ชุมชนกลางเมือง บ้านหลังเล็กที่มีลานบ้านขนาดย่อมหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนเพิ่งจะถึงบ้าน ก็เห็นอาอวี๋ที่รออยู่หน้าบ้านเป็นเวลานานแล้วอาอวี๋ถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และร้อนรนอย่างมากในตอนที่เห็นหลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนกลับมาอย่างปลอดภัย ถึงได้ถอนหายใจอย่างแรง และเดินเข้าไปยิ้มพูด:“คุณหลินเฟิง เมื่อครู่ผมโทรศัพท์ไปหาคุณหลานเฟยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยคุณออกมาได้เร็วขนาดนี้”“หึหึ ไม่ต้องแล้ว อาอวี๋ คุณรีบโทรศัพท์ไปแจ้งคุณหลานเฟย ให้เธอไม่ต้องมาแล้ว”“ดีดีดี”อาอวี๋รีบโทรศัพท์ไป เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงได้ยินน้ำเสียงที่จนปัญญาของหลานเฟย“เอาโทรศัพท์ให้หลินเฟิง”อาอวี๋ยื่นโทรศัพท์ไปให้หลินเฟิงด้วยความระมัดระวัง ส่วนหลานเฟยก็พูดอยู่ในโทรศัพท์ด้วยความจนปัญญา: “คุณหลินเฟิง เพิ่งวันแรกก็ก่อเรื่องให้ฉันแล้วเหรอ?”“อย่าโทษผม”หลินเฟิงเหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่ข้างกาย จากนั้นยิ้มพูด: “มีพวกคนโง่กลุ่มหนึ่งจะจัดการอาอวี๋ ผมถึงได้ลงมือ”“อาอวี๋...”ในตอนที่หลานเฟยพูดถึงอาอวี๋คำพูดก็หยุดชะงัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแรง ๆ พูดว่า:“ต่อไปเรื่องของอาอวี๋คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว เอาเป็นว่า อาอวี๋
ปากไม่พูด แต่ทั้งสองคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างมากอวี๋จื่อเสวียนถึงแม้จะมีความคิดต่อต้าน แต่ในตอนที่เห็นพ่อตกอยู่ในอันตราย เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่สนสิ่งใด ๆกลับกันนั้น อาอวี๋ก็เป็นแบบนี้ดังนั้นหลินเฟิงถึงได้กล้าชี้ขาดว่า อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เป็นเด็กเกเรอะไร เพียงแต่แค่มีความคิดต่อต้านก็เท่านั้นในวัยนี้เป็นเรื่องปกติ“อ่อใช่คุณหลินเฟิง คุณดูสิครับผมมัวแต่พูดคุยกับคุณ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ผมเตรียมห้องไว้ให้คุณตั้งนานแล้ว”ขณะพูด อาอวี๋ก็พาหลินเฟิงเดินขึ้นไปชั้นบนห้องของหลินเฟิงอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านภายในห้องถึงแม้จะตกแต่งไม่หรูหรา แต่สะอาดสะอ้าน สิ่งของที่ต้องใช้ก็มีครบครันหมด“ไม่ทราบว่าคุณหลินพอใจไหมครับ?”อาอวี๋ถามอย่างเป็นกังวล“ไม่เลว วางใจเถอะ ผมไม่ได้เรียกร้องสูงขนาดนั้น”การตอบกลับของหลินเฟิงทำให้อาอวี๋“ขอบคุณครับอาอวี๋”“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณ วันนี้ผมกับลูกสาวของผมคงจะซวยแล้ว”อาอวี๋โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูห้องกลางดึกหลินเฟิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงบนเตียง มองดูพระจันทร์ตรงหน้าต่างหลังคา
เวลาดึกขนาดนี้แอบย่องเข้ามาในห้องของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แถมยังนั่งลงบนเตียงโดยไม่สนใจใยดีตัวเองมาส่งให้ถึงที่ ในฐานะผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะทั่วไป จะไม่คิดซี้ซั้วได้อย่างไร“เอาเป็นว่าขอโทษที่มารบกวนคุณดึกขนาดนี้แล้ว”อวี๋จื่อเสวียนปรับสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเธอมองไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างจริงจัง:“คุณชื่อหลินเฟิงใช่ไหม? ที่ฉันมาหาคุณดึกขนาดนี้ อันที่จริงเพราะมีเรื่องจะขอร้อง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อย เขาโบกมือพูด: “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?”