ถังหว่านยังไม่ทันได้ตอบกลับหมิงอิ่งอิ่งเว่ยเฉินลุกขึ้นยืนในทันทีสายตาของเขามองไปทางหลินเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “อิ่งอิ่ง ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ก็ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก”“ยิ่งไปกว่านั้น คนบางคนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เป็นไปได้อาจจะเป็นเพียงพวกขี้เมาที่รู้แค่ท่ามวยฉาบฉวยก็ได้”“คนพวกนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้พุ่งตรงไปที่หลินเฟิงโดยเฉพาะหลินเฟิงหัวเราะเยาะ แล้วกินอาหารของตัวเองต่อไป โดยที่ไม่ได้สนใจเว่ยเฉินอีกถังหว่านกลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธ จึงเข้าไปขวางกั้นการจ้องมองหลินเฟิงอย่างเหยียดหยามของเว่ยเฉิน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “คนที่ฉันเลือกด้วยตัวเอง ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว คนอื่นไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม”“เอาล่ะ เอาล่ะ ทำไมบรรยากาศมันเริ่มรุนแรงขึ้นอีกแล้วล่ะ?” ชุยหยวนรีบไกล่เกลี่ย“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่บางคนพาคนแปลกหน้าเข้ามา เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ?”เผิงหย่าฟางที่สวมชุดสีแดงกอดอกด้วยสีหน้าที่ประชดประชัน“เผิงหย่าฟาง คุณพูดให้น้อยลงหน่อย มันจะตายไหม?”ชุยหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องรู้ไว้ว่า โดยพื้นฐานแล้วเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ต่า
แต่ทั้งสองก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะมาหากันถึงที่ได้รวดเร็ว“อ้าว นี่ไม่ใช่คุณถังหว่านจากตระกูลถังหรอกเหรอ!”เด็กหนุ่มผิวปาก มองถังหว่านขึ้น ๆลง ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นผู้หญิงที่สวยและหุ่นเย้ายวนจริง ๆ ถ้าให้คุณมาเข้าร่วมกับบริษัทเรา...ช่างเถอะช่างเถอะ ผมไม่บาดหมางกับคุณชายหลง”หลังจากพูดจบ เด็กหนุ่มก็มองไปทางคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะแนะนำตัวเอง “สวัสดี นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ผมชื่อซือหม่าหาว มาจากเมืองจิง”“ซือหม่าหาว?!”เผิงหย่าฟางปิดปากตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “หรือว่าจะเป็นคุณชายสามจากตระกูลซือหม่า เมืองจิง.....”“หืม? คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรู้จักผมด้วย? ไม่เลว ไม่เลว”ซือหม่าหาวปรบมือก่อนจะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักผม งั้นผมก็จะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก หมิงอิ่งอิ่งเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงภายใต้ ซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของเรา ผมจะพาเธอไป พวกคุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”“แน่นอน ถ้าหากมีความคิดเห็นก็ต้องเก็บมันไว้”ซือหม่าหาวผิวปากราวกับเรียกสุนัข และทำเสียงเรียกสุนัขไปทางหมิงอิ่งอิ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไป ไป ถ้าคุณไม่ไป งั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ?”
“ถังหว่าน ทำไมคุณถึงชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากมายขนาดนั้นนะ?”เผิงหย่าฟางที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้ “คุณชายซือหม่าต้องการจะพาพนักงานของบริษัทบันเทิงของตัวเองไป เธอจะมาเข้าแทรกทำอะไร?”“หรือว่าเธอจะลากพวกเราไปลงน้ำด้วยกัน และผิดใจกับตระกูลซือหม่าในเมืองจิง?”“เอ่อ...”สีหน้าของชุยหยวนและคนอื่น ๆก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน ใช่แล้ว พวกเขาไม่กล้ายั่วยุตระกูลซือหม่าจริง ๆดังนั้นทั้งที่เพิ่งจะเริ่ม ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูด“ฮ่าฮ่า สาวงามคนนี้ยังรู้จักเอาตัวรอดนะ ขอถามสาวงามคนนี้หน่อย ว่าคุณชื่ออะไร?”ซือหม่าหาวมองไปทางเผิงหย่าฟาง แล้วเผิงหย่าฟางก็พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “คุณชายซือหม่า ฉันชื่อเผิงหย่าฟาง”“ฮ่าฮ่า โอเค เห็นว่าคุณมีออร่า ไม่สู้มาเข้าร่วมซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของพวกเราล่ะ วางใจเถอะ วีเจดังคนถัดไปต้องเป็นคุณ!”“ขอบคุณคุณชายซือหม่า!”เผิงหย่าฟางได้ยินก็ดีใจมาก“นี่คือนามบัตรของผม มาหาผมคืนนี้ที่ห้อง 1008 ที่โรงแรมจิ่วโจว ทำให้ผมดูว่าคุณมีคุณสมบัติหรือเปล่า”ซือหม่าหาวจับคางก่อนจะยิ้มออกมาเขาโยนนามบัตรให้เผิงหย่าฟาง ซึ่งเผิงหย่าฟางก็รับมันไว้ด้วยความตื
