เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกลับมา ถังหว่านสีหน้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย และนั่งกลับลงไปยังที่นั่งของตัวเอง“อ่อใช่คุณหนูถังหว่านของฉัน เรื่องที่เธอแอบมีกิ๊กข้างนอก คุณชายหลงรู้เรื่องไหม?”เว่ยเชินกำลังจะดื่มน้ำ จู่ ๆ ชุยหยวนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น นี่ทำให้น้ำที่อยู่ในปากของเว่ยเชินเกือบพุ่งออกมาชุยหยวนพูดอย่างไร้เดียงสา: “พวกเธอคิดดูสิ บอดี้การ์ดส่วนตัวนะ! จะต้องอย่างว่า ใช่ไหมล่ะ?”ชุยหยวนยังเลิกคิ้ว เผยสีหน้าที่บอกว่าคุณก็คงเข้าใจ“ชุยหยวน เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร?”เว่ยเชินกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วขมวดคิ้ว: “ถังหว่านไม่ใช่คนแบบที่เธอพูด!”“ฮิฮิ ร้อนใจแล้วร้อนใจล้วน พวกเธอรีบดูเว่ยเชินสิ!”ชุยหยวนกลัวว่าเรื่องราวจะใหญ่โตไม่พอ และปรบมือยิ้มพูด: “โอ๊ย พวกเราต่างรู้ว่าเว่ยเชินชบคุณหนูตระกูลถัง เพื่อเธอแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งงานเลยนะ”ผู้หญิงชุดราตรีสีแดงที่เหน็บแนมหลินเฟิงเมื่อครู่นี้กลับเบะปาก แล้วพูดเสียงเบา: “มีคู่หมั้นแล้วยังจะแอบมีกิ๊กข้างนอก หน้าด้านจริง ๆ”“เผิงหย่าฟาง เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร”ถังหว่านพูดเสียงดัง: “อะไรเรียกว่าคู่หมั้น อะไรเรียกว่าแอบมีกิ๊ก? ฉันไม่เคยรับปากการจัดการ
ถังหว่านยังไม่ทันได้ตอบกลับหมิงอิ่งอิ่งเว่ยเฉินลุกขึ้นยืนในทันทีสายตาของเขามองไปทางหลินเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “อิ่งอิ่ง ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ก็ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก”“ยิ่งไปกว่านั้น คนบางคนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เป็นไปได้อาจจะเป็นเพียงพวกขี้เมาที่รู้แค่ท่ามวยฉาบฉวยก็ได้”“คนพวกนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้พุ่งตรงไปที่หลินเฟิงโดยเฉพาะหลินเฟิงหัวเราะเยาะ แล้วกินอาหารของตัวเองต่อไป โดยที่ไม่ได้สนใจเว่ยเฉินอีกถังหว่านกลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธ จึงเข้าไปขวางกั้นการจ้องมองหลินเฟิงอย่างเหยียดหยามของเว่ยเฉิน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “คนที่ฉันเลือกด้วยตัวเอง ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว คนอื่นไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม”“เอาล่ะ เอาล่ะ ทำไมบรรยากาศมันเริ่มรุนแรงขึ้นอีกแล้วล่ะ?” ชุยหยวนรีบไกล่เกลี่ย“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่บางคนพาคนแปลกหน้าเข้ามา เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ?”เผิงหย่าฟางที่สวมชุดสีแดงกอดอกด้วยสีหน้าที่ประชดประชัน“เผิงหย่าฟาง คุณพูดให้น้อยลงหน่อย มันจะตายไหม?”ชุยหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องรู้ไว้ว่า โดยพื้นฐานแล้วเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ต่า
แต่ทั้งสองก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะมาหากันถึงที่ได้รวดเร็ว“อ้าว นี่ไม่ใช่คุณถังหว่านจากตระกูลถังหรอกเหรอ!”เด็กหนุ่มผิวปาก มองถังหว่านขึ้น ๆลง ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นผู้หญิงที่สวยและหุ่นเย้ายวนจริง ๆ ถ้าให้คุณมาเข้าร่วมกับบริษัทเรา...ช่างเถอะช่างเถอะ ผมไม่บาดหมางกับคุณชายหลง”หลังจากพูดจบ เด็กหนุ่มก็มองไปทางคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะแนะนำตัวเอง “สวัสดี นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ผมชื่อซือหม่าหาว มาจากเมืองจิง”“ซือหม่าหาว?!”เผิงหย่าฟางปิดปากตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “หรือว่าจะเป็นคุณชายสามจากตระกูลซือหม่า เมืองจิง.....”“หืม? คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรู้จักผมด้วย? ไม่เลว ไม่เลว”ซือหม่าหาวปรบมือก่อนจะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักผม งั้นผมก็จะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก หมิงอิ่งอิ่งเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงภายใต้ ซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของเรา ผมจะพาเธอไป พวกคุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”“แน่นอน ถ้าหากมีความคิดเห็นก็ต้องเก็บมันไว้”ซือหม่าหาวผิวปากราวกับเรียกสุนัข และทำเสียงเรียกสุนัขไปทางหมิงอิ่งอิ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไป ไป ถ้าคุณไม่ไป งั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ?”