“วันนี้ฉันเห็นคุณต่อสู้เก่งมาก คุณบอกฉันได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร? คุณมีพลังพิเศษบางอย่างเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนสายตาเผยความแปลกประหลาดออกมา“พลังพิเศษบ้าบออะไรกัน...”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “ฉันเป็นนักบู๊ นักบู๊ที่ฝึกฝนกำลังภายในและศิลปะการต่อสู้”“ความสามารถของฉันแข็งแกร่งมากพอ อย่าว่าแต่เรื่องในวันนี้ ต่อให้มีคนมากขึ้นอีกหลายร้อยคนฉันก็ไม่แพ้”“ชิ...”อวี๋จื่อเสวียนเบะปาก คิดแค่ว่าหลินเฟิงกำลังคุยโวโอ้อวด เธอพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อถือ: “คุณนี่ขี้โม้จริง ๆ เลยนะ! คุณช่วยเก็บอาการนิสัยแย่ ๆ ของตัวเ
“ฮะ?”อวี๋จื่อเสวียนเกาศีรษะ จากนั้นก็ถามหลินเฟิงว่า: “งั้นคุณช่วยฉันดูหน่อยสิ ถ้าหากฉันเป็นสุดยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศล่ะ?”“อาจจะไม่เยอะมาก”หลินเฟิงส่ายหน้าพูดว่า: “ยื่นมือออกมา”“อ่อ”อวี๋จื่อเสวียนยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย“ฟังให้ดีนะ ฉันจะปล่อยพลังชี่แท้เข้าสู่ร่างกายของเธอ ถ้าหากเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของพลังชี่แท้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอมีใบผ่านในการเข้าสู่ทางบู๊ ไม่อย่างนั้น ความพยายามทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์”หลินเฟิงพูดด้วยความจริงจัง“เดี๋ยวก่อน คำพูดนี้ของนายทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ คุณคงไม่ได้อยากจะเอาเปรียบฉันหรอกนะ?”อวี๋จื่อเสวียนดึงมือกลับทันที และมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าระแวงนี่จึงทำให้สีหน้าของหลินเฟิงแข็งทื่อทันที“เธอไม่อยากเรียนก็ช่างเถอะ”หลินเฟิงก็กลัดกลุ้มใจ ในหัวของเด็กคนนี้หุนหันพลันแล่นคิดแต่เรื่องอะไรน่ะ ดึก ๆ ดื่น ๆ เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับยัยเด็กคนนี้หรอก“เอ่อ...”เห็นสีหน้าจนใจของหลินเฟิง ความสงสัยในสายตาของอวี๋จื่อเสวียนก็ค่อย ๆ หายไป เธอยื่นมือออกมาช้า ๆ แล้วพูดว่า: “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันล้อเล่น”“ตาลุงอย่างคุณ ทำไมถึงทนต่อการล้อ
ตราประทับบู๊นี้แข็งแรงเป็นอย่างมาก แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่สามารถโยกย้ายได้อย่งง่ายดายเพียงแต่ตราประทับนี้ไม่ใช่ของไม่ดีอะไรหลังจากหลินเฟิงตรวจสอบดูก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นเพียงแค่ตราประทับป้องกันเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมีข้อเสียเพียงหนึ่งเดียว อาจจะทำให้คนที่มีตราประทับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในภายในจุดตันเถียนได้เพราะว่าเมื่อกำลังภายในปรากฏภายในตัวของเธอ ตราประทับนี้ก็จะทำงาน จากนั้นจะสลายพลังชี่แท้ในทันทีดูท่าเส้นทางนักบู๊ของอวี๋จื่อเสวียนยังไม่เริ่มต้นก็เดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าตราประทับบู๊นี้ เธอไม่มีทางกลายเป็นนักบู๊ได้แต่ว่าจุดสำคัญอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถสร้างตราประทับภายในร่างกายคนได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพขั้นสูงสุดอีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากแท้จริงแล้วอวี๋จื่อเสวียนมีคุณค่าขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ยอดฝีมือแดนแปรภาพเปลืองแรงสร้างตราประทับให้กับเธอ?อีกทั้งตราประทับนี้ยังไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะส่งผลย้อนกลับไปที่เจ้าของ อันตรายอย่างมากหรือว่าเบื้องหลังอวี๋จื่อเสวียนมียอดฝีมืออยู่?และผู้มีฝีมือสูงส่งคนนี้อย่า