เขาเป็นคนเดียวในเหตุการณ์ที่ดูจะไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยในเวลานี้เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง ในที่สุดเว่ยเชินก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ“ฮึ่ม ถือว่ายังมีความกล้าอยู่บ้าง”หลิงเฟิงยิ้มอยู่ในใจดูเหมือนว่าเขากำลังกินข้าวอยู่ แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไม่ใช่ว่าไม่สนใจถังหว่านเขาได้ใช้หยวนชี่ทั้งห้าที่ออกมาจากชี่แท้ เพื่อสร้างตาข่ายป้องกันล้อมร่างกายของถังหว่านไว้ถ้าหากมือของบอดี้การ์ดแตะต้องถังหว่านในตอนนี้ จุดจบของบอดี้การ์ดคนนั้นก็คงจะน่าเศร้ามากแน่นอนสุดท้ายแล้วก็ถูกถังหว่านประกาศอย่างเอิกเกริกอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ถ้าหลินเฟิงไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นการสูญเสียตำแหน่งเกินไปแต่ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเว่ยเชินจะสามารถสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ เขายังคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้สนใจความเป็นความตายของถังหว่านอยู่“ฮึ่ม ดูแบบนี้แล้ว ไอ้หมอนี่คงจะถูกซือหม่าหาวทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อแล้ว ก็เลยกินอาหารเพื่อปกปิดความสับสนวุ่นวายของในใจของตัวเองสินะ”ถึงแม้ว่าเว่ยเชินจะเกรงกลัวเบื้องหลังของซือหม่าหาว แต่ในจุดนี้ เขาจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบออกมาให้มากกว่าหนุ่มน้อยที่หน้าตาดีคนนี
“เอ่อ…เอ่อ นี่ครับ”ตอนนี้บอดี้การ์ดกำลังอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงนำกล่องไม้จิ้มฟันยื่นไปให้หลินเฟิงด้วยความตกตะลึงเขามองไปทางหลินเฟิงที่หยิบไม้จิ้มฟันออกมาแคะฟันอย่างงงงวยหลินเฟิงก็ชะงักงัน จากนั้นหันมองไปทางบอดี้การณ์ดคนนี้ด้วยความแปลกประหลาดแล้วพูดขึ้น: “นายดูฉันทำไม? ตอนนี้นายควรจะลงมือแทนผู้ว่าจ้างของนายต่อไม่ใช่เหรอ?”เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินเฟิง บอดี้การ์ดคนนี้ถึงได้ตั้งตัวได้ และตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นก็โผเข้าไปหาเว่ยเชินที่ถูกล้อมรอบไว้อยู่ผลปรากฏว่าไม่มีเรื่องประหลาดใจอะไรบอดี้การ์ดหลายคนนี้ถึงแม้ต่อสู้เก่ง แต่อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือกำลังภายในก็ยังไม่เพียงพอเว่ยเชินคนนี้ก็มีความสามารถอยู่บ้าง ถึงแม้ผมจะยุ่งเหยิบ เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่เขาก็ถือว่าผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาได้ยกหนึ่ง และกระทืบลูกน้องที่ซือหม่าหาวพามาจนนอนหมอบ“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือกำลังภายใน? ไอ้หนุ่ม แกรอฉันได้เลย!”ซือหม่าหาวเห็นท่าทางไม่ดี ก็วิ่งออกไปจากห้องส่วนตัวทันที“ว้าว หล่อมาก ๆ เลยเว่ยเชิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถจัดการพวกเขาที่ล้อมรอบอยู่หลายคนขนาดนี้
ชุยหยวนส่งเสียงไม่พอใจออกมาด้วยความเหยียดหยาม “ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเธอกลายเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่น่าเรียกเธอมาด้วย”“เอาเถอะ”ถังหว่านยิ้มแล้วพูด: “พวกเราทานข้าวกันต่อเถอะ”ในตอนที่ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ตรงที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง จู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงกรีดร้องของเผิงหย่าฟางดังขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้น?!”ในใจของทุกคนสุขุมแล้วพากันมองไปทางประตูซือหม่าหาวจากไปและก็กลับมาอีกแล้วข้างกายเขาก็มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดจงซานสองคนติดตามมา ชายวัยกลางคนสองคนนี้ลมหายใจยาวเหยียด ท่าทางกระปรี้กระเปร่า แค่ดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือกำลังภายในอีกทั้งกำปั้นของชายวัยกลางคนสองคนนี้ยังมีหยดเลือดอยู่เล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เลือดของพวกเขา“คุณชายซือหม่า เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”“ยอมแพ้?”ซือหม่าหาวหัวเราะเสียงดัง และไม่ได้มีสีหน้าที่ดีเหมือนอย่างเมื่อครู่แล้ว เขามีสีหน้าดุดัน และหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา: “ไอ้หนุ่มแกอย่าคิดว่ามีความสามารถนิดหน่อยแล้วจะกล้าทำอวดเก่งต่อหน้าฉันนะ สองท่านนี้คือพ่อบ้านของตระกูลซือหม่าที่ประจำเมืองเจียงโจว”“วันนี้ฉันจะให้พวกเขากำจัดชีวิตน้อย ๆ ของแกซะ!”