“ถังหว่าน ทำไมคุณถึงชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากมายขนาดนั้นนะ?”เผิงหย่าฟางที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้ “คุณชายซือหม่าต้องการจะพาพนักงานของบริษัทบันเทิงของตัวเองไป เธอจะมาเข้าแทรกทำอะไร?”“หรือว่าเธอจะลากพวกเราไปลงน้ำด้วยกัน และผิดใจกับตระกูลซือหม่าในเมืองจิง?”“เอ่อ...”สีหน้าของชุยหยวนและคนอื่น ๆก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน ใช่แล้ว พวกเขาไม่กล้ายั่วยุตระกูลซือหม่าจริง ๆดังนั้นทั้งที่เพิ่งจะเริ่ม ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูด“ฮ่าฮ่า สาวงามคนนี้ยังรู้จักเอาตัวรอดนะ ขอถามสาวงามคนนี้หน่อย ว่าคุณชื่ออะไร?”ซือหม่าหาวมองไปทางเผิงหย่าฟาง แล้วเผิงหย่าฟางก็พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “คุณชายซือหม่า ฉันชื่อเผิงหย่าฟาง”“ฮ่าฮ่า โอเค เห็นว่าคุณมีออร่า ไม่สู้มาเข้าร่วมซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของพวกเราล่ะ วางใจเถอะ วีเจดังคนถัดไปต้องเป็นคุณ!”“ขอบคุณคุณชายซือหม่า!”เผิงหย่าฟางได้ยินก็ดีใจมาก“นี่คือนามบัตรของผม มาหาผมคืนนี้ที่ห้อง 1008 ที่โรงแรมจิ่วโจว ทำให้ผมดูว่าคุณมีคุณสมบัติหรือเปล่า”ซือหม่าหาวจับคางก่อนจะยิ้มออกมาเขาโยนนามบัตรให้เผิงหย่าฟาง ซึ่งเผิงหย่าฟางก็รับมันไว้ด้วยความตื
เขาเป็นคนเดียวในเหตุการณ์ที่ดูจะไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยในเวลานี้เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง ในที่สุดเว่ยเชินก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ“ฮึ่ม ถือว่ายังมีความกล้าอยู่บ้าง”หลิงเฟิงยิ้มอยู่ในใจดูเหมือนว่าเขากำลังกินข้าวอยู่ แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไม่ใช่ว่าไม่สนใจถังหว่านเขาได้ใช้หยวนชี่ทั้งห้าที่ออกมาจากชี่แท้ เพื่อสร้างตาข่ายป้องกันล้อมร่างกายของถังหว่านไว้ถ้าหากมือของบอดี้การ์ดแตะต้องถังหว่านในตอนนี้ จุดจบของบอดี้การ์ดคนนั้นก็คงจะน่าเศร้ามากแน่นอนสุดท้ายแล้วก็ถูกถังหว่านประกาศอย่างเอิกเกริกอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ถ้าหลินเฟิงไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นการสูญเสียตำแหน่งเกินไปแต่ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเว่ยเชินจะสามารถสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ เขายังคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้สนใจความเป็นความตายของถังหว่านอยู่“ฮึ่ม ดูแบบนี้แล้ว ไอ้หมอนี่คงจะถูกซือหม่าหาวทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อแล้ว ก็เลยกินอาหารเพื่อปกปิดความสับสนวุ่นวายของในใจของตัวเองสินะ”ถึงแม้ว่าเว่ยเชินจะเกรงกลัวเบื้องหลังของซือหม่าหาว แต่ในจุดนี้ เขาจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบออกมาให้มากกว่าหนุ่มน้อยที่หน้าตาดีคนนี