หลินเฟิงไม่มีคำพูดที่ไร้สาระใด ๆ“โรงบู๊เลี่ยหยางในเขตเมืองใต้”“รอผม”“อ่อใช่ ท่านหลิน”ในตอนที่หลินเฟิงจะวางสายโทรศัพท์ ตู้ไหวลังเลแล้วพูดว่า: “หัวหน้าแก๊งดูไม่พอใจอย่างมาก คุณจะต้องระวังตัวด้วยนะครับ”“อืม ผมทราบแล้ว”หลินเฟิงล้างหน้าแปรงฟันผ่าน ๆ และออกไปข้างนอก จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ที่ข้างทาง บอกสถานที่กับโชเฟอร์หัวหน้าแก๊งของแก๊งเลี่ยหยางจะยอมแพ้ ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งที่ตัวเองพยายามมาหลายปีง่าย ๆ ได้อย่างไร?หลินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจอยู่แล้ววันนี้เช้าสายโทรศัพท์ที่ตู้ไหวโทรมา ความเป็นจริงก็คืองานต้อนรับสังหารแขกยิ่งไม่ต้องพูดว่าสถานที่ก็คือโรงบู๊แห่งหนึ่งแค่มองชื่อก็รู้แล้วว่าโรงบู๊นี้จะต้องเป็นหนึ่งในกองทัพของแก๊งเลี่ยหยางอย่างแน่นอนสิบนาทีต่อมา หลินเฟิงก็มาถึงโรงบู๊เลี่ยหยางตู้ไหวที่ขอบตาดำคล้ำแสยะยิ้ม พาคนเข้ามาต้อนรับ“ท่านหลิน คุณจะต้องระวังให้มากนะครับ หัวหน้าแก๊งไม่เพียงเรียกสี่เทพผู้พิทักษ์ใหญ่มา ถึงขั้นที่ยังเรียกผู้แข็งแกร่งแทบทุกคนของแก๊งเลี่ยหยางของพวกผมมาด้วย”หลินเฟิงมองดูตู้ไหวด้วยสีหน้าจริงจัง และหลุดขำเสียงแหบออกมา“ดูท่ารองหัวหน้าตู้อยากจะเลื่
“หึหึ...”เซวียผานเหลือบมองหลินเฟิง จากนั้นแสยะยิ้มพูดว่า: “ตัวเลือกหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง มีสิทธิ์ให้คนอกคนหนึ่งมาชี้โบ๊ชี้เบ๊ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“เห็นว่าฉันเซวียผานเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ? เลือกใครมาก็ได้ตามใจชอบก็จะสามารถจัดการได้?”“ตู้ไหว นายอยากเป็นหัวหน้าแก๊งก็ได้! ฉันไม่มีอะไรจะพูด!”เซวียผานจ้องมองหลินเฟิง และพูดด้วยความน่าหวาดกลัว: “แต่นายน่าจะเตรียมตัวรับกับผลที่ไม่สามารถแย่งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปจากฉันเอาไว้แล้วสินะ?”ได้ยินคำพูดข่มขู่ของเซวียผานแบบนี้ ตู้ไหวหนังหน้ากระตุกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นหลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้า ก็เดินเข้าไปพูดด้วยความมั่นใจ: “เตรียมตัวไว้แน่นอนอยู่แล้ว!”“แต่นายเซวียผาน ก็ควรเตรียมตัวกับจุดจบของนายหลังจากที่เสียตำแหน่งหัวหน้าแก๊งไปแล้วว่าเป็นแบบไหน!“ฮ่าฮ่าฮ่า...เรื่องนั้นไม่รบกวนให้นายเป็นกังวลแล้ว!”เซวียผานพูดยิ้มเยาะ: “เพราะว่าวันนี้ นายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!”สี่เทพผู้พิทักษ์ก็คือที่มาความมั่นใจของเซวียผานสี่คนนี้คือยอดฝีมือที่แก๊งเลี่ยหยางของพวกเขาทุ่มเทแรงใจอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่ละคนเป็นยอดฝีมือเซียนเทียน วิชากังฟูทั้งตัวสา
หลินเฟิงมองไปทางตู้ไหว และแปลกใจว่าทำไมสีหน้าของเขาถึงเป็นแบบนี้ส่วนตู้ไหวก็ขยับไปข้างหูของหลินเฟิงและพูดเสียงเบา: “ท่านหลิน มีบางเรื่องที่คุณน่าจะไม่รู้ จีอวิ๋นเจี๋ยเป็นคนของตระกูลจีแห่งเมืองจิง เป็นคุณชายรองของสายเลือดโดยตรงของตระกูลจี และก็เป็นคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเซวียผาน!”“ตระกูลจี เก่งมากเหรอ?”เมื่อได้ยินว่าหลินเฟิงถามออกมาแบบนี้ ตู้ไหวก็เผยสายตาที่จนปัญญาออกมาในทันที และพูดว่า:“ตระกูลจีอยู่รองจากแค่สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิง เป็นเพราะการเสื่อมลงของตระกูลหลิน ช่วงนี้ตระกูลจีกำลังพยายามที่จะแทนที่ตำแหน่งของตระกูลหลิน”“อ่อ...ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”หลินเฟิงลูบคาง และเผยสีหน้าเข้าใจออกมาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นว่า ในตอนนี้เซวียผานพาขนขยับเข้าไปใกล้ ๆ ตั้งนานแล้ว และยิ้มพูด: “หึหึ คิดไม่ถึงว่าคุณชายจีจะมาด้วยตัวเอง เซวียผานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก”ขณะพูด เขาเหลือบตามองใบหน้าของตู้ไหวเมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของตู้ไหว เขาก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมามีจีอวิ๋นเจี๋ยเฝ้าดูอยู่ ใครจะกล้าให้เขาสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง?“หึหึ ผมเพียงแค่ได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้ ไม่มีอะไรทำ
เมื่อเห็นที่อยู่ที่นี่ ใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็จมดิ่งลงไปกว่าครึ่งการจราจรที่นี่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารสำนักงานหรือโรงงานเลย มันไม่มีทางที่จะเปิดได้เช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดว่า....หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่หน้าที่ดินที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองแห่งนี้ และภายในต่างก็เต็มไปด้วยอาคารที่พักอาศัยเก่า ๆที่ทรุดโทรมอาคารที่พักอาศัยจำนวนไม่น้อยที่มีอายุการใช้งานที่เกินกำหนดแล้วแม้แต่กำแพงก็ยังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และมีบางรอยที่ยังเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรุดโทรมมาหลายปีโดยไร้การซ่อมแซม“หลินเฟิง ที่อยู่นี่ สองพันห้าร้อยล้านบาทนะ! และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจด้วยความหดหู่มองจากมุมของเธอ เดิมทีที่ดินนี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลยจนกระทั่งผู้อาศัยภายในอาคารพักอาศัยต่างก็อพยพออกไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้บ้านมากมายกลายเป็นบ้านผีสิงไป“หึหึ มันก็ไม่แน่นอนหรอก”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเขตที่อยู่อาศัยแห่งนี้“รีบวางไพ่เร็วเข้าสิ นายแม่งมองอะไรอยู่ได้?”“เฮยจื่อ นายเห็นผีหรือไง?”ทั้งสองคนยังเดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เห
เธอกลัวว่าหลินเฟิงจะกลับคำหากเป็นแบบนั้น การตีสนิทกับรอยยิ้มที่เธอทำมาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็สูญเปล่าทั้งหมดแต่เห็นได้ชัดว่า จางกุ้ยหลานคิดมากไปเงินแค่สองพันห้าร้อยล้านบาทเอง หลินเฟิงไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเขาโทรศัพท์หาจ้าวเทียนหัวทันที ให้เธอโอนเงินเข้าบัญชีของจางกุ้ยหลาน และเซ็นชื่อของเขาลงบนสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ด้านข้างเห็นหลินเฟิงเซ็นชื่อจริงๆ สีหน้าก็ไม่พอใจทันทีจางกุ้ยหลานกลับหน้าตายิ้มแย้ม“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ หลินเฟิง ไม่สู้วันนี้นายไม่ต้องกลับไปหรอก มา ฉันเป็นเจ้ามือเอง เลี้ยงข้าวนายกับฮุ่ยหราน”“ไม่ต้องครับ”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดเสียงเข้มว่า:“ผมจะถือโอกาสนี้ไปดูที่ดินที่พวกคุณโอนมาให้ผม ผมคิดหาวิธี ดูว่าที่ดินผืนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง อย่างน้อยก็อย่าขาดทุนเยอะเกินไป”หลินเฟิงตอบอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ในตอนนี้จางกุ้ยหลานก็ได้รับข้อความเงินเข้าบัญชีจากทางธนาคารเมื่อเห็นเงินเข้าบัญชี จางกุ้ยหลานก็รู้สึกโล่งใจสักที ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นมิตรต่างจากเมื่อคู่นี้“ได้ ในเมื่อนายอยากไปดู งั้นก็ไปเถอะ ฉันไม่รั้งพวกเธอเอาไว้”จางกุ้ยหลานนอนกลับลงไปบนเตียงของเธอ