ในตอนที่เว่ยเชินหลังตาลง เตรียมจะรับความตายของเขาจู่ ๆ เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น“วุ่นวายพอแล้วยัง? ถ้าวุ่นวายพอแล้วก็ไสหัวไปซะ”“เอ๊ะ?”เว่ยเชินคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างนี้ นี่มัน...นี่มันผู้ชายหน้าตัวเมียที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงกล้าพูดแบบนี้ในเวลานี้?หรือว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว?เว่ยเชินเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยความสงสัย และเห็นภาพที่ทำให้เขาตกตะลึง เห็นเพียงแค่พ่อบ้านจางคนนี้ยกหมัดขึ้นสูง เห็นได้ชัดว่าต้องการต่อศีรษะของเขาให้ระเบิดแต่แขนของพ่อบ้านจางกลับถูกวัยรุ่นที่หน้าตาเฉยเมยยื่นมือออกมาจับไว้ จึงทำให้พ่อบ้านจางคนนั้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หน้าผากเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ“ไอ้หนุ่ม...นายเป็นใคร?!”ซือหม่าหาวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นหลินเฟิงจับเขนของพ่อบ้านจางเอาไว้ได้ เขาคิดว่าพ่อบ้านจางก็แค่ไม่ทันได้ระวังถึงได้ถูกเขาจับเอาไว้ได้“พ่อบ้านจาง พ่อบ้านหลี่ ฆ่าทุกคนที่อยู่ภายในห้องนี้ให้หมด! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”“พ่อบ้านจาง คุณไม่ได้ยินคำพูดของผมเหรอ? ยังจะนิ่งเฉยอะไรอยู่อีก?!”เห็นพ่อบ้านจางยังคงแข็งทื่ออยู่กับที่ ซือหม่าหาวยังคิดว่าชายวัยกลางคนคนนี้ไม
ชายวัยกลางคนสองคนนั้นที่ซือหม่าหาวพามาเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนทั่วไป แค่ลงมือก็บดขยี้เว่ยเชินได้แต่อยู่ที่หลินเฟิงหลินเฟิงยังไม่ได้ลงมือ ก็ทำให้สองคนนี้ตกตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากแค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้ทั้งสองคนพาซือหม่าหาวหนีไปอย่างตื่นตระหนก กลัวว่าถ้าหนีไปช้าก็จะถูกฆ่าตายได้ความแข็งแกร่งในความสามารถของหลินเฟิง ไม่จำเป็นต้องยืนยันเพิ่มเติมอีกแล้ว“ขอบคุณคุณหลินที่ช่วยชีวิตผม บุญคุณในวันนี้ เว่ยเชินจดจำเอาไว้ในใจแล้ว”คนที่ทำลายความเงียบงันก่อนก็คือเว่ยเชินที่ฝืนลุกขึ้นมาจากพื้นตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ขาข้างหนึ่งของตัวเองถูกทำให้พิการไปโดยสิ้นเชิงแล้ว แต่อย่างน้อยเป็นเพราะหลินเฟิงลงมือถึงได้มีชีวิตรอดกลับมาได้หลังจากที่ได้รับรู้ว่าหลินเฟิงอยู่ระดับเซียนเทียน เขาก็หมดความคิดที่จะหาเรื่องกับหลินเฟิงในทันทีเมืองเจียงโจวที่ใหญ่โต มียอดฝีมือระดับเซียนเทียนสักกี่คน?อีกทั้งยังอายุน้อยอย่างเช่นหลินเฟิงแบบนี้ บอกว่าหลินเฟิงไม่มีคนหนุนหลัง ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ“ผมฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ยังจะไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ไม่มีหน้าจะเผชิญหน้ากับคุณหลินอีกแล้วจริง ๆ ต่อไปคุณหนูทั