“เอ่อ…เอ่อ นี่ครับ”ตอนนี้บอดี้การ์ดกำลังอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงนำกล่องไม้จิ้มฟันยื่นไปให้หลินเฟิงด้วยความตกตะลึงเขามองไปทางหลินเฟิงที่หยิบไม้จิ้มฟันออกมาแคะฟันอย่างงงงวยหลินเฟิงก็ชะงักงัน จากนั้นหันมองไปทางบอดี้การณ์ดคนนี้ด้วยความแปลกประหลาดแล้วพูดขึ้น: “นายดูฉันทำไม? ตอนนี้นายควรจะลงมือแทนผู้ว่าจ้างของนายต่อไม่ใช่เหรอ?”เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินเฟิง บอดี้การ์ดคนนี้ถึงได้ตั้งตัวได้ และตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นก็โผเข้าไปหาเว่ยเชินที่ถูกล้อมรอบไว้อยู่ผลปรากฏว่าไม่มีเรื่องประหลาดใจอะไรบอดี้การ์ดหลายคนนี้ถึงแม้ต่อสู้เก่ง แต่อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือกำลังภายในก็ยังไม่เพียงพอเว่ยเชินคนนี้ก็มีความสามารถอยู่บ้าง ถึงแม้ผมจะยุ่งเหยิบ เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่เขาก็ถือว่าผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาได้ยกหนึ่ง และกระทืบลูกน้องที่ซือหม่าหาวพามาจนนอนหมอบ“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือกำลังภายใน? ไอ้หนุ่ม แกรอฉันได้เลย!”ซือหม่าหาวเห็นท่าทางไม่ดี ก็วิ่งออกไปจากห้องส่วนตัวทันที“ว้าว หล่อมาก ๆ เลยเว่ยเชิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถจัดการพวกเขาที่ล้อมรอบอยู่หลายคนขนาดนี้
ชุยหยวนส่งเสียงไม่พอใจออกมาด้วยความเหยียดหยาม “ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเธอกลายเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่น่าเรียกเธอมาด้วย”“เอาเถอะ”ถังหว่านยิ้มแล้วพูด: “พวกเราทานข้าวกันต่อเถอะ”ในตอนที่ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ตรงที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง จู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงกรีดร้องของเผิงหย่าฟางดังขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้น?!”ในใจของทุกคนสุขุมแล้วพากันมองไปทางประตูซือหม่าหาวจากไปและก็กลับมาอีกแล้วข้างกายเขาก็มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดจงซานสองคนติดตามมา ชายวัยกลางคนสองคนนี้ลมหายใจยาวเหยียด ท่าทางกระปรี้กระเปร่า แค่ดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือกำลังภายในอีกทั้งกำปั้นของชายวัยกลางคนสองคนนี้ยังมีหยดเลือดอยู่เล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เลือดของพวกเขา“คุณชายซือหม่า เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”“ยอมแพ้?”ซือหม่าหาวหัวเราะเสียงดัง และไม่ได้มีสีหน้าที่ดีเหมือนอย่างเมื่อครู่แล้ว เขามีสีหน้าดุดัน และหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา: “ไอ้หนุ่มแกอย่าคิดว่ามีความสามารถนิดหน่อยแล้วจะกล้าทำอวดเก่งต่อหน้าฉันนะ สองท่านนี้คือพ่อบ้านของตระกูลซือหม่าที่ประจำเมืองเจียงโจว”“วันนี้ฉันจะให้พวกเขากำจัดชีวิตน้อย ๆ ของแกซะ!”