“หลินเฟิงไม่สนใจ”หลี่ฮุ่ยหรานยืนออกมา ขวางอยู่ตรงหน้าหลินเฟิง จ้องมองไปที่แม่ของตัวเองแล้วพูดตวาด“แม่ หนูรู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่พวกแม่ทำ งั้นพวกแม่ก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง อย่ามาดึงหลินเฟิงเข้าไปเกี่ยวข้อง!”“ฮุ่ยหราน ทำไมลูกถึงเข้าข้างคนนอกล่ะ?”จางฮุ่ยหรานโมโหลูกที่ไม่ได้ดั่งใจจึงพูดว่า:“ถ้าหากที่ดินผืนนี้ขายไม่ออก งั้นวันนี้แม่ก็ทำได้แค่ตายอยู่ตรงนี้ หรือว่าหลินเฟิงอยากแต่งงานกับลูกสาวของฉัน จะไม่แสดงท่าทีสักหน่อยเหรอ?!”“ก่อนหน้านี้หลินเฟิงเคยให้ทับทิมเม็ดหนึ่งกับพวกคุณ แต่กลับถูกพวกคุณทิ้งไปเอง!”หลี่ฮุ่ยหรานเริ่มพูดเรื่องเก่าๆตอนนี้เธอไม่อยากให้คนในครอบครัวของตัวเองสร้างเรื่องวุ่นวายให้หลินเฟิงอีกแล้ว“งั้น...เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง!”จางกุ้ยหลานมีความไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก เธอก็หน้าด้านพูดขึ้นมาอีกว่า:“เรื่องอัญมณีทับทิมที่ทำหายเป็นปัญหาของพวกเรา แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้านี้!”“ตอนนี้ลูกสาวของฉันค่าตัวไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เพียงมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจียงโจว ยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อ และก็ยังมีโฮมสเตย์ที่หรูหราอย่าง
“ใช่แล้ว!”เมื่อได้ยินคำเตือนของจางซิน จางกุ้ยหลานก็ตบที่ศีรษะ และรู้ตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดว่า :ทำไมฉันถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออกนะ? หรือว่าสมองของจางซินจะปรับตัวได้แล้ว!” “เหอะ นั่นมันแน่นอน เพียงแต่ว่า.....”จางซินทำเสียงเย็นชา พร้อมกับเหลือบไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยสายตาคลุมเครือ ก่อนจะเม้มปากและพูดว่า : “แค่มีคนไม่เจียมตัวก็เท่านั้น”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่าสิ่งที่จางซินพูดอยู่ก็เพื่อให้ตัวเองได้ยินแต่เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แต่พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า :“ฉันคิดว่าโอกาสที่เรื่องนี้จะสำเร็จมีน้อยมาก เพราะว่าใครก็ตามที่ใช้เงินมากขนาดนั้น จะต้องมีมันสมองที่ไม่ดีแน่ ๆ” “ที่ดินแห่งนี้ แม้ว่าอยากจะหลอกลวงคน แต่ก็ยากที่จะให้หลุดมือไป”“อ่อ ความหมายของคุณก็คือสมองของคุณป้าไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? พี่สาว คำพูดของพี่มีเลศนัยจริงๆ !”จางซินกลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็ดูไม่ดีอย่างมากถึงแม้ตัวเองที่เชื่อหลี่เหวินเชาครั้งนี้จะผิดจริง ๆ แต่ลูกสาวของตัวเองที่พูดตำหนิคนหนึ่งอยู่แล้วพูดประชดอีกคน จะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา
หลังจากที่ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินเชากันสักพัก หลี่ฮุ่ยหรานก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง“แล้วบาดแผลของแม่เป็นยังไงบ้าง?”“เมื่อหาหลี่เหวินเชาไม่เจอ และก็ไม่เห็นโจวเซวียโหลว คุณป้าก็เลยทำได้เพียงไปเอาเงินที่เจี้ยนหงกรุ๊ป”“แต่เจี้ยนหงกรุ๊ปกลับให้เหตุผลว่าคุณป้าเซ็นสัญญาที่ไม่สามารถคืนเงินได้ ดังนั้นคุณป้าก็เลยเอะอะโวยวายกับพวกเขา ผลสุดท้ายก็เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับพวกเขา และไม่ระวังจนหัวไปกระแทกกับกำแพงเข้า”จางซินแบมือออก พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แม่ แม่นี่นะ......