้า ๆ และบิดคอของตัวเองไปมา“พวกคุณสี่คนขึ้นไปเถอะ จำเอาไว้นะ จะต้องสู้อย่างน่าเกรงขามต่อหน้าคุณชายจี!”“ถ้าหากแพ้ ก็อย่าโทษที่ผมโกรธจนไม่ยอมรับความสัมพันธ์!”ก่อนที่จะขึ้นเวที เซวียผานพูดสั่งสี่เทพผู้พิทักษ์“ครับ!”ชายหัวล้านที่ร่างกาย
แต่พวกเขาก็พูดไว้ไม่ผิดสี่เทพผู้พิทักษ์นี้มีชื่อเสียงอย่างมาก หลินเฟิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้จริง ๆ เหรอ?”เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว ตู้ไหวก็ตกอยู่ในในความลังเลอีกครั้งต่อให้หลินเฟิงเอาชนะเซวียผานได้แล้ว แต่มีจีอวิ๋นเจี๋ยนั่งจับตาดูอยู่ตรงนี้ เขาจะชิงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปได้อย่างไร?แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว......บนเวทีประลองในตอนนี้ สี่เทพผู้พิทักษ์เผชิญหน้าอยู่กับหลินเฟิงแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของสี่เทพผู้พิทักษ์นี้แฝงไปด้วยความเหยียดหยามนักบู๊ของเมืองจิงพวกเขายังพอรู้จักอยู่บ้าง แต่หน้าตาของหลินเฟิง และก็ชื่อหลินหว่านนี้ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนนั่นก็หมายความว่าเขาเป็นคนต่างถิ่นมาที่เมืองจิงก็ถือว่าเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสภาพของเมืองจิงนั้นเป็นอย่างไรความเป็นจริงแล้ว ต่อให้เป็นยอดฝีมือของเมืองจิง เพียงแค่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาสี่คนก็สามารถกระทืบอีกฝ่ายจนเละได้อย่างง่ายดายเห็นอีกฝ่ายอายุน้อยขนาดนี้ คิดว่าวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยากเย็นอะไร“พวกคุณสี่คนเข้ามาพร้อมกันเถอะ”เมื่อเผชิญหน้ากับการเหยียดหยามของสี่เทพผู้พิทักษ์ หลินเฟิงก็ก้าวเดินมาข้าง
ส่วนแขนของเขา ในตอนนี้กระดูกกลับแตกหัก แม้แต่ยกแขนขึ้นก็ยกขึ้นไม่ไหวแล้ว!“นี่มันอะไรกัน?!”ไม่เพียงชายหัวล้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง พี่น้องสามคนที่อยู่ข้างเขา และยังมีผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต่างถลึงตาโตทั้ง ๆ ที่แรงโจมตีทั้งหมดของชายหัวล้านใช้พลังทั้งหมดของเขาแล้ว ต่อให้เป็นกำแพงด้านหนึ่ง ภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถโจมตีจนเป็นหลุมได้แต่หมัดเมื่อครู่นี้ต่อยไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขากลับสัมผัสถึงเนื้อหนังไม่ได้ด้วยซ้ำแต่หมัดนี้กลับเหมือนว่าต่อไปบนแผ่นเหล็ก ขณะที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้ กลับยังสั่นสะเทือนจนทำให้แขนของตัวเองกระดูกหักนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วหรือว่าเขาคือยอดฝีมือแดนแปรภาพ?!เมื่อเห็นการโจมตีของชายหัวล้านประสบกับความล้มเหลวแบบนี้ กลุ่มคนของแก๊งเลี่ยหยางที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันเหลือเชื่อช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าหลินเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงสามารถต้านหมัดนี้เอาไว้ได้จริง ๆ อีกทั้งยังย้อนกลับมาทำให้ชายหัวล้านสั่นสะเทือนจนพิการไปครึ่งหนึ่ง“เจ้าสี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”ในตอนนี้ พี่ใหญ่สุดใน
ทั้งสามคนนี้เลือดลมหมุนขึ้นหมุนลง และถอยหลังไปไม่หยุดพวกเขาเหมือนกับล้อมโจมตีคนเหล็กที่แข็งแกร่งอย่างมาก การโจมตีถูกปล่อยออกไป ไม่มีผลลัพธ์ใด ๆ ด้วยซ้ำ กลับกันนั้นตัวเองก็ถูกสะเทือนจนเกิดการบาดเจ็บภายในหลินเฟิงนิ่งเฉย และยืนส่ายหน้าอยู่ตรงที่เดิม“อ่อนแอเกินไปแล้ว”“ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังจริง ๆ”ขณะพูด หลินเฟิงก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา“ถ้าหากพวกคุณมีความสามารถเพียงแค่นี้ นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด แบบนี้ยังจะเรียกว่าสี่เทพผู้พิทักษ์ ผมดูแล้ว ไม่สู้เรียกว่าหมาสี่ตัวยังจะใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกว่า”หลินเฟิงยืดแขนบิดขี้เกียจ และมีท่าทางเบื่อหน่าย“รนหาที่ตาย!”สี่ผู้พิทักษ์โมโหแล้ว นอกจากน้องสี่ที่ล้มนั่งอยู่บนพื้น ผู้พิทักษ์สามคนที่เหลือต่างมองตากัน และโผเข้าไปทางหลินเฟิงอีกครั้งครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ออมมือใด ๆ อีกแล้ว และใช้ค่ายกลการต่อสู้ของทั้งสี่คนออกมาโดยตรงแต่น่าเสียดายอย่างมากต่อให้เป็นค่ายกลต่อสู้สี่คนก็ยังไม่เข้าตาของหลินเฟิง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าในขณะนี้ค่ายกลต่อสู้สี่คนของพวกเขาเหลือเพียงแค่สามคน“ค่