ในตอนที่เว่ยเชินหลังตาลง เตรียมจะรับความตายของเขาจู่ ๆ เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น“วุ่นวายพอแล้วยัง? ถ้าวุ่นวายพอแล้วก็ไสหัวไปซะ”“เอ๊ะ?”เว่ยเชินคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างนี้ นี่มัน...นี่มันผู้ชายหน้าตัวเมียที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงกล้าพูดแบบนี้ในเวลานี้?หรือว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว?เว่ยเชินเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยความสงสัย และเห็นภาพที่ทำให้เขาตกตะลึง เห็นเพียงแค่พ่อบ้านจางคนนี้ยกหมัดขึ้นสูง เห็นได้ชัดว่าต้องการต่อศีรษะของเขาให้ระเบิดแต่แขนของพ่อบ้านจางกลับถูกวัยรุ่นที่หน้าตาเฉยเมยยื่นมือออกมาจับไว้ จึงทำให้พ่อบ้านจางคนนั้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หน้าผากเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ“ไอ้หนุ่ม...นายเป็นใคร?!”ซือหม่าหาวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นหลินเฟิงจับเขนของพ่อบ้านจางเอาไว้ได้ เขาคิดว่าพ่อบ้านจางก็แค่ไม่ทันได้ระวังถึงได้ถูกเขาจับเอาไว้ได้“พ่อบ้านจาง พ่อบ้านหลี่ ฆ่าทุกคนที่อยู่ภายในห้องนี้ให้หมด! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”“พ่อบ้านจาง คุณไม่ได้ยินคำพูดของผมเหรอ? ยังจะนิ่งเฉยอะไรอยู่อีก?!”เห็นพ่อบ้านจางยังคงแข็งทื่ออยู่กับที่ ซือหม่าหาวยังคิดว่าชายวัยกลางคนคนนี้ไม
“ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากแล้ว”"อะไรนะ?"คำพูดของผู้คุ้มกันตระกูลถัง ทำให้สมาชิกตระกูลถังทุกคนที่อยู่ที่นั่นขมวดคิ้วและเผยความไม่พอใจออกมาถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคนพวกนี้ควบคุมได้ยากไม่เรียกพวกเขามาก็คงจะดีกว่าในเมื่อตอนนี้คุณชายถังจื้อสิงก็อยู่ที่นี่แล้ว และเขากมีคนนับร้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งล้วนเป็นทหารติดอาวุธทั้งสิ้นอาศัยยอดฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนเหล่านี้ การฆ่าอีกาแห่งหนานไห่จะไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปากหรอกเหรอ?พวกที่เรียกตัวเองว่านักบู๊ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่อีกวันหนึ่ง ก็จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนภายในให้มากขึ้น เช่นตอนนี้ แม้แต่คนของพวกเขาเองก็เริ่มทะเลาะกันเองแล้วยังลำบากไปถึงคนรับใช้และแม่บ้านของตระกูลถังอีกหลายคนด้วยเสียอารมณ์เปล่าๆ“พ่อ ไอ้สารเลวพวกนี้ไม่สมควรอยู่ในสถานที่อันน่าเคารพเลย ไม่เพียงไร้ประโยชน์เท่านั้น ยังมาก่อกวนความสงบสุขของตระกูลถังของเราอีกด้วย”“ฉันจะไล่พวกเขาทั้งหมดออกไปซะ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ตระกูลถังของเราเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลังจากพูดจบ ถังจื้อสิงก็เรียกลูกน้องของเขาให้รี
เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินไปหาลูกน้องติดอาวุธของเขาอย่างมั่นใจ ถังจื้อสิงก็แสดงรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของเขาเขาอยู่ในกองทัพมาหลายปีแล้วแม้ว่าเขาจะเคยเห็นนักบู๊ของประเทศมังกรมาด้วยตนเองมาแล้วหลายคน พวกเขาทั้งหมดก็มีความสามารถที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้แต่จนถึงขณะนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นนักรบที่ไม่กลัวปืนและปืนใหญ่เลยแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขาในกองทัพอย่างแม่ทัพหลงอวี่ก็ไม่สามารถทำได้ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองว่านักบู๊ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาเลย พวกเขาเก่งการต่อสู้มากกว่าคนธรรมดา และรู้จักกลยุทธและท่าทางบางอย่างแต่เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำนักบู๊เริ่มจากแดนแปรภาพ ก็สามารถสร้างพลังชี่แท้ปกป้องร่างกาย เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้ส่วนกระสุนไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวงสำหรับนักบู๊ที่มีพลังชี่แท้ที่แข็งแกร่งเลยด้วยซ้ำหากเผชิญหน้ากับนักบู๊ขอบแขตเทพ เช่นนั้นอาวุธหนักเช่นปืนและปืนใหญ่ก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแม้ว่าหลินเฟิงจะยังไม่ถึงขอบเขตเทพ แต่ด้วยการพึ่งพาเกราะพลังชี่แท้ของหยวนชี่ทั้งห้าที่แข็งแกร่ง อย่าว่าแต่กระสุนทั่วไปเลย แม้แต่กระสุนปืนใหญ่ยากที่จะโจมตีทะลุเกราะพลังชี่แท้ของเขาได้"ขึ้นล
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:“หากหลงเซียวต้องตายโดยอ้อมเพราะตระกูลถังของฉันจริงๆ ตระกูลหลงก็ไม่มีทางจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ”“ความจริงก็คือว่าตระกูลหลงไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อตระกูลถังของเราเนื่องจากการตายของหลงเซียวเลย นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขากินปูนร้อนท้อง”“คุณพ่อ คุณช่างไร้เดียงสาเกินไป”ถังจื้อสิงโบกมือและพูดว่า:“ช่วงนี้ผมได้ยินจากแม่ทัพหลงอวี่ ว่าผู้นำตระกูลหลงได้บรรลุจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญแล้ว ตระกูลหลงจะต้องไม่ทำผิดพลาดอีก”“ดังนั้น ไม่เพียงแต่คุณชายหลงหยวนที่ทำผิดไม่ได้รับการลงโทษใดๆ แต่แม้แต่ตระกูลหลงก็ไม่ได้สืบสวนการเสียชีวิตของคุณหนูหลงเซียวที่ตายในมือของหลินเฟิงด้วยซ้ำ”“ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตรวจสอบ แต่ว่าเขาไม่มีเวลาสนใจ”ถังจื้อสิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย:“พ่อ เมื่อผู้นำตระกูลหลงบรรลุ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลถังของเราเป็นอันดับแรก”“ส่วนพวกเราด้วย”“ฉันคิดว่าการล่อลวงของคนร้ายบางคนทำให้เกิดความขัดแย้งทางภายใน แต่เพราะผู้หญิงคนหนึ่งจึงสูญเสียพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเพื่อนเก่าก็กลายเป็นศัตรูของเรา”คำพูดของถังจื้อสิงมุ่งเป้าไปที่หลิ
“เรื่องอีกาแห่งหนานไห่ก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบของต้นตระกูลถัง ความจริงก็ถูกเปิดเผยแล้ว!"“หลายปีแล้วที่อีกาแห่งหนานไห่คนนี้วางแผนร้ายต่อตระกูลถังของเรา เธอสมคบคิดกับตระกูลหลง ไม่ใช่หลินเฟิง!”“ฉันจำได้ว่าฉันแจ้งข่าวนี้ให้ทุกคนทราบไปแล้ว ทำไมพวกคุณยังมาคาดเดาไร้สาระอยู่อีก”จริงๆ แล้วถังหว่านเคยได้ยินข่าวลือนี้มาเป็นเวลานานแล้วคนเหล่านี้จากตระกูลย่อยแอบไม่ไว้ใจหลินเฟิงพวกเขาอิงจากคำพูดของถังจื้อสิง ตั้งคำถามของตนเองออกมาและถังหว่านก็กลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธจึงรีบนำหลักฐานที่ชัดเจนก่อนหน้านี้ออกมาเพื่อล้างความเชื่อมโยงใด ๆ ให้กับหลินเฟิง“พี่ ผมจำได้ เดิมทีคุณตั้งใจจะแต่งงานกับคุณชายหลงหยวนไม่ใช่เหรอ?”ในตอนที่ทุกคนเงียบไป ถังจื้อสิงก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมย“ถูกต้อง ทำไม?”ถังจื้อสิงอยู่ห่างจากบ้านมาหลายปีแล้ว ถังหว่านก็ไม่ได้คุ้นเคยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากนัก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกที่ชัดเจนของเธอในขณะนี้ ไอ้หมอนี่มีความคิดเห็นต่อเธอและหลินเฟิง“จะเป็นไปได้ไหม…”ถังจื้อสิงค่อยๆ นั่งพิงที่นั่งของเขา นิ้วมือเคาะโต๊ะ และพูดอย่างเย็นชา:“เป็นไปได้ไหมว่าพี่ไม่อยากจะแต่