เฮ้อ แม่นี่เลอะเลือนแล้วจริง ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่า จริง ๆแล้วเรื่องในครั้งนี้ไม่ควรตำหนิจางกุ้ยหลาน ถ้าจะตำหนิ ก็ทำได้เพียงตำหนิลูกชายที่เธอให้กำเนิดมานั้นช่างชั่วช้าเกินไปหลังจากที่หลอกแม่ของตัวเองแล้ว ก็หันหลังกลับไปหลอกพี่สาวของตัวเอง และถึงขนาดขายพี่สาวของตัวเองเพื่อเงินอีกด้วยพูดได้แค่ว่า ไอ้สารเลวที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย“แม่ ไม่ต้องกังวล คราวนี้พวกคุณเสียเงินไปเท่าไหร? ให้หนูดูหน่อยว่าจะสามารถช่วยพวกคุณโปะช่วงโหว่ได้ชั่วคราวหรือไม่”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า :จางกุ้ยหลานอ้าปาก แต่กลับพูดไม่อ
ในตอนนี้จางซินเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานก็ถอนหายใจออกมา“พี่ พี่รีบช่วยคุณป้าเถอะ”“ทำไมเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังฝืนเอ่ยปากออกมา“ฉันพูดเองแล้วกัน”จางกุ้ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไว เมื่อครู่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม ตอนนี้กลับหน้าบิดเบี้ยวเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจพูดว่า:“ฮุ่ยหราน แม่...แม่ทำผิดต่อลูก!”พูดจบ เธอก็จะชนเข้ากับกำแพงถึงแม้เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังรีบขวางจางกุ้ยหลานที่อารมณ์วู่วามเอาไว้“แม่ แม่เป็นอะไรกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานฟังอย่างงุนงง จางกุ้ยหลานสร้างเรื่องอะไรให้เธออีก?“พี่ พี่รู้จักโจวโจวเสวียโหลวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเจิ้งเต๋อไหม?”จางซินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา“โจวเสวียโหลว?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินชื่อนี้ หัวใจก็ใจกระตุก“ฉันรู้จัก ทำไมเหรอ?”“ไม่กี่วันก่อน เหวินเชากลับมา พอเขามาถึงเจียงโจว ก็มาหาฉันด้วยความรีบร้อน บอกว่ามีธุรกิจใหญ่...”จางกุ้ยหลานพูดทั้งสะอึกสะอื้น“ธุรกิจใหญ่ที่หลี่เหวินเชาพูดถึง ก็คือที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของโจวเสวียโหลว”จาง
แถมน้องชายคนนี้ก็ยังมีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมดอีกด้วยหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจ และพูดว่า :“โจวเสวียโหลวไม่นับประสาอะไร แต่น้องชายคนนี้ของเขาเป็นถึงเสาหลักของเจี้ยนหงกรุ๊ปทั้งหมด แถมเขาก็ยังอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดอีกด้วย”“ครั้งนี้ตั้งใจใช้นายเป็นเครื่องมือ ก็เป็นความคิดของเขาด้วย”“เมื่อครู่เขาบอกฉันหมดแล้ว”“งั้น...งั้นจะทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไงดี? พี่ ไม่อยากตาย! พี่ ขอร้องล่ะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยนะ!”หลี่เหวินเชาตกใจมากจนล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหากให้น้องชายของโจวเซวียโหลวรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าโจวเซวียโหลวละก็ งั้นตัวเขาที่ไม่มีอำนาจและไม่มีใครปกป้องจะต้องเจอจุดจบที่น่าสังเวชมากแน่ ๆ“เหอะ เดิมทีฉันจะปล่อยโจวเซวียโหลวไปแล้ว แต่นายกลับยืนกรานที่จะเอาชีวิตเขา ตอนนี้นายเลยต้องมารับผลที่ตัวเองก่อไว้”หลินเฟิงกอดอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้“หลี่เหวินเชา หลินเฟิงพูดถูกแล้ว แกต้องรับผิดชอบด้วยตัวแกเอง”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเย็นชาว่า“แกคงไม่คิดว่าหลังจากที่แกวางแผนทำร้ายฉันแล้ว และยังอยากได้บริษัทและความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันจะยังช่วยแกโดยไม่คำนึงถึงความแค้นใ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