สุดท้ายเธอก็อาละวาดเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหลินเฟิงกุมหน้าผากถังหว่านเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของหลี่ฮุ่ยหรานอย่างแท้จริงเป็นอย่างที่คิด เมื่อหลินเฟิงเล่าเรื่องนี้ให้ถังหว่านฟังในวันต่อมา ถังหว่านก็กุมท้องและหัวเราะอยู่เป็นนานถึงขั้นยังโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานและล้อเลียนเธอด้วยส่วนเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันในภายหลัง หลินเฟิงเลือกที่จะไม่ฟัง เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่เปิดเผยและเป็นความลับระหว่างสองสาวงามอีกต่อไปสองวันต่อมาในช่วงเย็นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของตระกูลถังไม่เพียงแต่ถังเจี้ยนหยวนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลถังที่นั่งในที่นั่งหลัก แต่แม้แต่นายท่านถังที่ไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานานก็ยังมาปรากฏตัวด้วยหลังจากการรักษาครั้งก่อนของหลินเฟิง ตอนนี้เขามีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีกำลังวังชา และยังดื่มเหล้าเป็นจำนวนมากอีกด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารของตระกูลถังเกือบทั้งหมด รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของตระกูลย่อยที่กลับมาสู่ต้นตระกูลถัง ต่างมารวมตัวกันที่ห้องจัดเลี้ยงนำโดยถังเจี้ยนหยวนผู้นำตระกูลถังถังหว่านและหลินเฟิงอยู่ทางซ้ายของเขา ทางด้านขวามีชายหนุ่มสวมเคร
ในอีกสองวันต่อมา หลินเฟิงได้พักอยู่อยู่ในตระกูลถังเมื่อเขามีเวลาว่าก็จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับอวี๋จื่อเสวียนและปฏิบัติต่ออวี๋จื่อเสวียนเหมือนเป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงของเขาหลินเฟิงยังได้สอนหยวนชี่ทั้งห้าฉบับสมบูรณ์ให้เธออีกด้วยมีเพียงแค่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถปกป้องตัวเอง และช่วยให้หลินเฟิงปกป้องผู้อื่นได้และอวี๋จื่อเสวียนก็ไม่ทำให้หลินเฟิงผิดหวังสามารถพูดได้ก็คือชีพจรมังกรในร่างของอวี๋จื่อเสวียนแข็งแกร่งอย่างมากในเวลาเพียงสองวัน อวี๋จื่อเสวียนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด จากระดับเริ่มต้นสู่เข้าสู่กำลังภายในจุดสูงสุดเธอในตอนนี้ รับมือกับพวกอันธพาล ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ที่หลินเฟิงสอนให้ รวมถึงหยวนชี่ทั้งห้าตอนนี้ความสามารถในการต่อสู้ของอวี๋จื่อเสวียนถือว่าพอใช้ได้เลยแน่นอนว่าในขณะที่สอนศิลปะการต่อสู้แก่อวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ไม่ลืมที่จะเดินเล่นและชื่นชมดอกไม้กับถังหว่านไปทั่วถังหว่านถึงขั้นโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อโอ้อวดเลยด้วยซ้ำถึงขั้นที่เพื่อจะแกล้งหลี่ฮุ่ยหราน ถังหว่านถึงกับเล่าถึงการต่อสู้ของเธอกับหลินเฟิงเม
ถังหว่านมองทะลุความประหม่าของหลินเฟิงได้ในทันทีหลินเฟิงไม่กล้าโต้กลับอีก แต่เพียงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆช่วงนี้บำเพ็ญตนจนถึงจุดสำคัญ หลินเฟิงก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของแก่นแท้ในร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆหากเขาสามารถรักษาพลังหยวนหยางของเขาไม่ให้รั่วไหลออกไปได้ ร่างกายบริสุทธิ์ ก็จะสามารถฝึกฝนหยวนชี่ทั้งห้าได้เร็วยิ่งขึ้นเขายังไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นแต่ในความเป็นจริง หลินเฟิงทำมันเพื่อการบำเพ็ญตนของเขาเองเมื่อเขาเข้าสู่ขอบเขตเทพอย่างแท้จริง เขาก็กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดบนพีระมิดแห่งประเทศมังกรถึงขั้นที่แม้แต่ผู้นำตระกูลหลงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาถึงจะวางใจได้อย่างแท้จริงเมื่อถึงเวลานั้น ความมีหยวนชี่ทั้งห้าจะไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอกอีกต่อไปไม่จำเป็นต้องรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองแล้วในระยะนี้ เขาแอบสัมผัสได้ถึงพายุที่ใกล้เข้ามาในประเทศมังกรอย่างเลือนลาง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่จดจ่อกับการบำเพ็ญตนเท่านั้น จะถูกรบกวนจากพลังภายนอกไม่ได้เด็ดขาดและนี่เป็นการปกป้องถังหว่าน หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่นๆ ด้วยแต่เรื่องนี้ หลินเฟิงพูดออกมาไม่มีประโยชน์ เขาจึงอ้างเพียงว่าสองสาวปฏิบัต
“สำนักจิ่วเซียว?”หลินเฟิงจ้องมองหลูข่ายหยวนด้วยความสนใจและหัวเราะเยาะพูดว่า:“นายคิดว่าฉันจะกลัวสำนักจิ่วเซียวเหรอ? ฮ่าๆ งั้นนายก็ดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว”“ไม่กล้าไม่กล้า”หลูข่ายหยวนไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้มีดกำลังจ่ออยู่ที่คอของเขา เขาไม่กล้าที่จะทำให้หลินเฟิงไม่พอใจอย่างแน่นอนไม่อย่างนั้นหากหลินเฟิงฆ่าเขาจริงๆ เขาจะไปเรียกร้องความยุติธรรมกับใคร?ถึงแม้ว่าสำนักจิ่วเซียวจะออกหน้าเพื่อเขา แต่เขาก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไร?เมื่อเห็นหลูข่ายหยวนร้องขอความเมตตาอย่างถ่อมตัว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงไท่สื่อทง และเชียนเชียน ศิษย์น้องหญิงของไท่สื่อทง ต่างก็อ้าปากกว้างพวกเขาคิดว่าพวกเขาเห็นมองผิดไปหลูข่ายหยวนผู้มีชื่อเสียงชั่วร้ายในโลกภายนอก แท้จริงแล้วกลับเป็นเหมือนปั๊กตัวหนึ่งที่คอยก้มหัวและร้องขอความเมตตาจากหลินเฟิงถึงขั้นที่น้องชายของเขาถูกคนฆ่า เขาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรสักคำเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงทำให้เขาตกตะลึงมากแค่ไหนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของไท่สื่อทงดูไม่ค่อยมีดีสักเท่าไรในเมื่อเขาเพิ่งแนะนำหลินเฟิงให้ปล่อยมือจากถังหว่าน เพื่อเอาใจหลูข่ายหยวน เมื่อมองย้
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาจากตัวหลินเฟิง รู้สึกแค่ว่าหลินเฟิงกำลังถามคำถามที่เย็นชากับเขาและในสายตาของหลูข่ายหยวนกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งปกคลุมไปด้วยเลือดและมีความสูงหลายร้อยฟุต กำลังคำรามใส่เขาด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะนี้หลูข่ายหยวนหน้าซีดด้วยความตกใจ"เชี่ย นี่...ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่?!"“ทำไมบนตัวเขา...ทำไมมีความกดดันเหมือนกับเจ้าสำนักจิ่วเซียวของเรา!”“ยอดฝีมือขอบเขตเทพ? หรือจะเป็นปีศาจที่ชุบชีวิตให้เป็นหนุ่ม?”หลูข่ายหยวนในตอนนี้รู้สึกกลัวมากจนมึนงงเล็กน้อยในขณะเดียวกันหลูอวี่ต๋าน้องชายของหลูข่ายหยวน ยังไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของพี่ชายตัวเอง ตะโกนด้วยความตื่นเต้น:“พี่ลุยสิ สับมันให้เลยไปเลย!”“ไอ้หมอนี่รนหาที่ตาย รอให้พี่เล่นผู้หญิงของเขาเสร็จแล้ว อย่าลืมให้ฉันเล่นด้วย ฉัน...”"ปัง!"ไม่รอให้น้องชายของหลูข่ายหยวนจะพูดจบ ศีรษะของเขาก็ระเบิดเละเหมือนกับแตงโมเมื่อเห็นสีแดงและสีขาวกระจายไปทั่ว หลูข่ายหยวนก็จ้องมองหลินเฟิงด้วยความเหม่อลอย เขาไม่รู้เลยว่าหลินเฟิงลงมือตอนไหนน้องชายของเขาเหมือนต